กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 18-09-2014, 15:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงการพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคมว่า "การพุทธาภิเษกวัตถุมงคลครั้งนี้ ปรากฏว่าวัตถุมงคลหลัก ๆ เป็นวัตถุมงคลหลวงปู่สายวัดท่าขนุน หลวงปู่สายท่านมรณภาพปีเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุง ระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ช่วงทำบุญ ๑๐๐ วัน อาตมาก็วิ่งอยู่ ๒ วัดคือวัดท่าซุงกับวัดท่าขนุน สวดพระอภิธรรมที่วัดท่าซุงเสร็จประมาณ ๒ ทุ่มครึ่ง วิ่งมางานทำบุญเช้าที่วัดท่าขนุน เสร็จแล้ววิ่งกลับมาทำงานต่อที่วัดท่าซุง ถามว่าไกลมากไหม ? ไปกลับก็ราว ๆ ๗๐๐ กิโลเมตรต่อวัน แต่โยมจะเห็นหน้าอยู่วัดท่าซุงทุกวัน ก็ไม่คิดว่าออกจากวัดไป เพราะออกไปตอนกลางคืน

เนื่องจากว่าวัตถุมงคลหลัก คือ รูปหล่อและเหรียญรุ่น ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ตอนพุทธาภิเษกกราบขอบารมีพระ พรหม เทวดาและครูบาอาจารย์ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "ในเมื่อเป็นรูปหลวงพ่อสาย แกก็ไปขอหลวงพ่อสายสิ" เลยต้องกราบขออนุญาตหลวงปู่สายให้ช่วยพุทธาภิเษกรูปหล่อของท่านเอง

ไม่ทราบว่าหลวงปู่สายท่านดำดินมาท่าไหน โผล่ขึ้นมากลางกองวัตถุมงคลจนเต็มองค์ แล้วสมเด็จองค์ปฐมก็สวมลงไปทับลงไปอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นองค์ของสมเด็จองค์ปฐมก็ขยายจนเต็มโบสถ์ แล้วขยายออกไปด้านนอกโบสถ์ เพราะว่ามีญาติโยมรออยู่นอกโบสถ์เยอะมาก ขยายออกไปยังวัตถุมงคลที่ญาติโยมนำมาเข้าพิธี โดยเฉพาะวัตถุมงคลของอาจารย์โต หรือคุณนวศรี ที่ขนไปถึงก่อน ๑ วัน จอดรถรออยู่หน้าโบสถ์

ปรากฏว่าพอเต็มที่แล้ว อาตมามองที่กองวัตถุมงคล เห็นมีอยู่หน่อยหนึ่งไม่มีรัศมีในลักษณะของวัตถุมงคลที่ปลุกเสกแล้ว จึงกราบเรียนถามพระว่าเป็นเพราะอะไร หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านตอบแทนพระว่า "พวกนอกคอกครูบาอาจารย์ ไม่รู้จะไปสงเคราะห์มันทำไม" อาตมาเองก็ไม่รู้ เพียงแต่สงสัยว่านอกคอกแบบไหน

มารู้ภายหลังว่ามีคนแอบเอาวัตถุมงคลยัดเข้าไปในโบสถ์ ทั้ง ๆ ที่ได้สั่งห้ามแล้ว บอกแล้วว่าถ้าเป็นวัตถุมงคลส่วนตัวให้เอาไว้ด้านนอก เพราะข้างในไม่มีที่ให้วางแล้ว เขาก็พยายามที่จะยัดเข้าไป เอาไปซ้อนไว้ด้านบน กลายเป็นว่าเข้าไปแล้วไม่ได้ดี ขณะที่คนอยู่ข้างนอกได้หมด

ถือว่าเป็นบทเรียนสำหรับบุคคลที่ทำอย่างนั้นว่า ต่อถ้าไปสั่งอะไรให้ทำเช่นนั้น เรื่องของพระ เรื่องของเทวดา ท่านพูดอะไรครั้งเดียว ถ้าหากเราไปฝืน ท่านก็จะไม่สงเคราะห์ให้ อาตมาเจอมาเองหลายครั้งแล้ว เรื่องของการฝืนไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่ใช่เรื่องโก้เก๋เท่ระเบิด เราอาจจะคิดว่าเรารั้นแล้วเราจะได้ดีกว่าคนอื่นเขา..ไม่ใช่ ถ้าหากรั้นในการปฏิบัติธรรม อย่างเช่นว่าทำไม่ได้ กูจะเอาให้ได้ อย่างนี้โอกาสเจริญมีมาก แต่ถ้าคำสั่งครูบาอาจารย์แล้วไปรั้น โอกาสที่จะเจริญมีน้อยมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 02:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 19-09-2014, 05:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "จะบอกให้ญาติโยมฟุ้งซ่านล่วงหน้า...ในอีกระยะหนึ่งข้างหน้า พอถึงเวลาที่สภาพจิตละเอียดมากกว่านี้ สามารถที่จะจับได้ถึงอนุภาคของพลังงานต่าง ๆ ที่ไหลเวียนอยู่ทั่วจักรวาลอนันตจักรวาล การพุทธาภิเษกของพระ จะใช้อำนาจจิตของตัวเองดึงเอาธาตุพลังทั้งหลายเหล่านี้บรรจุอยู่ในวัตถุ ก่อให้เกิดพลังงานในการป้องกัน ในการรักษาต่าง ๆ ฉะนั้น..ยังมีสิ่งให้พวกเรายึดติดอีกหลายระดับเลย ค่อย ๆ ทำไป ยังมีอะไรให้สนุกอีกเยอะ ค่อย ๆ ทำไป รู้ตัวเร็วก็หลุดเร็วหน่อย รู้ตัวช้าก็ติดกันนานหน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 19-09-2014, 05:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อะไรที่มันงอก ๆ กินแล้วระวังโรคเก๊าท์ไว้ด้วย สารอาหารต้องเต็มที่เขาถึงงอกได้ ก็พอ ๆ กับการกินอาหารทะเล หรือกินไก่ อาตมาไม่ได้ตำหนิวิทยาศาสตร์ แต่ตำหนิคนที่เอาวิทยาศาสตร์ไปใช้ อย่าง...(น้ำผลไม้สกัดเข้มข้น)...ใช่ไหม ? ที่เอาน้ำผลไม้หลายอย่าง แต่ละอย่างล้วนแล้วแต่ดี ๆ ผสมกัน ระวังไว้ด้วย..ถ้าใครแพ้ กินเข้าไป จะคันคะเยอไปทั้งคืน

เขาทำในห้องวิจัยว่า น้ำผลไม้อย่างนี้ดีอย่างนี้ ๆ เขาก็เอาหลาย ๆ อย่างที่ดี ๆ มารวม ๆ กัน แต่เขาไม่เข้าถึงเรื่องของธาตุต่าง ๆ สารต่าง ๆ ที่มีการหักล้างกัน มีการหนุนเสริมกัน ถ้าหักล้างกันก็จะเป็นพิษ ถ้าหนุนเสริมคุณภาพจะรุนแรงมากกว่าปกติ แล้วเรากินเข้าไปโดยไม่รู้ เพราะวิทยาศาสตร์เขาว่าดี แต่ดีแค่ไม่กี่คน คนที่ร่างกายไม่ดีนี่จะแย่ไปเลย

ฉะนั้น..เราต้องเชื่อพระพุทธเจ้าว่ามัชฌิมาปฏิปทา ทุกอย่างต้องพอเหมาะพอดี มากเกินไปก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดี เรื่องของวิทยาศาสตร์บางทีเขาคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า ค้นพบอย่างนั้น ค้นพบอย่างนี้ ท้ายที่สุดสิ่งที่ค้นพบมา เอามาใส่รวมกันเมื่อไรก็บรรลัยหมด โบราณเขายังใช้คำว่า "ลางเนื้อชอบลางยา" คนบางคนเหมาะกับยาบางอย่าง ป่วยด้วยโรคเดียวกัน คนนี้กินยาตัวนี้หาย แต่ทำไมอีกคนกินไม่หาย ?

คนป่วยด้วยโรคเดียวกัน คนละเพศก็มีความต่างแล้วในการให้ผลของยา คนละขนาดน้ำหนักตัว คนละอายุ ก็มีความต่างกัน หมอโบราณจึงจัดยาตามธาตุ ตามลักษณะ ตามอายุ แต่ว่าปัจจุบันหมอฝรั่งมาถึง อย่างนี้กินหาย ก็ใส่เข้าไปอย่างเดียว แล้วเขาไม่สงสัยหรือว่าโรคอีโบล่า ทำไมบางคนเป็นแล้วหาย บางคนเป็นแล้วตาย ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 19-09-2014, 05:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วิธีการทอดกฐินกับวิธีการทอดผ้าป่า ?
ตอบ : กฐินสำหรับพระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้ว่า ในแต่ละปีพระรูปไหนมีผ้าเก่าจะได้มีผ้าไว้เปลี่ยน ส่วนผ้าป่านั้น ท่านเอาไว้เพื่อให้พระที่แสวงหาผ้าอยู่ จะได้นำไปเย็บเป็นจีวรใหม่ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำแบบไหน ผ้าป่าสามารถทอดได้ตลอดเวลา แต่กฐินจำกัดเวลา ทอดได้ปีละแค่ครั้งเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 19-09-2014, 05:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่นั่งรอทำบุญถวายสังฆทานว่า "นึกถึงผู้ตายให้เขามาโมทนานะจ๊ะ ทำบุญให้คนตายต้องรีบทำให้เร็วที่สุด ไม่ใช่นั่งรอใจเย็น ๆ เขายิ่งลำบาก เขายิ่งต้องการไว ๆ "
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 19-09-2014, 05:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มัชฌิมาปฏิปทา ?
ตอบ : มัชฌิมาปฏิปทาไม่มีมาตรฐาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ของแต่ละคนไม่เท่ากัน เป็นไปตามปัญญา ตามกำลังบารมีของแต่ละคนที่สั่งสมมา ในเมื่อมัชฌิมาปฏิปทาไม่มีมาตรฐาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ เราจึงต้องพยายามปรับให้เหมาะสมกับเรามากที่สุด

ถาม : มัชฌิมาปฏิปทาของแต่ละคนจะรู้ได้อย่างไร ?
ตอบ : ต้องหามุมของตัวเอง ไม่มีใครสามารถบอกได้ เพราะแต่ละคนไม่เท่ากัน แรก ๆ ทำให้เข้มข้นไว้ก่อน พอถึงเวลาเคยชินแล้วเราผ่อนจะพอดี ไม่ใช่ว่าแรก ๆ ทำตามสบาย แล้วพอผ่อนเมื่อไรก็ยาน ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว

ถ้าเราเข้มแข็งกว่า ก็จะสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วกว่า เหมือนคนที่แข็งแรงเดินทาง ย่อมได้ระยะทางที่มากกว่าและไปถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-09-2014 เมื่อ 12:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 19-09-2014, 05:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำบุญไปแล้วสามีจะได้รับไหม ?
ตอบ : ต้องถามสามี อย่าไปถามคนอื่น ถ้าไปถามคนอื่นเดี๋ยวจะเดือดร้อน อาตมาเจอมาหลายคนแล้ว ไปถามหมอดูว่าทำบุญไปแล้วสามีจะได้รับไหม ? หมอดูก็บอกไม่ได้รับ ต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ เสียเงินอีกเยอะแยะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 19-09-2014, 05:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แฟนนั่งกรรมฐานแล้วมีเรื่องเข้ามาเยอะขึ้นครับ ?
ตอบ : ถ้าเขาไม่นั่งกรรมฐาน อุปสรรคจะหนักกว่านั้นอีก เรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเรื่องของบุญใหญ่ ถ้าบุญใหญ่มาถึง กรรมก็จะตามได้น้อย ถ้ารู้จักทำให้สม่ำเสมอกรรมก็จะตามไม่ทัน ยังโชคดีที่รู้จักทำสมาธิ ไม่อย่างนั้นถ้ามามากกว่านั้นก็จะรับไม่ไหว

ฉะนั้น..กลับไปทำให้เยอะกว่าเดิม ถ้าไม่ทำจะจุกกว่านี้อีก หลายคนมักจะเข้าใจผิด คิดว่าพอเข้าวัดปฏิบัติธรรมแล้วเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นมาก โปรดทราบว่าถ้าไม่เข้าวัดปฏิบัติธรรม จะเจอหนักกว่านั้นอีก

ภาษิตจีนเขาบอกว่า "ขี้แตกแล้วค่อยขุดส้วม" ถึงจะไม่ทันกาลก็ขุดไปเถอะ งวดหน้าอย่างไรก็มีส้วมไว้ใช้แล้ว ถึงวันนี้ไม่ทันก็ขุดไปก่อน ตั้งหน้าตั้งตาขุดเอาไว้ การเข้าวัดปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน เรามาในจังหวะที่โชคดีมาก ๆ แล้ว เข้าวัดแล้วค่อยเดือดร้อน ถ้าเดือดร้อนตั้งแต่ก่อนเข้าวัด เราจะไม่มีบุญกุศลอะไรไว้ผ่อนกำลังของกรรมที่เข้ามาเลย

ฉะนั้น..ถึงเวลาให้ตั้งหน้าตั้งตาทำความดีไประยะหนึ่ง พอกำลังความดีเพียงพอ สามารถที่จะหนีห่างได้ กรรมก็ตามไม่ทัน ถ้ารู้จักทำให้สม่ำเสมอ ก็จะสามารถหนีต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง เรื่องของความดีความชั่วไม่สามารถหักล้างกันได้ แต่ถ้าทำความดีมาก ๆ ท่านเปรียบว่ามีน้ำทะเลอยู่แก้วหนึ่ง ถ้าเราเทน้ำจืดลงไปมากเข้า น้ำทะเลก็หายเค็มไปเอง ฉะนั้น..ต้องเร่งทำความดีให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเราก็จะต้องมาบ่นว่าน้ำทะเลเค็มปี๋ เป็นเพราะเข้าวัดแน่ ๆ เลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 19-09-2014, 05:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระพุทธเจ้าท่านบิณฑบาตทุกเช้าไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าดูในพระไตรปิฎก ต่อให้รับนิมนต์ไปฉันในบ้านหรือในวัง พระองค์ท่านก็เอาบาตรไป ก็แปลว่าพระองค์ท่านรับบาตรทุกวัน

ถาม : แล้วเวลามีนิมนต์ใหญ่ ๆ อย่างเศรษฐีนิมนต์ทุกวัน ท่านจะเดินบิณฑบาตไหมครับ ?
ตอบ : ปกติพระองค์ท่านก็ไม่ได้เดินบิณฑบาตทั่วไป แต่ไปโปรดเฉพาะคน เพียงแต่ว่าถ้าเขานิมนต์ไป พระองค์ท่านก็จะส่งบาตรไปให้คนนั้น ให้เขาจัดอาหารใส่บาตรให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 19-09-2014, 05:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราต้องภาวนาคาถาเม สักมุกขาฯ ให้เรามีอำนาจมหาสะท้อนอยู่ในตัวตลอดเวลา ต้องภาวนาวันละกี่จบ ?
ตอบ : จนกำลังใจทรงตัวก็ใช้ได้แล้ว สมาธิสูงด้วยยิ่งดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 19-09-2014, 05:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเราถวายบังคมพระพุทธเจ้า เรานั่ง แต่ทำไมเทวดา พรหม ถึงยืน ?
ตอบ : ปกติแล้วเทวดาเขาแสดงความเคารพด้วยการยืน แม้แต่คนในสมัยนั้นก็แสดงความเคารพด้วยการยืน ดังนั้น..ถ้าใครไม่กลัวเมื่อยก็ยืนไปเถอะ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 19-09-2014, 09:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พรุ่งนี้ (๘ กันยายน ๒๕๕๗) เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ พวกคนไทยในพม่าเขาทำบุญวันสารทกันพรุ่งนี้ คราวนี้คนไทยในพม่าเขาพูดภาษาเหมือนกับภาษาลาว เพราะเป็นภาษาไทยโบราณ พวกอยู่ตามตะเข็บชายแดนเขาเลยเรียกกันง่าย ๆ ว่าสารทลาว แต่สารทไทยนิยมทำสิ้นเดือนสิบ ช้ากว่าเขาไปครึ่งเดือน ถ้าพรุ่งนี้อาตมาอยู่วัด ก็รับกระยาสารทเป็นโอ่งเลย สมัยก่อนพอกระยาสารทเหลือมาก หลวงพ่อโต วัดระฆัง ถึงได้เอาไปผสมทำพระสมเด็จ

เดี๋ยวนี้ตรุษไทย สารทไทย คนไม่ค่อยจะรู้จักกันแล้ว สมัยก่อนตรุษก็ต้องกวนกาละแมทำข้าวเหนียวแดง พอมาสารทไทยก็กวนกระยาสารท แต่ปัจจุบันนี้เขารู้จักแต่สารทจีน สารทจีนเลยมาแล้ว เพราะว่าสารทจีนตรงกับเดือน ๗ ของจีน ตรงกับเดือน ๙ ของไทย ถ้าวันพร้อมกันก็จะตรงกับขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๙ แต่คราวนี้ของจีนบางทีเขานับก่อนวันหนึ่ง หลังวันหนึ่ง ส่วนสารทลาว ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐ ก็ตรงกับไหว้พระจันทร์ของจีน ไหว้พระจันทร์ตรงกับกลางเดือน ๘ ของจีนเขา ของเราเวลาเร็วกว่าจีน ๒ เดือน ก็เป็นกลางเดือน ๑๐

สมัยก่อนบรรดากษัตริย์ที่มีบุญญาธิการมาก ๆ จะมีการปรับเปลี่ยนชะตาบ้านเมืองด้วยการลบศักราช กำหนดวันเดือนปีเอาใหม่ ก็เลยทำให้วันเดือนปีไม่ตรงกัน อย่างพระนางเจ้าจามเทวีทำพิธีลบศักราช ทำให้วันเวลาเร็วขึ้น ๒ เดือน ฉะนั้น..กลางเดือน ๑๒ ของพวกเรานี่ ทางด้านเหนือเป็นเดือนยี่แล้ว เวลาเราลอยกระทงกัน ทางเหนือเขาเลยเรียกว่างานยี่เป็ง วันเพ็ญ เดือนยี่

ท่านลบศักราชเพราะว่าต้องการจะหลอกขุนหลวงวิลังคะ นัดแนะว่าให้สู่ขอ กำลังของตัวเองยังไม่พร้อมที่จะรบ ก็นัดว่าถึงเวลาให้มาขอวันนั้น เดือนนั้น ปีนั้น พอขุนหลวงวิลังคะกลับไปเตรียมตัว ทางด้านนี้ก็ทำพิธีลบศักราช ประกาศให้บรรดาประเทศราชต่าง ๆ รู้กันทั่ว ยกเว้นขุนหลวงวิลังคะไม่บอก พอเขายกขันหมากมาถึงก็บอกว่า เป็นกษัตริย์ทำไมผิดสัญญา เลยมาตั้งนานเท่าไรแล้ว ขุนหลวงวิลังคะไล่ให้คนไปสืบทีละบ้านทีละเมือง ทุกบ้านตอบเหมือนกันหมดว่าวันนี้ เดือนนี้ ปีนี้ เพราะท่านทำการลบศักราชแล้วตั้งวันเดือนปีใหม่

เป็นวิธีเอาตัวรอดที่สวยมาก แต่ขุนหลวงวิลังคะไม่ยอม ท้ายสุดก็ยกทัพมารบด้วย มารบด้วยตอนนี้ไม่กลัวแล้ว เพราะพร้อมแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 19-09-2014, 09:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พิธีไหว้พระจันทร์ของจีนนี่มีผลไหมครับ ?
ตอบ : การไหว้พระจันทร์สมัยก่อนนี่เป็นของคนจีน อย่าลืมว่าถ้าเรานึกถึงเทวดาองค์ใดองค์หนึ่งด้วยความเคารพ ก็จะมีเทวดาที่มีศักดานุภาพ หรือว่ามีความสามารถใกล้เคียงกับต้นตำรับที่เขาเคารพนับถือ มารับหน้าที่นั้น ก็มีผลอยู่ จัดเป็นเทวตานุสติได้

รู้สึกว่าตั้งแต่อเมริกาไปเหยียบดวงจันทร์นี่ การไหว้พระจันทร์ไม่ขลังแล้วนะ ลดความขลังไปเยอะ กลายเป็นการค้ามากกว่า ขายขนมไหว้พระจันทร์กัน..ใช่ไหม ? เดี๋ยวนี้ฝรั่งรู้จักมูนเค้กกันทั่วไปแล้ว แต่ว่าปีนี้เห็นเขาปรับหลายรูปแบบ มีบางคนทำขนมไหว้พระจันทร์หน้าตาเหมือนซาลาเปา ผ่าออกมาข้างในก็ไส้ทุเรียนไข่เค็มนั่นแหละ บางรายหน้าตาเหมือนขนมไหว้พระจันทร์แต่สีแปลก ๆ พอลองชิมดูรสชาติขนมฝรั่งชัด ๆ เลย ก็ดัดแปลงกันไปเรื่อย ถ้าอย่างไหนได้รับความนิยมก็ติดตลาด ขายดีไป

ญี่ปุ่นเขามีแต่ขนมโมจิ เพราะเขาเห็นว่าในดวงจันทร์มีกระต่ายกำลังตำขนม สมัยอาตมาเด็ก ๆ ขนมโมจิบ้านเราเขาเรียกกะลอจี๊ เป็นแป้งข้าวเหนียวที่เหนียวหนับเลย แล้วมาคลุกพวกถั่วพวกงากับน้ำตาล เด็ก ๆ ชอบกินมาก พวกนั้นขว้างติดข้างฝาไว้ได้ไม่หล่นหรอก เหนียวหนับเลย แล้วเขาเอามาดัดแปลง มีไส้ มีรสโน้นรสนี้ เมืองไทยเราดัดแปลงขนมโมจิจนญี่ปุ่นจำหน้าไม่ได้แล้ว มีหลายรสเหลือเกิน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 19-09-2014, 09:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมคนจีนเขาจะมีวันไหว้ต่าง ๆ เยอะมากครับ ?
ตอบ : สมัยก่อนพวกภัยธรรมชาติมีเยอะมาก ก็เลยทำให้เขาเกิดความเชื่อขึ้นมาว่า เกิดจากการบันดาลของเทพเจ้า อย่างเทพเจ้าแห่งดิน เทพเจ้าแห่งน้ำ เทพเจ้าแห่งลม เทพเจ้าแห่งไฟ เทพเจ้าภูเขา คนจีนเขาเลยต้องกำหนดวันขึ้นมาเพื่อทำความเคารพเทพเจ้า เพื่อสร้างความพอใจแก่ท่าน แล้วท่านจะได้บันดาลให้เรือกสวนไร่นาอุดมสมบูรณ์

จะว่าไปแล้วก็คือต้องการจะเอาตัวรอดนั่นเอง จึงอ่อนน้อมถ่อมตนต่อธรรมชาติ พยายามไม่เบียดเบียนธรรมชาติ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของศาสนานั่นแหละ เพราะว่าเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ เพียงแต่ว่าไม่ครบองค์ประกอบของศาสนา มาระยะหลังพอมีศาสดาประกาศหลักคำสอนขึ้นมา มีคนเชื่อถือปฏิบัติตาม มีสถานที่ทำพิธีกรรม องค์ประกอบศาสนาถึงได้ครบถ้วน ถ้าไม่มีศาสดา ไม่มีคำสอน ไม่มีผู้เชื่อฟังและปฏิบัติตาม ไม่มีสถานที่ทำพิธีกรรม สิ่งเหล่านี้มีไม่ครบ เขาถือเป็นแค่ลัทธิเท่านั้น

อย่างลัทธิคอมมิวนิสต์ ลัทธิคอมมิวนิสต์มีศาสดาคือคาร์ล มาร์กซ์ มีผู้เชื่อถือและปฏิบัติตาม มีหลักคำสอน แต่ไม่มีสถานที่ประกอบพิธีกรรมแบบศาสนสถาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 19-09-2014, 09:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การสร้างพระพุทธรูปไว้ที่วัดกับไว้ตามสถานที่ราชการ จะได้อานิสงส์เหมือนกันไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเอาอานิสงส์การสร้างในตอนแรกได้เหมือนกัน แต่ถ้าจะเอาอานิสงส์ระยะยาวที่มีคนไปเคารพกราบไหว้บูชา ในวัดจะได้เปรียบกว่า เพราะเป็นสถานที่ ๆ คนเขาเข้าไปเป็นปกติอยู่แล้ว เราสร้างไว้ข้างนอกนี่ ถ้าเขาไม่ได้ผ่านไปตรงนั้น ก็คงไม่มีโอกาสได้ไปกราบไหว้

ถาม : ผู้บริหารมีโครงการว่าจะไปสร้างไว้ริมทะเล แล้วมีศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพร ?
ตอบ : ไม่มีความเห็นอะไร ถ้าเป็นไปได้ก็ให้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก หรือว่าทิศเหนือให้ได้ก็แล้วกัน

ถาม : หันไปตะวันออกเฉียงเหนือครับ
ตอบ : ก็ยังดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 19-09-2014, 13:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะฆ่าแน่ ๆ เป็นการตัดเคราะห์กรรมและเป็นการต่ออายุด้วย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งอาตมาว่า "แกเป็นทหารมาทุกชาติ ออกรบฆ่าเขาไว้มาก กรรมเก่าที่ตามมาทันจะทำให้ป่วยบ่อย ให้ไปปล่อยสัตว์ อย่างเช่น ปลาที่เขาขายไว้สำหรับฆ่า เดือนละตัวสองตัว แล้วจะบรรเทากรรมตรงนี้ลงได้"

อาตมาก็อวดรู้ กราบเรียนหลวงพ่อท่านไปว่า
การปล่อยปลาเป็นการต่ออายุ ในเมื่อผมไม่ต้องการอายุยืนอยู่แล้ว ผมจะปล่อยไปทำไมครับ ?” ท่านบอกว่า “แกอย่าเพิ่งเข้าใจผิด การปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะฆ่า จะเป็นการต่ออายุก็ต่อเมื่อเรามีอุปฆาตกรรมเข้ามาในช่วงนั้น ถ้ากรรมหนักที่เราเคยฆ่าคนฆ่าสัตว์ใหญ่ไว้มาถึง อุปฆาตกรรมจะตัดรอนถึงขนาดเสียชีวิต"

ท่านบอกว่า "ถ้ามีอุปฆาตกรรมเข้ามาอย่างนั้น จะเป็นการต่ออายุ แต่ถ้าไม่มีอุปฆาตกรรมเข้ามา การที่เราปล่อยเขา ทำให้เขามีชีวิตรอด ได้รับความสุข ได้รับความสะดวกสบาย ต่อไปเราทำอะไรก็จะสะดวกสบายไปด้วย"

เมื่อทราบดังนั้นอาตมาก็ปล่อยตามที่ครูบาอาจารย์สั่ง จำได้ว่าปล่อยเดือนแรกคือวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๒๙ มาถึงป่านนี้ก็เกือบ ๓๐ ปีถ้วนแล้ว ปล่อยมา ๒๙ ปี นับชีวิตไม่ถ้วน เพราะว่าไม่ได้ปล่อยทีละตัวสองตัว ไปเห็นตาปริบ ๆ อยู่ก็เหมาหมด มีอยู่เที่ยวหนึ่งที่ปล่อยได้สะใจที่สุด คือ ไปเจอปลาดุกอยู่ปีบหนึ่งเลยซื้อมาปล่อย อาตมาไม่รู้หรอกว่ากี่ร้อยตัว เป็นลูกปลาดุกตัวเล็ก ๆ แน่นไปทั้งปีบเลย โห..เขาอุตส่าห์ไปช้อนลูกครอกตัวเล็ก ๆ มาขายได้ ปลาขนาดปกติอาตมาก็ซื้อ แถมลูกปลาดุกนั่นอีกปีบหนึ่ง ต้องบอกว่าบ้านเรากินล้างกินผลาญ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 13:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 19-09-2014, 13:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมพญานาคจึงปรากฏมากกว่าพญาครุฑครับ ?
ตอบ : เวลาครุฑมาเขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้ พญานาคมายังมีรอยให้เห็น มีคนบอกว่าเดี๋ยวตรงโน้นก็มีรอยพญานาค ตรงนี้ก็มีรอยพญานาค ไม่มีคนบอกว่ามีรอยพญาครุฑสักที ครุฑก็คือนกใหญ่ ที่มีขนาดใหญ่มาก ตามตำราเขาบอกว่าขยับปีกทีหนึ่งบินไปได้ ๑ โยชน์ (๑๖ กิโลเมตร)

คนจีนก็มีนกเผิง นกเผิงนี่เขาบอกว่ากางปีกโบยบินที่หนึ่งสามารถไปได้รอบโลก ก็แสดงว่าการรู้เห็นเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ คนสมัยก่อนเขารู้เห็นคล้าย ๆ กัน เพียงแต่ว่าเรียกไม่ค่อยจะตรงกันเท่านั้น เรียกกันไปคนละอย่างสองอย่าง แต่ว่าลักษณะที่อธิบายก็คือแบบเดียวกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ถ้าสรุปไว้ค่อนข้างจะปลอดภัยหน่อยก็คือเชื่อว่ามี แต่ถ้าให้เชื่อเต็มที่ก็คือขอเห็นด้วยตัวเองสักที


ถาม : ยูเอฟโอนี่ใช่ครุฑไหมครับ ?
ตอบ : คนละเรื่องเดียวกัน ยูเอฟโอเป็นของมนุษย์ต่างดาว เอาเป็นอันว่าที่เขาถ่ายมายังไม่มีหน้าตาเป็นพญาครุฑก็แล้วกัน พญาครุฑเขตประจำของท่านอยู่รอยต่อระหว่างชั้นจาตุมหาราชกับเขาพระสุเมรุ คราวนี้ในเมื่อที่ประจำของเขาอยู่ตรงนั้น การเข้าออกก็อยู่บริเวณนั้นประจำ ส่วนพญานาคนั้นทางเข้าออกมีอยู่ทั่วโลก ก็เลยปรากฏตัวให้เราเห็นได้มากกว่า ถ้าของเขาบังคับว่าต้องมีทางเหมือนกับไปตามถนน คนก็เลยได้เห็นรถยนต์ คราวนี้พญาครุฑเปรียบไปเหมือนเครื่องบิน เรากว่าจะได้เห็นสนามบินก็โน่นแหละ หลายจังหวัดกว่าจะมีสักที่ ก็เลยกลายเป็นว่าพวกเราจะสัมผัสกับพญาครุฑได้น้อยกว่า ถ้าอยากเห็นก็แถวหน้าธนาคาร มีทุกที่แหละ..! ระยะนี้เห็นเขาฮิตเหรียญพญาครุฑกัน แล้วต้องปิดทองด้วยนะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 19-09-2014, 13:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ความจริงครูบาอาจารย์ท่านสอนคาถาบางบทไว้ เกี่ยวกับมหาอำนาจพญาครุฑ แต่คราวนี้การที่เราอยู่ ๆ จะไปสร้างเหรียญมีรูปพญาครุฑ ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องของในหลวง เพราะว่าตราครุฑเป็นตราแผ่นดิน ก็เลยอย่าไปแตะดีกว่า เห็นหลายสำนักเขาทำกัน ทำเฉย ๆ ไม่มีปัญหา ถ้ามีใครหมั่นไส้แล้วเขาฟ้องขึ้นมานี่ซวยจริง ๆ ขนาดไม่มีเรื่องเขายังสามารถโยงเข้ามาเป็นผังล้มเจ้าได้ ขืนบังอาจใช้ตราครุฑนี่เสร็จแน่

ถาม : รูปพญาครุฑตามหน้าสถานที่ราชการต่างจะมีเทวดารักษาไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าผ่านการอธิษฐานจิตของครูบาอาจารย์มาก็จะมี เห็นว่าบางทีเขาอัญเชิญตราครุฑขึ้น ก็นิมนต์หลวงปู่หลวงพ่อที่เขาเคารพมาทำพิธีให้ ถ้าประเภทนั้นจะมีเทวดารักษา แล้วหลายที่ก็ดุเสียด้วย โดยเฉพาะพญาครุฑที่กองสลาก

ถาม : เขาจัดอยู่ประเภทไหนครับ ?
ตอบ : เป็นเดรัจฉานกึ่งทิพย์ อยู่ริมเขตของชั้นจาตุมหาราช

ถาม : อยู่ในการปกครองของท่านไหนครับ ?
ตอบ : ถ้าผู้ปกครองโดยตรงก็ไม่มี แต่ว่าถ้าเทวดาที่มีศักดานุภาพขอร้องให้ช่วยอะไรหรือทำอะไร เขาก็เต็มใจทำให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 13:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 19-09-2014, 13:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่อง "นางไพร" ที่คุณทองทิว สุวรรณทัตเขียน เป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงชาวป่าคนหนึ่ง ที่มีอำนาจจิตเหนือสัตว์ป่าทุกชนิด เก็บตัวเงียบ ๆ อยู่กับบ้าน แต่ถ้ามีช้างตกมันหรือว่ามีสัตว์ป่าเข้ามาอาละวาดในหมู่บ้าน ถ้าเธอไปถึงสัตว์นั้นจะสงบหมดเลย ต้องเรียกว่าเป็นกรรมวิปากชาฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดโดยวิบากกรรม ติดตัวมาตั้งแต่เกิด

แบบเดียวกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ท่านยืนยันตรงกับหลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่าช้างทุกตัวมีผีคุม หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพท่านบอกว่า ช้างทุกตัวมีเทวดารักษา ซึ่งก็คือข้อมูลเดียวกันนั่นแหละ ฉะนั้น..หลวงพ่อเดิมท่านบอกว่า ถ้าจะคุยกับช้างให้รู้เรื่อง ให้แผ่เมตตาให้เทวดาที่รักษาช้างก่อน ถ้าแผ่เมตตาให้เทวดาที่รักษาเสร็จแล้ว คราวนี้จะคุยอะไรกับช้างก็ว่าไปเถอะ

ท่านบอกว่าถ้าสมาธิถึง ๆ นี่ต่อให้ช้างตกมันก็คืนสติกลับมาได้ เพราะว่าเทวดาที่คุมอยู่ท่านช่วย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้บอกว่าช้างนี่พูดรู้เรื่องทุกตัว อาตมาไปลองมาแล้ว อยู่กลางป่ากลางดง คุยกันรู้เรื่องจริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 14:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 19-09-2014, 14:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,994 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บางทีเวลาไปเจอช้าง แล้วเขามาหมอบมาทักนี่ เพราะเนื่องกันมาใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าตัวเมตตาของเราสูงจริง ๆ เทวดาที่รักษาช้างท่านก็จะยินดีที่จะช่วยสงเคราะห์ แล้วก็อีกอย่างก็คือว่ามีบุญมีกรรมเนื่องกันมา บางทีเหมือนอย่างกับว่าเจอหน้ากันแล้วจำได้

ถาม : เราแผ่เมตตาแล้วช้างได้ยิน ?
ตอบ : ไม่ใช่ช้างได้ยินหรอก เทวดาหรือผีได้ยิน ในเมื่อได้ยินก็ เอ้า...ช่วยไปจัดการหน่อยซิ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ต้องบอกว่าเป็นบูรพาจารย์สายตรงของวัดท่าขนุน เพราะว่าหลวงปู่สาย วัดท่าขนุนไปบวชกับท่าน เรียนวิชากับท่าน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-09-2014 เมื่อ 05:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:25



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว