|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#101
|
||||
|
||||
ถาม : กลางคืนหนูไปดื่มเหล้ามา แล้วหนูไปสวดมนต์ต่อ ทำได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ทำได้ เพราะว่าตอนที่เราดื่มกับตอนที่เราสวดมนต์เป็นคนละวาระคนละเวลากัน เป็นต่างกรรมต่างวาระ ส่วนที่เราทำดีคือความดี ส่วนที่เราทำชั่วคือความชั่ว อย่าเอามาปนกัน เพราะฉะนั้น..ดื่มมากำลังกรึ่ม ๆ บางทีได้สวดมนต์แล้วรู้สึกดีมากเลย ไป..ไม่ได้มีอะไรน่าหนักใจเสียหน่อย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2020 เมื่อ 13:46 |
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#102
|
||||
|
||||
คนใช้ของอนาถปิณฑิกเศรษฐีรักษาศีลได้แค่ครึ่งวัน ไปเกิดเป็นรุกขเทวดามีศักดานุภาพมาก นั่นตั้งใจรักษาชนิดตัวตายเลย เราอาจจะรักษาได้สักเช้า ๒ ชั่วโมง เย็น ๒ ชั่วโมง รวม ๆ กันเข้าเดี๋ยวก็ได้หลายวัน
ขอให้ตั้งใจทำจริง ๆ เท่านั้น ความดีจะสะสมตัวไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวพอถึงวาระ ก็รักษาได้ตลอดรอดฝั่งเอง คนเราถ้ากำลังความดีมีมากกว่า ก็จะไม่เกรงใจสังคมแล้ว เพียงแต่ว่าต้องดูอย่าให้โลกช้ำธรรมเสีย ถึงเวลาเราไม่กินแต่เพื่อนกิน ก็บอกว่า “ไม่ไหว..แพ้แอลกอฮอล์ หมอบอกว่ากินต่อตายแน่” "ไม่ไหว..เริ่มตับแข็งแล้ว หมอบอกว่ากินต่อตายแน่" สารพัดวิธีที่จะพูด ไม่ใช่ “ฉันรักษาศีล ไม่กินแล้ว” เขาก็มองหัวถึงตีน ตีนถึงหัว ๓ รอบเลย กลายเป็นสัตว์ประหลาดไป เวลารักษาศีล ๘ เพื่อนชวนกินอาหารหลังเที่ยง ก็บอก “ตอนนี้อ้วนแล้ว ขอลดน้ำหนักหน่อย ไปกินเองเถอะ จะให้ไปเป็นเพื่อนด้วยก็ได้ แต่ไม่กินด้วยนะ” พอเราไม่ไปนั่งกินด้วย เพื่อนเกรงใจก็เลิกชวนเราเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2020 เมื่อ 13:49 |
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#103
|
||||
|
||||
พระพุทธเจ้าท่านสอนเราขึ้นด้วยปัญญา มรรค ๘ มีปัญญานำมาก่อน สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูก อะไรดีอะไรชั่วรู้อยู่ ต้องเป็นปัญญาถึงรู้ได้ สัมมาสังกัปปะ คิดถูก คิดจะออกจากกาม คิดจะละเว้นการทำชั่ว คิดจะรักษาศีล คิดจะไปพระนิพพาน
ในเมื่อขึ้นด้วยปัญญาก็ต้องใช้ปัญญา ใช้ให้เต็มที่ตามปัญญาที่เราพอมี พลิกแพลงอย่างไรจะให้ไปจนกระทั่งถึงระดับสูงสุด ก็คืออยู่ในโลกแต่ไม่เกาะยึดโลก ถ้าลักษณะอย่างนั้นจะเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบัวบนใบบอน แต่ไม่ได้ติดอยู่กับใบบัวใบบอนเลย แรก ๆ เราก็ใช้ศีลเป็นกรอบ ตั้งใจทำความดี พอถึงเวลาต้องละเมิดศีลเราก็ไม่ไปด้วย ส่วนอื่นก็บ้าตามเขาได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2020 เมื่อ 13:50 |
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#104
|
||||
|
||||
พูดถึงการใช้ตะกร้าแทนถุงพลาสติก “เดี๋ยวก็ปรับตัวกันได้เอง เป็นคุณแม่บ้านห้อยตะกร้าไป กลายเป็นนางลำหับ
เมื่อนั้น.....................................นวลนางลำหับพิสมัย ครั้นรุ่งรางส่างแสงอโณทัย................ทรามวัยแต่งตัวไม่มัวมอม สวมมะกล่ำกำไลสายสร้อย................ตุ้มหูพวงห้อยดอกไม้หอม หวีไม้ไผ่บรรจงเป็นวงค้อม.................ล้วนรายล้อมเหน็บประดับรับมวย แล้วจับจองคล้องไหล่ไว้เบื้องหลัง........ไม่รุงรังเข้าทีดูดีสวย ชวนไม้ไผ่ลีลาศนาดนวย...................รื่นรวยเข้าในดงพงพี ฯลฯ “จอง” คือตะกร้า เป็นภาษาซาไก สมัยนี้พวกเราก็เป็นนางลำหับสะพายตะกร้ากัน เด็กรุ่นหลังไม่ได้เรียนพระราชนิพนธ์เรื่องเงาะป่า เลยไม่รู้จักนางลำหับกันแล้ว”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:24 |
สมาชิก 123 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#105
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาเราทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลให้คนตาย แล้วมีคนมาค้านเรา บอกว่าทำอย่างนี้เดี๋ยวบุญเราก็หมดหรอก ไม่รู้จะทำอย่างไร ?
ตอบ : คนนั้นเขาไม่เข้าใจ จริง ๆ แล้วก็ไม่ต้องไปอธิบายหรอก แต่ถ้ารู้จริงก็เมตตาบอกเขาหน่อยว่า เรื่องของการอุทิศส่วนกุศลเหมือนกับเราก่อไฟขึ้นมา คือเราทำบุญ พอถึงเวลาอุทิศให้ผู้ตาย ก็เหมือนกับอนุญาตให้คนอื่นเขาต่อไฟไปใช้ ไฟของเราไม่ได้หายไปไหน แถมมีความสว่างเพิ่มขึ้นจากกองไฟคนอื่น เพราะว่าเราไปได้ตัวปัตติทานมัย คือกำลังใจในการแบ่งปันให้แก่คนอื่น ของเรานี่ได้สองต่อ คนอื่นเขามาต่อไปไฟเราก็ยังอยู่ แถมยังสว่างเพิ่มขึ้น เพราะของคนอื่นก็สว่างขึ้นมา สิ่งที่เราทำโดยยากแล้วยังอนุญาตให้คนอื่นเขา แบ่งปันให้คนอื่นเขา ก็ต้องประกอบไปด้วยจิตเมตตาอย่างสูง ก็เลยทำให้ผลบุญเพิ่มขึ้นมา เขาเรียกว่า ปัตติทานมัย การอุทิศส่วนกุศลให้แก่คนอื่น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:26 |
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#106
|
||||
|
||||
ถาม : การท่องคาถาเงินล้าน ระหว่างสวดในใจกับสวดออกเสียง อานิสงส์ต่างกันไหมคะ ?
ตอบ : ต่างกันมากเลย ถ้าสวดออกเสียงจะเหนื่อย..! จะมากจะน้อยอยู่ที่กำลังใจของเราว่าทรงตัวแค่ไหน บางคนสวดออกเสียงสมาธิทรงตัวน้อยก็ได้น้อย บางคนสวดออกเสียงสมาธิทรงตัวมากก็ได้มาก บางคนสวดในใจสมาธิทรงตัวมากก็ได้มากกว่า ตกลงว่าขึ้นอยู่กับเราเอง ไม่ได้อยู่กับใครเขาหรอก ถาม : ดิฉันควรจะปฏิบัติกรรมฐานกองไหนถึงจะเจริญก้าวหน้า ? ตอบ : อะไรที่ชอบก็อันนั้นแหละ ถาม : ชอบหลายอย่างเลยค่ะ ? ตอบ : ชอบหลายอย่างก็จับสลากเอา..! สิ่งที่เราชอบแปลว่าในอดีตมีพื้นฐานมาก่อน มาชาตินี้ก็มีวิสัยรักชอบของเดิมของตัวเอง เพราะเห็นว่าง่าย เห็นว่าสะดวก เห็นว่าดี ตัวเห็นว่าดีนั่นแหละที่บอกว่าเราทำตั้งแต่อดีตมาแล้ว ก็เลยทำให้เมื่อเราทำสิ่งนี้ เราก็จะได้ง่ายกว่าอันอื่น ดังนั้น..ชอบอันไหนทำอันนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:27 |
สมาชิก 127 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#107
|
||||
|
||||
คราวนี้ถ้าชอบหลายอย่างก็โน่นเลย..หลับหูหลับตาจิ้มเอาเลย แต่ว่าที่แน่ ๆ คืออย่าทิ้งลมหายใจเข้าออก ถ้าทิ้งเมื่อไรกรรมฐานกองไหนก็ไปไม่รอดทั้งนั้น
อาตมาเองสมัยก่อนก็..ทำไมกูชอบไปหมดเลยวะ ? สรุปว่าทำมาเยอะแล้ว จึงต้องตัดใจค่อย ๆ เริ่มไปทีละบททีละหมวด ..(หัวเราะ).. ด้วยความอยากมีฤทธิ์มีเดชก็เริ่มจากกสิณก่อน กสิณที่สามารถทำได้ง่ายที่สุด หาวัสดุง่ายที่สุดของเด็กต่างจังหวัดก็คือกสิณไฟ ต่อไปก็น้ำ ต่อไปก็ดิน ไล่ไปเรื่อย สนุกเป็นไอ้บ้าอยู่คนเดียว..! พอทำเสร็จก็มาเล่นอนุสติ ๑๐ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็คอยเป็นกำลังใจให้ พอถึงเวลาทำอนุสติครบ ๑๐ ทวนไปทวนมาจนมั่นใจ คือส่วนใหญ่อาตมาทำจะทำทั้งหมวด พอครบหมวดก็วิ่งไปรายงานท่าน “หลวงพ่อครับ ตอนนี้ผมสามารถทรงอนุสติ ๑๐ ได้อารมณ์เต็มสมบูรณ์ทุกกองภายใน ๓๐ นาทีครับ” ท่านบอกว่า “ใช้ไม่ได้ลูก สมัยหลวงพ่อทำ ๔๐ กอง ถ้าต้องใช้เวลาถึง ๒ นาทีถือว่าแย่มากแล้ว” ...(หัวเราะ)...
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:28 |
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#108
|
||||
|
||||
ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าหลวงพ่อหลอกหรือเปล่า ? อาตมาเองปล้ำแทบตายกว่าจะได้ ๑๐ กองภายใน ๓๐ นาทีนี่นานมากเลยนะ มาตอนหลังถึงได้เข้าใจว่า จริง ๆ แล้วที่อาตมาทำนั่นเกิดจากว่า เราไปไล่ ๑ ถึง ๑๐ แล้วก็ ๑ ถึง ๑๐ ใหม่ แต่หลวงพ่อท่านไม่มาขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างนี้ ท่านประเภท ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ จบเลย เร็วกว่ากันเยอะ ...(หัวเราะ)... คือทรงอารมณ์ตอนท้ายแล้วเปลี่ยนกองกรรมฐานแค่นั้นเอง
ตอนนั้นไม่มีความเข้าใจเลยยังทำไม่เป็น แต่ก็มั่นใจว่าครูบาอาจารย์ท่านทำมาแล้ว ท่านไม่หลอกเราแน่ แต่ว่าต้องมีเคล็ดลับอะไรที่เราไม่เข้าใจ แล้วอาตมาเป็นคนดื้อ ไม่ค่อยถาม คิดอยู่อย่างเดียวว่า ถ้าเราทำต้องได้คำตอบ แล้วก็ได้จริง ๆ เพียงแต่ว่าบางอย่างก็ต้องใช้เวลาถึง ๓-๔ ปี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:29 |
สมาชิก 127 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#109
|
||||
|
||||
ถาม : สมมติว่าเราต้องการเจาะจงทำบุญอุทิศให้เทวดา ๒ องค์ จำเป็นต้องแยกการทำบุญ ๒ ครั้งไหมครับ หรือว่าสามารถรวมกันได้เลย ?
ตอบ : จะกี่องค์ก็ไม่ต้องแยก ยกเว้นว่าท่านขอมาเป็นการเฉพาะ อย่างเช่นว่าท่านหนึ่งขอสังฆทาน อีกท่านหนึ่งขอให้บวชพระ แต่ว่าหลังจากที่เราให้บุญสังฆทานท่านนี้ไปแล้ว หรือว่าให้บุญบวชพระกับท่านนี้ไปแล้ว ที่เหลือเราจะให้ใครก็ได้ คือถ้าท่านไม่เจาะจงทำแค่อย่างเดียวก็ได้ กี่ท่านเราก็ให้ไป ท่านที่เจาะจงมาถ้าไม่เกินวิสัยก็จัดการให้ท่านหน่อย ถ้าลำบากก็บอกท่านก่อนว่า “เดี๋ยวขออีก ๑๐ ล้านแล้วค่อยทำให้ อยากได้เร็ว ๆ ก็มาช่วยผมหาเงินหน่อย..!” ...(หัวเราะ)...
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:30 |
สมาชิก 128 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#110
|
||||
|
||||
ถาม : เดือนที่แล้วพระอาจารย์บอกว่าป่วยตอนสมัยสามก๊ก ไม่ทราบว่าอยู่ก๊กไหนครับ ?
ตอบ : ตอนนั้นยังไม่ได้อยู่ก๊กไหน ตอนนั้นยังเป็นนายบ้านอยู่ เสร็จแล้วทหารเขามาเกณฑ์ อาตมาไม่อยากให้ลูกบ้านไปลำบาก ก็บอกเขาว่า “จ่ายส่วยไปแล้ว เป็นข้าวเท่านั้นเท่านี้เกวียน แล้วทำไมถึงจะมาเกณฑ์กันอีก” ไอ้โน่นก็ไม่ฟัง บอกว่าเจ้านายสั่งมา..กูจะเอา ก็เลยฟัดกันหน่อย ...(หัวเราะ)... ตอนนั้นอายุไม่มาก ร่อนเร่ไปหาประสบการณ์ คราวนี้มีฝีมือ เขาก็เลยจ้างให้ดูแลหมู่บ้าน ลักษณะเหมือนกับเป็นนายบ้านหรือคนที่ทำหน้าที่คุ้มครองเขา ในเมื่อรับเงินเขามาก็ต้องแก้ปัญหาให้เขา ก็ตรงไปตรงมา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:31 |
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#111
|
||||
|
||||
จะว่าไปแล้วสมัยก่อนคอรัปชั่นเยอะมากเลย พอถึงเวลาไม่ยอมให้เขา เขาก็กลั่นแกล้งเอา บางทีเล่นเอาทหารทั้งกองมาฆ่าล้างหมู่บ้านไปเลย อ้างว่าเป็นกลุ่มที่ช่วยเหลือกบฎอย่างนี้ ก็เลยต้องหาคนที่มีฝีมือมาคอยคุ้มครอง ชาวบ้านเขาก็ประเภทมีข้าวแบ่งข้าว มีอาหารแบ่งอาหาร มีเงินทองพยายามรวบรวมมาแบ่งปันให้ เขาก็ไม่ได้หวังอะไรมากหรอก ก็แค่ขออยู่กินอย่างสงบหน่อยเท่านั้น
คราวนี้พอโดนบีบคั้นมาก ๆ ส่วนหนึ่งก็หนีเข้าป่าขึ้นเขา ในเมื่อเป็นคนดีไม่ได้ก็ตั้งกลุ่มเป็นโจรไปเลยหมดเรื่องหมดราว ...(หัวเราะ)... ดูแล้วสลดใจว่าทุกชาติมีแต่ความทุกข์ แล้วเราไม่ได้ทุกข์คนเดียว คนอื่นเขาก็ทุกข์ แล้วเราก็ต้องไปแบกความทุกข์แทนคนอื่นเขา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:32 |
สมาชิก 127 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#112
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของยศเรื่องของตำแหน่ง ในบาลีบอกชัดเจนว่า ยะโส ลัทธา นะ มัชเชยยะ บุคคลได้ยศแล้วไม่พึงเมา แต่ก็หาคนที่ทำจริง ๆ ได้น้อย หลวงปู่โหน่ง วัดคลองมะดัน ศิษย์พี่ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ท่านเองมีน้าเป็นเจ้าคุณใหญ่ ๆ โต ๆ อยู่วัดโพธิ์ท่าเตียน ท่านเองท่านอยากปฏิบัติกรรมฐาน อุตส่าห์เดินทางมาหาน้า สมัยก่อนมายาก ต้องนั่งเรือเมล์มา กว่าจะผ่านประตูน้ำโพธิ์พระยา กว่าจะมาเข้าคลองงิ้วราย คลองมหาสวัสดิ์ กว่าจะมาถึงท่าช้าง
ไปหาหลวงน้าบอกว่า “อยากจะเจริญกรรมฐานหวังความพ้นทุกข์ หลวงน้าสอนผมได้ไหม ?” เป้าหมายท่านชัดเจนมาก หลวงน้าบอกว่า “โหน่งเอ๊ย...มาดูอะไรนี่” เปิดประตูกุฏิให้ดู หลวงพ่อโหน่งชะโงกหน้าเข้าไปดูเสร็จกราบ ๓ ครั้ง “ถ้าอย่างนั้นผมลากลับละครับ” หลวงน้าบอกว่า “เออ..ไปเถอะ ไปหาครูบาอาจารย์ที่เหมาะสม สิ่งที่เธอหวังฉันไม่สามารถที่จะช่วยได้” หลวงพ่อโหน่งก็กลับ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:33 |
สมาชิก 128 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#113
|
||||
|
||||
"ตอนหลังไปหาหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ถึงได้ศึกษากรรมฐานจนกระทั่งกลายเป็นครูบาอาจารย์ใหญ่ดังคับบ้านคับเมือง ท่านบอกว่า ชะโงกหน้าเข้าไปในกุฏิ ถ้วยโถโอชาม โต๊ะหมู่มุก สารพัดสารเพเต็มกุฏิไปหมด คือหลวงน้าท่านบอกใบ้ให้รู้ว่า ท่านเองยังสะสมของขนาดนี้ ท่านไม่มีคุณความดีอะไรที่จะสอนหลวงพ่อโหน่งได้หรอก พูดง่าย ๆ ก็คือ ท่านยังแบกกิเลสอยู่เต็มตัว ทั้งยศตำแหน่ง ทั้งข้าวของเงินทอง
ต้องบอกว่าหลวงน้าเจ้าคุณของหลวงพ่อโหน่งท่านสุดยอดเลย ตัวเองทำไม่ได้ก็บอกชัดว่าทำไม่ได้ ไม่พยายามปั้นหน้าเป็นครูบาอาจารย์เขา แล้วท่านก็ไม่ได้พูดมาก เปิดกุฏิให้ดูเลย ...(หัวเราะ)... ถ้าเป็นอาตมาเปิดกุฏิให้ดู โยมก็คงหงายหลัง มีแต่กองขยะ..! ใครถวายข้าวของอะไรก็กองไว้อยู่ตรงนั้นแหละ ถ้าแม่ชียังไม่มาเก็บไป บางอย่างก็เน่าเสียไปเลย อาตมามีนิสัยแปลกมาก อะไรที่ไม่หามาเองจะไม่จำ ไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองมี บางทีญาติโยมหรือแม่ชีเข้าไป ทนดูไม่ได้ก็จัดการเก็บล้างกวาดสักที บางทีเขาก็เกรงใจบอกว่า “หลวงพ่อ...เก็บกุฏิสักหน่อย” อาตมาก็เก็บ ๆ ๆ เออ...เก็บแล้วดีใจได้เงินเยอะเลยเว้ย..! คือเขาถวายก็กองเอาไว้ ซุกไว้ตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้าง ไม่ได้ไปดู ถึงเวลาไปเก็บรวบรวมมาทีเออ...ได้หลายหมื่นเลยว่ะ..! แบบนี้ต้องเก็บกุฏิบ่อย ๆ เก็บทีไรก็ได้เงินทุกครั้ง..!”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:35 |
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#114
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่กำลังจะถวายสังฆทาน “ยกมาเลย อย่าอธิษฐานนาน อธิษฐานนานเดี๋ยวรวยช้า ตุลิตะ ตุลิตัง สีฆะ สีฆัง ทำอะไรให้เร็ว ๆ ไว ๆ ถึงเวลาได้ก็จะได้ไว ๆ ไม่ใช่ได้บะหมี่สำเร็จรูปนะ..! ได้สิ่งที่ดีไว ๆ”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:35 |
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#115
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับผู้มาขอสะเดาะเคราะห์ว่า “เดี๋ยวเอาไว้มีเวลาจะทำวัตถุมงคลพลิกดวงชะตาให้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาสะเดาะเคราะห์กันทุกเดือน ๆ โบราณเขาให้ทำเป็นรูปผาลไถ รู้จักไหม ? ที่เขาใช้ไถนาไถไร่ เขาถือว่าผาลพลิกดินได้ ขนาดแม่ธรณียิ่งใหญ่ขนาดนั้นยังพลิกได้ เพราะฉะนั้น..ทุกอย่างพลิกได้หมด แม้แต่ดวงชะตาของเรา นี่เป็นเคล็ดลับ”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:36 |
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#116
|
||||
|
||||
พระอาจารย์แกะซองทำบุญที่โยมถวายมา “อธิษฐานนานเกินไป คำอธิษฐานติดคาซองอยู่ ...(หัวเราะ)... ของบางอย่างไม่ได้อยากรู้ แต่พอจับหรือมองแล้วดันรู้ แต่อย่างเมื่อวานนี้เสียท่ามาก ไม่รู้ทำไมคนเต็มบ้านไปหมด ก็คิดว่าวันนี้วันเสาร์ปีใหม่คงจะมาทำบุญกัน ใครจะไปรู้ว่าเขานัดกันมา คือบางอย่างพอไม่ได้กำหนดใจก็ไม่รู้อะไรเลย โง่สนิทเหมือนกัน แล้วอาตมาเป็นคนไม่ค่อยสงสัยอะไรเสียด้วย ไอ้เรื่องที่ควรสงสัยก็สงสัยไปหมดแล้ว ...(หัวเราะ)...”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:37 |
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#117
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “สินธุเป็นภาษาไทย มาจากคำว่าสินธุที่แปลว่าน้ำ แต่ถ้าในภาษาสันสกฤต บาลี และอังกฤษ แม่น้ำสายนี้อนาถมาก Hindu Hindhu Indhu Endhu ก็คือแม่น้ำสินธุนั่นแหละ ...(หัวเราะ)... ส่วนแม่น้ำอิรวดีนั่น ทางพม่าเขาออกเสียงคนละอย่างกับเรา เขาออกเสียง “เอยะวะดี” แม่น้ำสาละวินออกเสียง “ตาละวิน” เพราะว่าเสียง ส พม่าจะเป็น ต ถ้าเสียง ต พม่าจะเป็น ส ตรงข้ามกันเลย
ส่วนฝรั่งเขาเขียนสินธุกลายเป็นอินดุส (Indus) คนอ่านไม่ถูกเป็นอินดัสก็มี อันเดียวกันนั่นแหละ”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:37 |
สมาชิก 122 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#118
|
||||
|
||||
โยมสวมหน้ากากมาทำบุญ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “คาดหน้ากากแบบนี้ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะว่าเชื้อโรคมาจากลมหายใจ ปิดปากแล้วเปิดจมูกก็แย่พอกันนั่นแหละ
อย่าไปกลัวมาก PM 2.5 นี่อาตมาเรียกว่าฝุ่นบ่ายสองครึ่ง..! PM คือเวลาบ่ายของฝรั่งเขา PM 2.5 ก็เลยเป็นฝุ่นบ่ายสองครึ่ง ถ้ากลัวอะไรจะตายหลายครั้ง ก็คือเวลากลัวจะทุกข์ทรมานเหมือนกับตาย ถ้าไม่กลัวก็ตายครั้งเดียว จบแล้วจบเลย ดังนั้น..ทุกวันนี้เราจะลำบากเพราะความคิดตัวเอง เป็นทุกข์เพราะความคิดตัวเอง พยายามคิดให้น้อย ๆ หน่อย จะได้ไม่แก่เร็ว ความจริงพวกเราก็ไม่ได้คิดมากนะ ส่วนใหญ่คิดคนเดียว ไม่มีใครมาช่วยเราคิดหรอก คิดคนเดียวเขาไม่เรียกว่าคิดมาก เขาเรียกว่าคิดน้อย ถ้าช่วยกันคิดเป็นหมู่เป็นคณะถึงจะคิดมาก”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2020 เมื่อ 03:44 |
สมาชิก 124 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#119
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “เดี๋ยวนี้สายตาอาตมาเริ่มแย่ ถุงใส่ทองแท้ ๆ เห็นเป็นสมุดไดอารี่..! แบบเดียวกับหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานสัญญาบัตรพัดยศให้ เป็นพระครูวิหารกิจจานุการ หลวงปู่ท่านรับแล้วก็แห่กลับวัด ประกาศบอกชาวบ้านว่า “เดี๋ยวนี้ข้าเป็นพระครูแล้วนะ ต่อไปนี้ข้าเดินไม่หลีกใครแล้วละวะ จะร่องเริ่งหนามเหนิมพ่อเหยียบแหลกละ เพราะว่ามองไม่เห็น..!” คือแก่แล้วมองไม่ค่อยเห็น ...(หัวเราะ)... คนอื่นฟังไม่จบคิดว่าหลวงปู่จะเบ่ง
น่าเสียดายหลวงปู่ทำงานหนักมาก อายุยังน้อยอยู่ก็มรณภาพแล้ว จะเรียกว่าอายุน้อยก็ไม่ได้ อาตมาอายุ ๖๐ ปี หลวงปู่ท่านมรณภาพตอน ๖๒ เต็มขึ้น ๖๓ ปี”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:40 |
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#120
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าไม่ทิ้งภาวนาเรียนเก่งทุกคน ส่วนใหญ่ไม่ค่อยภาวนากัน พอสมาธิไม่ทรงตัวก็จำอะไรไม่ค่อยได้”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2020 เมื่อ 14:40 |
สมาชิก 128 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|