#121
|
|||
|
|||
"มงคล ๓๘ ประการ" จากประสบการณ์ในชีวิตทั้งก่อนบวชและหลังบวช กระผมเองก็ตั้งใจว่าจะนำมาเล่าสู่กันฟัง.."ฝนที่ตกทางโน้นหนาวถึงคนทางนี้" ก็ว่ากันไปตามทำนอง บทเพลงของพี่เบิร์ด ธงชัย ตั้งใจว่าจะให้ครบทั้ง ๓๘ ประการเลยครับ กำลังเรียบเรียงต้นฉบับอยู่ครับ สำนักพิมพ์ใดสนใจ ติดต่อได้เลยครับ มงคลที่ ๑ จากคำคมในวงสุราที่ว่า "คบคนดีกินถั่ว คบคนชั่วกินเหล้า คบทั้งคนดีและคนชั่ว ก็จะได้กินถั่วแกล้มเหล้า" สรุปแล้ว อย่าไปกินมันเลยครับ สุราหรือว่าเหล้า ขนาดสุนัขมันยังไม่กินเลย.....อเสวนา จ พาลานํ (การไม่คบคนพาล) และจากคำพังเพยที่ว่า "คบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล" ครั้งหนึ่งกระผมเคยกราบเรียนสอบถามเรื่องการคบคนตอนนั่งรถไปวัดท่าซุงกับหลวงพ่อว่า ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์ : หลวงพ่อครับ กระผมดูแลเงินทำบุญก้อนหนึ่งอยู่ครับ (เงินนะครับไม่ใช่อย่างอื่น) ซึ่งทางญาติโยมตั้งใจร่วมบุญมาเพื่อทำงานบุญงานหนึ่ง แต่กระผมเองเห็นความไม่ชอบมาพากลของคณะบางคณะ แล้วกระผมกลัวว่าเงินเหล่านั้นจะสูญหายไปโดยมิชอบ กระผมควรจะจัดการอย่างไรดีครับหลวงพ่อ (ในใจตั้งใจว่า ถ้าทำงานนั้นไม่สำเร็จก็จะเอาเงินนั้นมาถวายหลวงพ่อแทน เพื่อให้หลวงพ่อนำไปใช้ในกิจการงานใดก็ได้ให้เกิดประโยชน์ในงานพระพุทธศาสนา) หลวงพ่อ : คนเขาร่วมบุญมา เขาตั้งใจเพื่อวัตถุประสงค์อะไร ต้องทำไปตามวัตถุประสงค์นั้น จะเอาไปใช้เพื่อการอื่นมิได้ ถ้าไม่อย่างนั้นมีโทษเท่ากับย้ายพระเจดีย์ หรือคุณจะลอง? ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์ : หลวงพ่อ : อีกเรื่องหนึ่งคือ "เรื่องการคบคน" จะไปศรัทธาใครก็ตาม จะคบใครก็ตาม ให้ดูไปนาน ๆ แล้วคุณจะเห็นหางมันโผล่ ดูให้ดีว่าเป็นหางประเภทไหน ถ้าเป็นหางเหี้...ก็อย่าไปคบกับมัน..ผมเจอมาเยอะแล้ว แรก ๆ ก็มาแบบวัตถุประสงค์ดีทั้งนั้น นาน ๆ ไปหางก็โผล่ เจอโลกธรรม ๘ เข้าไปหางมันจะโผล่ จำเอาไว้นะ ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์ : ขอรับหลวงพ่อ ท่านว่าลักษณะของคนพาลมี ๓ ประการคือ ๑.คิดชั่ว คือการมีจิตคิดอยากได้ในทางทุจริต มีความพยาบาท และมิจฉาทิฎฐิ คือเห็นผิดเป็นชอบ ๒.พูดชั่ว คือคำพูดที่ประกอบไปด้วยวจีทุจริตเช่น พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ ๓.ทำชั่ว คือทำอะไรที่ประกอบด้วยกายทุจริตเช่น การฆ่าสัตว์ ลักขโมย ฉ้อโกง ฉุดคร่าอนาจาร ประพฤติผิดในกาม รูปแบบของคนพาล มีข้อควรสังเกตคือ ๑. ชอบแนะนำไปในทางที่ผิด หรือที่ไม่ควรแนะนำ อาทิเช่น แนะนำให้ไปเล่นการพนัน ให้ไปลักขโมย ให้กินยาบ้า ให้เสพยา ชวนไปฉุดคร่าอนาจาร เป็นต้น เหล่านี้ถือว่าเป็นพาล ๒. ชอบทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ อาทิเช่น ไม่ทำงานตามหน้าที่ของตนให้เรียบร้อย แต่กลับชอบจะไปก้าวก่ายยุ่งกับหน้าที่การงานของผู้อื่น หรือไปจับผิดเพื่อนร่วมงาน แกล้ง ยุยง นินทาว่าร้ายกันและกันเป็นต้น ๓. ชอบทำผิดโดยเห็นสิ่งผิดเป็นของดี อาทิเช่น การสูบยาจะได้เป็นฮีโร่ เห็นคนที่ซื่อสัตย์เป็นคนโง่ไม่กินตามน้ำ ชอบรับสินบน ทุจริตในหน้าที่ หรือช่วยพวกพ้องให้พ้นจากความผิดเป็นต้น ๔. จะโกรธเคืองเมื่อพูดเตือน อาทิเช่น การเตือนเรื่องการเที่ยวเตร่ เตือนเรื่องการดื่มเหล้า กลับบ้านดึก เตือนเรื่องการคบเพื่อนเป็นต้น คนพวกนี้จะโกรธเมื่อได้รับการตักเตือน และไม่รับฟัง ๕. ไม่มีระเบียบวินัย อาทิเช่น ไม่เข้าคิวตามลำดับก่อนหลัง แต่ชอบแซงคิวอย่างหน้าด้าน ๆ ทิ้งขยะลงคลอง หรือข้างทาง ไม่เคารพกฎหมายของบ้านเมือง หรือของท้องถิ่นเป็นต้น อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 18-02-2010 เมื่อ 11:25 |
สมาชิก 70 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#122
|
|||
|
|||
มงคลที่ ๒ ปณฺฑิตานญฺ จ เสวนา (การคบหาสมาคมกับนักปราชญ์) บัณฑิต หมายถึงผู้ทรงความรู้ มีปัญญา มีจิตใจที่งาม และมีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง รู้ดีรู้ชั่ว (ไม่ใช่คนที่จบปริญญาโดยนัย) มีลักษณะดังนี้คือ ๑. เป็นคนคิดดี คือ การไม่คิดละโมบ ไม่พยาบาทปองร้ายใคร รู้จักให้อภัย เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ มีความกตัญญูรู้คุณ เป็นต้น ๒. เป็นคนพูดดี คือ มีวจีสุจริต พูดจริง ทำจริงไม่โกหก ไม่พูดหยาบ ถากถาง นินทาว่าร้าย ๓. เป็นคนทำดี คือ ทำอาชีพสุจริต มีเมตตา ทำทานเป็นปกตินิสัย อยู่ในศีลในธรรม ทำสมาธิภาวนา รูปแบบของบัณฑิต มีข้อควรสังเกต คือ ๑. ชอบชักนำในทางที่ถูกที่ควร อาทิเช่น การชักนำให้เลิกทำในสิ่งที่ผิด ตักเตือนให้ทำความดี อย่างเช่น ให้เลิกเล่นการพนัน เป็นต้น ๒. ชอบทำในสิ่งที่เป็นธุระ อาทิเช่น การทำหน้าที่ของตนให้ลุล่วง และใช้เวลาที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ ไม่ก้าวก่ายเรื่องของผู้อื่น เว้นแต่จะได้รับการร้องขอ ๓. ชอบทำและแนะนำสิ่งที่ถูกที่ควร อาทิเช่น การพูดและทำอย่างตรงไปตรงมา แนะนำการทำทานที่ถูกต้อง ทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ๔. รับฟังดี ไม่โกรธ อาทิเช่น เมื่อมีคนมาว่ากล่าวก็ไม่ถือโทษ หรือโกรธ หรือทำอวดดี แต่จะรับฟังแล้วนำไปพิจารณาโดยยุติธรรม แล้วนำมาแก้ไขปรับปรุง ๕. รู้ระเบียบกฏกติกามรรยาทที่ดี อาทิเช่น การรักษาระเบียบวินัยขององค์กร เพื่อให้หมู่คณะมีความเป็นระเบียบ และการดำเนินงานไม่สับสน หรือการรักษาความสะอาด ปฏิบัติ และเคารพกฎ ของสถานที่ ไม่ทำตามอำเภอใจ หลวงพ่อท่านพยายามสนับสนุนอย่างเต็มที่ ให้พระทุกรูป เด็กวัดทุกคน ได้มีการศึกษาเล่าเรียน อย่างน้อยต้องสอบนักธรรมตรีให้ได้ ทางวัดมีการจัดการเรียนการสอนให้ หรือ ส่งไปเรียนในสำนักเรียนในเมืองหรือที่กรุงเทพฯ วัดอื่น ๆ แถบใกล้เคียงแทบจะไม่มีวัดใดมีความพร้อมในเรื่องนี้เลย ใครต้องการเทศน์ ใครต้องการอาสาทำงานต่าง ๆ ขอเพียงให้ใจกล้าหน้าด้าน ( ผมว่าผมหน้าด้านที่สุด) กล้ากราบเรียนแจ้งความประสงค์ต่อท่าน หากเป็นเรื่องที่ดีหลวงพ่อท่านสนับสนุนเสมอ แต่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำนะครับ ท่านพยายามบ่มเพาะความเป็นบัณฑิตให้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องได้จากห้องเรียนเสมอไป "วิชาความรู้มีอยู่ทุกที่ อยู่ที่คุณเอาใจใส่ไขว่คว้าได้แค่ไหน" ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์ ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 18-02-2010 เมื่อ 11:26 |
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#123
|
|||
|
|||
มงคลที่ ๓ ปูชา จ ปูชนียานํ (การบูชาบุคคลที่ควรบูชา) การบูชา คือการแสดงความเคารพบุคคลที่เรานับถือ ยกย่อง เลื่อมใสในบุคคลคนนั้น ซึ่งการบูชาแบ่งออกเป็น ๒ อย่างคือ ๑. อามิสบูชา คือการบูชาด้วยสิ่งของเช่น การนำเงินให้พ่อแม่ไว้ใช้จ่าย หรือมอบทรัพย์สินให้พ่อแม่หรือการนำดอกไม้ ธูปเทียนไปบูชาพระก็ถือเป็นอามิสบูชาเป็นต้น ๒.ปฏิบัติบูชา คือการบูชาด้วยการเจริญสมาธิภาวนา การฝึกจิตให้ไม่ฟุ้งซ่าน เห็นความจริงในความเป็นไปของโลกเป็นต้น บุคคลที่ควรบูชา มีดังนี้คือ ๑.พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า ๒.พระสงฆ์ ๓.พระมหากษัตริย์ผู้ตั้งอยู่ในทศพิศราชธรรม ๔.บิดามารดาและผู้มีพระคุณ ๕.ครูอาจารย์ ที่มีความรู้ดี มีความสามารถและประพฤติดี ๖.อุปัชฌาย์หรือผู้บังคับบัญชาที่มีความประพฤติดี ตั้งอยู่ในธรรม สำหรับเรื่องนี้เรามีตัวอย่างและแบบอย่าง ก็คือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อเล็ก ท่านนำผมและทิดโมช นั่งรถจากวัดท่าขนุนทองผาภูมิไปวัดท่าซุง เพื่อไปกราบพระศพของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษี ท่านบอกว่า "คนอื่นเขาอาจจะไม่ทำ แต่ผมทำ เพราะผมถือเป็นเรื่องที่สำคัญคือต้องมากราบรายงานพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษี ว่าปีนี้มีพระอยู่ร่วมพรรษากี่รูป" แล้วก็เดินทางกลับวัดท่าขนุน รวมระยะทางกว่าเจ็ดร้อยกิโลเมตร แค่นั่งรถเดินทางไปกลับก็เหนื่อยแล้ว และสิ่งที่เราเห็นอยู่เป็นประจำทุกเดือนคือ การทำบุญถวายหลวงปู่สาย ตลอดจนครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่หลวงพ่อเคยปรนนิบัติรับใช้ อย่างที่เรา ๆ ท่านได้รับฟังเรื่องราวจากหลวงพ่อและที่ท่านได้สั่งสอนพวกเราเสมอมา ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์ ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 18-02-2010 เมื่อ 11:54 |
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#124
|
|||
|
|||
มงคลที่ ๔ ปฏิรูปเทสวาโส จ (การอยู่ในถิ่นอันสมควร) เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่ ทางมา-ไป ครบครัน ธัญญาหาร มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล ถิ่นอันสมควรควรประกอบด้วยสิ่งแวดล้อม ๔ อย่างได้แก่ ๑.อาวาสเป็นที่สบาย หมายถึง อยู่แล้วสบาย เช่นสะอาด เดินทางไปมาสะดวก อากาศดี เป็นแหล่งชุมชน ไม่มีแหล่งอบายมุข เป็นต้น ๒.อาหารเป็นที่สบาย หมายถึง อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ เช่นมีแหล่งอาหารที่สามารถจัดซื้อหามาได้ง่าย เป็นต้น ๓.บุคคลเป็นที่สบาย หมายถึง ที่ที่มีคนดี จิตใจโอบอ้อมอารี ถ้อยทีถ้อยอาศัย มีศีลธรรม ไม่มีโจร นักเลง หรือใกล้แหล่งอิทธิพล เป็นต้น ๔.ธรรมะเป็นที่สบาย หมายถึง มีที่พึ่งด้านธรรมะ มีที่ฟังธรรมเช่น มีวัดอยู่ในละแวกนั้น มีโรงเรียน หรือแหล่งศึกษาหาความรู้ เป็นต้น ในร่มเงาของพระพุทธศาสนาถือเป็น "การอยู่ในถิ่นอันสมควร" สมควรทั้งในรูปแบบของพระสงฆ์และฆราวาส "อาวาสเป็นที่สบาย" วัดท่าขนุนเป็นสถานที่อันสงบเงียบ และได้รับการดูแลปรับปรุงให้เป็นสถานที่ร่มเย็น ด้วยความดูแลเอาใจใส่ นำโดยหลวงพ่อและพระลูกวัดทุกท่าน งานทุกอย่างที่พวกผมกระทำได้ทำไปแล้วตอนที่บวช และงานทุกอย่างที่กำลังดำเนินการโดยพระภิกษุทุกรูปในขณะนี้ เป็นงานเพื่อพระพุทธศาสนา เป็นไปเพื่อความสงบ เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรม "อาหารเป็นที่สบายและบุคคลเป็นที่สบาย" ด้วยความศรัทธาของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติใด แต่รวมอยู่ในร่มเงาแห่งพระพุทธศานา ภาพชินตาตอนที่ออกบิณฑบาต ทำให้รู้สึกประทับใจทุกครั้งที่หวนนึกไปถึง อาหารกินที่อาจจะดูไม่เลิศหรูเหมือนอาหารของคนเมือง แต่ในเรื่องของคุณค่าทางโภชนาการและคุณค่าทางจิตใจแล้ว ไม่อาจจะตีมูลค่าออกมาได้ "ยอดฟักทองผัดน้ำมันหอย" กระผมเพิ่งเคยได้กินครั้งแรกก็ตอนบวชนี้แหละครับ สมุนไพรล้วน ๆ ดีต่อสุขภาพ ( ใครแย่งมีเหนี่ยว) กินอะไรก็อิ่มไปหมด อิ่มใจอิ่มบุญ เห็นญาติโยมรักในการทำบุญแล้วดีใจครับ...คนมอญ คนพม่า คนไทยในชนบท เขากราบพระแทบเท้า ถึงพื้นจะเปียกจะแฉะ เขาก็กราบด้วยความศรัทธาด้วยความเคารพจริง ๆ "ธรรมะเป็นที่สบาย" ถึงหลวงพ่อท่านจะมีภารกิจ มีงานมากมาย แต่ท่านให้ความสำคัญในเรื่องการสั่งสอนเสมอ หลังทำวัตรเย็นถือเป็นโอกาสทองที่จะเก็บเกี่ยวความรู้จากท่าน ในวันพระถ้าหลวงพ่อท่านอยู่วัด นอกจากญาติโยมทุกท่านที่มาทำบุญที่วัด พระเณรทุกรูปก็ได้ฟังธรรมจากท่านเช่นกัน สรุปใครจะบวชก็รีบสมัครเลยครับ
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 18-02-2010 เมื่อ 23:06 |
สมาชิก 67 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#125
|
|||
|
|||
มงคลที่ ๕ ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตา (เคยทำบุญมาแต่ก่อน) สำหรับข้อนี้ คำสั่งสอนของหลวงพ่อ ที่กระผมจำขึ้นใจก็คือ สมมติว่าถ้านรกสวรรค์ไม่มี ชาติหน้าไม่มี คุณตั้งใจทำความดีก็เสมอตัว แต่ถ้านรกมี สวรรค์มี ชาติหน้ามี คุณตั้งใจทำความดีคุณก็กำไร ถ้านรกสวรรค์ไม่มี ชาติหน้าไม่มี คุณทำชั่ว คุณก็เสมอตัว แต่ถ้านรกมี สวรรค์มี ชาติหน้ามี คุณทำชั่ว คุณก็ขาดทุน เพราะฉะนั้น..คุณก็เลือกเอาด้วยปัญญาของคุณเองว่า คุณจะเอาเสมอตัวกับกำไรดี หรือ ว่าเสมอตัวกับขาดทุนดี เลือกเอา ๒ ประตู และประโยคที่ว่า "การจะได้เกิดมาเป็นมุนษย์ สมบูรณ์ด้วยอาการ ๓๒ นั้นก็ยาก ได้เกิดแล้วมาพบพระพุทธศาสนานั้นก็ยาก พบพระพุทธศาสนาแล้วจะได้ปฏิบัติ จะได้ฟังธรรมก็แสนยาก......" ถือได้ว่าเราท่าน ๆ เป็นผู้มีบุญ ขึ้นชื่อว่าบุญนั้น มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้คือ ๑. ทำให้กาย วาจา และใจ สะอาดได้ ๒. นำมาซึ่งความสุข ๓. ติดตามไปได้ หมายถึงบุญจะติดตัวเราไปได้ตลอดจนถึงชาติหน้า ๔. เป็นของเฉพาะตน หมายถึงขอยืม หรือแบ่งกันไม่ได้ ทำเองได้เอง ๕. เป็นที่มาของโภคทรัพย์ทั้งหลาย คือว่าผลของบุญจะบันดาลให้เกิดขึ้นได้เองโดยไม่ได้หวังผล ๖. ให้มนุษย์สมบัติ ทิพย์สมบัติ และนิพพานสมบัติแก่เราได้ หมายถึงความสมบูรณ์ตั้งแต่ทางโลก จนถึงนิพพานได้เลย ๗. เป็นปัจจัยให้ถึงซึ่งนิพพาน ก็คือเป็นปัจจัยในการส่งเสริมให้บรรลุถึงนิพพานได้เร็วขึ้นเมื่อปฏิบัติ ๘. เป็นเกราะป้องกันภัยในวัฏสงสาร หมายถึงในวงจรการเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือที่เรียกว่าเวียนว่ายตายเกิดนั้น บุญจะคุ้มครองให้ผู้นั้นเกิดในที่ดี อยู่อย่างมีความสุข หรือตายอย่างไม่ทรมาน ขึ้นอยู่กับกำลังบุญที่สร้างสมมา การทำบุญนั้นมีหลายวิธี แต่พอสรุปได้สั้น ๆ ดังนี้คือ ๑.การทำทาน ๒.การรักษาศีล ๓.การเจริญภาวนา กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้ จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐจริง เรื่องของธรรมะเป็นสากล ใครก็ตามที่เห็นตัวทุกข์ ก็เห็นธรรมเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้ารีบปฏิบัติให้ต่อเนื่อง ไปอารมณ์ก็จะทรงตัว ก็จะได้เลย ส่วนใหญ่พวกเราจะเห็นเป็นพัก ๆ ถ้าทุกข์มาก ๆ ขึ้นมาก็กำลังใจดีหน่อย พอความทุกข์เลยไปก็เริ่มเละใหม่ ทำกันไม่ต่อเนื่อง "การปฏิบัติทุกอย่างทั้งทางโลกทางธรรม ถ้าขาดการต่อเนื่องผลงานจะไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องของทางธรรม ถ้าขาดการต่อเนื่องกำลังของ "อกุศลกรรม" แทรกได้เมื่อไรนี่ ตีคืนได้ยากแล้ว เหนื่อยสาหัสเลย" สิ่งหนึ่งที่กระผมอธิษฐานเป็นประจำคือ "บุญไม่ว่าจะเล็กน้อย จะใหญ่หลวงประการใด ขอให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสสร้างบุญนั้น ส่วนบาปจะเล็กจะน้อยประการใด ก็ขอให้ข้าพเจ้าอย่าได้เกี่ยวข้องใด ๆ เลย" ป.ล. แถมครับ
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 19-02-2010 เมื่อ 12:25 |
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#126
|
|||
|
|||
มงคลที่๖ อตฺตสมฺมาปณิธิ จ(การตั้งตนชอบ) ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา "อัตตะ" หรือ "ตน" หมายถึง กายกับใจ (ไม่ใช่ตัวกูของกูนะครับ นั่นพ่อกู นี่พี่กู โน่นเมียกูในอดีตชาติ......) การตั้งตนไว้ชอบคือ การวางตัวในการดำรงชีพหรือในชีวิตประจำวัน ได้อย่างถูกต้องและมั่นคง ดำเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ด้วยความถูกต้องและสุจริต อยู่ในสัมมาอาชีพ มีแผนการที่จะไปให้ถึงจุดหมายนั้นด้วยความไม่ประมาท มีการเตรียมพร้อม และมีความอดทนไม่ละทิ้งกลางคัน จึงจะได้ชื่อว่าเป็นคนมีคุณภาพชีวิต การตั้งตนไว้ชอบเป็นมงคล เพราะเป็นการสร้างความมั่นคง ความปลอดภัยแก่ตนเอง เป็นตัวอย่างที่ดีแก่คนอื่น มีความก้าวหน้า เป็นผู้ป้องกันภัยในอบายภูมิ และได้รับสมบัติ ๓ ประการคือ มนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ และนิพพานสมบัติ
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-02-2010 เมื่อ 02:41 |
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#127
|
|||
|
|||
ขอคั่นรายการด้วยงานบุญในวันมาฆบูชาครับ
"โยม...การจุดประทีปบูชาพระรัตนตรัยและพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ ขอให้โยมตั้งใจว่า ประทีปแต่ละดวงที่โยมจุดนั้น ขอบูชาซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐมจนถึงพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรมและพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่าประทีปที่โยมจุดแต่ละดวงนั้น โยมมุ่งมาดปรารถนาอะไร ด้วยอานิสงส์ในการตั้งจิตตั้งใจจุดประทีปบูชานี้ จะส่งผลให้โยมถึงสิ่งที่โยมมุ่งมาดปรารถนาโดยง่าย สถานที่ที่จะจุดประทีปบูชาพระรัตนตรัยนั้นหาไม่ได้ง่าย ๆ เมื่อเจอแล้วจะได้มีโอกาสจุดถวายก็ไม่ได้ง่ายเช่นกัน ไม่ใช่แค่สักจุดส่งไปเรื่อยเปื่อย อันนั้นถือว่าใช้ไม่ได้"
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-03-2010 เมื่อ 12:36 |
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#128
|
||||
|
||||
ที่ไหนครับ ผมชอบชั้นวางครอบแก้วเชิงเทียน
__________________
_/\_ นิพพานัง สุขัง _/\_ |
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นวศรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#129
|
|||
|
|||
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม |
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#130
|
|||
|
|||
ตรงสำนักสงฆ์ แยกก่อนขึ้นไหว้พระใหญ่หรือเปล่าครับ?
ถ้าไปทางซ้ายจะขึ้นไปพระใหญ่ แยกไปทางขวา เลี้ยวซ้าย ตรงไป เลี้ยวซ้ายไปตามทางขึ้นเขา เชิงเทียนคุ้น ๆ เหมือนเคยขึ้นไปกราบพระที่จำพรรษาที่สำนักสงฆ์ |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#131
|
|||
|
|||
หลวงพี่: โยม.... การจุดประทีปบูชาพระรัตนตรัยและพระบรมสารีริกธาตุ ให้โยมตั้งใจนะ.......
ทิดรัตน์-ทัดฤทธิ์: ปกติกระผมก็ท่องบทอิติปิโส บางครั้งก็คาถาเงินล้าน บางครั้งภาวนา "เตโช" บางครั้งก็คาถาต่าง ๆ ขอรับ แล้วจึงตั้งจิตอธิษฐานความประสงค์ในประทีปแต่ละดวงขอรับ ซึ่งแรก ๆ ก็ดีอยู่ขอรับ แต่จุดไปจุดมา งานนี้เห็นว่าคงจะใช้เวลาในการจุดไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง เห็นคนอื่นเขาจุดเสร็จก่อนผมตั้งนาน ทำไปทำมากระผมเลยรีบจุด...แล้วค่อยมาตั้งจิตอธิษฐานที่หลังขอรับ หลวงพี่: ไม่ถูกนะโยม จำเอาไว้! ให้ตั้งจิตอธิษฐานให้มั่นคงก่อนประทีปดวงแรกให้ถวายเป็นสักการะบูชาต่อ "สมเด็จองค์ปฐม" แล้วให้โยมอธิฐานสั้น ๆ อย่างตั้งใจว่า "ข้าพเจ้าขอบูชาประทีปถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐม ขออานิสงส์นี้จงเป็น.......แด่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ" ดวงต่อไปถวายต่อ "องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน อนาคต" และไล่เรียงต่อไปจนถึงพระอริยสงฆ์ครูบาอาจารย์.....ไปเรื่อย จำเอาไว้ให้เสมอว่า เราจุดประทีปบูชาพระรัตนตรัยและพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ ที่หลวงพี่ก็พูดไปโยมไปพิจารณาเอาเองนะ ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์: ขอรับหลวงพี่
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 14-03-2010 เมื่อ 21:02 |
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#132
|
|||
|
|||
....ที่หายไปนาน ไม่ได้หายไปไหนนะครับ กำลังหาข้อมูลในการปฏิบัติตามสภาวะปัจจุบันอยู่ครับ มีหลากหลายเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต....การเกิดมันเป็นทุกข์จริง ๆ เซ็ง!
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม |
สมาชิก 57 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#133
|
|||
|
|||
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา.......กระผมใช้เวลาในการจุดประทีปบูชาพระรัตนตรัยและพระบรมสารีริกธาตุ ร่วมชั่วโมงกว่า ๆ แต่ละดวงประทีป แต่ละคำอธิษฐาน มันปักแน่นและดิ่งลงไปตามกำลังใจในขณะนั้น ความรู้สึกมันรวมตัวอยู่ มันฟู มันเห็นแต่ละกระบวนการผ่านไปอย่างชัดเจน......ภาพพระที่รู้สึกในแต่ละดวงประทีป เป็นไปตามสมาธิในการจุดประทีปดวงนั้น ๆ
ทัดฤทธิ์: หลวงพี่ขอรับ วันนี้กระผมรู้สึกว่าเหมือนได้จุดประทีปจริง ๆ ขอรับ ประทีปแต่ละดวงมีความหมาย มีความรู้สึกตามจิตที่อธิษฐานขอรับ หลวงพี่: ดีมากโยม...สาธุ ๆ ที่ผ่านมามันเป็นแค่การซ้อม แต่คราวนี้โยมได้จุดประทีปจริง ๆ ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ และแล้วมันก็ถึงเวลาของมัน ต้องแบบนี้สิ ถึงจะเรียกว่าถูกต้อง ค่อย ๆ เรียนรู้ไป ก่อนหน้านั้น หลวงพี่ท่านมีเรื่องกระซิบบอกกระผมว่า "โยม พระบรมสารีริกธาตุที่โยมถวายมา ขนาดอาตมาแค่จะยกมือข้ามพระองค์ท่าน อาตมายังทำไม่ได้เลย เทวดาที่ดูแลท่านไม่ยอม แล้วพระบรมสารีริกธาตุหลาย ๆ พระองค์ท่านเปลี่ยนวรรณเป็นแก้วใสสวยงามมาก นี้แหละโยม พระพุทธบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ช่างเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก...สาธุ ๆ"
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 08-04-2010 เมื่อ 20:52 |
สมาชิก 67 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#134
|
|||
|
|||
หลวงพ่อเงินไหลมาเทมาและพระแก้วใสทรงเครื่องปางพระจักรพรรดิ์
ทัดฤทธิ์: หลวงพี่ขอรับ กระผมขอกราบอนุญาต ถวายพระแก้วใสทรงเครื่องปางพระจักรพรรดิ์ของวัดท่าซุง ขอหลวงพี่โปรดเมตตารับไว้ด้วยนะขอรับ หลวงพี่:.............(เงียบ) และแล้วเมื่อถึงวาระ ทัดฤทธิ์: หลวงพี่ขอรับ กระผมนำพระมาถวายขอรับ หลวงพี่: สาธุ ๆ เป็นไปตามที่โยมกล่าวไว้จริง ๆ นะ ทัดฤทธิ์: สถานที่นี้ศักดิ์สิทธิ์ครับ เมื่อพูดอะไรออกไปกระผมเองก็มั่นใจในสิ่งที่กระผมพูดขอรับ ว่าสามารถทำได้ขอรับและกระผมขอถวายพระบรมสารีริกธาตุพระองค์หนึ่ง ซึ่งกระผมถือว่าเป็นของสำคัญยิ่งในชีวิตกระผม เพราะท่านเสด็จมาให้เห็นกับตาขอรับ หลวงพี่:..........(เงียบ) และแล้วเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ผ่านไป หลวงพี่: โยมเป็นคนมีบุญนะ หลังจากที่โยมถวายพระแก้วใสมานั้น สถานที่นี้ก็บังเกิดเรื่องดี ๆ ขึ้นมาหลาย ๆ เรื่อง พระแก้วใสพระองค์นี้ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก แม้แต่เรื่องร้าย ๆ ในชีวิตของโยม ด้วยพระบารมีและอานิสงส์ในการถวายพระพุทธรูป ท่านยังคุ้มครองโยมชนิดที่เรียกว่ากลับจากเรื่องร้าย ๆ ให้กลายเป็นดี ชนิดที่เรียกว่าเส้นยาแดงผ่าแปด สาธุ ๆ บุญรักษาโยม บุญคือสิ่งสำคัญ จะเล็ก จะใหญ่ จะมาก จะน้อย ก็ขอให้หมั่นทำเอาไว้ และแล้วเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ผ่านไปอีกวาระ ทัดฤทธิ์: หลวงพี่ขอรับ กระผมกราบขอความเมตตา กระผมขอถวายหลวงพ่อเงินไหลมาเทมาขอรับ ขอหลวงพี่โปรดรับไว้ด้วย หลวงพี่: เมื่อไหร่หรือโยม ทัดฤทธิ์: หลังงานเป่ายันต์เกราะเพชรขอรับ หลวงพี่: สาธุ ๆ พุทโธ ๆ และแล้วเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ผ่านไปวาระหนึ่ง หลวงพี่: โยม...สมเด็จองค์ปฐมท่านเสด็จมาเมื่อคืน หลวงพ่อเงินไหลมานั้นแหละ ท่านมาปางบิณฑบาต สาธุ ๆ อาตมาได้รับนิมิตเมื่อคืนนี้ นี่แหละโยมพระพุทธบารมีของพระองค์ท่าน ทัดฤทธิ์: สาธุ ๆ ขอรับ
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย โอรส : 15-04-2010 เมื่อ 21:33 |
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#135
|
|||
|
|||
บุญมันส่งผลแต่ด้านดีเสมอ.......สาธุ ช่วงนี้บุญส่งผล แต่กระผมก็ไม่ประมาทเสมอเช่นกันขอรับ
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม |
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#136
|
|||
|
|||
ความบังเอิญหรือพลั้งปากไป
เช้า ๆ บรรยากาศสดใส ขับรถคู่ใจพาคุณแม่ไปทานอาหารเช้า กำลังเพลิน ๆ จิตสบาย ๆ ปี๊น! ๆ ๆ ๆ เสียงแตรของรถเก๋งส่วนบุคคลคันงาม ขับมาด้วยความเร็ว แถมกดแตรไล่หลัง ทั้ง ๆ ที่ถนนก็ว่าง สามารถแซงไปได้สบาย ๆ ทัดฤทธิ์: สงสัยซื้อใบขับขี่มา....ขับรถแบบนี้ เดี๋ยวก็ได้หงายท้องอยู่ข้างทาง และแล้วรถเก๋งคนงามนั้นก็ขับแซงขึ้นไป ไม่ถึงชั่วอึดใจ รถคันนั้นก็เสียหลัก แหกโค้งเล็ก ๆ กระโจนลงไปนอนตะแคงอยู่ในปลักโคลน ทัดฤทธิ์: โอ้....เวรละสิ จิตคิดไป หรือบังเอิญหรือเปล่า...ถ้าคนขับตายขึ้นมาละซวยเลย กระผมรีบจอดรถ แล้ววิ่งลงไปให้ช่วยเหลือ มองเข้าไปเห็นน้องผู้หญิง อ้าว..แถมรู้จักกันด้วย พยายามบอกให้ตั้งสติและปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วให้พยายามเปิดประตู โดยกระผมดึงประตูจากด้านนอกให้ ไม่นานก็มีผู้ร่วมทางอีกท่านสองเข้ามาช่วยกันอีกสองแรง โชคดีที่น้องสาวคนนั้นไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แค่ตกใจขวัญหนีดีฝ่อไปนิดหน่อย จะกอดให้น้องเขาให้กำลังใจก็ทำไม่ได้ เพราะแม่มาด้วย ยังสรุปไม่ได้ว่าบังเอิญหรือว่าอย่างไร แค่คิดเบา ๆ ไปก็เท่านั้นเอง
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 18-04-2010 เมื่อ 17:53 |
สมาชิก 58 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#137
|
||||
|
||||
อยากให้พี่ลองคิดว่าผมเป็นเศรษฐีพันล้านดูบ้างครับ !!!
|
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#138
|
|||
|
|||
ผมว่าจะคิดให้คุณมาก้มเก็บสบู่ที่บ้านผม.....ดีไหมครับ?
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 18-04-2010 เมื่อ 17:52 |
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#139
|
|||
|
|||
สงกรานต์ที่ผ่านมา (ขอจองพื้นที่ไว้ก่อนครับ)
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม |
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#140
|
|||
|
|||
ขออภัยหลาย ๆ ท่านครับกระผมติดงานอยู่ต่างจังหวัด งานนี้ก็ต้อง "ชดใช้กรรม" ไปตามระเบียบ ไม่รู้ไปติดหนี้กรรม "ฝรั่ง" ตั้งแต่ชาติปางไหน งานนี้ได้สภาวธรรมมากมาย การที่เราจะเรียกตัวเองว่า เป็น "นักดูนก" "นักนิยมไพร" หรือแม้แต่ "นักปฏิบัติธรรม" ก็เช่นกัน มันก็ต้องมองให้ละเอียด
ฝรั่งคนนี้เขาเรียกว่าเป็น นักดูนก แต่ไม่ชอบเดินป่า ไม่ชอบอากาศร้อน ไม่ชอบสะพายกล้องหรือข้าวของอื่น ๆ ของตัวเอง แต่ก็ถูกของเขานะครับ เพราะเขาบอกว่า เขาคือนักดูนก คือดูอย่างเดียว อย่างอื่นไม่เอา ไม่เดิน ไม่แบก ไม่สะพาย ก็เลยกลายเป็นกรรมของผม อึดอัดกับสภาวะแบบนี้ แต่ก็พยายามจับภาพพระ ฝรั่งเองแจ้งรายละเอียดมาไม่ครบ ไม่ละเอียด เขาต้องการดู "นกแต้วแล้ว" แต่ไม่แจ้งมาในรายละเอียด ผมเองก็แก้ปัญหาโดย "ขอบารมีพระ" ในที่สุดก็ได้เจอนกแต้วแล้วจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้สร้างความพึงพอใจให้เขาได้มากนัก งานนี้เล่นเอาปวดหัวไปตามจังหวะชีวิตครับ
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 23-04-2010 เมื่อ 18:37 |
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) | |
|
|