|
เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#141
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่บ้านเรามีอย่างหนึ่งซึ่งอยากให้ทำ ถ้าหากว่าทำได้จะเป็นการยกย่องพระเกียรติของสมเด็จพระสังฆราชของเราให้ยิ่งใหญ่กว่าปัจจุบันนี้อีกมาก ก็คือ ถ้าหากว่าสมเด็จพระราชาคณะรูปใดก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ควรจะไปประทับประจำที่พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราชในพุทธมณฑล
เพราะคำว่า สกลมหาสังฆปรินายก คือ เป็นผู้นำของหมู่สงฆ์ทั้งมวล แต่ปัจจุบันนี้มักจะกลายเป็น สมเด็จพระสังฆราชวัดราชบพิธฯ สมเด็จพระสังฆราชวัดบวรฯ กลายเป็นสมเด็จพระสังฆราชเฉพาะวัดเดียวไป ถ้าหากว่าสมเด็จพระสังฆราชสามารถประทับประจำอยู่ที่พุทธมณฑลได้ โดยวัดที่ทรงครองก็ตั้งให้ผู้ช่วยท่านใดท่านหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจดูแลแทนไป เชื่อว่าการบริหารงานคณะสงฆ์ก็ดี ตลอดจนความรู้สึกถึงพระองค์ท่านในแง่สมเด็จพระสังฆราชของหมู่สงฆ์ทั้งประเทศก็ดี จะยิ่งใหญ่กว่านี้อีกมาก ไม่เช่นนั้นก็กลายเป็นว่า เป็นสมเด็จพระสังฆราชเฉพาะวัดนั้นวัดนี้ไป แต่คราวนี้ว่า อาตมาเป็นเพียงพระเล็กเณรน้อย โอกาสที่จะนำเสนอแนวความคิดอย่างนี้ก็ไม่มี ถึงนำเสนอไปก็ไม่ทราบว่าจะได้รับความเห็นชอบหรือเปล่า ก็ได้แต่ปรารภให้พวกเราฟัง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2011 เมื่อ 03:41 |
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#142
|
||||
|
||||
"อย่างของศาสนาคริสต์ เวลาเขาเลือกพระสันตะปาปาจากบรรดาพระคาร์ดินัลต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นพระคาร์ดินัลรูปใดก็ตามถ้าได้รับเลือก ก็ต้องไปอยู่ประจำที่วาติกัน เมื่อมีศูนย์รวมแล้ว การบริหารทั้งโลกก็จะออกจากส่วนกลางนี้ไป
ดังนั้น..ในความรู้สึกของคนคริสต์แล้ว พระสันตะปาปานั้นยิ่งใหญ่มาก อะไรที่ดี เราก็น่าจะเลียนแบบนะ โดยเฉพาะพุทธมณฑลของเราสร้างมายิ่งใหญ่อลังการ แต่ใช้งานไม่ค่อยคุ้ม ถ้าสมเด็จพระสังฆราชทรงบัญชาการคณะสงฆ์อยู่ที่นั่น จะใช้งานได้คุ้มกว่านี้อีกมาก ปัจจุบันนี้มีการประชุมมหาเถรสมาคมเดือนละ ๓ ครั้ง ที่หอประชุมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ก็เท่ากับว่ามีการใช้งานพุทธมณฑลเดือนละ ๓ วันเท่านั้น และไม่เต็มวันเสียด้วย ส่วนที่เหลือก็ต้องรอวันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา ถึงจะได้ใช้งานกันที"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2011 เมื่อ 03:48 |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#143
|
||||
|
||||
"วันนี้พระวัดท่าขนุน ๒ รูป ไปเข้าร่วมปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติในหลวงที่พุทธมณฑล เขาต้องการ ๒,๕๕๓ รูป กำหนดว่าให้วัดท่าขนุนส่งไป ๒ รูป ปรากฏว่าอาสาสมัครมีมากเกินจำนวน ต้องจับสลากเอา
ตอนแรกเขาอยากมากันเอง อาตมาก็ไม่รู้หรอก แต่พอได้ตัวแล้ว อาตมาให้เงินค่ารถคนละ ๑,๐๐๐ บาท เขายิ่งอยากจะมากันใหญ่ ที่อยากมาคืออยากจะมาอยู่ธุดงค์ เขาให้เอากลดเอาบาตรมาด้วย พอมีค่ารถจากพระอาจารย์ด้วย เขาก็ยิ่งอยากมากันใหญ่ ที่เขากำหนดจำนวนไว้เท่านั้น ก็เพื่อจะรวมจำนวนพระจากแต่ละวัดแล้ว ให้มีจำนวน ๒,๕๕๓ รูปพอดี ถ้าเจ้าอาวาสไปไม่ได้ก็ให้พระในวัดไปแทน จะว่าไปแล้วทางคณะสงฆ์มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาโดยตลอด ในปัจจุบันจะมีการเจริญโพชฌงคปริตรจากคณะสงฆ์ทั่วประเทศถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งเช้าและเย็น พูดง่าย ๆ ว่าทั้งทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น จะต้องเจริญโพชฌงคปริตร ๓ จบ เพื่อถวายในหลวงโดยเฉพาะ เมื่อวันก่อนนิมิตเจอพระองค์ท่าน พระองค์ตรัสว่า "ตอนนี้โรคภัยต่าง ๆ หายหมดแล้ว ยกเว้นแต่โรคคนแก่ ถ้าโรคนี้หาย เราก็คงต้องหายไปด้วย.." จะว่าไปแล้ว ในหลวงของเราทรงมีพระราชอารมณ์ขันเยอะมาก และมีอารมณ์ขันในลักษณะของนักเล่าเรื่องตลกชั้นดี ก็คือไม่หัวเราะเอง พูดแล้วคนอื่นคิดได้ก็นั่งหัวเราะ ส่วนพระองค์ท่านประทับนั่งพระพักตร์เรียบเฉย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-01-2011 เมื่อ 10:46 |
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) | |
|
|