|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#161
|
||||
|
||||
ถาม : ทำไมเราอยู่กับกองทุกข์แล้วไม่ค่อยจะเห็นทุกข์ครับ ?
ตอบ : ก็ไปคิดว่าเป็นความสุข เพราะว่าตัณหาคือตัวอยาก ทำให้ยึดมั่นถือมั่น อยากได้ อยากมี อยากเป็น พอมีแล้วก็ไม่อยากให้มี ไม่อยากให้ได้ ไม่อยากให้เป็น ถามว่า “ไม่อยาก เป็นตัณหาหรือ ? ” เป็นชัด ๆ เลย ไม่อยากแก่ก็คืออยากไม่แก่ ไม่อยากเจ็บคืออยากไม่เจ็บ ไม่อยากตายคืออยากไม่ตาย อยากนั่นแหละ แต่กลับข้างกัน ท่านถึงได้เรียก ภวตัณหา คือสภาพปกติ วิภวตัณหา คือ สภาพที่ตรงกันข้ามกับปกติ “วิ” เป็นคำอุปสรรค คือคำนำหน้า แปลว่าวิเศษ แปลว่าแจ่มแจ้ง แปลว่าแตกต่าง ฉะนั้น...วิภวตัณหาก็คือแตกต่างจากสภาพปกติ คือแทนที่จะอยากก็ไม่อยากแล้ว แต่ว่าไม่อยากนั้นแหละคืออยาก เรื่องของธรรมะนั้นลึกซึ้ง ถ้าอธิบายไม่ถูกก็มึน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2018 เมื่อ 21:35 |
สมาชิก 101 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#162
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าว่า "วันก่อนหลวงปู่ท้วมก็เพิ่งจะมรณภาพ หลวงปู่ท่อนทางอีสานก็ไปอีกองค์หนึ่งแล้ว คราวนี้ในช่วงที่ท่านไปกัน ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่าเป็นช่วงรอยต่ออากาศ อย่างช่วงก่อนที่ญาติโยมตายหรือพระมรณภาพกัน ก็คือช่วงฝนต่อหนาว คราวนี้ก็ช่วงหนาวต่อร้อน เป็นช่วงอากาศเปลี่ยน สภาพร่างกายรับไม่ไหว บ้านใครมีคนแก่มีคนเจ็บดูแลไม่ดีก็ไปหมด เพราะว่าในช่วงแบบนี้อาการไข้จะกำเริบ ภาษาจีนเขาบอกว่าอากาศวิปริต
ช่วงอากาศวิปริตนี้คนที่เคยผ่าตัด หรือได้รับบาดเจ็บหนัก ๆ ถึงขนาดกระตูกแตกกระดูกหักมา ข้างในจะเจ็บไปหมด บางคนรู้สึกว่าแสบร้อนแผลผ่าตัดทั้ง ๆ ที่หายมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว นั่นแหละ...ฝีมืออากาศเปลี่ยน พอร่างกายคนแก่หรือคนป่วยที่อ่อนแออยู่แล้ว ทนการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ก็ไปเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2018 เมื่อ 21:37 |
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#163
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้เหรียญเก่าที่เขาหากันก็คือเหรียญปี ๒๕๑๗ หรือเหรียญครุฑ เพราะว่าพวกที่พกเข้าป่าแล้วโดนผีป่าหลอก พอเจอเหรียญครุฑไปนี่ผีกระเจิงหมด เป็นเหรียญที่ขลังโดยไม่ต้องเสก ใคร ๆ ก็หากันใหญ่ ก็ไม่ใช่เหรียญเก่ามากนะ ยังพอมีหลง ๆ อยู่บ้าง
แปลกนะ...รุ่นอื่น ๆ ก็ใช้ไม่ได้ผล รุ่นนี้กลับใช้ได้ผล ปรากฏว่าทางโหราศาสตร์เขาอธิบายว่าพวกตัวเลขต่าง ๆ จะลงตัวดิน น้ำ ลม ไฟพอดี ในเมื่อลงตัวพอดีก็ไม่ต้องไปปลุกเสกตั้งธาตุหนุนธาตุเรียกธาตุกันอีก ใช้ได้เลย”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2018 เมื่อ 22:09 |
สมาชิก 107 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#164
|
||||
|
||||
ถาม : (พระถาม) เคยฟังพระท่านหนึ่งบอกว่า ทำกำลังใจให้ถูกต้อง สวดให้ถูกต้อง ผีต้องออก ?
ตอบ : อยู่ที่กำลังใจเราครับ แบบเดียวกับอาแปะคนหนึ่งไปวัด พระถามว่า "อาแปะ..สวดมนต์เป็นไหม ?" แกบอกว่า "ไม่เป็น" "นะโม ตัสสะ ได้ไหม ?" ได้...อย่างนั้นเอาแค่ “นะโม ตัสสะ” สวดไว้ทุกวัน ป้องกันอันตรายได้ทุกอย่าง ปรากฏว่าอาแปะแกโดนผีหลอก ใคร ๆ ก็ทำอะไรไม่ได้ อาแปะแก “นะโม ตัสสะ” เมื่อไรผีหนีเมื่อนั้น เพราะว่าใจแกมั่น พระบอกว่าอันนี้ดีแกก็เชื่อ ตั้งแต่นั้นมาอาแปะไม่เอาอะไร เอา "นะโม ตัสสะ" เท่านั้น แบบเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่าคาถาบทไหน ๆ ผีก็ไม่กลัว บางบทท่องไปแล้วผีบอกว่า “มึงท่องได้ครึ่งเดียว” แล้วผีก็ต่อให้อีกครึ่งหนึ่ง ท้ายสุดท่านเลยคิดว่า "สามโลกนี้ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าพระพุทธเจ้าอีกแล้ว" ก็เลยตั้งใจอาราธนาพระพุทธเจ้า ท่องว่า “พุทโธ” เป่าทีเดียวผีกระเด็นหายไปเลย นั้นแหละ...คือลักษณะของสภาพจิตที่เปิด ยอมรับอำนาจของพุทธคุณ เพราะว่าโดนผีกดอยู่ กระดิกไม่ได้ สมัยที่ผมโดนกดอยู่ก็เหมือนกัน ว่าคาถาเป่าไป ผีเอียงหน้าหลบนิดเดียว แล้วบอกว่า “ไม่ถูก” กวนจริง ๆ ถาม : เป็นพวกเพื่อน ๆ หรือเปล่าครับ ? ตอบ : ส่วนใหญ่ก็พวกนั้นแหละ เพียงแต่ว่าเขาอยากลองกำลังใจดูว่าเราจะเกาะพระ เกาะความดีได้ไหม ? ผมก็นักบู๊เก่า ไม่มีนึกถึงหรอก สู้อย่างเดียวเลย สู้กันอยู่เป็นปี ๆ เสียงตึงตังโครมครามทุกวัน จนป้ากิมกีสงสัยถามว่า "หลวงพี่ย้ายของอะไรกันอยู่ทุกวัน ?" ย้ายที่ไหนเล่า ? ผีรุมฟัดตู เพราะว่ากุฏิอยู่หลังร้านแก เป็นกุฏิป้อมยาม ๔ มุมวัด หลวงตาวัชรชัยท่านอยู่มุมหลังที่อยู่ใกล้เมรุ ส่วนอีกสองมุมกลายเป็นที่เก็บของไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2018 เมื่อ 03:26 |
สมาชิก 99 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#165
|
||||
|
||||
ตอนแรกมีหลวงตาสวัสดิ์กับหลวงตาสมชายอยู่ ตอนหลังหลวงตาสมชายย้ายไปอยู่ที่ศาลาพระพินิจ หลวงตาสวัสดิ์ก็ย้ายไปกุฏิ ๑๐ หลัง ก็เลยว่างอยู่ ๒ ป้อม จะเป็นป้อมมุมวัด สองป้อมหลังจะติดศาลา ๑๒ ไร่เลย สองป้อมหน้าก็จะอยู่ตรงมุมวัดพอดี ผีดุฉิบหา...เลย โดนที่นั่นจนไปที่ไหนก็ไม่กลัวผีแล้ว เพราะว่าที่ดุที่สุดนั้นอยู่ในวัด
กลางวันแสก ๆ ก็มา เที่ยง ๆ ก็มา บ่าย ๆ ก็มา ใครว่าผีต้องรอให้มืดแล้วหลอก ? ไม่จริงหรอก พ่อเดินทะลุข้างฝาเข้ามาเลย แต่ท่านก็คงเบื่อนะ มาทีไรผมสู้ทุกที ไม่มีหรอกที่จะกลัว ไม่ได้นึกถึงพระ ไม่ได้นึกถึงนิพพานอะไรเลย คนอื่นนึกได้เขาก็เลิกเลย อย่างรุ่นน้องที่พรรษาติดกัน คือท่านโกวิทซึ่งกลายเป็นทิดไปนานแล้ว บอกว่าโดนบีบคอหายใจไม่ได้ จนกระทั่งจะขาดใจอยู่แล้ว ท้ายสุดก็ตัดใจ "ตายก็ตายละวะ กูไปนิพพานละคราวนี้" ผีปล่อยแล้วยื่นหน้ามาบอกว่า “ไอ้หน้าอย่างนี้นะหรือจะไปนิพพาน ?” กวนขนาด...! พอนึกถึงความดีได้เขาก็เลิก ผมนึกไม่ได้ ไม่เคยนึกเลยว่าจะให้ใครช่วย สู้อย่างเดียวจริง ๆ สัญชาตญาณที่ฝังลึกในจิตใจนี่เหลือเกิน ไม่ยอมนึกถึงพระ ไม่ยอมนึกถึงครูบาอาจารย์หรือพรหมเทวดา อะไรก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ สู้เองเลย โดนอยู่ ๓ ปีเต็ม ๆ เล่นผม ๓ พรรษาไม่สามารถนึกถึงความดีอะไรได้ เขาคงจะเบื่อจึงเลิกไป ไม่อย่างนั้นก็ตีกันอยู่ทุกวัน เขาจะมีขาประจำมาอยู่ ๖ ตัว ผมจำแม่นเลย เห็นหน้าปุ๊บจำได้เลย มาเป็นตัว ๆ เลย ถึงเวลาเขาจับแขนกดไว้ ถ้าตั้งใจมองจะไม่เห็นอะไร แต่ถ้าไม่ตั้งใจมองจะเห็นแขนเงา ๆ ใส ๆ กดอยู่ แต่สัมผัสเหมือนกับเนื้อคนนี่แหละ ถึงได้รู้ว่าที่ผีหักคอคนได้เป็นอย่างนี้เอง เพราะสัมผัสเหมือนเนื้อคน แต่ถ้าตั้งใจมองจะทะลุไปเห็นอย่างอื่นข้างหลังด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2018 เมื่อ 03:30 |
สมาชิก 100 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#166
|
||||
|
||||
ถาม : หลวงพ่อวัดท่าซุงสมัยอยู่วัดบางนมโคก็โดนเหมือนกันนี่ครับ ?
ตอบ : ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติเขาจะมาลองทุกคน หลวงพี่สามารถท่านกระเด็นจากชั้นบนลงมาชั้นล่างเลย คือท่านมาทางราคจริต ผีจึงมาเป็นผู้หญิง แก้ผ้านอนซ้อนหลังแล้วกอดอยู่ ท้ายสุดท่านก็ “อีห่..นี่ แกล้งดีนัก ปล้ำแม่..เลยวะ” แกก็หันไปจะปล้ำ ผีถีบทีเดียวกระเด็นจากชั้นบนลงมาชั้นล่างเลย บันไดตั้ง ๗-๘ ขั้น แค่เราคิดจะทำอะไรนี่ผีก็รู้หมด ที่พี่สามารถคิดจะปล้ำนี่เขารู้ตั้งแต่คิดแล้ว เขารอจังหวะพลิกตัวมาก็ถีบตกบันไดไปเลย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2018 เมื่อ 03:32 |
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#167
|
||||
|
||||
เก็บตกเดือนเมษายน ๒๕๖๑ หมดแล้วค่ะ
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และเผือกน้อย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|