#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๗
|
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เมื่อคืนนี้ เครื่องบินลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองตอน ๕ ทุ่มตรง แต่กว่าที่จะรอคณะรับข้าวของเสร็จ ก็เที่ยงคืนครึ่งเห็นจะได้ แล้วกระผม/อาตมภาพยังต้องนั่งรอรถแท็กซี่ ที่ขาดช่วงอีกพักใหญ่ กว่าจะไปถึงวัดอุทยานก็ตี ๑ กว่า เกือบตี ๒ แล้ว จึงตัดสินใจว่า "ไม่นอนละ..!" เพราะว่าถ้านอนก็ยาวแน่ ๆ จึงทำงานไปเรื่อย โดยเฉพาะการตรวจแก้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ซึ่งมีข้อผิดพลาดอยู่ ก็คือตรงท่าเรือตามก็อก แม่น้ำมังกรแดง ตอนแรกคิดว่าเป็นชื่อเดียวกับวัดตามจุ๊ก ตอนนี้ได้เข้าไปแก้ไขข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ในเรื่องของเวียดนามนั้น ส่วนหนึ่งที่น่ากลัวมาก ๆ เลยก็คือ ทุกคนพูดภาษาไทยได้ดี สื่อสารได้ชัดเจน แม้ว่าจะออกสำเนียงเวียดนามพูดไทยก็ตาม แปลว่าเขาเตรียมทำมาหากินกับเราอย่างเต็มที่เลย โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยว ไปได้เลย รับเงินไทย พูดไทย ต่อราคาสินค้าต้องถามเขาก่อนว่าเป็นเงินไทยหรือว่าเป็นเงินด่อง เหตุที่เขารับเงินไทยก็เพราะว่าเงินด่องนั้น ๖๕๐ ด่องเท่ากับ ๑ บาทไทย เพราะฉะนั้น..ถ้าหากเห็นธนาคารใบละ ๑,๐๐๐ ด่อง ๒,๐๐๐ ด่อง ๓,๐๐๐ ด่อง แล้วเอาไปทิปเด็กนี่ เด็กนั่งร้องไห้เลยนะ ก็คือน่าจะประมาณว่าซื้อลูกอมได้เม็ดเดียว..! ถ้าจะทิปเด็ก ก็โน่นไปเลย ๒๐,๐๐๐ ด่องขึ้นไป เพราะว่า ๖๕,๐๐๐ ด่อง จะเท่ากับ ๑๐๐ บาท ๒๐,๐๐๐ ด่องก็อยู่ที่ราว ๆ ๓๐ บาทเห็นจะได้ แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือคนเวียดนาม ด้วยความที่ประเทศเขาผ่านศึกผ่านสงครามมาตลอดเป็นพันปี เพราะว่าต่อสู้กับจีนมาเป็นพันปี แพ้บ้างชนะบ้าง เมื่อไม่นานมานี้ เขาเพิ่งจะยกย่องยอดขุนพลเจิ่นฮึงด่าว ให้เป็นเทพเจ้าของชาวเวียดนาม เพราะว่ายอดขุนพลท่านนี้รบชนะจีนหลายต่อครั้งด้วยกัน ก็คงประมาณเทพเจ้ากวนอูอะไรทำนองนั้น กวนอูนั้นมีฉายาหนึ่งที่พวกเราส่วนใหญ่ไม่รู้จัก เราจะรู้จักท่านในฉายาเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ แต่กวนอูในภาษาจีนกลางเขาเรียก "อู่โหว" ถ้าเป็นแต้จิ๋วก็ "บู๊โฮ้ว" ก็คือเจ้าพระยานักรบ ซึ่งบุคคลที่จะได้ชื่อเสียงเรียงนามแบบนี้ ต้องเป็นคนเก่งในการรบจริง ๆ แบบเดียวกับทางพม่า ถ้าหากว่าใครได้ฉายาว่า "สีหสุระ" คือผู้กล้าหาญเหมือนราชสีห์ ก็แปลว่าเป็นนักรบชั้นยอด แต่พม่าเขาออกเสียงเป็น "ตีหะตุระ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2024 เมื่อ 03:45 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
คราวนี้ด้วยความที่เวียดนามพอชนะจีนแล้ว ก็ต้องมาอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศส สู้ชนะฝรั่งเศส ก็ต้องมาสู้กับอเมริกาอีก คนเวียดนามก็เลยใจถึง สู้ไม่ถอย โดยเฉพาะทุกวันนี้ เขาจะมี Think tank ก็คือ ห้องระดมความคิด จะเอาพวกที่จบปริญญาเอกจากต่างประเทศประมาณ ๑,๕๐๐ คน มาระดมความคิด ปรับปรุงยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศอยู่ทุกวัน..!
ประเทศเวียดนามเล็กกว่าไทยนิดหน่อย แต่ว่าพื้นที่ ๓ ใน ๔ เป็นภูเขาและน้ำ มีที่ปลูกข้าวน้อยมาก แต่ปัจจุบันนี้ส่งออกข้าวเป็นอันดับ ๑ ของโลก เบียดกับอินเดีย ถ้าปีนี้อินเดียได้ ปีหน้าเวียดนามจะได้ ปีนี้เวียดนามได้ ปีหน้าอินเดียอาจจะได้ ทั้ง ๆ ที่ประเทศเขามีพื้นที่ปลูกข้าวนิดเดียว เพราะว่าเขาใช้วิธีการพัฒนาสายพันธุ์ แล้วก็บำรุงด้วยปุ๋ยธรรมชาติ ข้าวของเขาหนึ่งไร่ สามารถเก็บเกี่ยวได้ ๒๘๐ - ๓๐๐ ถัง..! บ้านเราได้ถึง ๘๐ - ๑๒๐ ถังก็ดีตายชักแล้ว..! หลายท่านอาจจะเคยฉันถั่วลิสงเม็ดใหญ่ ๆ ซึ่งถ้าใครก่อนหน้านี้เคยฉันถั่วลิสง จะเห็นว่าเม็ดไม่ใหญ่มาก ทุกวันนี้เม็ดใหญ่เป้ง ๆ เท่านิ้วชี้ผู้ใหญ่นี่เลย..! ซึ่งมักจะมาจากเวียดนามทั้งนั้น แล้วปัจจุบันนี้ทางด้านบริษัทต่างชาติก็มักจะย้ายฐานการผลิตไปที่เวียดนาม เพราะว่าค่าแรงถูก แย่งกันทำงาน เนื่องจากว่าเงินเดือนทั่ว ๆ ไปของชาวเวียดนามนั้น แบบชั้นดีเลย อยู่ที่ประมาณ ๕,๐๐๐ บาทไทย ทำให้ไม่เพียงพอกับสภาพเศรษฐกิจที่กำลังเร่งรัดตัวเองขึ้นมาก ทุกคนก็เลยต้องพยายามเข้าโรงงานใดโรงงานหนึ่งให้ได้ แล้วมีการทำ OT คือถ้ามีการทำล่วงเวลานี่ อันดับแรกเลยได้เงิน อันดับที่สอง อย่างน้อยประหยัดอาหารไปมื้อหนึ่ง เพราะทางโรงงานเขาต้องเลี้ยง เขาคิดกันละเอียดละออขนาดนั้น ก็เลยทำให้เวียดนามซึ่งมีศักยภาพมากอยู่แล้ว ในปัจจุบันนี้ เขาตั้งใจจะแซงไทยให้ได้ ถามความรู้สึกคนเวียดนามว่ารู้สึกอย่างไรกับไทย ? เขาบอกว่า "อิจฉาไทยมาก" พูดแบบหน้าตาเฉยเลย ถามว่าอิจฉาตรงไหน ? เขาบอกว่าไทยไม่มีภัยธรรมชาติหนักเหมือนเวียดนาม เวียดนามจะเจอพวกพายุไต้ฝุ่นอะไรถล่มอยู่ทุกปี ปีหนึ่งหลาย ๆ ลูก น้ำท่วมปีละหลาย ๆ ครั้ง เขาต้องต่อสู้กับพวกสภาพดินฟ้าอากาศด้วย แล้วก็สภาพเศรษฐกิจด้วย ก็เลยทำให้คนเวียดนามเป็นนักสู้ประเภทสู้ไม่ถอย แล้วก็ค่อนข้างที่จะแก่งแย่งชิงดีเก่งมาก เพราะว่าถ้าฉวยโอกาสไม่ได้ ตัวเองก็อาจจะพลาดโอกาสไปเลย ดังนั้น..ถ้าหากว่าคนไทยเราไปเวียดนาม แล้วโดนคนเวียดนามเบียด กระแทก แซงคิว นี่เป็นเรื่องปกติของเขาเลย มีทางเดียวก็คือกระแทกกลับ ไม่ต้องกลัว ไม่ได้วางมวยกันแน่นอน อย่างเก่งก็ด่ากัน แล้วคนเวียดนามด่าภาษาไทยเก่งกว่าเราอีก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2024 เมื่อ 03:49 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
จากการที่ไปเห็นแล้วว่าเวียดนามก็มีศักยภาพมาก โดยเฉพาะในด้านพระพุทธศาสนา เขาพัฒนาพระพุทธศาสนาขึ้นมา นอกจากเป็นที่พึ่งทางจิตใจแล้ว ความหวังหนึ่งก็คือ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้เข้าประเทศ
อย่างวัดตามจุ๊กที่ไป เขามีพื้นที่ ๑๐๐,๐๐๐ แสนไร่..! แล้วมีมหาเศรษฐีที่เป็นเจ้าของกิจการใหญ่ ประมาณเศรษฐีเบอร์ต้น ๆ เมืองไทยเป็นผู้อุปถัมภ์ เขาจ้างคนมาวางแผนการก่อสร้าง วางแผนการบริหาร วางแผนการสร้างเป็นแหล่งเที่ยว มีระบบที่ชัดเจนมาก ไปเดินแล้ว แค่บันไดเขาอย่างเดียว กระผม/อาตมภาพสร้างไม่ได้แต่นอน เพราะว่าเขาสร้างบันไดขึ้นไปบนภูเขา กว้างใหญ่ไพศาลมาก สร้างขึ้นไปเป็นช่วง ๆ พอสัก ๑๐๐ - ๒๐๐ ขั้นก็ปรับภูเขาเป็นที่ราบ แล้วก็สร้างอาคาร ด้วยความที่เขามีความเชื่อแบบมหายานว่า ฟ้า ดิน และมนุษย์ต้องสัมพันธ์กัน ทุกอย่างถึงจะดี เขาก็เลยมีอาคารดิน อาคารมนุษย์ อาคารฟ้า อาคารสุขาวดีพุทธเกษตร แต่ละหลังเสาน่าจะใหญ่ประมาณมณฑปพระยืนของเรานี่ เอาไม้มาจากไหนก็ไม่รู้ ?! เศรษฐีของเขาเข้าวัด สร้างบุญสร้างกุศลใส่ตัวเอง พวกนี้จะได้รับการสรรเสริญเยินยอจากชาวบ้านมากเป็นพิเศษ ขนาดพวกกระผม/อาตมภาพไปวัดเขาในวันจันทร์ ที่ไม่ใช่วันท่องเที่ยวนะ แล้วไปเช้ามากด้วย ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวเข้าไปตามเครื่องนับอัตโนมัติ ๖,๐๐๐ กว่าคนแล้ว..! เขาบอกว่าถ้าหากว่าเป็นวันท่องเที่ยวนี่ วันหนึ่งประมาณ ๔๐,๐๐๐ คน แม้ว่าเขาจะทำบุญไม่หนักเหมือนกับนักท่องเที่ยวไทย เพราะว่าหยอดตู้คนละ ๑,๐๐๐ ด่อง ๒,๐๐๐ ด่อง ไม่เหมือนกระผม/อาตมภาพ ใส่ไปทีหนึ่ง ๕๐,๐๐๐ ด่อง ๑๐๐,๐๐๐ ด่อง..! แล้วแต่ละอาคารเขามีเป็น ๑๐ ตู้ ทำบุญกันครึกครื้นดีมาก ดังนั้น..พระพุทธศาสนาของเขา ถ้าหากว่าฟื้นคืนมา นอกจากเป็นที่พึ่งทางจิตใจแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำรายได้เข้าประเทศที่ดีมากอีกด้วย เวียดนามจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของไทย เพราะว่าเขาตั้งใจแซงไทยให้ได้ โดยเฉพาะในเรื่องของการศึกษา ส่วนไทยเรา ลองถามหน่อยเถอะ มีใครเรียนภาษาเวียดนามบ้าง ? แต่เวียดนามเรียนภาษาไทยกันอย่างชนิดขะมักเขม้นเลย เรียนแบบอ่านเสียงไทยจากตัวหนังสืออังกฤษ เขาก็เลยออกเสียงผิด ๆ บ้าง อย่างเช่นว่า ฟ.ฟัน เป็น ผ.ผึ้ง เป็น พ.พาน เป็นอะไรอย่างนี้ แต่เราเข้าใจได้เลยว่าเขาพูดว่าอะไร รอบข้างประเทศของเรา อย่างกัมพูชา ถ้าเราเข้าไป จะต้องมีไกด์ท้องถิ่น ๑ คน พลขับ ๑ คน ผู้คุ้มกัน ๑ คน ผู้ติดต่อประสานงาน ๑ คน พูดไทยได้ทั้งหมด คือเขาเรียนภาษาไทยแล้ว รัฐบาลเขาหางานให้คนของเขาได้ แต่ถ้าคนไทยไปเรียนภาษาเขมร ใครจะหางานให้คนไทยบ้าง !?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2024 เมื่อ 03:52 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ของอินโดนีเซีย เด็ก ๆ เขาร้องเพลงชาติไทยได้ กระผม/อาตมภาพได้ยินมากับหูเลย ทั้ง ๆ ที่ก่อนปี ๒๕๕๘ ที่ว่าเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประเทศไทยของเราไม่ได้ขยับอะไรเลย แต่ต่างประเทศศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณี ภาษาไทย เพลงไทย สารพัด ของเราไม่ได้มีตรงนี้เลย..!
เวียดนามเรียนภาษาไทย มาทำงานตามแหล่งเที่ยว โอ้โห..เจ้าประคุณเถอะ เข้าไปแล้วน่ากลัวมาก หมู่บ้านม้งนะครับ พูดไทยได้ทุกคนเลย "ถ่ายรูป ๑๕ บาทค่ะ" "ซื้อไหมคะ ? ของราคาไม่แพงค่ะ" เราต้องทำความเข้าใจตรงนี้ว่า ถ้าเราเรียนภาษาเวียดนาม เรียนภาษาเขมร เราจะเอาไปใช้อะไรได้ แต่ของเขาเรียนแล้วใช้งานได้จริง ๆ รัฐบาลเขาสนับสนุน เราแพ้เขาตรงนี้ เราจะไปประมาทว่าประเทศของเราอุดมสมบูรณ์ สงบ ไม่มีศึกเหนือเสือใต้อะไร ไม่จริงหรอก..ถ้าเรามัวแต่นิ่งนอนใจ ถึงเวลาเราจะตายฟรีครับท่าน..! เพราะฉะนั้น..การที่เราไปประเทศใดประเทศหนึ่ง บางส่วนที่เราเห็น โดยเฉพาะโครงการเที่ยวชุมชน ยลวิถี ที่แต่ละวัดจะต้องดูแลหมู่บ้านตัวเอง กระผม/อาตมภาพอยากให้หมู่บ้านของเรามีศักยภาพแบบนั้น คนม้งเขาอยู่กับตามเนินเขา เขาก็ปลูกบ้านไปตามชายห้วย เพื่อที่จะได้อาศัยน้ำใช้ได้ แต่ปัจจุบันนี้กลายเป็นแหล่งเที่ยวที่สวยงามไปเลย ก็คืออยู่กับธรรมชาติ เขาจะปลูกบ้านอยู่ริมน้ำ แล้วก็ไปทำนาอยู่ไกล ๆ บ้าน คราวนี้พอเขาทำทางเดินเล็ก ๆ ขึ้นมา กว้างน่าจะประมาณ ๓ ศอกเท่านั้นเอง เพราะว่าสกัดหินมากก็ไม่ได้ แล้วทุกบ้านก็สามารถเอาสินค้าที่ตัวเองมีมาวางขายหน้าบ้านได้ ต่อให้บ้านคุณอยู่ลึกขนาดไหนก็ตาม เขาก็ต้องเดินไปจนสุดทางนั่นแหละ ตัดสินใจซื้อตอนแรก ๆ ไม่ได้ ก็จะไปที่ซื้อบ้านท้าย ๆ โน่น..! ถ้าเรามีศักยภาพแบบนั้น การบริหารเกี่ยวกับพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวบ้านของเรานี่จะเลิศเลอขึ้นอีกมาก กระผม/อาตมภาพได้แนวความคิดอะไรขึ้นมาอีกเยอะมาก จากการที่ไปเมืองเล็ก ๆ ของเขา ทำไมเมืองเล็ก ๆ อย่างซาปา นักท่องเที่ยวไปแทบจะเหยียบกันตาย ขนาดไม่ใช่วันเที่ยว เขาบอกว่านี่ไม่ใช่ช่วงที่คนเวียดนามเที่ยวนะ เป็นช่วงที่คนต่างชาติเที่ยว แล้วถ้าเป็นช่วงที่คนเวียดนามเที่ยวนี่ เจ้าประคุณเถอะ..เขาบอกว่าเราเบียดสู้เขาไม่ได้อย่างแน่นอน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2024 เมื่อ 03:56 |
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
เราไปไหน แต่ละประเทศนี่อย่าไปเปล่า ต้องเก็บเอาส่วนดีของเขากลับมาบ้านเราให้ได้ โดยเฉพาะสิ่งที่กระผม/อาตมภาพเห็นว่าน่ากลัวที่สุดก็คือ เขาเรียนภาษาไทยอย่างจริง ๆ จัง ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นมัคคุเทศก์ ไม่ว่าจะเป็นคนแนะนำสินค้าอะไร แต่ละคนนอกจากพูดไทยคล่องแล้ว ลูกเล่นพวกเขายังสุดยอดมาก พวกกระผม/อาตมภาพฮากันกลิ้งตรงนั้นแหละ..!
แม้กระทั่งการใช้ภาษาที่เป็นลูกเล่นต่าง ๆ อย่างอุโมงค์ เขาเรียกว่า "หำ" บ้านเราได้ยินก็หัวเราะดิ้นไปแล้ว มหาเศรษฐี เขาเรียก "องจู๋เหี่ยว" ถ้าเศรษฐีนีคือ "บาจู๋เหี่ยว" ถ้าจู๋คุณยังไม่เหี่ยว คุณก็ยังรวยไม่ได้..! เขาสามารถที่จะเอาภาษาไทยมาเล่นให้คนไทยหัวเราะได้ ส่วนเราเองฟังภาษาเขาเท่าไรก็ไม่เข้าใจ นอกจาก ๑ - ๒ - ๓ - ๔ - ๕ แค่นั้นเอง ไปมากกว่านั้น กูก็ไปไม่เป็น..! เพราะฉะนั้น..เรื่องพวกนี้รัฐบาลของเราต้องคิด เราเข้าอาเซียนมาจะ ๑๐ ปีแล้วนะ จากปี ๒๕๕๘ ปีหน้าก็ ๒๕๖๘ บ้านเราขยับไปถึงไหน ? ขณะที่ต่างประเทศเขา ต้องบอกว่าล้ำหน้าเราไปไกลมากแล้ว ฝากเอาไว้เป็นการบ้าน เผื่อมีใครในรัฐบาลได้ยินว่า หลวงพ่อวัดท่าขนุนฝากเป็นข้อคิดว่า รอบข้างเขาหากินกับคนไทยมาตลอด แล้วคนไทยเราทำอย่างไร จะหากินกับคนรอบข้างได้บ้าง ? ไม่อย่างนั้นแล้วเราเองก็จะต้องมาดิ้นรนเหนื่อยยากอยู่ ขณะที่รอบบ้านผ่านเมือง เขาโกยเงินจากบ้านเราไปแต่ละปี ไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ? สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2024 เมื่อ 04:00 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|