กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 24-08-2015, 11:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกงานทำบุญวันแม่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘

พระอาจารย์กล่าวว่า "ได้หนังสือสวดมนต์เล่มใหม่ไปแล้ว ไปนั่งสวดมนต์ถวายในหลวงกันหน่อย แต่ว่าในบทภูมิพลมหาราชวรัสสะ ชยมงคลคาถา ตรงวรรคที่ว่า “จตุราสีติ อายุโก” ให้เปลี่ยนเป็น “อัฏฐาสีติ อายุโก” เพราะว่าพระองค์ท่านพระชนมายุ ๘๘ พรรษาแล้ว อันนี้เขาแต่งถวายตอน ๘๔ พรรษา บาลีนั้นแปลไม่ยาก แต่แปลก..อาตมาเรียนมานิดเดียวแต่แปลได้เยอะเลย ท่อง ๆ บาลีไปวันนั้นอยู่ ๆ เหมือนมีอะไรแตกโป๊ะในหัว แล้วเข้าใจเลยว่าอะไรเป็นอะไร

ตอนนั้นกำลังท่อง ภควนฺตา ภควนฺเต ภควนฺโต ภควนฺตานํ ท่องไปท่องมาแตกโป๊ะอยู่ในหัวแล้วเข้าใจได้หมดเลย เออ..ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องเรียนมาก เหมือนกับสว่างวาบขึ้นมาในหัวแล้วก็เข้าใจว่าแปลว่าอย่างไร ไม่รู้ว่าครูบาอาจารย์ท่านไหนเมตตาสงเคราะห์ให้

หนังสือสวดมนต์เล่มนี้ทำถวายกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เฉลิมพระชนมายุ ๖๐ พรรษา จะเห็นว่ามีรูปสวย ๆ ของพระองค์ท่านอยู่ข้างในเยอะแยะ ส่วนหน้าปกเป็นพระพุทธรูปงาแกะฝีมือช่างหลวงสมัยรัชกาลที่ ๗ ในเมื่อเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์จึงเอามาทำหน้าปก จะได้เป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2015 เมื่อ 16:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-08-2015, 11:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พอเราสามารถตั้งหลักได้แล้ว ก็ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับวัดวาอารามอื่น ๆ บ้าง หากวัดไหนเขาลำบาก อาตมาพิจารณาแล้วว่าท่านทำจริงจัง สมควรได้รับการช่วยเหลือ ก็จะสนับสนุนด้วยการเอากฐินไปถวายบ้าง ด้วยการนิมนต์มางานวันแม่แล้วก็ถวายปัจจัยไปบ้าง

อย่างงานนี้ พระอาจารย์วันชาติ วํสธมฺโม วัดป่าพระพุทธบาทเขาน้อย อาตมาช่วยท่านมา ๕ ปี ๕ ล้านบาทแล้ว เรียนท่านว่า “เอาแค่ปีนี้ก็พอนะ เดี๋ยวจะได้ช่วยวัดอื่นบ้าง” ท่านบอก “อย่าเพิ่งทิ้งกันสิ” ไม่ได้ทิ้ง จะดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ

วันที่ ๒๙ สิงหาคมนี้เป็นงานวันเกิดตุ๊พ่อสิงห์ อายุท่านก็ย่างใกล้ ๘๐ ปีไปทุกขณะแล้ว กำลังสร้างจุฬามณี ประธานในการสร้างจุฬามณีชื่อพระครูวิลาศกาญจนธรรม ไม่เคยไปดูเลยตั้งแต่วางศิลาฤกษ์มา ญาติโยมท่านใดที่มีเวลา วันที่ ๒๙ นี้เดินทางไปร่วมงานทำบุญวันเกิดของตุ๊พ่อสิงห์ด้วยกันนะ มีพุทธาภิเษกด้วย ใครมีวัตถุมงคลให้เอาไปเข้าพิธีที่นั่นได้

งานเป่ายันต์เกราะเพชร
ปีนี้ วัดท่าขนุนไม่มีพิธีพุทธาภิเษกอย่างเป็นทางการ เพราะวัดท่าขนุนไม่ได้ออกวัตถุมงคลใหม่ ใครจะเอาของเข้าพิธีให้เอาไปเข้าที่วัดตุ๊พ่อได้ก็แปลว่า ๑๗ ตุลาคมที่นี่จะมีแต่พิธีบวงสรวงไหว้ครู แล้วก็เป่ายันต์เกราะเพชรเท่านั้น ไม่มีการฝากวัตถุมงคลเข้าพิธีอย่างเป็นทางการ ยกเว้นว่าท่านที่ศรัทธาเอามา ให้วางไว้บนหน้าตักตัวเองก็แล้วกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2015 เมื่อ 16:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-08-2015, 11:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คำว่า เจริญพุทธมนต์ ใช้ในงานมงคล อย่างเช่น ทำบุญวันเกิด ทำบุญวันขึ้นปีใหม่ ทำบุญบ้าน ส่วนคำว่า สวดพุทธมนต์ ใช้ในงานอวมงคลที่เนื่องด้วยงานศพ อย่างเช่น สวดพระอภิธรรม หรือว่าทำบุญ ๗ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน ทำบุญกระดูก ทำบุญครบรอบปี เป็นต้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2015 เมื่อ 16:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-08-2015, 19:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่หลวงพ่อมณฑลเอามีดหมอหลวงพ่อเดิมมาถวาย แต่เล่มนี้สนิมขุมกินใบมีดกร่อนหมดเลย “สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร้ำ” โบราณท่านบอกว่าเหมือนอย่างกับกิเลส คือ ความชั่วเกิดขึ้นในใจของเรา กัดกินตัวเราอยู่ตลอดเวลา จำเป็นต้องอาศัยศีล สมาธิ ปัญญา ในการชำระกิเลสนี้ออกจากใจ เพราะว่ากิเลสนั้นประกอบไปด้วย

๑. วีติกกมกิเลส เป็นกิเลสอย่างหยาบ หลุดออกมาทางกายและวาจา ปราบได้ด้วยศีล

๒. ปริยุฏฐานกิเลส กิเลสอย่างกลาง เช่น นิวรณ์ ๕ ปราบได้ด้วยสมาธิ

๓. อนุสัยกิเลส กิเลสอย่างละเอียดที่ซ่อนอยู่ในใจของเรา เช่น กามราคานุสัย อวิชชานุสัย ปราบได้ด้วยปัญญา
เป็นต้น

พวกกิเลสต่าง ๆ เหล่านี้มีคู่ศึกคือศีล สมาธิ ปัญญา ที่จะกำจัดตัดให้สิ้นไปจากใจของเราได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2015 เมื่อ 03:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 24-08-2015, 20:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเรานั่งอยู่..ให้รู้ว่านั่งอยู่บนกองทุกข์ มีความปรารถนาจะหลีกหนีจากทุกข์อยู่เสมอ นั่งอยู่..ก็รู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ตายเมื่อไรเราก็ไปพระนิพพาน จะได้ไปพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

ถ้ากำลังใจถึงตอนสุดท้ายแล้วก็จะมีแต่ความสุข เพราะรู้ตัวว่าพ้นแล้ว ท่านใช้คำว่า ขีณา ชาติ วุสิตํ หมดกิเลสแล้ว การเกิดสิ้นแล้ว พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ไม่มีอะไรต้องทำแล้ว เป็นสิ่งที่นักปฏิบัติพึงปรารถนา เข้าถึงให้ได้ รักษาให้ได้ ตายแล้วจะได้หลุดพ้นไปพระนิพพาน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2015 เมื่อ 03:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 133 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 24-08-2015, 20:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมที่ทำบุญกับพระเถระที่อาตมานิมนต์มาเป็นเนื้อนาบุญ ให้เดินไว ๆ นิดหนึ่ง ตั้งจิตอธิษฐานว่า ธรรมใดที่หลวงปู่ หลวงพ่อ รู้แจ้งเห็นจริงแล้ว ขอให้เราทั้งหลายได้รู้เห็นธรรมนั้นด้วย

คำว่า “ธรรม” นี้ หมายถึง โลกียธรรมและโลกุตรธรรม ก็แปลว่า ถ้าท่านบำเพ็ญทานบารมีมา ประกอบไปด้วยความร่ำรวยเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี เราขอรู้เห็นธรรมนั้นด้วย เราก็จะเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีตามท่านไปด้วย ถ้าท่านบำเพ็ญบารมีจนได้มรรคได้ผล เป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี เป็นพระอรหันต์ เราขอรู้เห็นในโลกุตรธรรมนั้นตามท่าน ก็พยายามปฏิบัติให้เข้าถึงให้ได้แบบเดียวกับท่าน

พระมหาเถระที่เป็นเนื้อนาบุญ อายุกาลพรรษาระดับนี้ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่าย ๆ ถ้าพวกเราจะไปทำบุญกับท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็ต้องไปเหนือใต้ออกตก ไปกันจนกระทั่งทั่วประเทศไทย แค่ค่ารถค่าเรือค่าเครื่องบินก็แย่แล้ว แต่วันนี้ท่านทั้งหลายเหล่านี้มารวมกันเป็นเนื้อนาบุญให้พวกเราได้ทำบุญร่วมกัน ณ ที่นี้ที่เดียว ถือว่าเป็นโอกาสอันเป็นมหามงคลอย่างยิ่ง ญาติโยมทั้งหลายก็ได้ฉวยโอกาสในครั้งสร้างบุญสร้างกุศลใส่ตัว ให้ท่านเป็นเนื้อนาบุญหนุนเสริม ให้เรามีสะพานข้ามสังโยชน์ มีเรือข้ามโอฆสงสาร ถึงวาระถึงเวลา จะได้ล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2015 เมื่อ 03:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 25-08-2015, 10:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมจะเห็นว่าศาลาหลังใหม่นี้ ทั้งประตูหน้าต่างติดลูกกรงสเตนเลสดัด แข็งแรงมาก ต้องเอาช้างมาพัง ประมาณว่าสมัยพระเจ้าตากสินตีเมืองจันทบุรี ช้างพังคีรีบัญชร มีใครรู้จักชื่อช้างของพระเจ้าตากสินบ้างไหม ? นี่อาตมาเผลอหลุดออกมาอีกแล้ว

พระเจ้าตากสินขี่ช้างตัวเมียชื่อพังคีรีบัญชร ถล่มประตูเมืองจันทบุรีเข้าไปกินข้าวข้างใน ข้างในยิงปืนลงมา ยิงธนูหน้าไม้ลงมา ควาญช้างจะดึงช้างหนี พระเจ้าตากสินชักพระแสงดาบจะฟันหัวทิ้งแล้ว เลยต้องร้องขอชีวิตไว้ แก้ตัวด้วยการบุกใหม่ ลูกพี่กำลังลุยขึ้นหน้า ไอ้ลูกน้องดันกลัว ดึงช้างหนีก็สมควรตาย

ที่ต้องทำประตูหน้าต่างแข็งแรงเพราะว่าบรรดาสิ่งของมีค่าต่าง ๆ ต่อไปจะอยู่ในศาลาหลังนี้เป็นส่วนใหญ่ แค่พระพุทธรูปทองคำองค์เดียวก็ราคาร่วมร้อยล้านแล้ว ถ้าญาติโยมอยากรู้ว่าเท่าไร ? ตอนนี้อาตมามีทองคำอยู่ ๖๐ กว่ากิโลกรัมแล้ว คูณเป็นตัวเลขออกมาว่าเท่าไร กะว่าต้องหาทองคำไว้ประมาณ ๑๐๐ กิโลกรัม ถ้ายังไม่พอก็ยังต้องเพิ่มอีก เพราะว่านอกจากองค์พระหน้าตัก ๑๖ นิ้วแล้วยังมีเครื่องทรง ยังมีฐาน ยังมีฉัตร ใครร่วมบุญมาเท่าไรก็ไม่รู้จักพอ

อาตมาเองเปิดกระทู้คนมีเงินเหลือกินเหลือใช้ แล้วก็มีน้องตัวเล็กเปิดกระทู้บูชาวัตถุมงคลร่วมสร้างพระทองคำ ของตัวเล็กได้มาเกือบ ๑๐ ล้านบาทแล้วยังไม่พอ เพราะตอนนี้กองทุนพระพุทธรูปทองคำติดลบอยู่ ๑๕ ล้านบาทเศษ เนื่องจากเดือนที่แล้วอาตมาซื้อทองคำไป ๑๙ กิโลครึ่ง เขาอยากลดราคาให้รู้ ก็แอบซื้อนะ ถ้าไม่ซื้อตอนถูก ๆ ต่อไปก็ลำบาก ต่อไปทองจะแพง ตอนนี้มีโอกาสก็ซื้อ ๆ ไว้ก่อน

ส่วนเครื่องทรง ไปติดต่อบ้านอัมพวาซึ่งทำทองคำลายวิจิตรได้สวยมาก บ้านอัมพวาบอกว่า เรื่องเงินไม่ต้องพูดถึง แพงแน่นอน แต่ถ้าคุยกันดี ๆ จะทำให้ เพราะอยากฝากฝีมือไว้ในแผ่นดิน เขาคิดว่าเราจะไปท้าตีท้าต่อยหรืออย่างไร ? พระพุทธรูปองค์นี้จะไม่มีการป้องกันใด ๆ ทั้งสิ้น อยู่ในนี้แหละ ใครมีปัญญาก็ยกเอาไปเถอะ

อาตมาลองดูแล้วว่า ถ้าทองคำมีน้ำหนัก ๖๐ กิโลกรัม ตีแผ่ออกแล้วจะสามารถยกไปได้ เพราะน้ำหนักจะเฉลี่ยออกรอบด้าน แต่ถ้าถ่วงอยู่จุดเดียวเป็นองค์พระพุทธรูปนี่ไม่แน่ใจว่าจะมีใครยกขึ้น ถ้ามีคนยกขึ้นในโลกนี้ก็ไม่น่าจะถึง ๑๐ คน แล้วคนที่มีความสามารถขนาดนั้นก็คงไม่เสียเวลามาขโมยที่นี่หรอก เพราะว่ากล้องวงจรปิดมีอยู่ถึง ๑๔ ตัว..! จะแอบมุมไหนก็ถูกบันทึกไว้ทั้งนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2015 เมื่อ 12:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 123 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 25-08-2015, 10:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาเองเป็นทหาร อายุ ๒๔-๒๕ ปีแล้วยังนอนกลิ้งอยู่บนตักแม่อยู่เลย เพราะว่าคนแก่ไม่เคยเห็นลูกโต นอนไปแม่ก็บอกว่ายังเห็นตัวแดง ๆ ดิ้นกระแด่ว ๆ อยู่ ใครจะไปนึกว่าโตเร็วขนาดนี้

สงเคราะห์ท่านตอนเป็นถือว่าเป็นบุญเป็นกุศลอย่างยิ่ง สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เราทำเพื่อพ่อเพื่อแม่ จะเป็นบุญทันตาในชาตินี้ อาตมาเห็นมาเยอะแล้ว ถ้าทำไม่ดีกับพ่อกับแม่ไว้ ตัวเองมีลูกเมื่อไรโดนคืนหลายเท่า เป็นเรื่องอัศจรรย์ ดังนั้น..อนันตริยกรรมคือกรรมอันหนักนั้น พระพุทธเจ้าท่านถึงได้ตรัสว่ามี ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต และทำสังฆเภท

ในเรื่องอนันตริยกรรมนี้ สุดยอดอนันตริยกรรมที่พวกเรารู้จัก ก็คือ พระเทวทัต แต่ว่าพระเทวทัตไม่เก่งจริง ทางด้านคัมภีร์เภทธรรมติจักรศาสตร์ของฝ่ายมหายาน กล่าวถึงพระมหาเทวะ พระมหาเทวะสร้างอนันตริยกรรมได้เยอะมาก อันดับแรกก็ฆ่าพ่อก่อน เพราะเป็นชู้กับแม่ตัวเอง กลัวพ่อจะรู้ก็ฆ่าพ่อ แล้วพาแม่หนีไปต่างเมือง ปรากฏว่ามีพระอรหันต์ที่เป็นคนเมืองเดียวกันธุดงค์ไปถึง กลัวพระอรหันต์ท่านจะเปิดเผยความชั่วตัวเอง ก็เลยฆ่าพระอรหันต์อีก

แม่ก็โกรธว่าลูกทำความชั่วมากขนาดนี้ ถึงขนาดฆ่าผู้ทรงคุณความดีอย่างพระอรหันต์ได้ จึงด่าว่าลูก ลูกโกรธแม่ก็เลยฆ่าแม่อีกคน นี่ล่อไป ๓ แล้วนะ พ่อ แม่ พระอรหันต์ เครียดขึ้นมาก็เลยไปบวช บวชเสร็จเรียนจบพระไตรปิฎก ถ้าเป็นสมัยนี้ก็น่าจะประมาณประโยค ๙ หรือไม่ก็ด็อกเตอร์อย่างอาตมา ก็ปรากฏว่าท่านทำสังฆเภทด้วยการตีความพระไตรปิฎกเพี้ยน ๆ ไปหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2015 เมื่อ 12:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 114 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 25-08-2015, 10:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อย่าลืมนะ ธรรมใดที่หลวงปู่หลวงพ่อทั้งหลายได้รู้แจ้งเห็นจริงแล้ว ขอเราทั้งหลายได้รู้เห็นธรรมนั้นด้วย ท่านรวยเราก็รวยด้วย ท่านรวยโลกียทรัพย์เราก็เป็นเศรษฐี ท่านรวยโลกุตรทรัพย์เราก็จะได้เป็นพระอริยเจ้าบ้าง

ให้พยายามหมั่นสร้างความดีในศีล สมาธิ ปัญญา หรือที่เรียกว่าทาน ศีล ภาวนาให้มากเข้าไว้ การทำทานไม่ใช่ว่าทำมาก ๆ แล้วจะได้มาก การทำทานเขาให้ทำบ่อย ๆ ทำน้อยแต่บ่อยครั้ง การสละออกบ่อย ๆ ทำให้สภาพจิตของเราตัดความโลภออกจากใจไปได้ทีละเล็กทีละน้อย นานไปความโลภหมดจากใจ ความโกรธความหลงก็มีกำลังน้อยลง เพราะว่ากิเลสใหญ่หายไปตัวหนึ่งแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2015 เมื่อ 12:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 25-08-2015, 19:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่มีอำเภอมากที่สุดในประเทศไทย ทางราชการจะแยกเป็น ๓ จังหวัดแต่ไม่มีใครยอมแยก เพราะเขาบอกว่ากลัวจะไม่ได้เป็นลูกย่าโม ถ้าเป็นอาตมาก็จะอาศัยอนุสาวรีย์ย่าโมเป็นศูนย์กลาง แล้วก็ตัดแบ่งแบบขนมเค้ก ๓ ชิ้นเลย พูดง่าย ๆ คือสร้างซูเปอร์ไฮเวย์ ๘ เลนผ่าทะลุไปเลย กลายเป็น ๓ จังหวัด เท่านี้ก็แบ่งได้แล้วไม่ต้องมีปัญหา แต่เนื่องจากว่าคนที่คิดง่าย ๆ อย่างอาตมาไม่มี มีแต่คิดยาก ๆ กัน ไหน ๆ อยากจะเป็นลูกย่าโมแล้วก็เอา ทุกคนได้เป็นหมด ชื่อเดิมก็นครราชสีมา ชื่อสองก็จังหวัดสุรนารีอะไรก็ว่าไปเลย

นครราชสีมา นคร แปลว่า เมือง ราช แปลว่าพระราชา สีมา แปลว่าขอบเขต เมืองที่อยู่ในขอบเขตพระราชอำนาจของพระราชา แต่อาตมาได้ยินนักวิชาการเขาฟุ้งซ่าน บอกว่านครราชสีมาก่อนหน้านี้ชื่อคอนราชสีห์มา นายพรานล่าราชสีห์ได้แล้วก็สะพายมา แสดงว่าต้องแข็งแรงมาก มีคนไปเจอถามว่า “คอนหยังมา ?” คือแบกอะไรมา นายพรานตอบว่า “คอนราชสีห์มา” รู้สึกว่าเข้าใจคิดดี แต่..บ้าชัด ๆ..!

แบบเดียวกับท้าวสุรนารี สุระ แปลว่า กล้าหาญ นารี แปลว่า ผู้หญิง ท่านท้าว คือ ผู้หญิงที่มียศมีตำแหน่ง เป็นผู้หญิงที่มีความกล้าหาญมาก แต่มีคนไปตีความว่าคุณหญิงท่านเอาสุรานารีไปมอมทหารลาว ก็เลยเรียกว่าท้าวสุรานารี กลายเป็นสุรนารีทีหลัง ช่างคิดไปได้เหมือนกันนะ

แต่คุณหญิงท่านจริง ๆ ท่านชื่อ โม้ ไม่ใช่ชื่อโม คำว่าโม้นี่ภาษาอีสาน แปลว่า ยิ่งใหญ่ คือคุณหญิงใหญ่ คราวนี้พอคนภาคกลางไม่เข้าใจ เลยเรียกกร่อนเป็นคุณหญิงโม เดี๋ยวความเคยชินก็จะกลายเป็นคุณหญิงแตงโมไปอีก พอได้ยินว่าโมคำเดียวนึกว่ากร่อนมาจากแตงโม แล้วก็จะมีคนเรียกเพี้ยนเป็นคุณหญิงภัทรธิดาไปอีก..ไปกันเรื่อย

เรื่องของชื่อบ้านนามเมืองหรือว่าชื่อคนก็ตาม นาน ๆ ไปก็จะเปลี่ยน สมัยอาตมาเด็ก ๆ เขาเรียกโคกอีหอม พอมาระยะหลังเห็นว่าหยาบคาย ก็เปลี่ยนเป็นโคกยายหอม คราวนี้คำว่าโคกไม่ไพเราะ เปลี่ยนเป็นดอน กลายเป็นดอนยายหอม ทางด้านประเวศ มีนบุรี มีคลองไอ้โส ในเมื่อเป็นคลองไอ้โสนาน ๆ เข้าเป็นคลองตาโส ไอ้โสอยู่นานไปก็แก่กลายเป็นคลองตาโส นี่ก็ไปได้เรื่อยเหมือนกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2015 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 107 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 25-08-2015, 19:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ที่กาญจนบุรีต่อกำแพงแสนมีห้วยกระบอก แต่อาตมายืนยันว่าห้วยกระบก ต้นกระบกเป็นไม้ยืนต้นใหญ่มาก ลูกกระบกเป็นอาหารที่เก้งกวางชอบกินมาก แต่เขาไม่รู้จักกัน ในเมื่อไม่รู้จักแล้วแถมมีคนจีนมาตั้งรกรากอยู่มาก มาทำไร่ยาสูบ ถามว่าอาเฮียอยู่ที่ไหน แกก็ตอบแบบคนจีนพูดไทยว่า “ห้วยกระบอก” พออาเฮียแกว่าห้วยกระบอกบ่อย ๆ คนไทยก็เลยห้วยกระบอกไปด้วย ตกลงคนไทยบ้าตามคนจีนไปได้

แบบเดียวกับสำเพ็ง แต่เดิมชื่อไทยว่าสามแพร่ง พอคนจีนไปอยู่เยอะ ๆ ถามว่าตรงนี้ชื่ออะไรก็ตอบสำเนียงจีนว่า "ซำเพ่ง" เลยกลายเป็นสำเพ็ง เรียกไปเรียกมาคนไทยเลยสำเพ็งตามคนจีนไปเลย

ลำตะคองที่จังหวัดนครราชสีมา มีคนพยายามคิดว่าบริเวณนั้นมีกิ้งก่าขนาดใหญ่ที่เรียกว่าตะกองอยู่ ตะกองบางที่เขาเรียกว่าลั้ง ก็คือกิ้งก่ายักษ์ ตัวประมาณแขน หัวสีออกฟ้า ๆ เขียว ๆ แต่ไม่ใช่อีกัวน่า เลยมีคนเรียกชื่อว่าลำตะกอง แล้วเปลี่ยนเป็นลำตะคอง อาตมาว่าบ้า..! คนรุ่นใหม่ไม่รู้จักต้นตะคอง ต้นตะคองถึงเวลามีลูกคล้าย ๆ ลูกพุทรา เพราะฉะนั้น..ลำตะคองก็จะมีต้นตะคองเยอะ แต่คนรุ่นใหม่ไม่รู้จักก็พยายามที่จะไปโยงให้เข้ากับสิ่งที่ตัวเองรู้จัก แต่เขารู้จักตะกองได้ก็ถือว่าแน่แล้ว เพราะว่าตะกองนี่พวกเรายังไม่ค่อยรู้จักกัน พวกเราจะรู้จักแต่ตะกวด ตะกวดตะกองนี่เป็นพวกเดียวกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-08-2015 เมื่อ 18:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 108 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 25-08-2015, 19:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ลูกตะคองนี่กินได้ไหมคะ ?
ตอบ: กินได้จ้ะ พวกเก้งพวกกวางชอบมาก กินทั้งเม็ดเลย ลูกคล้าย ๆ พุทรานา ถ้าญาติโยมเกิดกลางป่าแบบอาตมาจะรู้จักต้นไม้เยอะ ถ้าไม่ได้เกิดกลางป่าก็ไม่ค่อยรู้จักหรอก สมัยนี้มะงั่ว หรือหมากงั่ว หรือส้มงั่ว เด็กรุ่นใหม่ก็ไม่รู้จักกันแล้ว หน้าตาคล้ายมะกรูด แต่ลูกใหญ่ประมาณผลส้มเช้งขนาดใหญ่ เรียกว่ามะกรูดยักษ์หรือส้มโอเล็กก็ได้ ขอบอกว่ามะงั่วเชื่อมอร่อยอย่าบอกใครเลย

ส่วนมะตาดบางคนเรียกส้มมอญ เป็นลูกกลม ๆ ประมาณกำปั้น มีแต่กลีบเป็นเนื้ออวบน้ำ หั่นเป็นชิ้น ๆ แกงส้มอร่อย แต่อย่าให้เยอะเพราะเปรี้ยวมาก เคยเก็บมาให้ ๔ ลูก พี่มุกดาใส่ทีเดียวหมด เปรี้ยวจนขมทั้งหม้อเลย เป็นอันว่าแกงหม้อนั้นกินไปเดือนกว่า ส่วนคำว่า ตาด ทางภาษาอีสาน หมายถึงน้ำตก

เอ..คุยเรื่องอะไรกัน ? อยู่ ๆ ว่าไปเรื่อยเปื่อยใช่ไหม ? นิสิตเขาบอกว่าอย่าให้อาจารย์พระครูเล็กแกบรรยาย แกบรรยายแล้วก็ติดลมไปเรื่อย ต้องคอยสะกิดว่าหมดเวลาแล้ว ที่ผาตาดมีมะตาดเยอะ ที่เกาะพระฤๅษีก็มีอยู่ต้นหนึ่ง แช่อยู่ในน้ำครึ่งต้น พอถึงเวลาลูกก็ตกน้ำลอยไปเกิดเป็นต้นใหม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2015 เมื่อ 02:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 109 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 25-08-2015, 19:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่นี้ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง คือ หลวงพ่อฤๅษีเมตตามาแบบต่อหน้าต่อตา คนอื่นเห็นกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? แต่ว่าอาตมาต้องรีบลงไปกราบ สายตาไม่ดีไปเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นกัน ก็เลยลำบากหน่อย"


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
วันพุธที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๘
ณ ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2015 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:44



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว