กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 06-08-2010, 13:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวให้ฟังว่า "ปีนี้ปิดบัญชีกฐินปลดหนี้หลวงพ่อ ๔๐ ศอกที่วัดหนองหญ้าปล้อง แล้วจะมาขยับมากฐินปลดหนี้หลวงพ่อ ๕๐ ศอก ที่วัดพระพุทธบาทเขาน้อยต่อ

พระอาจารย์วันชาติท่านบอกว่า "หางบให้ผมหนึ่งล้านพอ" แล้วที่เหลือท่านจัดการได้ ของท่านมาพร้อมโดยเฉพาะที่เป็นพระเป็นเณร ฝีมือเยี่ยมยอดมากเลย ทำพระออกมาแต่ละองค์เห็นแล้วจำติดตาไปเป็นเดือน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-08-2010 เมื่อ 15:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 06-08-2010, 16:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เรื่องเสกพระต้องยกให้หลวงตาเจิม วัดบางนมโค

หลวงตาเจิม วัดบางนมโค เคยเป็นเจ้าอาวาสอยู่พักหนึ่ง เพราะหลวงปู่ปานท่านไม่ยอมเป็นเจ้าอาวาส เนื่องจากท่านเห็นว่าต้องมาเสียเวลาเกี่ยวกับงานตามสายบังคับบัญชา หลวงตาเจิมก็ต้องเป็นเจ้าอาวาสแทน

คราวนี้หลวงตาเจิมท่านมีความสามารถพิเศษ คือ เขียนยันต์สวยมาก ถึงเวลาใครอยากได้ยันต์ก็ให้หลวงตาเจิมเขียน แล้วเอาไปให้หลวงปู่ปานเสก ในเมื่อหลวงตาเจิมเป็นเจ้าอาวาส ก็มีคนศรัทธามากเหมือนกัน เขาไปให้หลวงตาเจิมรดน้ำมนต์

โดยเฉพาะถ้าเป็นช่วงหลวงปู่ปานไม่อยู่วัดเป็นเดือน ๆ อย่างไปสร้างวัดที่เขาสะพานนาค หรือไม่ก็ไปสร้างวัดที่เขาวงพระจันทร์ ลพบุรี บางทีไป ๒-๓ เดือนกว่าจะกลับ หลวงตาเจิมก็ต้องรับบทหนัก

ชาวบ้านนั้นแปลกอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าคุณเป็นเจ้าอาวาสต้องทำได้ทุกอย่าง ต้องเป็นหมด หลวงตาเจิมก็ปรารภกับหลวงพ่อฤๅษีว่า ท่านเองไม่เก่งเรื่องน้ำมนต์ หลวงพ่อท่านบอกว่ามีวิธี

ถ้าหลวงตาอยากจะทำน้ำมนต์ให้ขลัง ก็เอาพระพุทธรูปมาองค์หนึ่ง จับท่านวางนอน หลับตานึกถึงท่าน แล้วก็ภาวนาขอให้ท่านลุกขึ้นนั่ง ถ้าทำสำเร็จเมื่อไร หลวงตารดน้ำมนต์อย่างไรก็ขลัง

หลวงตาเจิมก็เห็นว่าเข้าท่า ก็ไปเอาพระมา ตกกลางคืนก็ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ หลับตาภาวนาบนชานกุฏิ เอาพระตั้งไว้บนขอบระเบียง หลับตาภาวนาไปเรื่อย ๆ หลวงพ่อท่านอยากจะแกล้งหลวงตาเจิม ท่านก็ย่องไปจับองค์พระตั้งขึ้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-08-2010 เมื่อ 05:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 06-08-2010, 16:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอหลวงตาเจิมลืมตาขึ้นมาเห็นพระตั้งขึ้น ก็ดีใจว่าตนเองทำได้ เอาอีกครั้ง จับพระวางนอนลงใหม่ คราวนี้กำลังใจของท่านได้ที่แล้ว พอหลับตาลงพระก็ตั้งขึ้นทันทีเลย

ท่านมาบอกกับหลวงพ่อว่าทำได้แล้ว หลวงพ่อก็บอกว่า ต้องทำให้ได้หลายองค์พร้อม ๆ กัน หลวงตาเจิมก็เอาใหม่ เอาพระมาหลาย ๆ องค์ ตอนแรกกำลังใจยังไม่มั่นใจก็ไม่ตั้ง หลวงพ่อกับเพื่อนก็แอบไปยกตั้งให้ พอหลวงตาเจิมลืมตาขึ้นมาพระตั้งอีก กำลังใจก็ฟู คราวนี้วางกี่ร้อยองค์ตั้งได้หมดเลย

หลวงพ่อก็แนะนำหลวงตาเจิมว่า ต่อไปจะรดน้ำมนต์ให้ใคร ให้เขาอธิษฐานขอพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง แล้วก็เอามาวางไว้ตรงหน้าตัวเอง ถ้าหากรดน้ำมนต์แล้วหาย ขอให้พระพุทธรูปตั้งขึ้น ทีนี้ก็เหลือแต่ฝีมือหลวงตาเจิมที่จะอธิษฐาน

พอคนป่วยจับพระพุทธรูปวางนอนแล้วพระตั้งขึ้นมา กลายเป็นว่าหลวงตาเจิมไม่ต้องรดน้ำมนต์ก็แทบจะหายดีแล้ว ต่อมาหลวงตาเจิมเลยรดน้ำมนต์ให้ชาวบ้านกันอุตลุดเลย

กลายเป็นว่าของบางอย่างตั้งใจที่จะแกล้งเอาสนุก ๆ กลายเป็นว่าทำแล้วได้ประโยชน์

เจ้าอาวาสสมัยก่อนเขาเรียกว่า สมภาร มาจากสม+ภาระ แปลว่า เสมอด้วยภาระ ต้องแบกทุกเรื่องในวัดเอาไว้หมด หลวงพ่อท่านไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบางนมโคอยู่ ๕ - ๖ ปี เหนื่อยใจเต็มทีก็ลาออก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 07-08-2010, 23:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องภัยพิบัติว่า "เรื่องของภัยพิบัติต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศของเรา วาระนั้นเลื่อนแล้วเลื่อนอีก เพราะว่ามีพระที่ทรงความดีท่านสละตนเอง เพื่อเปลี่ยนวาระกรรมนั้น พูดง่าย ๆ ว่ายืดเวลาให้เราทำความดีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

เพราะฉะนั้น..เราจะไปคิดว่าภัยยังไม่เกิดแล้วไปประมาทเข้า เกิดเมื่อไรเดี๋ยวจะตั้งหลักไม่ทัน ยิ่งปีนี้แล้วพระผู้ใหญ่ขนาดหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ นอนโรงพยาบาลยาวเลย ท่านเป็นโรคใหม่ที่หมอเองก็เกือบจะหมดปัญญา เป็นเชื้อหวัดนี่แหละ แต่ทำลายปอดด้วย กว่าจะรู้ตัวท่านก็หมดสภาพ หมอบอกว่าถ้าไปช้าสักสิบนาทีหรือยี่สิบนาทีก็อาจจะไปเลย ประมาณสองเดือนแล้วท่านเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัว หมอบอกว่าถ้าจะเอาให้เหมือนเดิมต้องใช้ระยะเวลาอีกประมาณสี่เดือน

ฉะนั้น..ในเรื่องวาระกรรมต่าง ๆ พระที่ท่านทรงคุณความดี ท่านสละตัวของท่านเองเพื่อส่วนรวม แต่ถ้าเราไม่คิดจะช่วยท่านทรงความดีไว้เลย ก็จะกลายเป็นภาระของท่านคนเดียว ถ้าท่านแบกไม่ไหวเมื่อไร เราก็รับเละไป

เพราะฉะนั้น..มีโอกาสให้เร่งทำในเรื่องของศีล สมาธิ และปัญญาให้กำลังใจเราสูงเข้าไว้ ถึงแม้จะช่วยเหลือคนอื่นไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ให้รักษาตัวเองได้ จะได้ไม่เป็นภาระแก่คนอื่นเขา เตือนได้เท่านี้แหละ บอกได้คำเดียวว่า "มาแน่" จะช้าจะเร็วก็มาแน่"


ถาม : ถ้าปฏิปทาที่เราร่วมแรงร่วมใจกันทำความดี จะมีผล...?
ตอบ : อย่างนั้นแหละดีแล้ว อย่างน้อย ๆ ได้ร่วมกันสร้างความเย็นให้เกิดขึ้นสักจุดก็ยังดี จะได้แบ่งเบาภาระของพระไปจุดหนึ่ง

เป็นพระแล้วพูดเกินวาระกรรมไม่ได้ ได้แต่ใบ้ ๆ ให้ฟัง ใครตีหวยถูกก็โชคดีไป ถ้าตีหวยไม่ถูก ไปรู้เอาตอนหวยออกก็ตั้งหลักไม่ทัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 14-02-2016 เมื่อ 15:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 07-08-2010, 23:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เพื่อนเป็นมะเร็งลำไส้ จะผ่าตัดวันพรุ่งนี้ ควรจะทำบุญอย่างไร ?
ตอบ : บอกให้เขารีบปล่อยชีวิตสัตว์เยอะ ๆ พวกปลาหรือสัตว์อะไรที่เขาขายให้ฆ่าโดยเฉพาะ อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ขออานิสงส์นี้ส่งผลให้ปลอดภัย

ถาม : ทำวันนี้ได้เลยหรือคะ ?
ตอบ : ต้องรีบทำก่อนผ่าตัด

ถาม : ต้องปล่อยกี่ตัว ?
ตอบ : กี่ตัวก็ทำไปเถอะ ถ้าเป็นอาตมาก็เหมาแม่ค้าหมดเป็นราย ๆ ไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-08-2010 เมื่อ 03:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 08-08-2010, 00:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าเรื่องผีให้ฟังว่า "สมัยแรก ๆ ที่บวชอยู่วัดท่าซุง ด้วยความที่ตั้งใจจะเจริญกรรมฐานให้ได้มากที่สุด ทุกวันก็ต้องรีบตื่นแต่เช้า ตอนนั้นใช้นาฬิกาปลุกสามเครื่องวางไว้เครื่องละมุม ไกลจากจุดที่ตัวเองนอน กะว่าถ้านาฬิกาดัง พอเราคลานไปกดให้เงียบ จะต้องหายง่วงแน่เลย แต่ถ้าอยู่ใกล้ ๆ มือ เรายกมือไปปิดเครื่องนิดเดียวก็ได้แล้ว อาจจะทำให้ไม่ยอมตื่น

แต่วันหนึ่งนาฬิกาปลุกเหลืออยู่แค่สองเครื่อง สาเหตุมาจากผี ตอนนั้นผีมาแกล้ง วางมวยกับผีกันอุตลุด เราเตะผีเสียเต็มที่ แต่ไปโดนนาฬิกาปลุกพังไปเลย ตอนเตะก็ว่าเตะผีนะ แต่ไปโดนนาฬิกาแทน พวกนี้เขารู้ความคิดของเรา ในเมื่อรู้ความคิดของเรา เราจะทำอะไรเขารู้หมด เขาจึงหลบทัน

ตอนไปอยู่ที่ตึกกองทุน ชอบใจตรงที่ว่าห้องพักมีเยอะ มีอยู่ ๘ ห้องใหญ่ ๆ ส่วนตรงกลางเป็นโถงใหญ่ สามารถเดินจงกรมได้สบาย เราก็เดินจงกรมไปจนกระทั่งหมดแรง ถ้าเหนื่อยไม่ไหวตรงไหนก็นอนตรงนั้น ซึ่งแถวนั้นไม่ต้องห่วง ผีดุทุกห้อง..!

มีอยู่คืนหนึ่งประมาณตีสองกว่า ๆ กำลังนอนตะแคงขวาสีหไสยาสน์อย่างดีเลย แต่ว่านอนหันหลังให้ประตูทางเข้า ปรากฏว่ามีนักเลงดีย่องมาตอนไหนไม่รู้ เดินทีตึกไหวทั้งหลัง..! ยวบ..ยวบ ตามจังหวะเดินเลย ตึกคอนกรีตเสริมเหล็กไหวทั้งหลังนี่ก็เกินไปนะ ก็รู้ว่าเขาแกล้งเราอีก

อาตมานอนภาวนาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กะว่าพอจังหวะยวบสุดท้าย เท้าเราถึง ก็หมุนตัวเตะเลย..! ปรากฏว่าที่เดินมาเป็นลูกแมวตัวเล็กนิดเดียว เขากระโดดข้ามเท้าเราอย่างนิ่มนวล แล้วเดินออกไปประตูหลัง หันกลับมายิ้มให้ เคยเห็นแมวยิ้มไหม ? เห็นแล้วจะสยอง..! แล้วเขาก็เดินทะลุประตูหลังหายไป..!

น่าเตะจริง ๆ เลย ลูกแมวบ้าอะไรเดินทีตึกไหวทั้งหลัง เขาแกล้งอย่างนั้นทุกวัน เกิดมาเป็นที่รักของผีก็อย่างนี้แหละ ถูกผีแกล้งได้ทุกวัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-08-2010 เมื่อ 03:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 08-08-2010, 13:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แรก ๆ ที่ไปอยู่ก็ขอเขาว่า ให้ช่วยปลุกเวลา ๐๒.๕๕ น. ด้วย จะได้ตื่นขึ้นมาเจริญกรรมฐานก่อน ปรากฏว่าวันนั้นเพลียจัด ทำงานมาทั้งวัน ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะไปกว้านเรือแม่ใหญ่ขึ้นคาน

พี่ชลอ (พระครูปลัดชลอ วิมโล วัดศาลพันท้ายนรสิงห์) ท่านโหนจนหมดแรงแล้ว เราก็ต้องไปช่วยทำต่อ กว้านมาได้ทีละนิ้ว ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ กว่าจะเชิญท่านแม่ขึ้นแท่นได้ก็เหนื่อยจนหมดแรง

หมดสภาพ กลับไปนอนแผ่หลาอยู่ที่ห้อง เวลา ๐๒.๕๕ น. เขาก็ปลุกตามเวลาของเขา พอเขาปลุกตามเวลา เราก็บอกว่า "ไม่ไหวโว้ย ขอนอนอีกหน่อยเถอะ" ได้เลย..เขาให้กระบองอันเบ้อเร่อ ฟาดมาเต็ม ๆ กลางศีรษะ..! บอกให้ปลุกก็ปลุกตามเวลา ปลุกแล้วไม่อยากจะตื่นพ่อเลยฟาดซะ..! โหดจริง ๆ

พวกนี้เวลาปลุกเขาจะจับขากระตุก ถ้าคนไม่รู้จะคิดว่ากล้ามเนื้อขาเกร็งแล้วขาสะบัดเอง แต่จริง ๆ แล้ว เขาจับกระชากขึ้นมา อย่างไรก็ต้องตื่น แต่ตื่นแล้วจะลุกหรือเปล่านั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-08-2010 เมื่อ 09:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 08-08-2010, 13:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อ่านหนังสือเจอ เขาบอกว่าถ้าจะชำระหนี้สงฆ์ในชาตินี้ ให้สร้างพระ ๑๒ นิ้ว..?
ตอบ : ไม่ใช่จ้ะ แค่ ๑๒ นิ้วยังชำระไม่ได้ การสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ต้องสร้างพระอย่างน้อยหน้าตัก ๔ ศอก ก็แปลว่า ๒ เมตร หรือ ๘๐ นิ้วขึ้นไป แล้วถ้าไม่ได้ปิดทองพระ ก็ชำระหนี้สงฆ์ได้เฉพาะเจ้าภาพคนเดียว แต่ถ้าสร้างแล้วปิดทอง กี่คนที่ร่วมบุญมาก็ถือว่าเป็นเจ้าภาพทั้งหมด มีอานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์ได้ทุกคน

ถาม : ขอร่วมบุญสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ด้วยค่ะ
ตอบ : ห้ามเป็นหนี้สงฆ์ใหม่นะ..ชำระหนี้สงฆ์แล้วก็พยายามระมัดระวังไว้ อย่าไปทำเข้าอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-08-2010 เมื่อ 04:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 08-08-2010, 13:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อยากได้ลูกเจ้าค่ะ
ตอบ : ลองไปบนท่านปู่พระอินทร์ดูสิจ๊ะ ตั้งเครื่องบวงสรวงเข้าสักชุดหนึ่ง บอกกับท่านปู่พระอินทร์ว่า "เทวดาหรือนางฟ้าท่านใดที่ต้องการจะเกิดมาเพื่อสร้างบารมี ขอให้มาเกิดกับเรา และขอให้ช่วยครอบครัวของเราเจริญรุ่งเรืองขึ้นด้วย"

ถาม : เครื่องบวงสรวงมีอะไรบ้างคะ ?
ตอบ : ในหนังสือสมบัติพ่อให้ของวัดท่าซุงน่าจะมี ลองไปดูเอาในนั้นแหละจ้ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-08-2010 เมื่อ 04:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 08-08-2010, 13:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมกำหนดจิตไปรับยันต์เกราะเพชรที่วัด ตอนนี้ยังอยู่หรือเปล่า ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่ได้ผิดศีล ยันต์ก็ยังอยู่ ถ้าคุณไม่กินเหล้า ไม่ลักขโมย ยันต์ก็ยังอยู่แน่ ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-08-2010 เมื่อ 04:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 08-08-2010, 14:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงทรัพย์แผ่นดินว่า "จริง ๆ แล้วพวกบรรดาทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ในบ้านเมืองเรามีเยอะมาก แต่ที่ยังขึ้นมาไม่ได้เพราะคนของเรายังมีศีลมีธรรมไม่พอ ถ้าขึ้นมาก็จะเป็นของคนที่มีอำนาจแค่ไม่กี่คน

อย่างนั้นก็ไม่ใช่สมบัติของคนทั้งประเทศ ทรัพย์แผ่นดินจะต้องเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งประเทศ

จะเห็นได้ว่า อาตมาไปดูเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว จนป่านนี้ยังเอาออกมาไม่ได้ รอไปเถอะ พอน้ำท่วม คนไทยเหลือสัก ๗ - ๘ ล้าน จะได้ดูแลกันง่ายขึ้น ถึงเวลานั้นอาจจะเอามาใช้ประโยชน์ได้ เพราะพวกก้างขวางคอตายไปหมดแล้ว..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-04-2012 เมื่อ 21:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 08-08-2010, 14:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูเพิ่งเข้าใจที่ท่านบอกในเรื่องของการยอมรับกฎแห่งกรรม คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนอื่นทำ เป็นไปโดยลีลากรรมเท่านั้น พอเห็นอย่างนี้ ก็ไม่เกิดเป็นการเพ่งโทษ หรือไปว่าร้ายตำหนิใคร เพราะไม่มีใครดีหรือไม่ดีอย่างไร พอเห็นตรงนี้แล้วทำให้เรารู้สึกสงบ ลดความวุ่นวาย เห็นความดับของเหตุนั้น อย่างน้อยหนูก็ยังเห็นและยืนยันได้ในส่วนที่ท่านทำมา
ตอบ : ชื่นใจ..อาตมาพูดปากเปียกปากแฉะมานาน อย่างน้อยก็มีคนเห็นบ้างแล้ว

พอวาระสุดท้ายก็ไม่มีใครดีใครชั่ว ทุกคนกำลังเป็นไปตามกรรม ในเมื่อเป็นอย่างนั้นก็ไม่มีใครให้ตำหนิ ในเมื่อไม่มีใครให้ตำหนิ เราก็ไม่ต้องไปสร้างเวรสร้างกรรม ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กับใคร

ไปนั่งมองต่อ พอนาน ๆ แล้วจะสนุก บางทีก็นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว คนอื่นเห็นว่าบ้าชัด ๆ เพราะเหมือนกับว่า ในขณะที่เรานั่งอยู่สบาย ๆ แต่คนอื่นกระโดดโลดเต้นของเขาไป กลายเป็นอะไรที่ตลก ๆ ไป


ถาม : ในขณะที่คนอื่นมองเห็นว่าสิ่งนี้แปลก เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น แต่เรากลับมองว่าธรรมดาที่เป็นอย่างนั้น เหมือนคนหมดความตื่นเต้นไปเลย
ตอบ : เมื่อวานบอกไปแล้วว่า ที่แปลกเพราะเรายังไม่เคยเจอ เจอแล้วก็เลิกแปลก

พอนาน ๆ ไป ความเป็นชายเป็นหญิง เป็นคน เป็นสัตว์ เป็นวัตถุธาตุสิ่งของก็จะไม่มี จะเห็นเหมือนกันหมด คือ สักแต่เป็นรูป เป็นนาม เป็นธาตุที่สมมติขึ้นมา

ที่มีจิตวิญญาณครองอาศัยก็แสดงอาการต่าง ๆ ออกไปตามแต่จิตวิญญาณที่ประกอบไปด้วยกรรมมาบงการ ที่ไม่มีจิตวิญญาณก็แสดงธรรมชาติของเขาให้เห็นว่า มีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด

พอเห็นอย่างนั้นแล้ว ก็จะไม่มีผู้หญิง ไม่มีผู้ชาย ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ทุกอย่างเป็นเหมือนกันหมด คือสักแต่ว่าเป็นรูปเป็นนาม สักแต่ว่าเป็นธาตุ เมื่อเป็นดังนั้น พวกราคะ โทสะ โมหะ ก็เลยเกิดไม่ได้ เพราะการปรุงแต่งไม่มี ทุกสภาพเหมือนกันหมด


ไปทำต่ออีกหน่อย ทำ ๆ ไป แล้วโลกนี้จะตีลังกากลับ เพราะเห็นอะไรในมุมที่เราไม่เคยเห็นเยอะแยะ ความเป็นธรรมดาในส่วนที่ปัญญาเรายังไม่ถึง เราก็จะมองข้ามไป พอถึงแล้ว มองเห็นแล้ว ทุกอย่างก็จะปรากฏเด่นชัดขึ้น ทีนี้เราก็ก็เลือกเอา อันนี้เพชร อันนี้พลอย อันไหนราคาแพงสุด เราก็คัดเลือกเอา จะได้ไม่ต้องแบกเยอะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-08-2010 เมื่อ 04:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 08-08-2010, 23:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวต่อในเรื่องทิฏฐิให้ฟังว่า "ในเรื่องทิฏฐินั้นก็แบบเดียวกับที่พระเจ้าปายาสิถามพระกุมารกัสสปะ แล้วพระกุมารกัสสปะท่านเปรียบเทียบให้ฟัง แต่พระเจ้าปายาสิก็ไม่ยอมละทิฏฐิ ท้ายที่สุดท่านก็เถียงข้าง ๆ คู ๆ ว่า ที่ไม่ยอมละทิฏฐิเพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าท่านมีทิฏฐิอย่างนี้ ถ้าไปละคนอื่นเขาก็ว่าเอาสิ..!

พระกุมารกัสสปะจึงบอกว่า "ดูก่อน..มหาบพิตร ชายสองคนไปเจออุจจาระแห้ง คิดว่าเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ก็เลยห่ออุจจาระแห้งกับผ้า แล้วทูนหัวไป พอเดินไปเจอกองปอมัดอยู่ ชายคนหนึ่งทิ้งอุจจาระแห้งแล้วแบกกองปอไป ส่วนชายอีกคนกลับไม่ยอมทิ้งอุจจาระแห้งนั้น

เดินไปอีกเจอกองป่าน ชายคนนั้นก็ทิ้งปอแล้วเอากองป่านไป ส่วนชายอีกคนก็ยังแบกห่ออุจจาระไว้ พอเดินไปอีกก็เจอป่านที่ทอเป็นผ้าแล้ว ชายอีกคนก็ทิ้งป่านแล้วแบกเอาผ้าไป ส่วนชายอีกคนก็ยังแบกกองอุจจาระไปตลอดทาง จนกระทั่งท้ายสุด เจอเงิน เจอทอง ชายอีกคนก็เอาเงินเอาทองไป

ส่วนชายที่แบกอุจจาระ พอเดินไปแล้วฝนตก อุจจาระก็ละลาย ทำให้ชายคนนั้นเหม็นไปทั้งตัว แต่ก็ยังไม่ยอมทิ้งอีก"

พระกุมารกัสสปะเปรียบเทียบว่า เหมือนกับพระเจ้าปายาสิ ที่ไม่ยอมละทิฏฐิ พระเจ้าปายาสิทรงพระสรวล ตรัสว่า "โยมเชื่อแต่แรกแล้ว แต่ที่ว่าดังนั้นเพราะอยากฟังท่านสมมติไปเรื่อย ๆ.." เพราะว่าพระกุมารกัสสปะสามารถที่จะสมมติได้วิจิตรชัดเจนมาก ฟังแล้วเห็นภาพพจน์ เข้าใจได้ทันทีเลย.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 08-08-2010, 23:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พระเจ้าปายาสิเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นมาก เช่น ตายไปแล้วมีนรกมีสวรรค์จริงหรือไม่ ลองไปอ่านดูในปายาสิราชัญญสูตร ในพระสุตตตันตปิฎก

พระเจ้าปายาสิบอกว่าไม่เชื่อว่านรกมีจริง เพราะถ้าคนตายไปแล้วไปนรกจริง ให้กลับมาบอกด้วย รอคนแล้วคนเล่า ก็ไม่เห็นมีใครกลับมาบอกท่าน

พระกุมารกัสสปะบอกว่า "ดูก่อน..มหาบพิตร ถ้าหากนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ พระองค์ท่านจับได้แล้ว ตัดสินประหารแล้ว ถ้าเขาขออนุญาตกลับไปบอกญาติหรือสานุศิษย์ต่าง ๆ แล้วจะกลับมาให้ประหาร พระองค์ท่านจะยอมปล่อยไปหรือไม่ ?" พระเจ้าปายาสิก็ตรัสว่า "ปล่อยไปไม่ได้หรอก มีแต่จะเร่งประหารเสียก่อน.."

พระกุมารกัสสปะกล่าวว่า "ลักษณะเดียวกัน ในนรกเขาลงโทษหนักกว่านี้อีก ใครเขาจะปล่อยออกมาให้มาบอกข่าวได้.." แล้วพระเจ้าปายาสิจึงกล่าวถึงพวกที่ไปสวรรค์ ไปสบายแล้ว "เราบอกแล้วว่าใครไปสวรรค์ให้กลับมาบอกข่าว แต่ก็ไม่เห็นมีใครกลับมาบอกเลยสักคน.."

พระกุมารกัสสปะก็เปรียบเทียบว่า "เหมือนกับบุรุษตกลงไปในหลุมคูถ (หลุมอุจจาระ) พระองค์สั่งให้ราชบุรุษเอาตัวขึ้นมา อาบน้ำให้ตัวสะอาดเอี่ยม เปลี่ยนผ้าใหม่ให้ ประด้วยแป้งหอม น้ำมันหอม เอาพวงมาลัยสวยสดงดงามคล้องคอ แล้วบอกให้กระโดดลงไปในหลุมคูถตามเดิม จะมีใครกระโดดลงไปไหม ? ลักษณะเดียวกัน คนไปสวรรค์แล้ว เขามองเห็นว่าโลกนี้น่ารังเกียจประดุจหลุมอุจจาระ จึงไม่มีใครคิดที่จะย้อนกลับมา"

ท่านค่อย ๆ เปรียบทีละอย่าง..ทีละอย่าง ลองไปหาอ่านดู สำนวนโวหารท่านสุดยอด ในบาลีว่ากุมาระกัสสโปเถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก แปลว่า พระกุมารกัสสปะ ผู้เป็นใหญ่ในทางใช้ถ้อยคำอันวิจิตร คือ สามารถเปรียบเทียบได้สุดยอดมาก"


ถาม : มเหสีแปลว่าอะไร ?
ตอบ : แปลว่า เป็นใหญ่ เพราะฉะนั้น..ผู้หญิงต้องเป็นใหญ่กว่า โบราณเขารู้ดี..! (หัวเราะ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-02-2019 เมื่อ 20:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 09-08-2010, 09:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าเรื่องพระเจ้าปายาสิให้ฟังอีกว่า "พระเจ้าปายาสิอยากจะหาวิญญาณของคน ก็คือ ดวงจิต ถึงขนาดจับโจรมาใส่หม้อทั้งเป็น เอาหนังรัด เอาดินเหนียวพอกแล้วตั้งไฟจนกระทั่งเขาตาย เปิดดูก็ไม่เห็นมีวิญญาณ

บางทีก็จับมาเชือดทีละชิ้น ๆ รัดคอจนตายก็มี แล้วหาว่าวิญญาณอยู่ตรงไหนก็หาไม่เจอ พระเจ้าปายาสิก็เลยไม่เชื่อว่าจิตหรือวิญญาณมี ไปเกิดโลกใหม่ได้ก็ไม่เชื่อ

พระกุมารกัสสปะก็เปรียบเทียบให้ฟังว่า อาจารย์ที่เป็นนักบวชสั่งลูกศิษย์ให้ก่อไฟเพื่อต้มน้ำ ลูกศิษย์ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า แค่สีไฟให้ติดก็ก่อไฟได้ แต่ลูกศิษย์ก็ผ่าฟืน ผ่าเพื่อหาว่าไฟมาจากไหน เพราะเห็นไฟมันติดมาจากฟืนเลยพยายามผ่าฟืนหาไฟ

ท่านเปรียบแต่ละอย่างภาพพจน์จะชัดเจนมาก ไปหาอ่านให้ได้ ถ้าไม่อ่านพระไตรปิฎกเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 09-08-2010, 10:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีผู้หญิงคนหนึ่งมาจากประเทศอังกฤษ เธอเป็นคนไทยที่ไปเรียนอยู่ที่นั่น พระอาจารย์จึงสอบถามว่าไปอยู่ที่ไหนมา แล้วท่านจึงกล่าวว่า "ไปอยู่ต่างประเทศ นาน ๆ ไปบุคลิกจะเป็นฝรั่ง จึงได้ถามว่าไปอยู่ที่ไหนมา ?

ที่ว่าบุคลิกเป็นฝรั่ง ไม่ใช่ว่าหน้าตาเหมือน คือ บ้านเขาเราจะรู้สึกว่าเขากล้าแสดงออก ตรงไปตรงมา เคารพกฎหมายและความมีระเบียบ บุคลิกพวกนี้จะติดตัวมา จนกลายเป็นสมบัติของเราไปแล้ว

ต่อไปเราจะอยู่ประเทศไทยยาก เพราะเราจะทนความไม่มีระเบียบไม่ได้แล้ว ประเภทนัดตอนนี้แล้วอีกชั่วโมงยังไม่มา ได้ทะเลาะกันบ้านแตกแน่ แต่ต่างประเทศเขาตรงเวลาชนิดนาทีต่อนาที

บ้านเขามีส่วนดีของบ้านเขา บ้านเรามีส่วนดีของบ้านเรา แต่ทีนี้พอเราเคยชินกับที่หนึ่ง แล้วเอาไปวัดกับอีกที่หนึ่ง ก็จะเกิดข้อเปรียบเทียบที่ต่างกันมาก

ตอนที่ไปพม่าเมื่อ ๕ - ๖ ปีก่อน แรก ๆ อาตมารับเขาไม่ค่อยได้ เพราะเขาทำอะไรยืดยาดมาก เราต้องการจะเช่ารถตอนนี้ เขาบอกว่าวันนี้เป็นวันไม่ดี ออกรถไม่ได้ ให้รอก่อน พอถึงเวลารถวิ่ง เขาก็วนไปรับคนก่อน คือ ไหน ๆ ออกแล้วก็รับคนให้เต็มที่ นั่นเราเช่ารถเขามาแล้วนะ

วนแล้วหมู่บ้านนี้ไม่มี ก็วนไปหมู่บ้านอื่นอีก วนเสร็จย้อนกลับมาหมู่บ้านเดิม ถามว่ามีใครเปลี่ยนใจไหม ? คนเขาก็บอกว่ายังไม่ได้เตรียมตัวเลย คนขับรถก็บอกว่าไม่เป็นไร..รอได้..! สรุปแล้ววันทั้งวันเขาพาเราวิ่งไปได้แค่ ๒๒ ไมล์ แล้วเราก็ต้องไปค้างคืนกลางทาง

ถ้าสภาพจิตยอมรับ ไม่ดิ้นรนมาก เราก็จะอยู่ได้ แต่ถ้าดิ้นรนมาก เดี๋ยวก็เตลิดกลับไปต่างประเทศอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-08-2010 เมื่อ 12:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 09-08-2010, 16:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องศรัทธาว่า "ในเรื่องของศาสนาทุกศาสนา ตัวศรัทธาจะต้องมาก่อนทุกอย่าง ถ้าขาดศรัทธาก็จะไม่เข้ามาสอบถาม ไม่เข้ามาศึกษา

ในเมื่อไม่มาสอบถาม ไม่มาศึกษา ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ไม่รู้ว่าศาสนาดีอย่างไร ฉะนั้น..เรื่องของศรัทธาจะต้องมาก่อน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 09-08-2010, 16:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วงนี้ผมดวงไม่ค่อยดีครับ
ตอบ : ภาวนาเยอะ ๆ แล้วจะดีเอง บุญของการภาวนาเป็นบุญใหญ่ จะช่วยให้ดีขึ้นได้เร็วที่สุด เร็วกว่าบุญอื่นทุกอย่าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2010 เมื่อ 03:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 09-08-2010, 17:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาจะสอนเด็ก บางทีก็รู้สึกแน่น ๆ อึดอัด พอรู้สึกแน่น ๆ อึดอัด กลายเป็นว่าเนื้อหาที่สอนไป เด็กไม่เข้าใจ แต่พอสอนด้วยอารมณ์เป็นสุข เด็กก็เข้าใจในเนื้อหาที่สอน ตอนแรกหนูก็งง คิดว่าตนเองคงกินข้าวมากเกินไป
ตอบ : ไม่ใช่หรอก ถ้าอาการอย่างนั้นเกิดขึ้นแสดงว่ามีใครสักคนที่สงเคราะห์

ถาม : สงเคราะห์เขา ?
ตอบ : ใช่..อาจจะสงเคราะห์เด็กทั้งหมดก็ได้

ถาม : แต่ทำไมเราจึงรู้สึกอึดอัด ?
ตอบ : ถ้าคนไม่ช่างสังเกตจะไม่รู้สึก เพียงแต่สงสัยว่า ตั้งใจพูดอย่างหนึ่งแต่ทำไมกลายเป็นอีกอย่าง

ถาม : เป็นทุกคนหรือเปล่า ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วก็เป็นเรื่องเฉพาะคน แต่ถ้าคนช่างสังเกตก็จะรู้สึก ถ้าไม่ช่างสังเกตก็จะไม่รู้สึก ว่าทำไมวันนี้เราพูดอะไรไปเยอะแยะ ความจริงแล้วไม่ใช่เราพูด ใครก็ไม่รู้ยืมปากเราพูด

ถาม : บางทีอยู่เฉย ๆ แล้วง่วงมากเลย ปรากฏว่าเด็ก ๆ นั่งอยู่ก็ง่วง พอขึ้นเรื่องใหม่เด็กหายง่วง หนูก็หายง่วงไปด้วย
ตอบ : ไม่เป็นไรหรอก สอนเด็กได้ก็ใช้ได้

ก่อนเข้าพรรษาโรงเรียนอนุบาลเฟื่องฟ้าพาเด็กไปวัดท่าขนุนประมาณ ๑๐๐ คน เพิ่งจะรู้ว่าครูสอนเด็กอนุบาลต้องมีความอดทนมาก ๆ คือ พูดอะไรเด็กก็ไม่ฟังสักอย่าง เขาจะทำแต่สิ่งที่เขาชอบ ขนาดแบ่งเด็กออกเป็นสี ๆ แล้ว ก็ไม่ฟังหรอก เขาจะไปกับเพื่อนอย่างเดียว สีไหนก็จะไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2010 เมื่อ 03:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 09-08-2010, 17:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,374 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมถวายของให้พระอาจารย์ วันต่อมาเขามาขอของคืน ในลักษณะผาติกรรมไป

พระอาจารย์เลยบอกว่า "แบบนี้เขาเรียกว่า ถวายแล้วตัดใจไม่ได้ เป็นพวกศรัทธาแบบหัวเต่า เดี๋ยวหดหัวเข้า เดี๋ยวโผล่หัวออกมา ศรัทธายังไม่แน่นอน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-08-2010 เมื่อ 17:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:51



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว