กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-06-2010, 08:17
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,846 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default พรหมวิหาร ๔ ต้องเต็มทุกข้อ

พรหมวิหาร ๔ ต้องเต็มทุกข้อ


เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๑ ก.ค. ๒๕๓๖ สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสให้ ดังนี้

๑. “หมั่นเอาจิตจดจ่อ พิจารณาพรหมวิหาร ๔ ให้เนือง ๆ ด้วย พยายามให้เกิดแก่อารมณ์ของตนเองเป็นสำคัญ เมตตาภายในให้เต็มเสียก่อน จึงค่อยคิดเมตตาออกภายนอก”

๒. “ที่จิตของเจ้ามีความวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ เพราะพรหมวิหาร ๔ อ่อน ไม่เมตตาจิตของตนเอง จึงยังอารมณ์ให้เบียดเบียนตนเองอยู่เสมอมิได้ขาด เจ้าจงอย่าทิ้งกรรมฐานบทนี้ พยายามทำควบคู่ไว้กับมรณาและกายคตา และอสุภะและอุปสมา โดยอาศัยอานาปานุสติเป็นพื้นฐานยังจิตให้มีกำลัง”

๓. “การพิจารณาก็ต้องให้เห็นทุกข์ อันเกิดจากอารมณ์เบียดเบียนจิตของตนเอง อันมีสาเหตุมาจากพรหมวิหาร ๔ ไม่ทรงตัว ขาดกรรมฐานบทนี้ตัวใดตัวหนึ่งใน ๔ ตัว จิตของเจ้าก็ไม่พ้นจากอารมณ์ที่เบียดเบียนตนเอง และไม่พ้นจากอารมณ์ที่ไปเบียดเบียนผู้อื่น แล้วไม่พ้นจากโลกธรรมที่เข้ามากระทบอารมณ์ของจิต”

๔. “การขาดพรหมวิหาร ๔ หรือทรงพรหมวิหาร ๔ ไม่ครบทุกตัว ธรรมแห่งการถูกเบียดเบียนก็จักกระทบเข้ามาเป็นลูกโซ่ ดังนั้น ขอให้พวกเจ้าใช้ปัญญาพิจารณาให้ดี ๆ จักได้เป็นแนวทางปฏิบัติ ทำพรหมวิหาร ๔ ให้เต็มได้”

๕. “แล้วอย่าทิ้งอิทธิบาท ๔ เสียล่ะ จรณะ ๑๕ ก็ต้องทรงให้ครบ ใช้วิชชาทั้ง ๘ คือญาณทั้ง ๘ หรือมโนมยิทธินั้นกำหนดรู้อดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นเครื่องประกอบศึกษาธรรมหมวดพรหมวิหาร ๔ ไปด้วย จักได้รู้ว่า ผลของการขาดพรหมวิหาร ๔ มีผลส่งทำให้เกิดกรรมเช่นใด และจักได้รู้ผลของการรักษาพรหมวิหาร ๔ ถ้าครบอนาคตจักเป็นเช่นใด และรู้ผลของจิตปัจจุบันที่กำลังทำความเพียรอยู่ในขณะนี้ มีอารมณ์เช่นใด”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-06-2010 เมื่อ 11:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-06-2010, 15:27
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,846 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๖. “ทำไปรู้ไป อย่าทำเหมือนคนดำน้ำ หรือคนเอาผ้าดำมาผูกตา ทำมันส่งไป ไม่รู้ว่าจิตมีพรหมวิหาร ๔ ประจำจิตหรือไม่ และจงอย่าเข้าข้างอารมณ์กิเลสที่หลอกตัวเองว่า พรหมวิหาร ๔ ของเรามีเต็มแล้ว”

๗. “จำไว้ตราบใดที่จิตยังถูกสังโยชน์ ๑๐ รัดร้อยอยู่ในอารมณ์ ตราบนั้นห้ามพวกเจ้าคิดว่า พรหมวิหาร ๔ เต็มเป็นอันขาด”

๘. “อารมณ์ที่เบียดเบียนจิตให้เกิดทุกข์ ไม่ว่าจักมีอามิสก็ดี หรือเป็นธรรมารมณ์เข้ามากระทบก็ตาม จงกำหนดรู้ และศึกษาวัดกำลังของพรหมวิหาร ๔ ตามนั้น ถ้าหากยังยินดี ยินร้าย ยึดสุข ยึดทุกข์ ทำอารมณ์จิตให้หวั่นไหวนานเท่าไหร่ ก็ขาดพรหมวิหาร ๔ นานเท่านั้น จุดนี้ต้องกำหนดรู้ไว้ให้ดี ๆ”

๙. “และจงอย่าแก้ไขธรรมภายนอกที่เข้ามากระทบเป็นอันขาด จงหมั่นแก้ที่จิตของตนเอง ดูอารมณ์ของจิตตนเองให้ดี ๆ แก้ไขที่ตรงนี้จึงจักมีผลสมบูรณ์ ถูกต้องตามหลักธรรมที่ตถาคตตรัสสอนมา” (เพื่อนผมท่านก็ยอมรับว่า ในอดีตตนมักชอบแก้ไขธรรมภายนอก ชอบโทษผู้อื่น แทนที่จะโทษอารมณ์จิตตนเองว่าไม่เอาไหน เช่น ชอบยึดโลกธรรมที่มากระทบ ไม่ยอมรับกฎของกรรม ไม่ยอมรับกฎของธรรมดา และไม่เข้าใจอริยสัจตามความเป็นจริง)

๑๐. ทรงแย้มพระโอษฐ์ แล้วตรัสสอนว่า “ดีแล้ว ที่เจ้าเริ่มรู้สึกตัว ตราบนี้ให้หมั่นปรับปรุงอารมณ์ของจิต ให้ดูตัวเองเป็นสำคัญ *ให้แก้ไข* กล่าวโทษโจทก์ตนเองเป็นสำคัญ อย่าไปโทษบุคคล สัตว์ วัตถุธาตุภายนอก ต้องโทษจิตตนเองเป็นสำคัญ ที่อยากมีร่างกายให้เกิดมารับกฎของกรรมเหล่านี้”

๑๑. “รู้กฎธรรมดาแต่อย่าทำจิตให้เศร้าหมอง ทรงพรหมวิหาร ๔ เข้าไว้ให้ครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุเบกขาตัวท้าย จักทำให้จิตยอมรับกฎของกรรมได้โดยสงบ เมื่อเข้าใจแล้วก็จงหมั่นนำไปปฏิบัติให้เกิดผลด้วย”
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 23-06-2010, 10:49
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,846 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

คำสารภาพเรื่องอารมณ์จิตเลว *เกี่ยวกับพระรูปหนึ่ง*

เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๒ ก.ค. ๒๕๓๖ เพื่อนของผมท่านก็สารภาพว่า จิตของท่านยังมีอารมณ์เลวอยู่ เมื่อกระทบกับเรื่องของพระรูปนั้น ยอมรับว่าจิตมันอดหวั่นไหวไม่ได้ เพราะจิตมันชอบเกาะเลวมากกว่าเกาะดี หลวงพ่อฤๅษี ท่านก็เมตตามาสอนว่า

๑. “เป็นธรรมดา เพราะการเกิดมาแต่ละครั้ง นานนับอสงไขยกัปนับไม่ได้นั้น จิตมันเกาะติดอกุศลมากกว่ากุศล เกาะชั่วมากกว่าเกาะดี ยิ่งอารมณ์โกรธ เกลียด แค้น พยาบาทด้วยแล้ว มันเกาะฝังใจเลยทีเดียว เขาด่า จนคนด่ามันตายไปแล้ว แต่ใจของเราก็ยังจำคำด่าของเขาไว้ ไม่ลืมจนตายอีกนั่นแหละ”

๒. “ทีนี้ไอ้เรื่องเกาะดี มันมักจะขี้ลืม คำสอนของพระพุทธเจ้า มันไม่เอา เดินชนพระพุทธเจ้าตายแล้วกี่องค์ สอนเท่าไหร่ก็ไม่เอามาใคร่ครวญ เข้าหูซ้ายไปทะลุหูขวา ไหลออกไปเรื่อย คือ ไม่เอาสิ่งที่เป็นสาระมาเป็นสาระ เสือกไปเอาสิ่งที่ไม่เป็นสาระมาเป็นสาระ และชอบพูดกันจริง ๆ นะ ไอ้ธรรมทางโลกที่เลว ๆ เรื่องธรรมะที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ไม่ค่อยจะคุยกันเลย” (ก็คิดว่า มันอดไม่ค่อยได้ค่ะ)

๓. “ก็แน่ละสิ จิตมันชิน ปากมันชิน ติดโลก ติดเลว ไม่วาง ไม่ละสักที มันก็หยุดไม่ได้ อดไม่ได้ เก็บเลวไปเรื่อย มันดีหรือไม่ดี” (ก็รับว่าไม่ดี)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-06-2010, 08:51
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,846 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๔. “ไม่ดีก็เลิกเสียนะ พยายามวางเฉยรับกฎของธรรมดาเข้า อะไรมันเกิดขึ้นก็เป็นกฎธรรมดา วางมันทิ้งไป เลือกเอาแต่ธรรมที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า มาประพฤติปฏิบัติก็พอ”

๕. “ธรรมเลวอย่าไปเอามา พยายามปลดมันทิ้งไปโดยการเห็นว่าเป็นกฎของกรรม ซึ่งหมายถึงเป็นธรรมดา วางมันเสีย ไม่พูดเสียได้เป็นดี ไม่พูดด้วย ไม่คิดด้วย ไม่ทำด้วย ระงับใจเข้าไว้ นานเข้ามันก็วางได้เอง

๖. “อุเบกขา (พรหมวิหาร ๔ ตัวสุดท้าย) มันก็เต็มไปด้วยขันติ มีความอดทนข่มใจต่อความชั่วที่เข้ามากระทบ มีหิริ โอตตัปปะ อายความชั่ว เกรงผลของความชั่วนั้นเข้ามาตอบสนอง”

๗. “ถ้าเราไปรับความชั่วนั้นเข้ามาในจิตเรา แล้วแสดงออกมาเป็นมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม อย่างนี้เราไม่เอา ผลักมันทิ้งไปเสีย ค่อย ๆ ละ ค่อย ๆ วาง อย่าท้อถอย เอาสติกำหนดรู้ไว้ว่า เราตั้งใจละจากความเลวจุดนี้ ประเดี๋ยวก็ดีเอง”


ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๕
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:00



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว