กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-02-2010, 09:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,116 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

พยายามนั่งในท่าที่สบายของเรา ที่สำคัญก็คือตัวตรง แต่ว่าอย่าไปเกร็งร่างกาย ตั้งตัวให้ตรง ทำกำลังใจสบาย ๆ นึกถึงลมหายใจเข้าออกของเราตามปกติ ไม่ต้องไปบังคับให้แรง ให้เบา ให้ยาว ให้สั้น เราแค่กำหนดความรู้สึกไหลตามลงไป หายใจออกก็ไหลตามขึ้นมา

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นวันแรกของการปฏิบัติภาวนาของเราในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่เราปฏิบัติมา ระยะเวลาหนึ่งเดือนผ่านไปเร็วเหลือเกิน

การปฏิบัตินั้นทุกท่านก็ล้วนแต่หวังความก้าวหน้า แต่มักจะมีปัญหาที่มาถามอยู่เสมอว่า ปฏิบัติแล้วไม่ก้าวหน้าจะต้องทำอย่างไร ? การปฏิบัติแล้วไม่ก้าวหน้านั้นมีสาเหตุหลัก ๆ อยู่ไม่กี่ประการเท่านั้น ก็คือ ๑. ทำเกิน ๒. ทำขาด ๓. ทำแล้วรักษาอารมณ์ใจไว้ไม่เป็น เหล่านี้เป็นต้น

ในเรื่องของการปฏิบัติเกินนั้น ก็คือ การที่เราทุ่มเทกำลังกายกำลังใจ เพื่อที่จะปฏิบัติให้สำเร็จอย่างที่ต้องการ แต่ว่าเป็นการทุ่มเทเกินไป ซึ่งในปัจจุบันนี้ไม่น่าจะมี ถ้ามีในอดีตก็มีอยู่ท่านเดียวที่กล่าวถึงในพระไตรปิฎก ก็คือพระโสณโกฬิวิสะเถระ

พระโสณโกฬิวิสะเถระ เป็นลูกมหาเศรษฐี มีฝ่าเท้าอ่อนนุ่มมาก แต่ก็มีความเพียรมากเช่นกัน ท่านเดินจงกรมจนเท้าแตก ในบาลีอธิบายว่า เลือดนองบนทางจงกรม เหมือนอย่างกับใครมาเชือดวัวเอาไว้ เมื่อเดินจนเท้าแตก ไม่สามารถจะเดินต่อได้ ก็ใช้วิธีคลานไป ก็ยังไม่บรรลุมรรคผลที่ต้องการ มานึกท้อใจว่า "ดูท่าเราจะปฏิบัติไม่สำเร็จเป็นแน่แท้" พระพุทธเจ้าทราบความคิด ก็เปล่งฉัพพรรณรังสีไปปรากฏอยู่เฉพาะหน้า แสดงธรรมถึงพิณ ๓ สาย ที่ตึงเกินไป หย่อนเกินไป และที่พอดี แล้วตรัสว่า "ดูก่อน..โสณะ สิ่งที่เธอทำนั้น กำลังใจล้นเกินให้ลดกำลังใจลงมา" นับว่าเป็นรายเดียวในประวัติศาสตร์จริง ๆ ที่มีการปฏิบัติเกินกว่าที่ครูบาอาจารย์ต้องการ และมีหลักฐานบันทึกไว้อย่างชัดเจน

เมื่อพระโสณโกฬิวิสะลดกำลังใจลงมา ก็ตรงร่องพอดี บรรลุมรรคผลกลายเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าแต่งตั้งให้เป็นเอตทัคคะ คือผู้ที่เลิศกว่าผู้อื่นในด้านการปรารภความเพียร ดังนั้น..การปฏิบัติที่ไม่ก้าวหน้า ที่บอกว่าทำเกินนั้น ปัจจุบันนี้ไม่น่าจะมี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2010 เมื่อ 11:54
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-02-2010, 09:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,116 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนอย่างต่อไปก็คือ ทำขาด นี่ถือว่าเป็นเรื่องปกติของพวกเรา เพราะว่าเรายังเป็นปุถุชนอยู่ กำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญายังมีน้อย ไม่สามารถจะควบคุมสมาธิให้ตั้งมั่นอยู่เฉพาะหน้าได้นาน ๆ ใน ๒๔ ชั่วโมง เรามักจะโดนนิวรณ์ ๕ บ้าง รัก โลภ โกรธ หลงบ้าง เบียดเบียนเข้ามาช่วงชิงพื้นที่ของกำลังใจที่ดีเสียเกือบหมด พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ๒๔ ชั่วโมงจะเอาดีสักชั่วโมงก็แสนยาก

แต่ว่าความดีนั้นไม่ได้ไปไหน สมมติว่า ๒๔ ชั่วโมง เราทำดีได้หนึ่งชั่วโมง ความดีนั้นก็ทรงตัวอยู่ รุ่งขึ้นทำได้อีกชั่วโมงหนึ่ง ความดีก็ทรงตัวรวมเป็นสองชั่วโมง ค่อย ๆ สะสมไปทีละเล็กละน้อยดังนี้ ถ้าหากว่าเราใช้ความเพียรที่พยายามสม่ำเสมอ ทำทุกวัน ไม่มีการทิ้ง กำลังใจนี้จะค่อย ๆ สะสมมากขึ้น ๆ จนท้ายสุดก็พอใช้งานในการตัดกิเลสได้

ส่วนข้อสุดท้ายที่ว่า ทำแล้วรักษาอารมณ์ใจเอาไว้ไม่ได้ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วพวกเราไม่รู้ ปฏิบัติไปแล้วเมื่อเลิกจากการปฏิบัติก็ทิ้ง ไม่ได้ประคับประคองรักษาอารมณ์นั้นเอาไว้ได้อย่างตอนที่ปฏิบัติอยู่ เมื่อเป็นดังนั้น กำลังใจของเราก็จะไหลตามกิเลสไป กว่าจะทวนกระแสขึ้นมาใหม่ก็ยาก จึงเป็นเหตุให้ไม่มีความก้าวหน้าเกิดขึ้น

วิธีที่จะแก้ก็คือ ต้องใช้กำลังใจจดจ่ออยู่เฉพาะหน้า ประคองรักษาอารมณ์ที่เราทำได้ ให้ทรงตัวตั้งมั่นเหมือนอย่างกับเวลาที่เรานั่งนิ่ง ๆ อยู่ แต่ว่าตอนนี้เราจะยืน จะเดิน จะนอน จะนั่งอย่างไรก็ตาม กำลังใจต้องทรงตัวให้ได้เท่ากับตอนที่นั่งสมาธิ


ถ้าถามว่าแล้วมีข้อสังเกตอย่างไรว่ากำลังใจทรงตัว ? บุคคลที่กำลังใจทรงตัวนั้น นิวรณ์ ๕ ก็คือ กามฉันทะ ความยินดีในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย และสัมผัสระหว่างเพศ ไม่สามารถจะกินใจได้ พยาบาท ความโกรธเกลียดอาฆาตแค้นคนอื่น ไม่สามารถจะกินใจของเราได้ ถีนมิทธะ ความห่วงเหงาหาวนอน ความขี้เกียจปฏิบัติ ไม่สามารถจะเข้ามายึดครองจิตใจของเราได้ อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน ไม่สามารถจะเข้ามายึดครองใจของเราได้ และวิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในการปฏิบัติ ไม่สามารถจะยึดครองใจของเราได้

ถ้าเป็นดังนี้ก็แปลว่ากำลังใจของเราทรงตัว เราก็ประคับประคองกำลังใจที่ทรงตัวนี้ไว้ อย่าให้หลุดไปไหน เคยเปรียบไว้ว่าเหมือนเราเลี้ยงลูกแก้วไว้บนปลายเข็ม ระมัดระวังลูกแก้วไม่ให้หล่นไปแตกเสียก่อน ถ้าสามารถรักษากำลังใจให้อยู่กับเราได้นานเท่าไร สภาพจิตใจของเราก็จะมีความผ่องใสมากขึ้นเท่านั้น ปัญญาก็จะเกิดได้มากเท่านั้น ท้ายสุดก็จะเห็นช่องทางว่าจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะเกิดความก้าวหน้าขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2010 เมื่อ 11:56
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-02-2010, 10:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,116 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนอีกข้อหนึ่งที่จะแถมให้ว่าปฏิบัติแล้วไม่ก้าวหน้านั้น เกิดจากสาเหตุที่ว่าอยากดีจนเกินไป ในเมื่อเราอยากดีจนเกินไป เราก็พยายามเร่งรัดการปฏิบัติ เอาใจจดจ่ออยู่ ตามจี้อยู่ตลอดเวลา แต่กลายเป็นว่า สิ่งนี้กลับเป็นความฟุ้งซ่านในใจของเราเอง ก็คือฟุ้งอยากได้ดีจนเกินไป กลายเป็นส่วนของอุทธัจจกุกกุจจะ เพราะอารามอยากได้ดี ก็เลยตามรู้ตามจี้ติดทุกสถานการณ์ ถ้าหากเปรียบกับบุคคลทั่ว ๆ ไป ก็คือ ไปตามตอแยเขาจนเขารำคาญ ก็ต้องหลีกหนีไปเสีย กำลังใจของเราก็เช่นกัน ถ้าอยากดีจนเกินไป ตามจี้อยู่ตลอดเวลา กำลังใจก็จะไม่ทรงตัว เพราะว่าแทนที่จะเป็นสมาธิ ก็กลายเป็นความฟุ้งซ่านอยากได้ดี

สิ่งทั้งหลายที่กล่าวมานี้ทั้ง ๔ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติเกินก็ดี ปฏิบัติขาดก็ดี ปฏิบัติแล้วไม่ได้รักษากำลังใจไว้ก็ดี หรืออยากได้ดีจนเกินไปก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นตัวขวางให้เราทำการภาวนาแล้ว ได้ผลน้อย ได้ผลช้า หรือว่าไม่ได้ผลเลย จัดเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในการปฏิบัติของพวกเรา เมื่อเรารู้แล้วก็พยายามแก้ไข ละเสียในสิ่งที่ควรจะละ ถ้าหากว่าเราทั้งหลายพยายามทำดังนั้นได้ ความก้าวหน้าก็จะค่อย ๆ มี

ความดีของเรานั้นขอยืนยันว่าไม่ได้ไปไหน แม้ว่าจะได้วันละเล็กวันละน้อยก็ตาม ก็จะสั่งสมตัวอยู่ เมื่อมากเข้าก็เพียงพอแก่การใช้งาน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพอใช้งาน ก็ต้องเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น อย่างเสียงระเบิดเมื่อครู่นี้ ถ้ากำลังใจของเราทรงตัว ก็จะมั่นคงเฉพาะอยู่ข้างหน้า ไม่ได้ไปใส่ใจ แต่ถ้ากำลังใจไม่ทรงตัว ก็จะเกิดอาการสะดุ้งตกใจ และไปสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนี้เป็นต้น

วิธีที่จะทำให้กำลังใจทรงตัวดีที่สุดก็คือ กำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่กับลมหายใจเข้า ลมหายใจออก หายใจเข้าจะแรง..จะเบา..จะยาว..จะสั้น รู้อยู่ หายใจออกจะแรง..จะเบา..จะยาว..จะสั้น รู้อยู่ พร้อมกับคำภาวนาที่เราชอบใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าหากท่านที่มีความคล่องตัว จะกำหนดภาพพระควบไปด้วยก็ได้ ให้พวกเราพยายามปฏิบัติอย่างนี้ สะสมอย่างนี้ไปทุกวัน ๆ เพื่อที่ความดีของเราจะได้มีมากขึ้น ๆ และท้ายสุดเมื่อพอใช้งานก็มีกำลังในการตัดกิเลสได้

ตอนนี้ก็ขอให้ทุกท่านรู้กำหนดลมหายใจเข้าออก กำหนดรู้คำภาวนาของแต่ละคน กำหนดภาพพระของแต่ละคนไป รักษาอารมณ์ใจให้ปักมั่นอยู่เฉพาะหน้า จนกว่าจะได้ยินเสียงสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันศุกร์ที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2010 เมื่อ 02:57
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว