กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องบูรพาจารย์ > พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงปู่สาย อคฺควํโส)

Notices

พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงปู่สาย อคฺควํโส) ธรรมะ ชีวประวัติ และคำสอนของหลวงปู่สาย อคฺควํโส

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-01-2009, 21:58
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 259
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,227 ครั้ง ใน 1,280 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default เรื่องที่ควรพูด ๑๐ อย่าง

๑. มักน้อย
๒. สันโดษ
๓. วิเวก
๔. ไม่คลุกคลี
๕. ความเพียร
๖. ศีล
๗. สมาธิ
๘. ปัญญา
๙. วิมุติ
๑๐. วิมุติญาณะทัสสนะ

คัดลอกจากหนังสืออนุสรณ์งานบำเพ็ญกุศลศพ ครบ ๑ ปี
พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงพ่อสาย อคฺควํโส)
อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ต. ท่าขนุน อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2010 เมื่อ 03:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 88 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-01-2009, 21:45
ทิดตู่ ทิดตู่ is offline
สมาชิกยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 168
ได้ให้อนุโมทนา: 27,852
ได้รับอนุโมทนา 47,500 ครั้ง ใน 1,464 โพสต์
ทิดตู่ is on a distinguished road
Default

เคยอ่านกลอนของหลวงปู่สายที่ติดไว้ที่ข้างฝากุฏิวัดท่าขนุน มีความหมายที่น่าสนใจ ว่าดังนี้ครับ
"ฆ้องระฆัง ดังเมื่อตี มีเสียงเพราะ
ถ้าไม่เคาะ ก็ไม่ดัง ตั้งอยู่เฉย
วิสัยปราชญ์ มาตรไม่ถาม ไม่ภิเปรย
ถึงคราวเอ่ย แต่ละครั้ง ฝังใจคน"
ฝากไว้ให้พิจารณากันดูนะครับ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2010 เมื่อ 03:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ทิดตู่ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 17-01-2009, 21:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าเป็นเรื่องของการพูดสอน พระอาจารย์เล็กท่านเคยกล่าวแนะนำพระลูกศิษย์ว่า
๑. พูดเน้นการปฏิบัติ
๒. พูดให้เคารพพระรัตนตรัย
๓. พูดให้คลายกำหนัด
๔. พูดให้ห่างจากการครองเรือน เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 83 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 18-01-2009, 12:26
ทิดตู่ ทิดตู่ is offline
สมาชิกยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 168
ได้ให้อนุโมทนา: 27,852
ได้รับอนุโมทนา 47,500 ครั้ง ใน 1,464 โพสต์
ทิดตู่ is on a distinguished road
Default

“อัคคิเวสสนะ เวทนา ๓ อย่างนี้คือ สุขเวทนา ๑ ทุกขเวทนา ๑ อทุกขมสุขเวทนา ๑ อัคคิเวสสนะ สมัยใดได้เสวยสุขเวทนาในสมัยนั้นไม่ได้เสวยทุกขเวทนา ไม่ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่สุขเวทนาเท่านั้น ในสมัยใดได้เสวยทุกขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่ทุกขเวทนา เท่านั้น ในสมัยใดได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยแต่ทุกขเวทนา ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา
“อัคคิเวสสนะ สุขเวทนา...... ทุกขเวทนา....... อทุกขมสุขเวทนา.....ไม่เที่ยงอันปัจจัยปรุงแต่งขึ้นอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไป เสื่อมไป คล้ายไปดับไปเป็นธรรมดา
“อัคคิเวสสนะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมหน่ายทั้งใน ทั้งสุขเวทนา ทั้งทุกขเวทนา ทั้งอทุกขมสุขเวทนา เมื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดย่อมหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ ว่าหลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี อัคคิเวสสนะ ภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้แล ย่อมไม่วิวาทแก่งแย่งกับใคร ๆ โวหารใดที่ชาวโลกพูดกันก็พูดไปตามโวหารนั้น แต่ไม่ยึดมั่นด้วยทิฐิ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2019 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ทิดตู่ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 24-02-2009, 17:40
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 663
ได้ให้อนุโมทนา: 26,519
ได้รับอนุโมทนา 88,317 ครั้ง ใน 1,256 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

อัคคิเวสสนะ เวทนา ๓ อย่างนี้คือ

สุขเวทนา ๑
ทุกขเวทนา ๑
อทุกขมสุขเวทนา ๑


ในสมัยใดได้เสวยสุขเวทนา ในสมัยนั้น ไม่ได้เสวยทุกขเวทนา และไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่สุขเวทนาเท่านั้น

ในสมัยใดได้เสวยทุกขเวทนา ในสมัยนั้น ไม่ได้เสวยสุขเวทนา และไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่ทุกขเวทนาเท่านั้น

ในสมัยใดได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ในสมัยนั้น ไม่ได้เสวยสุขเวทนา และไม่ได้เสวยแต่ทุกขเวทนา ได้เสวยแต่อทุกขมสุขเวทนาเท่านั้น

อัคคิเวสสนะ สุขเวทนา...... ทุกขเวทนา....... อทุกขมสุขเวทนา.....ไม่เที่ยงอันปัจจัยปรุงแต่งขึ้นอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไป เสื่อมไป คล้ายไปดับไปเป็นธรรมดา

อัคคิเวสสนะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมหน่ายทั้งใน ทั้งสุขเวทนา ทั้งทุกขเวทนา ทั้งอทุกขมสุขเวทนา เมื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดย่อมหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ ว่าหลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี อัคคิเวสสนะ ภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้แล ย่อมไม่วิวาทแก่งแย่งกับใคร ๆ โวหารใดที่ชาวโลกพูดกันก็พูดไปตามโวหารนั้น แต่ไม่ยึดมั่นด้วยทิฐิ


สาธุครับ ผมช่วยจัดย่อหน้าใหม่เพื่อให้อ่านได้ง่ายขึ้น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 24-05-2009 เมื่อ 16:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 24-02-2009, 18:40
ทิดตู่ ทิดตู่ is offline
สมาชิกยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 168
ได้ให้อนุโมทนา: 27,852
ได้รับอนุโมทนา 47,500 ครั้ง ใน 1,464 โพสต์
ทิดตู่ is on a distinguished road
Default

ทำให้นึกถึงที่พระท่านเมตตาเทศน์ให้ฟังเมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า

โสมนัส โทมนัส และอุเบกขา ควรพิจารณาเป็นไปให้ละเอียดเพิ่มขึ้นอีก ๒ ลักษณะเพื่อความเข้าใจในเวทนาทั้งหลายได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น คือ

โสมนัสใด เป็นไปเพื่อกุศลธรรมเจริญขึ้น อกุศลธรรมเสื่อมลง โสมนัสนั้นควรเสพ
โสมนัสใด เป็นไปเพื่อกุศลธรรมเสื่อมลง อกุศลธรรมเจริญขึ้น โสมนัสนั้นไม่ควรเสพ

โทมนัสใด เป็นไปเพื่อกุศลธรรมเจริญขึ้น อกุศลธรรมเสื่อมลง โทมนัสนั้นควรเสพ
โทมนัสใด เป็นไปเพื่อกุศลธรรมเสื่อมลง อกุศลธรรมเจริญขึ้น โทมนัสนั้นไม่ควรเสพ

อุเบกขารมณ์ใด เป็นไปเพื่อกุศลธรรมเจริญขึ้น อกุศลธรรมเสื่อมลง อุเบกขารมณ์นั้นควรเสพ
อุเบกขารมณ์ใด เป็นไปเพื่อกุศลธรรมเสื่อมลง อกุศลธรรมเจริญขึ้น อุเบกขารมณ์นั้นไม่ควรเสพ

ป.ล.ขออภัย ณ ครับ นี่อาจจะไม่ตรงกับหัวข้อของห้องที่ว่าคำสอนของหลวงปู่สาย แต่ขออนุญาตเพิ่มเติมไว้ประกอบกับหัวข้อธรรมด้านบนนะครับ หากเห็นว่าไม่สมควรกรุณาลบหรือย้ายได้เลยนะครับ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ทิดตู่ : 23-05-2009 เมื่อ 13:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ทิดตู่ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว