กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 14-12-2010, 12:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในขณะที่กำลังสนทนาเรื่องพหูสูตร พระอาจารย์กล่าวว่า "คำว่า พุทธะ ในพระไตรปิฎกและอรรกถาแบ่งเป็น
สัมมาสัมพุทธะ เป็นพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง
ปัจเจกพุทธะ เป็นพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้เฉพาะตน ไม่สั่งสอนผู้อื่นเป็นการทั่วไป
อนุพุทธะ เป็นผู้ที่ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า ก็คือพระอรหันต์ทั้งหลาย
สุตตะพุทธะ เป็นผู้รู้โดยการศึกษามาก ฟังมามาก

สามอย่างแรกหมดกิเลสแน่นอน แต่อย่างสุดท้ายไม่แน่ อย่างสุดท้ายได้คำว่าพุทธะ (ผู้รู้) มา เพราะว่าท่านเรียนรู้ไว้มาก แต่อาจจะเป็นแค่รู้ทฤษฎีเฉย ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-02-2019 เมื่อ 16:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 14-12-2010, 12:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อก่อนหนูจะฝันเหมือนทดสอบจิต แต่ช่วงหลังมาฝันว่ากลัวตาย
ตอบ : ความกลัวตายจะหมดได้ก็ต่อเมื่อเป็นพระอรหันต์จ้ะ เพราะฉะนั้น..ต่อให้เป็นพระโสดาบันหรือพระสกิทาคามีก็ยังมีความกลัวตายอยู่ เพียงแต่กลัวมากกลัวน้อยต่างกันเท่านั้นเอง

ถาม : ถ้าคิดถึงพระ ?
ตอบ : หมั่นคิดถึงบ่อย ๆ จ้ะ ไม่ใช่รอให้เหตุเกิดแล้วค่อยมาคิด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2010 เมื่อ 16:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 14-12-2010, 14:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่ไม่ได้ตั้งใจละกิเลสสักอย่าง แต่เขาเชื่อว่า ถ้าเขาคิดถึงนิพพานก่อนตายเขาต้องได้ไปนิพพานแน่เลย เขาจะไปได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่ทำความชั่วอื่นไปได้ คือ เลิกความชั่วทุกอย่างตั้งแต่บัดนั้นเลย อาจจะรักษาศีล ความดีอย่างอื่นไม่ได้ทำ เพียงแต่ว่านึกว่าจะไปนิพพานอยู่ตลอดเวลาก็ไปได้

เพราะการนึกว่าจะไปนิพพานตลอดเวลา เป็นการทรงสมาธิอยู่แล้ว และสมาธิที่ทรงในระดับนั้น จะตัดรัก โลภ โกรธ หลงโดยอัตโนมัติ เพราะคิดถึงแต่นิพพานอย่างเดียว ความชั่วอย่างอื่นเกิดขึ้นไม่ได้เลย ในเมื่อมีศีลเป็นเครื่องประกอบ กำลังใจมุ่งมั่นจริง ๆ ก็ไปได้ แต่ถ้าทำความชั่วอื่นด้วย อาจจะพังตั้งแต่กลางคัน

ถาม : ทำความชั่ว นี่คือผิดศีลห้า ?
ตอบ : ทั้งผิดศีลห้าหรือผิดธรรม กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ถ้าหากไปละเมิดอย่างใดอย่างหนึ่ง จิตไม่บริสุทธิ์เพียงพอ มีโอกาสข้องติดอยู่กับวัฏฏะต่อไป

ถาม : ถ้าตลอดวันเขาทำงาน ฟุ้งซ่านไปเรื่อย เพียงแต่ว่าคิดจะไปนิพพานแน่
ตอบ : ก่อนนอนและตื่นนอนตั้งเป้าเอาไว้ให้แน่นอน ภาวนาเกาะนิพพานให้แน่ ๆ ไว้สัก ๓ - ๕ นาที ก่อนจะลุกไปทำงาน ก็ตั้งใจว่าวันนี้เราจะไปทำงานแล้ว ถ้าตายลงไปเพราะหมดอายุขัยหรือเพราะอุบัติเหตุใด ๆ เราขอไปอยู่กับพระพุทธเจ้าที่นิพพาน ให้ตั้งเป้าไว้ก่อนอย่างนี้

พอถึงเวลาก่อนนอน ก็ลักษณะเดียวกัน ให้คิดก่อนว่า ตอนนี้เราจะนอนแล้ว ถ้าไม่ได้ตื่นขึ้นมาเห็นตะวันขึ้น จะตายลงไปเพราะหมดอายุขัยหรือสาเหตุอะไรก็ตาม เราขอไปอยู่พระนิพพาน ทรงกำลังใจให้มั่นคงสัก ๓ - ๕ นาทีแล้วก็นอน ถ้าทำอย่างนี้ก็ไปได้ ถ้าไม่ได้ทำอย่างนี้ก็ยาก

ถาม : เพราะประมาทไป
ตอบ : ไม่ใช่ประมาทไป แต่ประมาทมากเลย คนที่เขาทำแทบล้มประดาตายยังไม่ได้ อย่างที่พระองค์ที่สิบท่านบอกว่า นิพพานไม่ใช่ภาษาพูด ไม่ใช่ภาษาเขียน เป็นภาษาใจ ใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้

บาลีบอกไว้ชัดว่า สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน นาญโญ อัญญัง วิโสทะเย บุคคลหนึ่งจะทำให้อีกบุคคลหนึ่งบริสุทธิ์หาได้ไม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 17-05-2020 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 14-12-2010, 17:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่ใจเราเปิดกว้างมาก ๆ เป็นดาบสองคมหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าไม่คำนึงถึงศีลธรรมก็เจ๊ง เพราะฉะนั้น..ต้องเอาศีลธรรมเป็นกรอบ ไม่ใช่ว่าเขาจะชั่วเท่าไรเราก็เปิดใจกว้างยอมรับได้ อย่างนี้ก็เจ๊งสิ..!

ถาม : ถ้าเราพร้อมอภัย ?
ตอบ : อภัยให้เขา แต่ไม่ใช่เราไปทำอย่างนั้นบ้าง

ถาม : ข้อดีของการเปิดใจมีอะไรบ้างคะ ?
ตอบ : อย่างน้อย ๆ เรื่องที่เราเคยแบก เราก็วางได้

ถาม : แล้วความเปิดกว้างของจิตใจนี้จะช่วยอะไรเราได้บ้าง?
ตอบ : ต่อไปจะทำอะไรก็ง่ายขึ้น เพราะเห็นคำว่าธรรมดามากขึ้น ใจที่เปิดกว้างได้เพราะเห็นคำว่าธรรมดา ธรรมดาของเขาเป็นอย่างนั้น อย่าไปว่าเขาเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-12-2010 เมื่อ 21:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 15-12-2010, 10:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "ตอนที่ไปรับการอบรมเป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ท่านลงมาช่วยการอบรม ท่านเปิดโอกาสให้ทุกคนซักถามปัญหาต่าง ๆ ได้

มีคนถามปัญหาที่คิดไม่ถึง แทนที่จะเป็นปัญหาด้านการปกครอง เขากลับถามท่านว่า "ผมสร้างกุฏิทรงไทย น้ำฝนไหลเข้าไปข้างใน แล้วหยดลงมาบนเพดาน ควรแก้อย่างไรครับ ?" หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านบอกว่า "ควั่นหัวแปแล้วจะไม่เป็น.."

สำหรับเรือนทรงไทยจะมีลักษณะเฉพาะอย่างนั้น คือมีหัวไม้แปยื่นออกมา เราไปดูตรงใต้จั่ว จะมีไม้ที่ยื่นออก เขาเรียกว่าแป

ท่านเล่าให้ฟังว่า เคยเกิดปัญหานี้กับท่านมาก่อน ท่านถึงขนาดไปนอนดูอยู่ข้างบนเพดานตอนฝนตก พอฝนหยดรวมกันมากเข้า ๆ ก็จะไหลมาใต้แป พอมากเข้าก็ไหลเข้าไปอยู่ข้างใน แล้วหยดลงบนเพดาน ท่านบอกให้ควั่นหัวแป ควั่น ก็คือ บากให้เป็นรอยเพื่อสกัดน้ำเอาไว้ พอเราควั่นหัวแปแล้ว น้ำที่ไหลมาถึงตรงนั้นก็จะตกลงไป ไม่สามารถที่จะไหลต่อเข้าไปข้างในได้

อาตมาก็เพิ่งจะรู้ว่า พระกว่าจะขึ้นมาถึงระดับนี้ได้ ท่านผจญมาแล้วทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องแบบนี้ท่านยังไปนอนสังเกตอยู่เป็นวัน ๆ ท่านจึงจะแก้ปัญหาได้

เรามาลองคิดดูว่า ในเรื่องการปฏิบัติเหมือนกัน ถ้าเราไม่รู้จักสังเกตอารมณ์ใจตัวเอง เราก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขให้ดีให้ชั่วได้อย่างที่เราต้องการ แก้ไขให้ชั่วคงไม่ต้องหรอก แต่ละชั่วแล้วทำดีให้ได้ก็พอ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 16-12-2010 เมื่อ 09:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 15-12-2010, 11:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในเรื่องของการปฏิบัติ ถ้าเป็นคนช่างสังเกต ต่อไปเรื่องหยาบ ๆ ทางโลกก็สามารถที่จะแก้ไขได้ง่าย เพราะความละเอียดทางใจเราทำได้ก่อนแล้ว

ใครจะไปนึกว่า ท่านขึ้นไปเป็นถึงสมเด็จพระราชาคณะ แต่ก่อนหน้านี้ทุกอย่างท่านทำด้วยตัวเอง ให้สังเกตว่าถ้าคนไม่เป็นงาน จะสั่งงานไม่ถูก แต่ถ้าบุคคลที่เคยเป็นงานมาก่อน จะสั่งงานได้ถูก นอกจากสั่งงานถูกยังไม่พอ ยังไม่มากเรื่องอีกด้วย เพราะรู้ว่าช่างแต่ละคนส่วนใหญ่ต้องการความอิสระในการทำงาน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2010 เมื่อ 12:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 15-12-2010, 15:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็กสมัยนี้ที่ทำแท้งกันมากเพราะสภาพสังคมเปลี่ยนไป สมัยก่อนอย่างช่วงอาตมายังเป็นวัยรุ่น ถ้าผู้หญิงคนไหนท้องไม่มีพ่อ แทบจะต้องย้ายประเทศกันเลย เพราะสังคมจะรุมประณามกันรอบด้าน ไม่เหมือนสมัยนี้ที่เขาเห็นเป็นเรื่องปกติ

ในเมื่อสภาพสังคมไม่ช่วยควบคุม ทำให้เด็กเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องยั้งคิดว่า จะทำให้เสียหายถึงพ่อแม่ เสียหายถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูล เสียหายไปถึงพี่น้อง

สภาพสังคมของเราเปลี่ยนแปลง เพราะไปรับเอาวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาแบบไม่บันยะบันยัง พูดกันง่าย ๆ ก็คือ รับเอาวัฒนธรรมอเมริกันเข้ามา วัฒนธรรมอเมริกันเขาเปิดกว้างในเรื่องของเพศก็จริง แต่เขามีข้อจำกัดที่ชัดเจนมาก อย่างเช่น ถ้าคุณแต่งงานแล้ว จะไปหาเศษหาเลยนอกบ้านไม่ได้เด็ดขาด อย่างที่ ไทเกอร์ วูดโดนไปเต็ม ๆ แทบจะอยู่ในสังคมไม่ได้

อีกอย่างก็คือ พอลูก ๆ เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ก็มักจะแยกตัวจากพ่อแม่ ทำมาหากิน หาเงินหาทองเอง ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าได้ แต่บ้านเรายังขอเงินพ่อแม่ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ถึงเวลาจะไปเลี้ยงลูกได้อย่างไร เพราะตัวเองยังไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ ก็เลยกลายเป็นปัญหาอย่างที่เห็นกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2010 เมื่อ 16:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 15-12-2010, 15:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถามว่ามีตัวอย่างบ้างไหม ที่รับเอาวัฒนธรรมเข้ามาแล้วปรับให้เหมาะสมกับสภาพสังคมตัวเอง มีชัดที่สุดก็ที่ประเทศเกาหลี ในเรื่องของวัฒนธรรมเกาหลีเขาเข้มแข็งมาก พอถึงเวลามีงาน เขาก็ใส่ชุดฮันบกของเขา และส่งผ่านวัฒนธรรมออกไปประเทศต่าง ๆ บ้านเราก็เห่อตั้งแต่แดจังกึมเป็นต้นมา และมีการเลียนแบบดาราเกาหลี แม้กระทั่งคนญี่ปุ่นก็ยังชื่นชอบดาราเกาหลี

เราจะเห็นว่าเขารับเอาวัฒนธรรมภายนอกมาก็จริง แต่เขาจะไม่ให้เกินเลยกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของเขา ความเจริญทุกอย่างเขารับ แต่ในส่วนจิตวิญญาณเขายังเป็นเกาหลีแท้อยู่ ไม่เหมือนอย่างบ้านเรา ถ้าไม่กินแม็คโดนัลด์ ไม่กินเคเอฟซี ไม่ได้ซื้อคริสปี้ครีมก็ไม่ทันสมัย และไม่ได้ดูความเหมาะสมกับสภาพ

อย่างไอศกรีม ขนมเค้ก อาหารของฝรั่งประเภทแดกด่วน ส่วนใหญ่แล้วสารอาหารเขาสูงมาก เพราะเขาต้องการแคลอรี่เพื่อไปสู้กับความหนาว แต่บ้านเราเป็นเมืองร้อน กินเท่าไรก็เก็บหมด ไม่ได้นำไปใช้ เพราะฉะนั้น..เด็กบ้านเราจะป่วยเป็นโรคอ้วนกันเยอะมาก

หน้ามืดตามัว แห่ตามเป็นแฟชั่น ไปเข้าแถวยาวเป็นกิโล เพื่อที่จะไปซื้อขนมวง อาตมาจะบ้าแทน ชิมไปแล้วไม่เห็นจะงอกปีกงอกหางเป็นกินรีได้..! รสชาติก็ไม่เอาอ่าว ขนมอื่นอร่อยกว่าเยอะเลย อีกไม่เกินสามเดือน ก็คงจะสูญหายไปจากสังคมไทย คนก็จะไม่รู้จักขนมชนิดนี้อีกแล้ว เพราะว่าไม่ดีจริง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2010 เมื่อ 16:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 15-12-2010, 16:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แบบเดียวกับตอนที่โรตีบอยเข้ามา อันนั้นอยู่ได้ตั้งสองเดือน สาขาที่ลงทุนหลัง ๆ เลยเจ๊งไปตาม ๆ กัน เพราะขายไม่ออก เนื่องจากว่ามีดีแต่กลิ่น กลิ่นหอมไปไกลเป็นกิโล ส่วนรสชาติไม่เอาไหนเลย

สังคมปัจจุบันเป็นลักษณะมือใครยาวสาวได้สาวเอา น้ำขึ้นต้องรีบตัก ว่ากันไม่ได้หรอก แต่ละคนก็ฉวยโอกาสกันทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกรับจ้างเข้าแถว ๕๐๐ บาท เพื่อจะได้ทันสมัยไปคุยกับเขาได้ว่ากินมาแล้ว ตกลงราคาซื้อความทันสมัยนั้นแพงมากเลย

เราจะไปรอครูบาอาจารย์อย่างเดียวก็ไม่ได้ สภาพสังคมสมัยก่อน ความสัมพันธ์ในครอบครัวแน่นแฟ้นมาก ปู่ย่าตายายสอนพ่อแม่ลุงป้าน้าอามา รุ่นพ่อรุ่นแม่ลุงป้าน้าอาก็สอนลูกสอนหลานกันไป เป็นการถ่ายทอดและส่งผ่านรุ่นสู่รุ่นมาเรื่อย ในปัจจุบันนี้สภาพอย่างนั้นหาได้ยากมากแล้ว บ้านไหนที่ยังรักษาสภาพเช่นนั้นได้ ถือว่าโชคดีที่สุด เพราะสถาบันครอบครัวยังไม่ล่มสลาย

ถ้าเราไม่ช่วยกัน มัวแต่รอให้ครูบาอาจารย์ รอสภาพสังคมให้ช่วย ไม่ต้องไปหวังหรอก ทุกอย่างก้าวเข้าไปหาความเสื่อมอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะปัจจุบันนี้เป็นสังวัฏฏอสงไขยกัป เป็นกัปในด้านเสื่อม สังวัฏฏฐายีอสงไขยกัป ก็คือ กัปที่เสื่อมไปเรียบร้อยแล้ว หรือเราจะถือว่ายุคนี้เสื่อมไปเรียบร้อยแล้วก็ได้ ถัดจากนั้นก็จะเป็นวิวัฏฏอสงไขยกัป กัปที่ค่อย ๆ เจริญขึ้น จนถึงวิวัฏฏฐายีอสงไขยกัป กัปที่ตั้งอยู่ในความเจริญล้วน ๆ ก็น่าจะเป็นสมัยของสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2010 เมื่อ 16:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 15-12-2010, 17:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา เป็นวันหนึ่งที่คนไทยมีความสุขมาก เพราะในหลวงเสด็จไปเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ และเปิดสะพานภูมิพล ๑ ภูมิพล ๒

เราจะเห็นว่าพระองค์ท่านทุ่มเททรงงานเพื่อประชาชนมาโดยตลอด โดยไม่เห็นแก่พระวรกายของพระองค์เองที่ทรุดโทรม และได้ข่าวว่าทางวัดไทยกุสินารา ขออนุญาตสร้างพระบรมรูปเพื่อไปตั้งไว้ที่นั่น พอได้ยินแล้วอาตมารู้สึกไม่ค่อยดี เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา บุคคลที่ทรงความดีสูง ๆ ถ้ามีรูปแทนตัวเมื่อไรมักจะไปไม่เคยเกินสามปีทุกราย ให้ลองสังเกตดูว่าจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่

แต่จากสภาพของในหลวงแล้ว ถ้าคิดแบบไม่ประมาทก็ต้องดูกันวันต่อวัน เพราะพระองค์ท่านทรงตรากตรำมามาก พระวรกายชำรุดทรุดโทรมมาก พระชนมายุก็ถึง ๘๓-๘๔ พรรษาแล้ว โอกาสจะฟื้นคืนดีเหมือนหนุ่ม ๆ ก็ยากมากแล้ว ทำให้นึกถึงหลวงปู่ทองเทศ ตอนที่ยังอยู่ที่วัดท่าซุง ท่าน อายุ ๙๐ กว่าแล้ว หกล้มครั้งหนึ่งกว่าแผลจะหายก็เป็นเดือน คนอายุ ๙๐ กว่าเนื้อไม่ค่อยอยากจะงอกมาปิดแล้ว

ในเมื่อเป็นดังนั้น..เราก็ต้องดูกันวันต่อวัน แต่มีวิธีก็คือ สร้างความดีให้มาก ๆ อุทิศถวายเป็นพระราชกุศล เพื่อพระองค์ท่านจะได้อยู่กับพวกเราไปนาน ๆ อย่างวัดท่าขนุนก็จัดบวชเนกขัมมะถวายเป็นพระราชกุศล ทั้งปีนี้และปีหน้าหลายรุ่นด้วยกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2010 เมื่อ 19:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 15-12-2010, 17:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนที่ผมบวช พระที่ร่วมในการสังฆกรรม ผมไม่แน่ใจว่าท่านจะมีศีลครบหรือเปล่า ตอนนี้ผมตั้งใจว่าจะบวชอีก ผมไม่แน่ใจว่าการบวชครั้งใหม่ จะเกิดอานิสงส์หรือไม่ ?
ตอบ : ก็ไปบวชในที่ที่เรามั่นใจสิ

ถาม : ของเก่าผ่านไปแล้วหรือครับ ?
ตอบ : ของเก่าผ่านไปแล้วก็แล้วกันไป บวชพระแล้วแต่ได้อานิสงส์ของเณรไป

ถาม : ผมกลัวว่าการบวชครั้งเก่าจะมีผลกับการบวชครั้งใหม่
ตอบ : ถ้าบวชใหม่ถูกต้อง สังฆกรรมไม่เสีย ก็เป็นอันว่าเป็นพระ เมื่อเป็นพระก็ปฏิบัติให้ดี ขึ้นอยู่กับเราว่าทำถูกหรือเราทำผิด ถ้าทำถูกก็ไม่เป็นไร ถ้าทำผิดก็เป็นอาบัติ

ถาม : ถ้าเป็นอาบัติที่ติดค้างจากครั้งก่อน ?
ตอบ : เวลาคุณแสดงอาบัติ สัพพาตา อาปัตติโย อาโรเจมิ แปลว่า ทั้งหมดเลย สัพพะคือทั้งหมด ไม่ใช่แค่ข้อใดข้อหนึ่ง ถ้าไม่ใช่อาบัติที่แสดงคืนไม่ได้ อย่างปาราชิกหรือสังฆาทิเสส เขาถือว่าแสดงคืนไปหมดแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2010 เมื่อ 19:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 15-12-2010, 18:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องจับลมสามฐาน พอจับไปสักพัก ก็จับสามฐานไม่ได้ จะเหลือแค่นิดเดียว เราต้องเอาให้ได้สามฐาน หรือเอาแค่นั้นก็พอ ?
ตอบ : เหลือแค่ไหน ให้กำหนดรู้แค่นั้น เพราะถ้าเราไปบังคับ แทนที่สมาธิจะสูงขึ้น กลายเป็นว่าลดกลับมาเหลือเท่าเดิม
อย่าไปบังคับจ้ะ แค่กำหนดรู้เฉย ๆ ว่าตอนนี้ลมหายใจของเรา แรงหรือเบา ยาวหรือสั้น จะเหลือกี่ฐานก็ช่าง เรามีหน้าที่ตามรู้อย่างเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2010 เมื่อ 19:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 15-12-2010, 18:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อาการที่เป็นอย่างนี้ จะเป็นเยอะตอนทำสมาธิ จะขวางการทำสมาธิ
ตอบ : อาการเหล่านี้บางทีเขาเรียกว่า ขันธมาร เขาแค่ต้องการให้เราเข้าใจผิด คิดว่าการทำความดีแล้วมีผลไม่ดี หรือว่าทำความดีแล้วอาการเหล่านี้จึงเกิดขึ้น แล้วก็เลิกทำ เพราะฉะนั้น..ถ้าหากเราตั้งใจว่าตายเป็นตาย เขาก็จะแกล้งได้ไม่นาน เดี๋ยวก็ถอยไปเอง

ถาม : คราวก่อนไปสวดมนต์ข้ามปี เราก็เรอดังครับ
ตอบ : บอกแล้วให้ตั้งใจว่า ต่อให้ตายเราก็จะทำความดี

ถาม : มีอีกอย่าง บางคนที่มีเทพใหญ่ เราจะเกิดอาการนี้ด้วย ยิ่งหนักขึ้นทุกที
ตอบ : ปล่อยไป กำหนดรู้ไว้อย่างเดียวว่า อะไรก็ไม่เกินตายหรอก ต่อให้ตายเราก็จะทำความดี แต่ก็ดีอยู่อย่างหนึ่ง จะได้เป็นเครื่องวัดได้ว่า ที่ไหนที่เราไป มีสภาพอย่างไร อะไรที่มีพลังงานในส่วนที่ละเอียดอยู่ เราจะกระทบและรับได้เร็ว

ถาม : กลุ่มผมเวลาคุยกัน จะมีอาการเจ็บป่วยเหมือนกัน อย่างเราปวดหัว คุยกับเขา เขาก็ปวดด้วย หรือเขาปวดไหล่ เราก็ปวดไหล่กับเขา
ตอบ : อาจจะอยู่ในลักษณะที่ว่า ทำมาในลักษณะเดียวกัน ก็เลยสามารถที่จะรับรู้ในอาการเดียวกันได้

ถาม : เป็นเรื่องปกติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2010 เมื่อ 19:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 15-12-2010, 23:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลานั่งสมาธิ จะมีความรู้สึกว่าอยากออกจากสมาธิครับ ตอนแรกก็ห่าง ๆ แล้วก็จะถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องออกจากสมาธิภายใน ๑ นาที ควรจะทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : ฝืน...ถ้าไม่ได้ให้มันตายไปเลย ถ้าเราไม่คิดที่จะฝืนบ้าง กำลังของกิเลสที่สูงกว่า ก็จะผลักดันไม่ให้เราสร้างสมาธิไปตลอดชาติ

ลองสู้ดูซิ ถ้าเราทำต่อแล้วจะขาดใจตายไปไหม ? ถ้าเราสู้ได้สักครั้ง ต่อไปก็ใช้กำลังแค่นั้นแหละ ไม่ได้เกินนั้นหรอก ต้องคิดว่าคนอื่นสิบนิ้วเท่าเรา เขายังทำได้ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้

ถาม : แบบนี้จัดเป็นขันธมารหรือกิเลสมาร ?
ตอบ : ทั้งสองอย่างเลย

ถ้าเคยอ่านพระไตรปิฎกผ่านตามาบ้าง จะเห็นว่าพระพุทธเจ้าท่านเริ่มโอวาทปาฏิโมกข์ด้วยขันติ คือ ความอดทน ถ้าไม่มีความอดทน ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ส่วนใหญ่ไม่มีความอดทน อยากได้ดีแต่ไม่มีความอดทน ก็เลยดียาก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2010 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 16-12-2010, 00:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาภาวนา ปกติจะกำหนดความรู้สึกตรงตาที่สาม เป็นวิธีที่ถูกต้องหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เขาให้กำหนดที่ลมหายใจเข้าออก ถ้าไม่กำหนดที่ลมหายใจเข้าออก สมาธิจะทรงตัวยาก อย่างดีก็จะได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็หายไป

ต้องกำหนดความรู้สึกให้ไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา ให้รู้อยู่แค่นี้ ไม่ต้องไปที่อื่น ไปที่อื่นเมื่อไรก็ให้ดึงกลับมาที่นี่ใหม่

ถาม : อย่างเวลาเดิน อยากจะฝึกสติไปด้วย
ตอบ : กำหนดรู้รายละเอียดของการเคลื่อนไหว ถ้าจะเอาแบบละเอียดหน่อย จะเป็นยก..เป็นย่าง..เป็นเหยียบก็ได้ หรือแค่รู้ว่า ตอนนี้เท้าเคลื่อนไปข้างหน้า มือแกว่งไปข้างหลังก็ได้

ถ้าสติละเอียดมาก ๆ ลมพัดมากระทบร่างกาย ขนไหวกี่เส้นก็ยังรู้ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2010 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 16-12-2010, 00:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลากินอาหาร ต้องกำหนดเย็น ร้อน อ่อน แข็ง หรือว่ารสชาติ ?
ตอบ : แรก ๆ เขากำหนดการเคลื่อนไหวก่อน คือ ตอนนี้เราเคี้ยว ถ้าละเอียดขึ้นก็กำหนดรู้รสด้วย รู้การกระทบด้วย แม้กระทั่งจะกลืนก็มีสติรู้อยู่

ต้องค่อยไปทีละขั้น ที่คุณว่ามานั้นข้ามขั้นไป เรายังไม่ได้เรียน ป.๑ จะไปเรียนป.๔ ก็ไปได้ยาก

ถาม : เวลาอ่านหนังสือธรรมะ จะรู้สึกว่าจิตใจฟุ้งซ่าน ควรจะทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : จดจ่ออยู่กับสิ่งเฉพาะหน้า ถ้าคุณฟุ้งแปลว่ากำลังใจหลุดไปที่อื่นแล้ว จ้องอยู่ตรงหน้า กำหนดสติตามรู้ไปทุกคำ คิดตีความ พยายามทำความเข้าใจไปด้วย

ถาม : เรากำหนดอยู่กับตัวอย่างเดียว แล้วเวลาเรียนหนังสือด้วย เราต้องฟังที่อาจารย์พูดด้วยหรือเปล่า ?
ตอบ : สามารถทำได้พร้อมกัน ฟังที่อาจารย์พูดไปด้วย คิดไปด้วย จดไปด้วย และท้ายสุดหาข้อสงสัยมาเตรียมไว้เพื่อถามด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2010 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 16-12-2010, 11:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราภาวนาคาถาเงินล้านตลอดทั้งวัน รวมแล้วได้ ๑๐๘ จบในแต่ละวัน นับรวมกันได้ไหม ?
ตอบ : อย่างไรก็ได้ ให้วันหนึ่งได้ ๑๐๘ จบเท่านั้น

ถาม : ก็คือ ถ้าภาวนาเกินก็ไม่เป็นไร ?
ตอบ : เอาให้ได้ ๑๐๘ จบก่อน ให้มียอดที่แน่นอนก่อน ถ้าได้เกินค่อยถือว่าเป็นกำไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-02-2019 เมื่อ 16:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 16-12-2010, 11:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปฏิบัติไปแล้วอารมณ์จะอยู่ขั้นไหน ?
ตอบ : การปฏิบัติไม่ต้องไปใส่ใจว่าจะเป็นอย่างไร จะอยู่ขั้นไหน ต้องใส่ใจว่าเราได้ทำหรือไม่..!

ถาม : คนที่เป็นเอกัคคตารมณ์ จะต้องเห็นทุกข์ตลอดหรือเปล่า ?
ตอบ : ถ้าสามารถเห็นได้อย่างนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะถ้าตราบใดที่เรายังไม่เห็นทุกข์ เราก็ยังอยากเกิดอีก

ถาม : ถ้าเราออกไปผ่อนคลาย ไปออกกำลังบ้าง จะมีผลหรือไม่ ?
ตอบ : ก็ทำไปสิ ใครจะไปว่า จะได้ช่วยบรรเทาร่างกายนี้ให้มีทุกข์น้อยลง แต่ควรประคองรักษาอารมณ์สมาธิเอาไว้ด้วย

ถาม : แต่เราก็มีสติรู้
ตอบ : ให้มีสติรู้อยู่ว่า เราแค่อาศัยร่างกายนี้อยู่ชั่วคราวเท่านั้น

ถาม : สายสาวกภูมิ การปฏิบัติจะยากเหมือนเดิมเป็นปกติหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : สายไหนก็ตาม เราทิ้งความดีไม่ได้หรอก ทิ้งไปความชั่วก็เข้ามาแทน แต่ปกติแล้ว ถ้ามาสายสาวกภูมิโดยตรง จะปฏิบัติได้ง่ายกว่า เร็วกว่า แต่ถ้าเป็นพุทธภูมิมาก่อนก็จะเจอของยาก

ถาม : ภาระหน้าที่ก็ยังมีเหมือนเดิมใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ภาระหน้าที่มีเข้ามาก็สงเคราะห์ไปเฉพาะหน้า แต่ไม่ต้องไปตะกายหาภาระมาใส่ตัวเอง เรามีหน้าที่ก็จริง แต่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง อย่างน้อยก็ต้องมีเวลาว่างให้เรารักษาอารมณ์ปฏิบัติได้บ้าง ถ้าไม่มีก็ต้องแย่งเวลามาให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นข้ออ้างของคนขี้เกียจ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2010 เมื่อ 14:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 16-12-2010, 13:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ท่านที่อยู่กรรม ?
ตอบ : ท่านที่อยู่กรรม คือ บุคคลที่ศีลขาด ขาดจากความเป็นพระไปชั่วคราว จนกว่าจะได้รับโทษ คือ การอยู่กรรมครบที่กำหนดไว้ แล้วให้พระอย่างน้อย ๒๐ รูป สวดคืนความเป็นพระให้ จึงจะกลับเป็นพระได้อีกทีหนึ่ง

ดังนั้น..พระที่ต้องอาบัติแล้วไปอยู่ปริวาสกรรม ราคาสูงกว่าเณรนิดเดียว แต่ระยะหลังเขาไปปั่นข่าวว่า ทำบุญกับพระที่อยู่ปริวาสจะได้บุญมาก ก็เลยสงสัยว่า คนศีลขาดอย่างนั้นบุญจะมากได้อย่างไร ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2010 เมื่อ 14:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 16-12-2010, 16:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยนี้เขานิยมจัดปริวาสเพราะญาติโยมช่วยกันสนับสนุน ทำให้ได้เงินเข้าวัดมาก ไม่เหมือนสมัยก่อนที่จัดเพื่อเป็นการสงเคราะห์บุคคลที่โดนอาบัติหนักจริง ๆ เขาจึงต้องมีการประชาสัมพันธ์เป็นการปั่นราคากัน จนกลายเป็นว่า ทำบุญกับพระที่อยู่ปริวาสจะได้บุญมาก

เท่าที่มีประสบการณ์มา ปัจจุบันพระที่อยู่ปริวาสมักจะเละเทะ มีการไปตั้งกลุ่มกันในป่าปริวาส พวกที่ปลอมพระเครื่องก็ตั้งหน้าตั้งตาปลอมพระเครื่องไป พวกที่ติดยาบ้าก็ไปตั้งกลุ่มดูดยาบ้า พวกที่ตั้งตนเป็นอาจารย์สักก็ไปสักยันต์กันอยู่ในนั้น

ถ้าโยมเข้าไปข้างในได้แบบพระ เห็นแล้วจะหมดอารมณ์ กลายเป็นว่าเสือสิงห์กระทิงแรดไปรวมกันอยู่ที่เดียว และยังมีจำพวกหนึ่งที่เขาเรียกว่า พวกล่าปริวาส

พวกนี้จะมีรายการจัดปริวาสของวัดทั้งประเทศ ว่าขึ้นกี่ค่ำ แรมกี่ค่ำ เดือนไหน วัดไหนจะจัด แล้วก็แห่กันไป เป็นการเดินทางกันทั้งปี ก็จะไปเจอเหตุการณ์เดิม ๆ เหมือนกันทุกปี เจอหน้ากันทุกปี จนกลายเป็นขาประจำที่คุ้นหน้าคุ้นตากันไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2010 เมื่อ 03:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:40



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว