กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 01-10-2015, 11:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกงานออกนิโรธกรรมครูบาวิฑูรย์ ปี ๕๘

งานออกนิโรธกรรม - สืบชะตาครูบาวิฑูรย์ ชินวโร
วันอาทิตย์ที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๘



วันนี้หลวงพ่อวิชา วัดศรีมณีวรรณ ซึ่งปัจจุบันนี้น่าจะอยู่ที่วัดป่าหิมพานต์ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี หลังจากที่ไปอยู่ที่สำนักสงฆ์ชอนทุเรียนที่ตากฟ้ามาระยะหนึ่ง ถ้าท่านทั้งหลายไม่รู้จัก ก็ต้องบอกว่าท่านอยู่ในรุ่นครูบาอาจารย์เลย ท่านใดที่เคยไปวัดท่าซุงในระยะแรกเริ่มในการก่อสร้างอุโบสถวัดท่าซุง ตลอด ๓ ปี คือ พุทธศักราช ๒๕๑๗-๒๕๑๙ กำลังใหญ่ส่วนหนึ่งที่ช่วยงานก็คือหลวงพ่อวิชา วัดศรีมณีวรรณนี่เอง

การพุทธาภิเษกวัตถุมงคลระยะนั้นทุกครั้ง หลวงพ่อวัดท่าซุงจะนิมนต์หลวงพ่อวิชาเข้าร่วมพิธีกรรมด้วย แม้ว่าในขณะนั้นท่านยังเป็นพระหนุ่มเณรน้อยอยู่ อายุน้อยกว่าอาตมาตอนนี้เยอะมาก แต่ท่านมีความรู้ความสามารถที่แท้จริง ปัจจุบันนี้อายุกาลพรรษาก็ ๗๐ กว่าเข้าไปแล้ว วันนี้ก็มีความเมตตาให้กับครูบาวิฑูรย์ เดินทางมาร่วมพิธีด้วย เดี๋ยวถ้าเห็นหลวงพ่อที่ห่มสีกรักเขียว ๆ เหมือนพระธรรมยุต ก็ให้รู้ว่าเป็นหลวงพ่อวิชา ต้องบอกว่าท่านอยู่ในระดับของครูบาอาจารย์ของอาตมาอีกทีหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-10-2015 เมื่อ 13:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 01-10-2015, 11:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในระยะปัจจุบันของเราทั้งหลาย ต้องบอกว่าเศรษฐกิจอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างจะฝืดเคือง รัฐบาลไม่ยอมใช้คำว่า "เงินฝืด" แต่ใช้คำว่า "เงินเฟ้อติดลบ" ซึ่งก็เป็นความหมายเดียวกันนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็น "ประชาชนผู้มีรายได้น้อย" หรือว่า "รากหญ้า" ก็คำเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น "ประชานิยม" หรือ "ประชารัฐ" ก็คำเดียวกัน เสียเวลาไปเปลี่ยนคำเปล่า ๆ สู้เอาเวลาไปบริหารเศรษฐกิจให้ดีขึ้นไม่ได้ อาตมาพูดอย่างนี้อาจจะโดนปรับทัศนคติก็ได้ แต่คาดว่าท่านนายกฯ คงไม่นิมนต์อาตมาไปปรับทัศนคติหรอก เพราะถ้าขืนนิมนต์ไป เดี๋ยวท่านนายกฯ อาจจะโดนปรับแทน..!

ที่กล่าวมาตรงจุดนี้ต้องการจะบอกว่า ในระยะหลังญาติโยมจำนวนหนึ่ง ที่เอาพระคาถาเงินล้านของหลวงพ่อวัดท่าซุงไปภาวนาเป็นกรรมฐาน ต่างก็ได้ผล มีความคล่องตัวในการทำมาหากินและความเป็นอยู่มากขึ้น ฉะนั้น...ในส่วนทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าญาติโยมนำไปประพฤติปฏิบัติบ้าง ก็จะเกิดคุณความดีแก่เราโดยส่วนเดียว เพราะว่าเราได้เจริญกรรมฐานด้วย ขณะเดียวกัน ผลพิเศษในการเจริญกรรมฐาน ก็คือความคล่องตัวในความเป็นอยู่ ตลอดจนกระทั่งทรัพย์สินเงินทองก็จะไหลมาเทมา

ถ้าญาติโยมทั้งหลายยังสงสัยให้ไปดูที่วัดท่าขนุนได้ อาตมาสร้างศาลาใหญ่ ๒ ปีเสร็จ ใช้งบประมาณไป ๘๑ ล้านกว่าบาท ถ้าโยมสงสัยว่าเอาเงินมาจากไหน ขอยืนยันว่ามาจากพระคาถาเงินล้านอย่างเดียว อาตมาภาวนาไม่มากหรอก ในแต่ละวันคิดถึงเมื่อไรก็ภาวนาเมื่อนั้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-10-2015 เมื่อ 17:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 01-10-2015, 11:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องจากว่าในสมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระคาถาบทนี้ยังเป็น "คาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์" อยู่ ก็มีท่านนายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ที่ท่าเตียน ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นจังหวัดพระนคร แยกกับจังหวัดธนบุรี นายห้างประยงค์ท่านนำคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ไปภาวนาอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ปรากฏว่าเงินทองไหลมาเทมา กิจการห้างขายยาตราใบโพธิ์สร้างความร่ำรวยให้อย่างมหาศาล ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่ารายได้มาจากไหนมากขนาดนั้น จนนายห้างประยงค์ท่านสำรองเงินให้หลวงปู่ปานไว้ใช้ก่อสร้างได้ตลอดเวลา ๒๐,๐๐๐ บาท ถ้าหลวงปู่ขาดเงินก่อสร้างเมื่อไรเบิกได้ทันที

ถ้าโยมคิดว่าเงิน ๒๐,๐๐๐ บาทก็แค่นิดเดียว อาตมายืนยันว่าไม่นิด เพราะว่าสมัยนั้นโบสถ์หลังหนึ่งสร้างได้ในราคาแค่ ๕,๐๐๐ บาทเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันโบสถ์แต่ละหลังราคา ๒๐ ล้านบาท ถ้าหากว่าตีกันง่าย ๆ ว่านายห้างประยงค์สำรองเงินไว้ ๒๐,๐๐๐ บาทสร้างโบสถ์ในสมัยนั้นได้ ๔ หลัง ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ต้องสำรองเงินไว้ให้หลวงปู่ปาน ๘๐ ล้านบาท..! นั่นเกิดจากพระคาถาบทเดียว

พอมาถึงสมัยของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านพัฒนาจนเป็นพระคาถาขึ้นมา จากพระคาถาต่าง ๆ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานให้ จนกลายเป็นพระคาถาเงินล้านขึ้นมา ท่านบอกให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้นำไปใช้ตั้งแต่ปี ๒๕๒๘ ปรากฏว่าญาติโยมทั้งหลายส่วนใหญ่รับฟังแล้วก็ผ่านหูไปเฉย ๆ หรือว่าท่านใดที่คิดจะทำก็ภาวนาเสีย ๙ จบ ซึ่งอาตมามีความเห็นว่า ถ้าเราต้องการเงินมากก็ต้องทำงานมาก ไม่ใช่ภาวนา ๙ จบแล้วคิดจะรวยมาก ควรที่จะทำให้มากกว่านั้น

เมื่อไม่มีใครเป็นตัวอย่างได้ ดังนั้น..อาตมาจึงคิดว่า เราควรจะเป็นตัวอย่างเสียเอง อาตมาจึงใช้เวลาอยู่ประมาณ ๓ พรรษาเต็ม ๆ คือ ๓ ปี เป็นเวลาประมาณพันกว่าวัน ภาวนาพระคาถาเงินล้านต่ำสุดวันละ ๓๐๐ จบ ทำให้เงินทองไหลมาเทมาตั้งแต่ยังเป็นพระใหม่ เพราะว่าหลังจากที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกเรื่องพระคาถาเงินล้านได้ประมาณปีหนึ่ง อาตมาก็บวช ก็คือบวชปี ๒๕๒๙ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่มีวันใดที่ไม่ภาวนาพระคาถาเงินล้านเลย โดยเฉพาะในช่วงที่อยู่วัดท่าขนุน ตอนเดินบิณฑบาตจะภาวนาได้มากที่สุด เนื่องจากว่าเดินบิณฑบาตประมาณเกือบ ๒ ชั่วโมง ระยะทางประมาณ ๕ กิโลเมตร

ฉะนั้น...ในส่วนนี้อาตมาจะทำงานในวัดก็ดี ทำงานนอกวัดก็ดี ไม่มีความหนักใจเลย สามารถทำงานทุกอย่างได้โดยที่คนเขาสงสัย โดยเฉพาะช่างรับเหมาก่อสร้างที่วัดท่าขนุนถามว่า "หลวงพ่อเสกเงินได้ใช่ไหม ?" อาตมาบอกว่าเสกได้เหมือนกัน แต่เป็นการเสกด้วยบารมีของครูบาอาจารย์ ไม่ใช่เสกได้ด้วยตัวเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-10-2015 เมื่อ 17:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-10-2015, 07:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าญาติโยมทั้งหลายประสบความฝืดเคืองในการทำมาหากินในระยะนี้ ก็อย่ามัวแต่รอรัฐบาลช่วยเหลือ ภาษิตฝรั่งบอกว่า “จงช่วยตัวท่านเองเสียก่อนที่พระเจ้าจะช่วยท่าน” ขอให้ทุกคนนำเอาพระคาถาเงินล้านนี้ไปภาวนาให้เป็นปกติ ถ้าถามว่าเป็นปกติต้องการสักเท่าไร ? เรื่องของพระคาถา ถ้าสมาธิเราสูงเท่าไรก็จะได้ผลเท่านั้น ดังนั้น..อาตมายื่นข้อเสนอให้ญาติโยมที่ต้องการภาวนาคาถาเงินล้านให้ได้ผล ให้ภาวนาวันละ ๑๐๘ จบ ถ้ารู้สึกว่าเยอะ ก็ให้โยมแบ่งเป็น ๓ ช่วง คือ ช่วงเช้า ๓๖ จบ ช่วงกลางวัน ๓๖ จบ ช่วงเย็น ๓๖ จบ ก็จะไม่มากจนเกินกำลัง

ในเรื่องของคาถานั้นเป็นเรื่องของ “คนจริง” ถ้าเราไม่จริงจังและสม่ำเสมอ การกระทำของเราก็จะไม่ได้ผล

ท่านทั้งหลายต้องทำอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ ถ้าสามารถภาวนาเป็นกรรมฐานได้ต่อเนื่อง ๒ เดือนขึ้นไป อาตมายืนยันว่าได้ผลทุกคน ถ้าอยากได้ผลมาก ได้ผลเร็ว ก็อย่าไปทำเพราะหวังรวย ถึงเวลาเรามีหน้าที่ภาวนา ผลจะเกิดอย่างไรก็ช่างมัน ถ้าสามารถทำใจอย่างนี้ได้ ก็จะเกิดผลได้อย่างที่ท่านต้องการ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-10-2015 เมื่อ 08:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 123 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 02-10-2015, 07:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของพระคาถาเงินล้านนั้น ส่วนที่เป็นพื้นฐานสำคัญมี ๒ อย่าง ก็คือ พื้นฐานจากทานแต่ดั้งเดิมของเรามา ถ้าท่านมีการให้ทานเป็นปกติ พื้นฐานของทานก็จะสร้างโภคสมบัติต่าง ๆ ให้เกิดแก่เรา พระคาถาเงินล้านก็จะช่วยเสริมได้มาก แต่ถ้าหากพื้นฐานของเราประกอบด้วยทานบารมีน้อย คำว่าน้อยไม่ได้หมายถึงทำน้อย แต่แปลว่านาน ๆ ทำครั้ง ญาติโยมหลายท่านอาจจะทำบุญปีละครั้ง แต่ครั้งหนึ่งถวายเป็นแสนเป็นล้านเลย นั่นไม่ได้แปลว่าทำมาก แต่ท่านทำน้อยคือน้อยครั้ง ทำให้สภาพจิตไม่เคยชินกับการสละออก แต่ท่านที่ทำบุญน้อย ๆ ครั้งหนึ่ง ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ท่านได้ทำบ่อย ๆ สภาพจิตเคยชินกับการสละออกมากกว่า ตัดความโลภจากใจได้มากกว่า ถือว่าท่านทำมาก

ดังนั้น...ในการให้ทานถือว่าเป็นพื้นฐานใหญ่ส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้พระคาถาเงินล้านได้ผลมาก ขณะเดียวกัน ตัวสมาธิภาวนาก็เป็นพื้นฐานอีกส่วนหนึ่ง ถ้าสมาธิภาวนาท่านทั้งหลายทรงตัว ยิ่งทรงตัวสูงเท่าไร พระคาถาก็ให้ผลมากเท่านั้น แล้วญาติโยมบอกว่า “ถ้าสมาธิของผม ของดิฉัน หรือของหนูมีนิดเดียวเท่านั้น แล้วจะให้คาถาให้ผลอย่างไร ?” อาตมาถึงได้บอกว่าให้ภาวนาวันละ ๑๐๘ จบ ก็คือ พอระยะเวลายาวนานขึ้น สมาธิก็จะทรงตัวมากขึ้น ถ้าสามารถทำได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ ๒ เดือนขึ้นไป แล้วลองพิจารณาดู บางท่านหน้าที่การงานไหลมาเทมา เหนื่อยจนกระทั่งบ่นอยากจะเลิกภาวนา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-10-2015 เมื่อ 08:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 122 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 02-10-2015, 07:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้ในระยะเวลาอันไม่นาน และเหมาะกับสถานการณ์ต่าง ๆ คือ บ้านเมืองเราปัจจุบันนี้ รัฐบาลเป็นรัฐบาลทหาร ถนัดในการปกครอง ไม่ได้ถนัดในการสร้างเสริมเศรษฐกิจให้เจริญรุ่งเรือง ญาติโยมก็จะลำบากกัน ก็มีวิธีเดียวก็คือ อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแล เป็นที่พึ่งแห่งตน ครูบาอาจารย์ท่านมอบหมายของดีของวิเศษให้แล้ว ถ้าหากว่าเรายังรีรออยู่ ก็อาจจะต้องลำบากเดือดร้อนเสียเปล่า

ท่านทั้งหลายจึงควรที่จะประพฤติปฏิบัติเสียเองด้วยการภาวนาให้เคยชิน เมื่อท่านทั้งหลายเคยชินแล้ว ถึงเวลาคุณความดีส่วนนี้นอกจากทำให้กิเลสลดลงแล้ว ยังทำให้โภคสมบัติต่าง ๆ และทรัพย์สินเงินทองของเรามากยิ่งขึ้น หน้าที่การงานมีความสะดวกคล่องตัวมากขึ้น

ในตัวพระคาถาเงินล้านนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านพัฒนามา มีทั้งคาถาปัดอุปสรรค มีทั้งคาถาที่ช่วยให้ทรัพย์สินคล่องตัว มีทั้งคาถาที่ทำให้ทรัพย์สินทรงตัว ถ้าท่านทั้งหลายภาวนาคาถาบทเดียว จะเกิดความคล่องตัวในทุกด้าน ไม่ว่าจะหน้าที่การงาน เกิดอุปสรรคเจ้านายไม่ชอบขี้หน้า ลูกน้องไม่ชอบขี้หน้าก็ตาม ถ้าภาวนาตามปกติทุกอย่างจะดีขึ้นไปเอง จึงขอให้คำแนะนำญาติโยมทั้งหลายว่า อย่ามัวแต่รอคนอื่น เราต้องปฏิบัติด้วยตัวเองของเราเสียก่อน ถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะทำมาก ก็ทำตามกำลังที่เราทำได้ อย่างน้อยให้เป็นเบี้ยต่อไส้ก็ยังดี

แต่ถ้าโดยนิสัยของอาตมาแล้วไม่ชอบทำอะไรน้อย ๆ ต้องบอกว่า "เล็ก ๆ ไม่ ใหญ่ ๆ ทำ" เกิดมาชื่อ "เล็ก" ก็ลำบากพอแล้ว ทำแต่เรื่องใหญ่ ๆ ดีกว่า จึงมักจะทำมากกว่าคนอื่นเสมอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-10-2015 เมื่อ 08:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 125 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 03-10-2015, 11:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ญาติโยมจะเห็นว่าสิ่งทั้งหลายที่อาตมาได้ทำมา จนเกิดดอกออกผลในปัจจุบันนี้ ก็ต้องบอกว่าส่วนใหญ่เกิดจากการภาวนาพระคาถาเงินล้านทั้งนั้น ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง ญาติโยมทั้งหลายให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาเป็นปกติอยู่แล้ว การเจริญภาวนาของเราก็แค่ใช้พระคาถาเงินล้านแทน จะควบกับพุทธานุสติ คือ นึกถึงภาพพระเป็นปกติพร้อมกับภาวนาไปก็ได้ จะควบกับอุปสมานุสติ ยกจิตของเราขึ้นไปภาวนาบนพระนิพพานเลยก็ได้ หรือว่าถ้าท่านทั้งหลายจะซักซ้อมอภิญญาสมาบัติของเรา จะประเภทหกคะเมนตีลังกา หรือว่าวิ่งไป ทำงานไป ภาวนาไป ก็ไม่มีใครเขาว่าอะไร

เพราะว่าในเรื่องของสมาธิสมาบัตินั้น เราต้องมีความคล่องตัวทั้งในการเข้าสมาธิ ทั้งในการออกสมาธิ ทั้งในการเข้าสมาธิตามลำดับ ทั้งในการเข้าสมาธิสลับกัน ทั้งในการเข้าแบบตั้งเวลา ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ถึงวสี คือความชำนาญ ๕ อย่าง ของบุคคลที่ทรงฌานทรงสมาบัติ ควรที่เราทั้งหลายจะต้องทำให้ได้ ถึงเวลาแล้วจะได้เป็นตัวอย่างให้กับรุ่นหลัง ๆ ที่เขาเพิ่งเข้ามา

ถึงเวลาเราเอ่ยปากว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง ถึงเวลาเราเอ่ยปากว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ครูบาบุญยัง ถึงเวลาเราเอ่ยปากว่าเป็นลูกศิษย์ของตุ๊พ่อสิงห์ วัดถ้ำป่าไผ่ ถึงเวลาเราเอ่ยปากว่าเป็นลูกศิษย์ครูบาหน่อแก้วฟ้า ลูกศิษย์ครูบาวิฑูรย์ เป็นลูกศิษย์พระอาจารย์นิล เราก็จะ
เอ่ยอ้างได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ไม่ทำให้ครูบาอาจารย์ต้องขายหน้า เพราะว่าเราสร้างคุณความดีจนกระทั่งตัวเรามีความดีอย่างเห็นได้ชัดแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-10-2015 เมื่อ 12:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 92 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 03-10-2015, 12:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "รัฐบาลพยายามที่จะสร้างเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้แก่บุคคลรุ่นหลัง โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ ตั้งแต่เริ่มเรียนหนังสือ ขอให้ท่านทั้งหลายทราบว่า สิ่งเหล่านี้เริ่มจากศีลธรรมก่อน ก็คือศีล สมาธิ ปัญญาหรือทาน ศีล ภาวนาที่เราทำนี่แหละ ในเมื่อเรารักษาความดีเป็นปกติ เกิดความดีเฉพาะตนขึ้นมาจึงเรียกว่าคุณธรรม เมื่อเกิดความดีเป็นเฉพาะตัวขึ้นมา เราประพฤติปฏิบัติในความดีนั้นจนเป็นปกติจึงเรียกว่าจริยธรรม คือสิ่งที่เป็นแบบอย่างแก่คนอื่นได้

ดังนั้น ถ้าท่านทั้งหลายกล่าวถึงคุณธรรมจริยธรรม ก็ต้องเริ่มจากศีลธรรมก่อน ประพฤติปฏิบัติในศีลธรรมจนเป็นคุณธรรม ประพฤติในคุณธรรมจนเป็นปกติจะกลายเป็นจริยธรรม ในเมื่อท่านทั้งหลายมีสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นปกติ นอกจากตัวเราจะประสบความเจริญรุ่งเรืองทั้งชาตินี้ชาติหน้า หรือว่าหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานแล้ว ลูกหลานก็ยังได้มีเนติ คือแบบอย่างที่จะประพฤติปฏิบัติตาม เรียกว่าเจริญรอยตามจริยธรรมที่ท่านทั้งหลายได้กระทำไว้แล้วนั่นเอง



พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
งานออกนิโรธกรรม - สืบชะตา ครูบาวิฑูรย์ ชินวโร
สำนักสงฆ์ปรียนันท์ธรรมสถาน อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์
วันอาทิตย์ที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๘

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-10-2015 เมื่อ 15:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 92 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:17



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว