กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #121  
เก่า 21-06-2019, 17:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดที่พระรักทั้งเมืองจริง ๆ ถึงเวลาเขาไปถวายสักการะกัน จังหวัดโน้นไปมีกระเช้าสวย ๆ มีซองหนา ๆ จังหวัดกาญจนบุรีไปนี่ถ้ามีมะนาว มีฟักทอง มีหน่อไม้ ฯลฯ ท่านจะชอบใจมาก ส่งเข้าโรงครัวทำอาหารเลี้ยงพระเลี้ยงเณร “ไม่ต้องเอาเงินมาให้กู พวกมึงก็ไม่ค่อยจะมีกันอยู่แล้ว”

ตอนนั้นอาตมาไปอยู่วัดท่าขนุนใหม่ ๆ ปี ๒๕๔๔ ก็ไปสักการะพระผู้ใหญ่ในช่วงพรรษาเหมือนกัน เอาซองใส่ปัจจัยไปถวายท่านพันเดียว ท่านส่งคืน ท่านบอก “เอาเก็บไว้ใช้ พวกแกมีค่ารถค่ารา มาให้เห็นหน้าข้าก็ดีใจแล้ว”

ตอนช่วงนั้นก็ไปขออนุญาตท่านตั้งสำนักเรียนบาลี ท่านอาจารย์สมพงษ์ก็รี ๆ รอ ๆ กลัวท่าน ใคร ๆ ก็ว่าท่านดุ อาตมาก็เข้าไป “หลวงพ่อครับ ผมจะขออนุญาตตั้งสำนักเรียนบาลีที่วัดท่าขนุน ขอความเมตตาหลวงพ่อเซ็นหนังสืออนุญาตด้วยครับ” “ไม่ต้องเซ็น มึงไปตั้งเลย อะไรติดขัดมาบอกกู” ง่าย ๆ เลย ถึงเวลาไม่มีอาจารย์ ไม่มีอะไรให้บอก เดี๋ยวท่านหามาให้

รุ่นนั้นที่เรียนอยู่ก็คือท่านอาจารย์มหาเอ คราวนี้อาตมาไม่สบาย เป็นมาลาเรีย ตอนเรียนได้ที่หนึ่งก็จริง แต่ตอนสอบมาลาเรียกินสมอง...ไข้ขึ้น จากได้คะแนนเต็มตอนทดสอบตลอด พอถึงเวลาสอบจริงเหลือไม่ถึงครึ่ง ท่านอาจารย์มหาเอกินที่ ๒ ของห้องมาตลอด พอถึงเวลาคนอื่นเรียนไม่ไหว ต้องเลิกกลางคัน อาตมาต้องให้ท่านอาจารย์มหาเอมาเรียนต่อที่วัดปากน้ำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2019 เมื่อ 21:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #122  
เก่า 21-06-2019, 17:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เวลาหลวงพ่อเจ้าคุณท่านออกตรวจวัด มีคนถวายรถเบนซ์ท่าน ท่านก็ลุยเข้าป่าเข้าดงไปเรื่อยเปื่อย เขาถามว่าหลวงพ่อเอารถอย่างนี้เข้าป่าหรือครับ ? “เออ...ก็เขาให้ไว้ใช้” คำว่า ก็เขาให้ไว้ใช้ของท่านก็คือ ในเมื่อพวกมึงให้กูใช้ กูก็ไม่ต้องมาระวังรักษา กูก็ใช้ของกูไปเรื่อย เจอพระเจอเณรเดินอยู่ข้างถนนก็จอด “เฮ้ย...ไปไหนกัน ?” ไปโน่นครับ ไปนี่ครับ “เออ...ไปทางเดียวกัน..ขึ้นมาเลย” พาไปส่งก่อน แล้วจะไม่ให้บรรดาพระทั้งจังหวัดรักท่านได้อย่างไร ?

ไม่ได้มีมาดของความเป็นเจ้านายเลย เหมือนอย่างกับเป็นเพื่อนกันมากกว่า หรือไม่ก็เหมือนหลวงปู่หลวงตา ปู่ย่าตาทวดของเราเอง ถึงเวลามาอบรมบาลีวัดไร่ขิง...ได้เจอทุกวัน อยู่ตั้งแต่เช้ายัน ๔ ทุ่มทุกวัน ไม่เคยหนี จนกระทั่งพวกเราเลิกกันหมดแล้วท่านถึงได้กลับวัด ตี ๔ ตี ๕ ออกจากวัดมาอีกแล้ว ทำอย่างกับวัดไร่ขิงกับเมืองกาญจน์อยู่ใกล้ ๆ แล้วคิดดูว่า ๔ ทุ่มกลับไปท่านได้นอนกี่ชั่วโมง ? ตอนเช้ากลับมาอีกแล้ว พอทำวัตรเช้าเสร็จก็วิ่งมาแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2019 เมื่อ 21:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #123  
เก่า 21-06-2019, 20:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถึงเวลาไปก็ไม่ได้ไปมือเปล่า บางทีหอบมะนาวไปทีหนึ่ง ๒๐-๓๐ กิโลกรัม เอาไปช่วยโรงครัวเขา

เวลาประชุมคณะสงฆ์ หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสามพระยาก็ “เอ้า...หลวงพ่อวัดใต้มีอะไรจะพูดบ้าง ?” “พระเดชพระคุณจะให้ผมพูดเรื่องจริง หรือพูดเรื่องที่อยากฟัง ?” ถามก่อนเลย “เอาเรื่องจริงแล้วกันเจ้าคุณ แต่เบา ๆ หน่อยนะ”

แล้วคิดดูว่าท่านอยู่ต่างจังหวัด เป็นพระเปรียญธรรม ๘ ประโยค แต่เป็นถึงเจ้าคุณชั้นธรรม ถ้าไม่ใช่ความสามารถจริง ๆ ใครจะเป็นได้ เป็นเจ้าคณะจังหวัดอยู่ ๓๖ ปีเต็ม ๆ เป็นตั้งแต่เป็นพระมหาไพบูลย์ เป็นพระวิสุทธิรังสี เป็นพระราชปัญญาสุธี เป็นพระเทพสุธี จนเป็นพระธรรมคุณาภรณ์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2019 เมื่อ 21:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #124  
เก่า 21-06-2019, 20:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไปสร้างโรงพยาบาลพนมทวน ก็เลยตั้งชื่อโรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์อุปถัมภ์ ท่านบอกว่า “ทำให้เขาหน่อยวะ ลูกหลานกูจะมาเข้าโรงพยาบาลในเมืองก็ไกล ต้องมาแย่งกับเขาอีก สร้างให้ตรงนั้นเลย” พระก็ไปกันทั้งจังหวัด ไปช่วยกัน ท่านก็บอกญาติโยมไปเลี้ยงอาหารกันหน่อย ไม่ขออะไรหรอก เงินก็ไม่เอา เอาอาหารไปเลี้ยงพระเณรก็พอ

ท่านตากแดดตัวดำปี๋เพราะไปเทปูนเอง แล้วพระเณรที่ไหนจะกล้าอู้ ถึงเวลาก็นุ่งสบงตัว อังสะตัว มีผ้าอาบเคียนหัว ทะมัดทะแมงอย่าบอกใครเลย ๖๐ กว่า ๗๐ ปี เทปูนเอง ไม่รู้กลางค่ำกลางคืนเป็นอย่างไร ร้องโอย ๆ บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? แต่กลางวัน แหม...คึกคักเข้มแข็ง เป็นตัวอย่างที่ดี

บอกแล้วว่าอยู่ให้เขารักใคร่เกรงใจ จากไปให้เขาคิดถึง ก่อนหน้านี้กาญจนบุรีก็มีหลวงปู่ยิ้ม รุ่นถัดมาก็หลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ หลวงปู่ดี วัดเหนือ หลวงปู่สอน วัดทุ่งลาดหญ้า มายุคหลังนี้ใคร ๆ ก็บอกต้องหลวงพ่อไพบูลย์ ช่วยเขาทั่วไปหมด

ปกติใคร ๆ ก็บอกว่าหลวงพ่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา ดุ...เด็ดขาดขนาดไหน ไปกับเจ้าคุณไพบูลย์อย่างกับปี่กับขลุ่ย คือคนทำงานจริงเหมือนกัน หลวงพ่อไพบูลย์ทำงานก็ไม่เคยเรียกร้องจะเอายศจะเอาตำแหน่งอะไร ทำไปเรื่อย ๆ ทำเพื่อพระเพื่อเณร ทำเพื่อชาวบ้านทั้งนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2019 เมื่อ 21:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #125  
เก่า 21-06-2019, 20:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราเห็นว่ารถที่ท่านใช้เก่าโทรมเต็มทีแล้ว ตอนท่านอายุ ๗๒ ปี ก็ช่วยกันเรี่ยไรเงินคนละ ๕๐๐ บาท คนละ ๑,๐๐๐ บาท พระทั้งจังหวัด “ขอซื้อเบนซ์ถวายหลวงพ่อครับ” “เออ..ขอบใจ พวกมึงอุตส่าห์นึกถึงกู เอาไปสร้างโรงพยาบาลดีกว่าว่ะ”

สรุปว่า ๓ ล้านกว่าบาทอยู่กับโรงพยาบาลหมด “ไอ้คันนี้ซ่อมแล้วก็ยังพอไปไหว มึงไม่ต้องห่วงกูหรอก” ไม่ได้ห่วงหลวงพ่อหรอก แหม...เวลาเจ้าคณะจังหวัดของเราไปที่อื่นนี่ รถโทรมจะแย่ จะบอกท่านว่าผมขายหน้าเขาก็ใช่ที่..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2019 เมื่อ 21:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #126  
เก่า 22-06-2019, 20:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอมารุ่นหลวงพ่อณรงค์ (พระเทพเมธากร) เป็นเจ้าคณะจังหวัดต่อ อาตมาซื้อรถเบนซ์ถวายท่านคันหนึ่ง ช่วงที่อยู่ก็ดูแลรถ คอยเติมน้ำมันให้ ท่านก็ใช้เพลิน พอท่านส่งอาตมาขึ้นไปอยู่วัดท่าขนุน ทางด้านนี้ใช้รถไปไม่ถึงเดือน ท่านต้องเอารถไปให้หลานใช้ บอกว่าสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ก็คือรถเบนซ์เวลาขับแล้วไม่รู้สึกว่าเร็ว เหยียบ ๑๖๐-๑๗๐ นิ่งอย่างกับรถอื่นขับแค่ร้อยเดียว คราวนี้พอเหยียบขนาดนั้นก็กินน้ำมันมาก สมัยที่อาตมาอยู่เช้าก็เติม เย็นก็เติม ท่านก็ไม่รู้ เพราะว่าอาตมาจ่ายคนเดียว เจอจ่ายเองแบบนั้นเข้าเลยไม่เอาอีกแล้ว

จำได้ว่าผู้การป๊อดเอาไปใช้ หลานท่านตอนนี้เป็นรองผู้กำกับสมุทรสาคร เดี๋ยววันงานศพก็น่าจะเจอหน้า ถามว่า "อาจารย์เล็กไม่เอารถคืนหรือ ?" "เอามาทำไม ก็ถวายท่านไปแล้ว แล้วอย่างผมขี่เบนซ์ได้ที่ไหน...ขี้กลากขึ้นตูดเปล่า ๆ" ความจริงไม่ใช่หรอก รถเบนซ์ รถบีเอ็ม รถยุโรป เครื่องปรับอากาศไม่ดี ดีแต่ฮีตเตอร์ ใครไปนั่งข้างหลังนี่ถ้าหากว่าปอดไม่ดี ก็เมารถหมด เพราะอากาศไม่พอหายใจ ลองไปใช้รถยุโรปแล้วไปนั่งข้างหลัง แหม...ประเภทมาดดี ๆ ต้องนั่งข้างหลัง มีคนเปิดประตูให้ ลงมาอ้วกแตก..ทุเรศฉิบหา..! ใช้ก็ใช้รถญี่ปุ่นราคาไม่กี่สตางค์ ซ่อมก็ง่าย

วันก่อนพระครูศรีกาญจนวิสุทธิ์ (ท่านอาจารย์มหาไพรัช) เลขานุการเจ้าคณะจังหวัด “โห..อาจารย์เล็ก ผมไปงานที่สังขละฯ ทีเดียวหมดเป็นแสน” ถามว่าอะไรนะ ? “ผมใช้รถ...ง รถเสียช่างไปยกกลับมา เขาบอกว่าค่าซ่อมแสนหก..!”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 03:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #127  
เก่า 22-06-2019, 20:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งกับญาติโยมให้ทราบ วันนี้รับหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์ฉบับพิเศษ ตอน "หลากรสในพม่า" ๕,๐๐๐ เล่ม จะเอาไว้แจกในงานทำบุญ ๖๐ ปี ไม่รู้ว่าพอหรือเปล่า ? ส่วนนี้จ่ายไปหลายสตางค์อยู่ ค่าพิมพ์อย่างไม่มี ๆ เล่มหนึ่งก็ตก ๓๐-๔๐ บาท ยิ่งหนา ๆ หน่อยแล้วกระดาษปอนด์ ซ้ำยังพิมพ์สี่สีด้วยก็หนักเข้าไปอีก ไปแจกในงาน ถ้าใครอยากได้ก่อนตรงนี้จะขาย..!

อายุ ๖๐ ปีแล้ว โอกาสแต่งงานคงไม่มี ก็เลยเอาปกสีพ่อหม้าย สี่สีทั้งเล่ม..ไม่ต้องห่วง ถ้าบอกว่าขายเล่มละ ๑๐๐ บาท ยังนั่งนึกอยู่เลยว่ากูจะขาดทุนหรือจะกำไร ? คือทางบริษัทรับพิมพ์เขาก็ทึ่งว่าทางเราสั่งตั้ง ๕,๐๐๐ เล่ม เพราะว่าปกติยอดพิมพ์สูงสุดในปัจจุบันนี้ของหนังสือระดับ Best Seller คือ ๒,๐๐๐ เล่ม ขายหมดก็ถือว่าสุดยอด ของวัดท่าขนุนขายบ้างแจกบ้างไม่เคยมีเหลือ"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 03:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #128  
เก่า 22-06-2019, 20:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงบวชพระวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา มีนาคไม่ได้บวช ๒ รูป ก็เลยเหลือแค่ ๘ รูป บอกแล้วว่าวัดท่าขนุนค่อนข้างจะเข้มงวด ไม่ได้โม้..เรื่องจริง คราวนี้ในเมื่อคุณไม่ค่อยเชื่อ ก็โดนเข้าไปแบบนั้น ก็เป็นอันว่าคงจะจำไปอีกนาน เพราะว่าส่วนใหญ่ก็มักจะไปบอกญาติบอกโยมว่าตัวเองจะได้บวช แล้วคราวนี้พอไม่ได้บวชก็แปลว่าหน้าแตก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 03:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #129  
เก่า 22-06-2019, 20:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม หลวงพ่อพระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ท่านไปเยี่ยมศพท่านอาจารย์มหาสันติ พอบอกว่ารักษาการแทนเจ้าอาวาสที่นี่คือเด็กวัดท่าขนุน หลวงพ่อท่านก็ “โอ้โฮ...อาจารย์เล็ก หาคนคุณภาพแบบนี้มาจากไหน ? พวกที่ท่านส่งไปเรียนบาลีที่นครปฐมสุดยอดทั้งนั้นเลย แต่ละคนขยันขันแข็งสุด ๆ เรียนหนังสือก็เก่ง สอบได้ทุกปี ปฏิบัติธรรมก็ได้ นำชาวบ้านปฏิบัติก็ได้ เทศน์ก็ได้ เป็นพิธีกรก็ได้ ให้ไปเฝ้างานปฏิบัติธรรม ๑๕ วัน อยู่กันครบถ้วนไม่มีหนีเลย”

ก็กราบเรียนท่านว่า "หลวงพ่อครับ ส่วนใหญ่ท่านทั้งหลายเหล่านี้มา ท่านตั้งใจบวช แล้วนโยบายของผมก็คือ ต้องให้ได้นักธรรมเอกก่อน แปลว่าอย่างน้อยต้องอยู่กับผม ๓ ปี ระหว่าง ๓ ปีนี้ ถ้าคนเขาตั้งใจเอา จะได้รูปแบบที่มั่นคงไปเลย ทั้งการปฏิบัติ ทั้งการปริยัติ แล้วเมื่อได้รูปแบบมั่นคงไปแล้ว ก็เท่ากับว่าเขามีทางเดินที่ชัดเจน ถึงเวลาไปไหนก็เอาแนวทางนี้ไปใช้

คนไปลือกันว่าอย่าไปอยู่คณะ ๒ วัดพระปฐมเจดีย์ เพราะว่าคณะนี้เคร่งโคตร ๆ ไม่จริงหรอกครับหลวงพ่อ วัดผมทำอย่างนี้ทุกวัน ก็แค่สวดมนต์ทำวัตร บิณฑบาต นั่งกรรมฐาน ยากตรงไหน ? แต่พวกอื่นนั้นวัน ๆ พอเลิกจากเรียนหนังสือ ก็นั่งเล่นเกมกันบ้าง นั่งดูหนังกันบ้าง พอถึงเวลาสวดมนต์ทำวัตรก็ไม่เอา บิณฑบาตก็ไม่เอา โทรสั่งอาหารเดลิเวอรี่มาส่งยันกุฏิ

ไม่ใช่พระผมไม่มีเงินนะ ผมให้เขาพอกินพอใช้เลย แต่เขาเก็บไว้บูชาวัตถุมงคล ประหยัด...ไปบิณฑบาต แล้วเก็บเงินไว้บูชาวัตถุมงคล..!"


พระผู้ใหญ่ท่านชม อาตมาก็ปลื้มใจว่า เออ...ส่งลูกศิษย์ไปแล้วก็เรียกว่าเป็นเกียรติเป็นศรี สิ่งที่ทำก็ดีแก่ตัวเขาด้วย แล้วก็เป็นหน้าเป็นตาให้แก่ครูบาอาจารย์ด้วย ยิ่งปีนี้คณะ ๒ นี่กินขาดเลย เพราะว่าได้ประโยค ๕ มา ๒ รูป ได้ประโยค ๓ มา ๑ รูป ประโยค ๑-๒ อีก ๓ รูป"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2019 เมื่อ 19:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #130  
เก่า 22-06-2019, 21:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้พระที่อาตมาส่งเรียนปริญญาเอก ก็คือพระครูสมุห์ธรรพ์ณธร ธมฺมทินฺโน บางคนก็เรียกหลวงพี่หน่อย บางคนก็เรียกพระครูหน่อย ท่านจบปริญญาเอกสาขาพระพุทธศาสนา

จบปริญญาเอกส่วนใหญ่พวกเราเรียกด็อกเตอร์ รู้ไหมว่าด็อกเตอร์มีความหมายว่าอะไร ? ด็อกเตอร์คือหมอ หมออะไร ? หมอรักษาโรค โรคอะไร ? โรคเสื่อมทรามของสังคม จบมาแล้วภาษาอังกฤษเขาว่า Philosophy of doctor เป็นหมอในการรักษาสังคม เห็นอะไรไม่ถูกต้องต้องต่อสู้เพื่อความดีงาม ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย เพราะว่าเป็นหน้าที่ของคุณโดยตรงแล้ว

เดี๋ยวนี้พระมีโอกาสเรียนจบปริญญาเอกมากกว่าญาติโยม เหตุที่จบปริญญาเอกมากกว่าญาติโยมมีหลายสาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรก คือแรงผลักดันให้เรียน พระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่มาเรียนเพราะอยากเรียน ถึงขนาดลงทุนบวชเข้ามาเพื่อให้ได้เรียน

อาตมาเป็นอาจารย์สอนอยู่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) มีบางสาขาอย่างเช่นรัฐประศาสนศาสตร์หรือบริหารรัฐกิจ ฆราวาสมาเรียนกันมาก ปรากฏว่าแค่หนึ่งเทอมหรือสองเทอม ฆราวาสก็ล้มหายตายจากไปเกินครึ่งค่อนห้อง ตอนแรกเห็นเขารับรัฐประศาสนศาสตร์ห้องละ ๗๐ คน อาตมาตกใจ รับมาแบบนี้ สกอ.ตีตายห่..เลย..! เพราะเต็มที่ห้องหนึ่งต้องไม่เกิน ๓๕ คน ถ้าได้รับอนุมัติพิเศษก็ ๔๐ คน ไม่อย่างนั้นอาจารย์จะดูแลไม่ทั่วถึง รับมาได้อย่างไร ๗๐ คน ??

ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการบอกว่า "ธรรมดา..พระอาจารย์ยังประสบการณ์น้อย พวกนี้ไม่เกินสองเทอมก็หายไปเกินครึ่ง" จริง ๆ ด้วย เทอมแรก ๗๐ คน เทอมที่สามเหลือแค่ ๒๒ คน..!"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 04:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #131  
เก่า 22-06-2019, 21:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอถึงเวลาเรียน พระที่เรียนสาขานี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียน ตั้งหน้าตั้งตาทำการบ้านส่ง ทำรายงานส่ง ส่วนโยมนั่งคุยกันท้ายห้อง เล่นไลน์บ้าง แต่งหน้าบ้าง กินขนมบ้าง ต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว ทุกสาขาที่พระเรียน ถ้าหากมีฆราวาสเรียนร่วมด้วย จะรู้สึกว่าความขยันขันแข็งของพระเป็นที่น่าชื่นใจมาก ท่านเรียนเพราะอยากเรียน เรียนเพราะอยากยกระดับตัวเอง แต่ฆราวาสที่พ่อแม่ทุ่มเทให้ทุกอย่าง แทบจะเรียนแทน กลับไม่อยากเรียน

ดังนั้น...ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมบ้านเราถึงถอยหลังลงคลองไปทุกที เพราะว่าคนปฏิเสธความรู้ ต้องการแค่ความฉาบฉวย โปรไฟล์ดี ๆ อัพสเตตัสบ่อย ๆ เดี๋ยวก็มีชื่อเสียงขึ้นมาเป็นเน็ตไอดอล ซึ่งเป็นเรื่องอะไรที่ไร้สาระสุด ๆ บางคนถึงขนาดต้องไปก็อปปี้รูปจากหนังสือมาไปอวดชาวบ้าน เคยเห็นภาพไหม ? ที่เอาฝารองนั่งชักโครกมาไว้แนบหน้าตัวเองให้เขาถ่ายรูป มองออกไปเหมือนนั่งเครื่องบิน เพราะหน้าต่างเครื่องบินก็กลม ๆ รี ๆ แบบนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 04:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #132  
เก่า 22-06-2019, 21:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ฉะนั้น...แรงผลักดันในการเรียนของพระภิกษุสามเณรเหนือกว่ามาก ต้องตั้งใจเรียนให้จบ เพราะไม่รู้ว่าจะหาปัจจัยมาเพื่อเรียนได้อีกสักเท่าไร ไม่มีเวลาที่จะอู้ ยกเว้นท่านที่หัวไม่ไหว เข็นไม่ไปจริง ๆ ซึ่งแต่ถึงเข็นไม่ไปก็จบ เพราะว่าท่านมาเรียนเพราะอยากเรียน แต่ฆราวาสพ่อแม่ทุ่มเทให้ทั้งชีวิต ไม่ค่อยจะตั้งใจเรียนกัน ก็จะอ้างว่ามาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ไม่เห็นเรียนปริญญาตรีจบ บิล เกตส์ ไม่เห็นต้องจบปริญญาตรี ก็มีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน

จริง...อาตมาไม่เถียง ฟังดูแล้วหรู..ดูเท่มาก แล้วมึงใช่ไอ้สองคนนี้ไหม ? มนุษย์โลก ๕ พันกว่าล้านคน มี ๒ คนนี้ที่ประสบความสำเร็จเพราะเรียนไม่จบ แล้วคิดว่า ๒ คนใน ๕ พันล้านเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ? แล้วคุณจะติดในจำนวนเปอร์เซ็นต์นี้ไหม ? จะอ้างอะไรให้ดูความเป็นจริงด้วย ออกจากทุ่งลาเวนเดอร์มาก่อน ? มาอยู่ในดงหนามโคกกระสุนก่อน แล้วจะรู้ว่าชีวิตจริง ๆ ลำเค็ญแค่ไหน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 04:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #133  
เก่า 22-06-2019, 21:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ฉะนั้น...เป็นหน้าที่ของบุคคลที่เรียนจบมาในระดับนี้แล้ว ที่เขายกย่องให้เป็นหมอ คือหมอที่คอยรักษาเยียวยาสังคม อะไรที่ไม่ถูกไม่ควร ต้องต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เพื่อความดีงาม บ้านเราผิดฝาผิดตัวเยอะมาก ดังจะเห็นว่าในระยะหลัง มีหมอมาเล่นการเมืองเยอะมาก เขาให้คุณมารักษาคน ไม่ได้ให้มาเล่นการเมือง ในเมื่อผิดฝาผิดตัวในลักษณะนี้ก็ลำบาก

โดยเฉพาะระบบการศึกษาบ้านเราแก้ไม่ตกหรอก คอรัปชั่นเยอะมาก สามารถคอรัปชั่นได้ทุกระดับ แค่อนุมัติงบประมาณช้าไป ๖ เดือน ๙ เดือนก็รวยไปตาม ๆ กันแล้ว เพราะว่าปัจจุบันนี้งบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการมากที่สุดในประเทศไทย มากกว่ากระทรวงกลาโหมอีก แต่รั่วไหลกลางทางหมด ไม่จำเป็นที่จะต้องไปโกงอะไรเลย แค่กั๊กงบประมาณเอาไว้ ๖ เดือนก็ได้ดอกเบี้ยไป ๒ งวดแล้ว แล้วเงินเป็นพันเป็นหมื่นล้าน ดอกเบี้ย ๒ งวดเป็นเท่าไร ? ฝากประจำ ๓ เดือนได้ดอกเบี้ย ๒ งวด ดังนั้น..ไม่ต้องแปลกใจหรอก ว่าทำไมการศึกษาบ้านเราเอาดีไม่ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 04:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #134  
เก่า 22-06-2019, 21:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยอาตมายังเป็นพระในสังกัดกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ กว่าจะนิตยภัตหรือที่เรียกว่าเงินเดือนพระ ๕๐๐ บาทจะออก ตั้ง ๘ เดือน ๙ เดือนกว่าจะได้สักที นี่เขาเรียกว่าไม่โกง เพียงแต่มาช้าหน่อย ขอให้ผมได้ดอกเบี้ยก่อน

แล้วอีกอย่างหนึ่งที่กระทรวงของเราไม่สามารถแก้ไขได้ ตั้งแต่รุ่นอาตมาแล้ว ก่อนหน้านี้ก็น่าจะมี คือเพื่อนที่สอบเข้า ม.ศ.๔ ม.ศ.๕ สมัยนั้นไม่ได้ ทุกคนเบนเข็มไปเรียนวิทยาลัยครู ซึ่งปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยราชภัฏ แปลว่าอะไร ? แปลว่าเอาคนที่เหลือเลือกแล้วมาเป็นครู ส่วนพวกดี ๑ ประเภท ๑ ไปเป็นหมอ เป็นวิศวกร เป็นทหาร ในเมื่อเอาประเภทวัสดุคุณภาพต่ำ ผลิตออกมาจะเป็นสินค้าคุณภาพสูงก็เป็นไปได้ยาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 04:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #135  
เก่า 22-06-2019, 21:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ปัจจุบันนี้ครูเป็นหนี้กันแทบทั้งนั้น เงินเดือนไม่พอใช้ งบประมาณมากที่สุดในทุกกระทรวง แต่เงินเดือนครูไม่พอใช้ หล่นหายกลางทางเยอะ ประเทศเกาหลีใต้เงินเดือนครู ๒๐๐,๐๐๐ - ๒๕๐,๐๐๐ บาทนะ ไม่ใช่วอน ถ้าเป็นบ้านเราเงินเดือนครู ๒๐๐,๐๐๐ บาท ดูสิว่าจะแย่งกันมาเรียนครูไหม ? ประเทศสิงคโปร์อย่างไม่มี ๆ ครูเงินเดือน ๑๒๐,๐๐๐ - ๑๕๐,๐๐๐ บาท บ้านเราหรือ ? ๓๐,๐๐๐ ตามวุฒิ ดร.ยังยากเลย

อาตมาเองใช้วุฒิปริญญาเอก เงินเดือนจริงไม่บอกหรอกว่ารับเท่าไร อนาถมาก..ไม่พอให้เสียภาษี นึกเอาก็แล้วกันว่าภาษีขั้นต่ำปีละเท่าไร ปีหนึ่งไม่พอให้เสียภาษี สอนเพื่อการกุศล เพราะว่าอาตมาก็ไม่เคยรับเงินเดือน ถึงเวลาเซ็นเบิกออกมา ก็โยนเข้ากองทุนการศึกษาให้กับวิทยาลัยสงฆ์ไป

คราวนี้ลาออกจากวิทยาลัยสงฆ์มา หลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์ด่ากราดเลย บอกว่าอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถขนาดนี้ มีจิตเป็นกุศลขนาดนี้ ปล่อยให้ลาออกไปได้อย่างไร ? ผอ.ฝ่ายวิชาการ ผอ.ฝ่ายบุคลากรนั่งกันตาปริบ ๆ สักพักหนึ่งก็ตัดสินใจกราบเรียนว่า "หลวงพ่อเป็นคนเซ็นอนุมัติเองนะครับ" หลวงพ่อเจ้าคุณแย้มก็ยิ่งโมโหใหญ่ " ก็แน่ละสิ...มึงส่งอะไรมากูก็เซ็นหมดแหละ กูจะไปรู้หรือว่าเป็นใบลาออก ตั้งแต่นี้ไปมึงอย่าหวังเลยว่าจะลักไก่กูได้ กูจะอ่านทุกตัวอักษรเลย" หลวงพ่อเจ้าคุณแย้มท่านนักเลงบ้านนอก มีอะไรก็ว่ากันซื่อ ๆ ใจถึงพึ่งได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2019 เมื่อ 19:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #136  
เก่า 22-06-2019, 21:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สรุปว่าอาตมาพ้นจากอาจารย์ของวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรี พ้นจากอาจารย์ของวิทยาลัยสงฆ์นครปฐม ตอนนี้เหลืออยู่ที่เดียวคือวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ที่อาตมาเป็นประธานจัดหาทุนสร้างวิทยาลัยสงฆ์ ญาติโยมเก็บเงินไว้คนละ ๒,๕๐๐ บาท เดี๋ยวจะไปรบกวน

วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีให้เป็นเจ้าภาพ ห้องละ ๒๕๐,๐๐๐ บาท อาตมาขอ ๒,๕๐๐ บาท มีเหรียญสมเด็จองค์ปฐม รุ่นฉลอง ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม เนื้อเขียวเหล็กไหล ห้ามบูชาเกินกี่องค์ดี ? ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหมด มีศรัทธามากก็ไปบริจาคที่นั่นเอง ถ้าบริจาคตรงนี้จะต้องกำหนดก่อนว่าห้ามเกินเท่าไร เพราะว่าเนื้อนี้เป็นเนื้อที่ทำยากมาก

เนื่องจากเกิดจากอุบัติเหตุ ก็คือเขาเอาเหรียญไปล้างแล้วหล่น จมอยู่ในน้ำ ๒ วัน ไปงมขึ้นมาจากเหรียญทองแดงกลายเป็นเขียวปีกแมลงทับ งามสุด ๆ เขาเลยคิดว่า ถ้าไปแช่น้ำ ๒ วันแล้วจะเป็นอย่างนี้ ก็เลยลองไปแช่ดู ปรากฏว่าสนิมกิน แต่ถ้าไปแช่บ่อนั้นดันเป็นเนื้อเขียวเหล็กไหล น่าจะมีแร่ธาตุประเภทกรดกำมะถันอะไรอยู่ คาดว่าตรงนั้นมีทางน้ำใต้ดิน น่าจะไหลผ่านแม็กม่าใต้ดิน มีกรดกำมะถันปนอยู่ แช่แล้วเนื้อเขียวสวยมาก สวยกว่าเมฆสิทธิ์อีก แต่จริง ๆ แล้วเนื้อเดิมก็คือทองแดง

ถามว่ากล้าแขวนไหม ? เท่าแผ่นยันต์เกราะเพชรแผ่นเล็ก ฉะนั้น..ถึงเวลาแล้วมาช่วยกันสร้างวิทยาลัยสงฆ์หน่อย อาตมารับผิดชอบอาคารหลังเดียวประมาณ ๕๐ ล้านบาท นิด ๆ หน่อย ๆ เดี๋ยวช่วยกันภาวนาคาถาเงินล้านก็ได้แล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 04:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #137  
เก่า 22-06-2019, 22:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การกราบพระ อาตมากราบให้ดูอยู่ทุกวัน ก็ได้แต่ดูกัน บางคนถ่ายรูปไว้อีกต่างหาก ทำอย่างไรจะให้เรากราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จริง ๆ ไม่ได้สักแต่ว่าแปะ ๆ ให้ครบ ๓ ที แถมยังเซลฟี่ไปอวดชาวบ้านเขาอีก

กราบพระเท่ากับว่าเราปฏิบัติในพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ถ้ากำลังใจยึดมั่นจริง ๆ ความเป็นพระโสดาบันอยู่ห่างแค่เอื้อมเท่านั้น แต่สมัยนี้ส่วนใหญ่ที่เห็นก็คือแปะ ๆ ให้ครบ ๓ ครั้ง หรือไม่ก็กราบแบบกิ้งก่าผงกหัว

รู้อยู่ว่ากิเลสเขาพยายามจะชักจูงเราให้ไปไกลจากความดี แทนที่จะฝืนเพื่อเอาความดีใส่ตัว ก็กลายเป็นว่าคล้อยตามกิเลสไป ก็เท่ากับว่าเราปรามาสพระรัตนตรัย"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 04:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #138  
เก่า 22-06-2019, 22:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"การกราบพระของเราต้องกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ๑ ศีรษะ ๒ ศอก ๒ เข่า สัมผัสพื้นพร้อมกัน ศอกต่อเข่า ไม่ใช่ศอกอยู่ข้างหน้าแข้ง กราบพระดี ๆ นี่บริหารร่างกายไปในตัวเลย

การทำบุญสามารถทำได้ทุกเวลา สำคัญอยู่ตรงที่เราทำเป็นไหม ? ถ้าหากว่าทำเป็น กาย วาจา ใจ ของเราทุกเวลาก็คือบุญ แต่ส่วนใหญ่ เราไปปล่อยให้ฟุ้งซ่าน โอกาสที่จะได้บุญ แค่กราบพระให้ได้บุญอย่างง่าย ๆ เราก็ยังทำไม่ได้ จะพาลกลายเป็นบาปไปอีกต่างหาก เพราะสักแต่ว่าแปะ ๆ
ไปให้ครบ ๓ ที

ต้องไปอินเดีย ไปศรีลังกา ไปดูว่าชาวพุทธที่นั่นเขาทำอย่างไร หรือไม่ก็ไปพม่า ประเทศพม่านี่เช้า ๆ คนเขาไปวัด สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ภาวนาจนกำลังใจทรงตัวแล้วค่อยไปทำงาน เลิกจากงานเข้าวัด สวดมนต์ ไหว้พระ ภาวนาจนกำลังใจทรงตัวแล้วค่อยกลับบ้าน ก็แปลว่าเตรียมพร้อมที่จะเอากำลังไปสู้กับงาน แล้วหลังจากนั้นก็สลัดทิ้งสิ่งที่รกอยู่ในหัวจนหมด กลับบ้าน อารมณ์ดี นอนหลับสบาย ไม่เครียด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 04:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #139  
เก่า 22-06-2019, 22:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ศรีลังกาแต่งชุดขาวไปวัดทุกวันพระ ถึงไม่ได้ไปวัดก็แต่งชุดขาว ก็แปลว่าวันพระใหญ่ วันพระเล็ก ถ้าเห็นชุดขาวมา รู้เลยว่านี่คือชาวพุทธ

ประเทศอินเดีย ปี ๒๔๙๙ ดร.เอ็มเบดการ์ ชาวพุทธอินเดียเรียก บาบา สาเหบ พิมเรา รามจี บาบาก็คือท่านพ่อ นำชาวพุทธโดยเฉพาะพวกศูทร พวกจัณฑาล ๕๐๐,๐๐๐ คน ปฏิญาณตนนับถือพระรัตนตรัย โดยมีกฎเหล็ก ๒๒ ข้อ ไม่ใช่ศีล ๕ มากกว่าศีล ๕ ต้องละทิ้งลัทธิเดิมทั้งหมด

ฉะนั้น...ถ้าเขาไม่มั่นใจชนิดมอบกายถวายชีวิต จะมีใครกล้าปฏิญาณ ? แต่อินเดียปัจจุบันนี้ ถ้าเราไปจะเห็นว่า คนอินเดียเวลาไปสถานที่ทางศาสนาพุทธ เขาไปเพื่อเป็นอนุสติ ถ้าไม่มีมัคคุเทศก์ หัวหน้าคณะต้องศึกษารายละเอียดว่า สถานที่นั้นมีความสำคัญเกี่ยวโยงกับพระพุทธศาสนาอย่างไร แล้วก็ไปสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ภาวนา แปลว่าเขาใช้เวลาในสถานที่แต่ละแห่งนานมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 04:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #140  
เก่า 22-06-2019, 22:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนทัวร์ไทยเราลงไปถึงก็แตกพล่านไปหมด เซลฟี่ได้รูปที่พอใจแล้วก็อัพสเตตัส...จบ กลายเป็นพวกเราไปหาบาป ขณะที่เขาไปเอาบุญ ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เห็น ๆ อยู่ว่า บ้านเราเป็นชาวพุทธแต่ปากเอาเสียมาก คนที่จะเป็นชาวพุทธทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ นั้นมีน้อย

การปฏิบัติธรรมเขาให้ละตัวตน ส่วนพวกเรามีแต่เพิ่มตัวตน อัพเฟซฯ อัพไลน์ ขึ้นสเตตัสกันได้ทุกวัน ทุกชั่วโมง อาตมาถึงได้บอกว่า ตัวเองรับตราตั้งรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิตอน ๑๐ โมง ๒๐ นาที พอ ๑๐ โมง ๒๔ นาที ข่าวไปทั่วโลกแล้ว มีคนช่วยอัพให้เรียบร้อย จนกระทั่งเพื่อนอาจารย์ มจร.เขายังพูดว่า "อาจารย์เล็กเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ไม่เล่นเฟซฯ เล่นไลน์ แต่มีรูปลงเฟซฯ ลงไลน์มากที่สุดในโลก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 04:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:23



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว