กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ > ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ

Notices

ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-12-2017, 05:48
นักเดินทางสังสารวัฏ นักเดินทางสังสารวัฏ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2016
ข้อความ: 77
ได้ให้อนุโมทนา: 139
ได้รับอนุโมทนา 2,965 ครั้ง ใน 205 โพสต์
นักเดินทางสังสารวัฏ is on a distinguished road
Default นอนกับภรรยาสัปดาห์ละ ๒ - ๓ ครั้ง จะทรงฌาน ๔ ได้ไหม ?

๑.อยากถามหลวงพ่อเรื่องอายตนะภายในและภายนอก อันที่ ๖ เกี่ยวกับเรื่องจิตและธรรมารมณ์ คืออารมณ์ที่จิตไปนึกคิด สมมุติว่าผมเดิน ๆ อยู่ แล้วตาไปมองเห็นรูปแล้วรูปที่เห็นเป็นรูปผู้หญิง ณ จุด ๆ นี้ถ้าผมหยุดคิดทันทีกิเลสตัวราคะจะไม่เกิดใช่หรือเปล่าครับ แต่ถ้าผมคิดต่อไปอีกว่า ผู้หญิงคนนี้หน้าตาดีทรวดทรวงดี
เราต้องการผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้กิเลสเกิดขึ้นแล้วใช่ไหมครับ แล้วกิเลสตัวนี้เกิดมาจากจิตไปรับรู้อารมณ์ธรรมารมณ์ที่เป็นราคะและพอใจผู้หญิงสวย ใช่หรือเปล่าครับ

๒.จากข้อแรกอายตนะภายในและภายนอก มีฝั่งละ ๖ อย่าง ตัวหลักที่เป็นเหตุให้เกิดกิเลสคือ จิตและธรรมารมณ์ พูดง่าย ๆ คือจิตเก็บอารมณ์หรือความคิดด้านกิเลสไปนึกคิด แล้วนักปฎิบัติส่วนใหญ่รวมทั้งตัวผมต้องเคยเจออารมณ์ที่จู่ ๆ อยากปรามาสพระรัตนตรัย หรือปกติเป็นคนไม่โกรธคน แต่อยากด่าคน อยากโกรธทั้ง ๆ ที่ไม่มีสาเหตุ อยากถามว่าถ้าอารมณ์ธรรมารมณ์ ที่จู่ ๆ อยากด่าพระหรืออยากโกรธเกิดขึ้น ถ้าสติเรารับรู้อารมณ์เลว ๆ นี้ทันที แล้วจิตไม่ไปเอาอารมณ์นั้นมาด่าหรือโกรธในใจ แล้วกำหนดรู้ลมหายใจแทน แปลว่าตอนนี้กิเลสเกิดไม่ได้ เฉาตายไปชั่วขณะใช่หรือเปล่าครับ แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้อารมณ์ที่จู่ ๆ อยากปรามาสพระ หรืออยากโกรธพระ กำเริบครับ

๓. จากข้อสอง ทำให้ผมเห็นความสำคัญของการมีสติมาก เพราะปกติจิตจะไปฟุ้งซ่านกรรมชั่วในอดีตและฟุ้งในอนาคต แต่ถ้าสติเรามีความไวเท่าทันจิต สติจะสามารถหยุดจิตที่จะไปนึกถึงอดีตและอนาคตได้ ณ จุด ๆ นี้ผมเลยสงสัยว่าการฝึกมหาสติปัฏฐานสูตร คือการฝึกให้มีสติใหญ่ มีสติมาก สมมุติว่า ผมเดินอยู่ผมต้องเอาสติไปรับรู้ ๒ สิ่งขณะเดียวกัน ว่าตอนนี้เรากำลังหายใจเข้าหรือหายใจออก และเอาสติรับรู้อีกว่าตอนนี้เรากำลังก้าวเท้าซ้ายหรือเท้าขวา หรือเปล่าครับ หรือว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ครับ และผมลองเอาสติไปรับรู้สองสิ่งนี้ ผมสับสนมากสติไม่ไวพอ แปลว่าผมต้องฝึกอีกเยอะใช่หรือเปล่าครับ

๓.๑ จากสามข้อแรกที่ว่ามา ผมอ่านวิปัสสนาญาณที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนให้เอาบารมี ๑๐ กับสังโยชน์ ๑๐ มาวัดว่าเราอยู่จุดไหน และตรงวิปัสสนาญาณข้อเกือบจะสุดท้ายท่านให้พิจารณาปฏิจจสมุปบาท ท่านให้หาปลายเหตุมาหาต้นเหตุของการเกิดและจากต้นเหตุไปหาปลายเหตุของความทุกข์ ผมติดใจตรงข้อท้าย ๆ ที่ว่าด้วย
"เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี
เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี " อยากทราบว่าสังขาร ข้อนี้ภาษาไทยแปลว่า ความคิดใช่หรือเปล่าครับ แล้ววิญญาณในข้อนี้หมายถือเจตสิกคือการรับรู้ของจิต จะด้านดีหรือด้านชั่วใช่หรือเปล่าครับ ถ้าสังขารคือความคิด คนเราจะอย่างไรก็ต้องคิดอยู่แล้ว และสังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ และวิญญาณก็เป็นสาเหตุให้เกิดนามรูปจนไปถึงความทุกข์ แปลว่าเราต้องฝึกให้สังขาร คิดพิจารณาเห็นโทษของการเกิด เห็นคุณของการไม่เกิดคือพระนิพพาน เพื่อทำลายอวิชชาที่เป็นปัจจัยให้เกิดสังขารจนไปถึงความทุกข์ ใช่หรือเปล่าครับ ถ้าผมเข้าใจตรงไหนผิดหลวงพ่อช่วยอธิบายทีครับ

และผมอยากทราบว่าสังขารุเปกขาญาณในระดับปุถุชนอย่างผมเวลาจะเอาธรรมของพระพุทธเจ้าไปเจออาการกระทบในสถานการณ์จริง
อย่างเช่นเวลากินอาหารหรือคุยกับเพศตรงข้าม ถ้าผมสักแต่ว่ากินโดยมีสติ และสักแต่ว่าคุยกับเพศตรงข้ามโดยมีสติ ไม่ได้ไปคิดหรือดำริในใจว่าอาหารนี่กรอบอร่อย เดี่ยวพรุ่งนี้ไปซื้อมากินอีกดีกว่า หรือคิดว่าเพศตรงข้ามคนนี้หน้าตาดี นิสัยดี ถ้าโสดเราจะได้จีบ อยากทราบว่าผมไม่ได้ไปจุดเชื้อเพลิงให้กิเลสได้กำเริบใช่ไหมครับ และยังเป็นสังขารุเปกขาญาณแบบปุถุชนอ่อน ๆ ใช่หรือเปล่าครับ เพราะผมรู้ใจตัวเองดีว่าถ้าผมเก็บไปคิดหรือนึกถึงผู้หญิงสวย ๆ กิเลสเกิดแน่นอน เลยพยายามไม่ไปคิดเวลาทำสมาธิ


๓.๒ และปัจจุบันผมอายุ ๒๑ พวกอารมณ์โกรธ หรือ โลภนี่รู้สึกไม่ยากในการละเพราะเห็นโทษภัยชัดเจน แต่บางครั้งอารมณ์ทางเพศ ต่อให้ผมจะกำหนดรู้ลมหายใจหรือจะเอาจิตดูจิต สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น ไม่ไปคิดต่อ แต่อย่างไรร่างกายมันก็ไม่เห็นด้วย ร่างกายยังคึกเพราะฮอร์โมน จิตยังพอใจในกามคุณอยู่เพราะผมไม่ได้เป็นพระอนาคามี แล้วลึก ๆ ผมก็อยากมีแฟนสวย ๆ แต่ก็ยังอยากจะทรงฌาน ๔ เพราะเคยได้ฌานแต่เสื่อม เลยรู้ว่าอารมณ์ความสุขจากฌานสุขมาก และบางครั้งผมคุยกับผู้หญิงที่กิเลสในใจผมรู้สึกพอใจในรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้น ก็พยายามจะจีบเธอ ผมเลยสงสัยว่าเวลาผมทำสมาธิเพื่อละนิวรณ์เพื่อจะได้ทรงฌาน ผมก็ใช้กำลังสติทั้งหมดจดจ่อกับลมหายใจเข้าออก แต่บางเวลาผมไม่ได้ทำสมาธิ แต่จะเอาสติไปใช้ในการทำงานต่าง ๆ เช่นจดจ่อกับการเรียนหนังสือ ทำงาน รวมทั้งเรื่องของโลกเช่นจีบสาว ดูหนัง อยากทราบว่าการกระทำแบบที่กล่าวมา คือผมยังพอใจในกามคุณทั้ง ๕ เพราะยังตัดสังโยงชน์เบื้องสูงไม่ได้ แต่ผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจเพื่อจะทรงฌาน ๔ เพื่อกำจัดนิวรณ์ให้หมดได้ทุกเมื่อตามใจนึกเพราะเห็นโทษของกามคุณทั้งหลาย และอยากถอดกายในไปพระนิพพานสักครั้งก่อนผมจะตาย พอจะเป็นไปได้ไหมครับ หรือว่าผมควรจะเปลี่ยนการกระทำอย่างเช่นไปบวช เพราะฆราวาสมีแค่ศีล ๕ แต่พระมีศีลเยอะกว่าโอกาสทำผิดแทบจะไม่มี และการปฎิบัติ อธิสมาธิ อธิปัญญา น่าจะง่ายกว่าฆราวาสเยอะ

๕.สังโยชน์เบื้องสูงตัวมานะ สมมุติว่าผมมีความมั่นใจว่าผมสามารถทรงอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ หรือสามารถเป็นพระอรหันต์ได้แบบท่านอื่น ๆ เพราะว่าท่านเหล่านั้นมีบารมี ๑๐ เต็ม ผมก็มีบารมี ๑๐ แต่ผมยังไม่เต็ม แต่มั่นใจว่าถ้าทำตามคำสั่งสอนของท่านอย่างไรสักวันบารมีเราก็เต็มเอง การคิดแบบนี้เป็นสังโยชน์ตัวมานะหรือเป็นกุศโลบายครับ และผมเคยอ่านจากเว็บวัดท่าขนุนที่หลวงพ่อเล่าว่า มีอิสลามท่านหนึ่งท่องหนังสือของศาสนาของเขาจนเกิดอภิญญาขึ้นมา สมมุติว่าผมมีความคิดว่า แหมเราเกิดมาในพระพุทธศาสนา มีพระพุทธเจ้าเป็นพระศาสดา มีหลวงปู่หลวงพ่อ ท่านก็สอนเรื่องอภิญญา ถ้าเราทำไม่ได้ เราขายขี้หน้าคนนอกศาสนาแน่ แล้วผมก็เอาความคิดนี้เป็นแรงผลักดันเพื่อสร้างอภิญญาขึ้นมา อยากทราบว่าความคิดที่ว่าเป็นมานะ หรือเปล่าครับ แล้วจำเป็นต้องแก้ไหม ถ้าผมในฐานะชาวพุทธไม่อยากให้คนนอกศาสนามาดีเด่นกว่าศาสนาพุทธที่เป็นอันที่รักของผม

๖.ผมสงสัยครับว่าถ้ามีคู่รักคู่หนึ่ง สามีพยายามทำสมาธิเพื่อจะทรงฌาน ๔ แต่ใน ๑ อาทิตย์สามีจะหลับนอนกับภรรยา ๒ - ๓ ครั้งอยากทราบว่าสามีมีโอกาสจะทรงฌาน ๔ หรือเปล่าครับ

๗.จากอาทิตย์ก่อนที่ผมถามหลวงพ่อว่าผมเล่นเกมหลายชั่วโมงแล้วเอาเวลามาทำสมาธิสัก ๑๐ นาที จะสามารถทรงฌานสมาบัติได้ไหม หลวงพ่อตอบว่าไม่ได้ ผมเลยกลับมาดูตัวเอง จิตผมไม่สามารถเข้าฌานเหมือนเมื่อก่อน เพราะมีนิวรณ์ตัวฟุ้งซ่านที่อยากจะได้ดีเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ แล้วผมเลิกฟุ้งซ่านเลิกอยากและกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว แต่ก็นั่งได้ไม่นาน เหมือนสมัยหนุ่ม ๆ ที่จิตเข้าฌาน ๑ และสามารถนั่งสมาธิได้นานเป็นชั่วโมง เพราะใจมีปีติ ใจมีความเอิบอิ่มมีความสุขในความสงบ ณ ปัจจุบันผมก็นั่งสมาธิแต่ไม่ถึง ๑๐ นาทีก็อยากจะลุกขึ้นไปทำอย่างอื่นหรือหาอะไรอ่าน และผมลองหาเหตุผลดูทำไมนั่งไม่ได้นานเพราะว่า ขาดอาการปีติที่เป็นเหมือนอาหารหล่อเลี้ยงจิตให้นั่งสมาธิได้นาน แต่เวลาเล่นเกมผมกับมีปีติเล่นได้เป็นชั่วโมง หรืออ่านกระทู้ต่าง ๆ ในวัดท่าขนุน ก็สามารถอ่านติดต่อกันได้หลายชั่วโมงเพราะรู้สึกสนุกและพอใจ เหมือนกับว่าเราต้องหางานให้จิตเราจดจ่อแล้วต้องรู้สึกพอใจในสิ่งที่ทำถึงจะทำได้นาน ณ จุด ๆ นี้หลวงพ่อช่วยแนะนำทีครับ

๘.ตามที่หลวงพ่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับ หมอไสยศาสตร์ที่หลวงพ่อเคยโดนรุม ๓๐ ต่อ ๑ ตัวกระผมอยากทราบว่าหลวงพ่อใช้คาถาอะไร แล้วต้องมีสมาธิเข้าฌานระดับไหนถึงจะสู้ชนะหมอไสยศาสตร์ตั้ง ๓๐ คน แล้วที่หลวงพ่อปล่อยผีกะเหรี่ยงไป ๓๐ กว่าตัวอยากทราบว่าหลวงพ่อปล่อยอย่างไรหรือครับ

๘.๑ ผมสงสัยมาก พวกหมอผีพวกนี้สามารถทรงฌาน เสกคาถาและทำของขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อท่านเหล่านี้นิวรณ์ ๕ ตัวโทสะยังเยอะอยู่และเจตนาทำสมาธิเพื่อจะมุ่งทำร้ายคนอื่นโดยเฉพาะ พระดี ๆ แบบหลวงพ่อ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2018 เมื่อ 18:21
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นักเดินทางสังสารวัฏ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-07-2018, 17:22
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,523
ได้ให้อนุโมทนา: 215,909
ได้รับอนุโมทนา 736,835 ครั้ง ใน 35,895 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default

ถาม : อยากถามเรื่องอายตนะภายในและภายนอก อันที่ ๖ เกี่ยวกับเรื่องจิตและธรรมารมณ์ คืออารมณ์ที่จิตไปนึกคิด สมมติว่าผมเดิน ๆ อยู่ แล้วตาไปมองเห็นรูป แล้วรูปที่เห็นเป็นรูปผู้หญิง ณ จุด ๆ นี้ถ้าผมหยุดคิดทันที กิเลสตัวราคะจะไม่เกิดใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เกิดตั้งแต่เอ็งเห็นว่าเป็นผู้หญิงแล้ว

ถาม : แต่ถ้าผมคิดต่อไปอีกว่า ผู้หญิงคนนี้หน้าตาดีทรวดทรงดี เราต้องการผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้กิเลสเกิดขึ้นแล้วใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็บอกว่าเกิดตั้งแต่เอ็งเห็นว่าเป็นผู้หญิงแล้ว การที่จะไม่ให้กิเลสเกิดได้ สติ สมาธิ ปัญญาต้องเฉียบคมว่องไว ถึงขนาดสักแต่เห็นว่าเป็นรูปเป็นธาตุเท่านั้น ถ้ายังแบ่งเพศเป็นหญิงเป็นชายก็เจ๊งตั้งแต่ยกแรกแล้ว

ถาม : แล้วกิเลสตัวนี้เกิดมาจาก "จิตไปรับรู้อารมณ์ธรรมารมณ์ที่เป็นราคะและพอใจผู้หญิงสวย" ใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ทันทีที่นึกคิด สภาพจิตก็เกิดจิตสังขาร คือ การปรุงแต่งขึ้น แปลว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไม่ใช่เกิดขึ้นตอนเห็นว่าผู้หญิงสวย
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-07-2018, 17:23
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,523
ได้ให้อนุโมทนา: 215,909
ได้รับอนุโมทนา 736,835 ครั้ง ใน 35,895 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default

ถาม : นักปฎิบัติส่วนใหญ่รวมทั้งตัวผมต้องเคยเจออารมณ์ที่อยากปรามาสพระรัตนตรัย หรือปกติเป็นคนไม่โกรธคน แต่อยากด่าคน อยากโกรธทั้ง ๆ ที่ ไม่มีสาเหตุ อยากถามว่าถ้าอารมณ์ธรรมารมณ์ที่อยากด่าพระ หรืออยากโกรธเกิดขึ้น ถ้าสติเรารับรู้อารมณ์เลว ๆ นี้ทัน แล้วจิตไม่ไปเอาอารมณ์นั้นมาด่าหรือโกรธในใจ แล้วกำหนดรู้ลมหายใจแทน แปลว่าตอนนี้กิเลสเกิดไม่ได้ เฉาตายไปชั่วขณะใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เกิดไปเรียบร้อยแล้ว เพราะว่ากิเลสเกิดทางใจ เกิดทางวาจา เกิดทางกาย ในเมื่อเราคิด แปลว่ากิเลสกินเราไปแล้ว ๑ ใน ๓ ถ้าพูดออกมาก็หมดไป ๒ ใน ๓ ถ้าทำไปด้วยก็ครบทุกส่วนเลย

ถาม :แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้อารมณ์ที่อยากปรามาสพระ หรืออยากโกรธพระกำเริบครับ ?
ตอบ : เป็นพระโสดาบัน

ถาม : จากข้อดังกล่าว ทำให้ผมเห็นความสำคัญของการมีสติมาก เพราะปกติจิตจะไปฟุ้งซ่านกรรมชั่วในอดีตและฟุ้งในอนาคต แต่ถ้าสติเรามีความไวเท่าทันจิต สติจะสามารถหยุดจิตที่จะไปนึกถึงอดีตและอนาคตได้ ณ จุด ๆ นี้ผมเลยสงสัยว่า การฝึกมหาสติปัฏฐานสูตร คือการฝึกให้มีสติใหญ่ สมมติว่าผมเดินอยู่ผมต้องเอาสติไปรับรู้ ๒ สิ่งขณะเดียวกัน ว่าตอนนี้เรากำลังหายใจเข้าหรือหายใจออก และเอาสติรับรู้อีกว่าตอนนี้เรากำลังก้าวเท้าซ้ายหรือเท้าขวาหรือเปล่าครับ หรือว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ครับ ? และผมลองเอาสติไปรับรู้สองสิ่งนี้ ผมสับสนมาก สติไม่ไวพอ แปลว่าผมต้องฝึกอีกเยอะใช่หรือเปล่าครับ ?

ตอบ : แปลว่าตอนนี้คุณกำลังเข้าอนุบาล ๑ แต่ดันไปเอาเรื่องของคนจบปริญญาตรีมาทำ...! การที่เราจะฝึกสติ อย่างเดินอยู่แล้วนึกถึงลมหายใจเข้าออกไปด้วย ส่วนใหญ่จะเดินไม่ได้ เพราะว่าทันทีที่เราจับลมหายใจเข้าออกได้มั่นคง จิตกับประสาทจะเริ่มแยกออกจากกัน ถ้าไม่ใช่คนที่คล่องตัวจริง ๆ จะบังคับร่างกายไม่ได้ ถึงได้บอกว่าของคุณแค่อนุบาล ๑ แต่ดันไปเอาเรื่องของคนจบปริญญาตรีมาทำ ก็หาเรื่องลำบากเอง
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-07-2018, 17:23
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,523
ได้ให้อนุโมทนา: 215,909
ได้รับอนุโมทนา 736,835 ครั้ง ใน 35,895 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมอ่านวิปัสสนาญาณที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสอน ให้เอาบารมี ๑๐ กับสังโยชน์ ๑๐ มาวัดว่าเราอยู่จุดไหน และตรงวิปัสสนาญาณข้อเกือบจะสุดท้าย ท่านให้พิจารณาปฏิจจสมุปบาท ให้หาปลายเหตุมาหาต้นเหตุของการเกิด และจากต้นเหตุไปหาปลายเหตุของความทุกข์ ผมติดใจตรงข้อท้าย ๆ ที่ว่าด้วย "เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี " อยากทราบว่า "สังขาร" ข้อนี้ภาษาไทยแปลว่า ความคิดใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เอาข้อแรกก่อน หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนไว้ตรงไหนวะ ? ช่วยบอกกูที ตำราทั้งเทปกูฟังจนปรุแล้ว ไม่เคยเจอตรงนี้...!

สังขาระปัจจะยา วิญญาณัง
คำว่า สังขาร ในปฏิจจสมุปบาทตัวนี้ หมายถึง จิตสังขารที่ปรุงแต่งไปในทั้งทางดีและทางชั่ว เพราะฉะนั้น...อย่าอ่านตำรามากไปและอย่าสับสนด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นกล่าวตู่พระอริยเจ้าอีก หลวงพ่อท่านไม่เคยเขียนถึงปฏิจจสมุปบาทไว้เลย


ถาม : แล้ววิญญาณในข้อนี้ หมายถืง เจตสิกคือการรับรู้ของจิต จะด้านดีหรือด้านชั่วใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านแปลง่าย ๆ ว่า ประสาทร่างกาย ก็แปลว่า ไม่ว่าจะเป็น ประสาทตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ล้วนใช่หมด
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-07-2018, 17:23
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,523
ได้ให้อนุโมทนา: 215,909
ได้รับอนุโมทนา 736,835 ครั้ง ใน 35,895 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมอยากทราบว่าสังขารุเปกขาญาณในระดับปุถุชนอย่างผม เวลาจะเอาธรรมของพระพุทธเจ้าไปเจออาการกระทบในสถานการณ์จริง อย่างเช่นเวลากินอาหารหรือคุยกับเพศตรงข้าม ถ้าผมสักแต่ว่ากินโดยมีสติ และสักแต่ว่าคุยกับเพศตรงข้ามโดยมีสติ ไม่ได้ไปคิดหรือดำริในใจว่าอาหารนี้กรอบอร่อย หรือคิดว่าเพศตรงข้ามคนนี้หน้าตาดี นิสัยดี ถ้าโสดเราจะได้จีบ อยากทราบว่าผมไม่ได้ไปจุดเชื้อเพลิงให้กิเลสได้กำเริบ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ทันทีที่กินหรือคุย กิเลสก็กำเริบไปเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่เราไม่รู้ตัวเท่านั้น เพราะว่าเป็นกิเลสบางเบาที่ฝังอยู่ในสันดานของเรา ส่วนที่เรากันได้เป็นแค่กิเลสหยาบ ๆ ที่จะล้นออกมาทางกาย ทางวาจาเท่านั้น

ถาม : ยังเป็นสังขารุเปกขาญาณแบบปุถุชนอ่อน ๆ ใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าอ่อนเสียยิ่งกว่าปัญญาอ่อนอีก...! นักปฏิบัติช่วงแรกให้หลีกจากหมู่ เพื่อจะได้ไม่กระทบกระทั่งกับสิ่งต่าง ๆ จนกิเลสเกิดขึ้นได้ แต่เราเองไปคลุกคลีในหมู่ แถมยังเป็นเพศตรงข้ามอีกด้วย จึงได้กล่าวว่าปัญญาอ่อนชัด ๆ..!
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 04-07-2018, 17:23
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,523
ได้ให้อนุโมทนา: 215,909
ได้รับอนุโมทนา 736,835 ครั้ง ใน 35,895 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default

ถาม : ปัจจุบันผมอายุ ๒๑ ปี พวกอารมณ์โกรธหรือโลภรู้สึกไม่ยากในการละ เพราะเห็นโทษภัยชัดเจน แต่บางครั้งอารมณ์ทางเพศ ต่อให้ผมจะกำหนดรู้ลมหายใจหรือจะเอาจิตดูจิต สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น ไม่ไปคิดต่อ แต่อย่างไรร่างกายก็ไม่เห็นด้วยร่างกาย ยังคึกเพราะฮอร์โมน จิตยังพอใจในกามคุณอยู่ แล้วลึก ๆ ผมก็อยากมีแฟนสวย ๆ แต่ก็ยังอยากจะทรงฌาน ๔ เพราะเคยได้ฌานแต่เสื่อม เลยรู้ว่าอารมณ์ความสุขจากฌานนั้นสุขมาก และบางครั้งผมคุยกับผู้หญิงที่กิเลสในใจผมรู้สึกพอใจในรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้น ก็พยายามจะจีบเธอ

ผมเลยสงสัยว่า อยากทราบว่าการกระทำแบบที่กล่าวมา ผมอยากจะทรงฌาน ๔ เพื่อกำจัดนิวรณ์ให้หมดได้ทุกเมื่อตามใจนึก และอยากถอดกายในไปพระนิพพานสักครั้งก่อนผมจะตาย พอจะเป็นไปได้ไหมครับ หรือว่าผมควรจะเปลี่ยนการกระทำ ?
ตอบ : จุดมุ่งหมายกับการกระทำค้านกันเอง บอกว่าจะมุ่งหน้าแต่ตัวเองกลับพยายามถอยหลัง เพราะฉะนั้น...ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงการกระทำ ก่อนตายถ้าทำได้ก็ถือว่าบังเอิญมาก..!
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 04-07-2018, 17:24
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,523
ได้ให้อนุโมทนา: 215,909
ได้รับอนุโมทนา 736,835 ครั้ง ใน 35,895 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default

ถาม : สังโยชน์เบื้องสูงตัวมานะ สมมติว่าผมมีความมั่นใจว่าผมสามารถทรงอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ หรือสามารถเป็นพระอรหันต์ได้แบบท่านอื่น ๆ เพราะว่าท่านเหล่านั้นมีบารมี ๑๐ เต็ม ผมก็มีบารมี ๑๐ แต่ผมยังไม่เต็ม แต่มั่นใจว่าถ้าทำตามคำสั่งสอนของท่าน อย่างไรสักวันบารมีเราก็เต็มเอง การคิดแบบนี้เป็นสังโยชน์ตัวมานะหรือเป็นกุศโลบายครับ ?
ตอบ : แบกมานะไว้เต็ม ๆ ยังไม่พอ ยังแบกความโง่ไว้อีกมากด้วย พยายามไปทรงปฐมฌานให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยมาพูดถึงเรื่องทั้งหลายเหล่านี้
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 04-07-2018, 17:24
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,523
ได้ให้อนุโมทนา: 215,909
ได้รับอนุโมทนา 736,835 ครั้ง ใน 35,895 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเคยอ่านจากเว็บวัดท่าขนุนที่หลวงพ่อเล่าว่า มีอิสลามท่านหนึ่งท่องหนังสือของศาสนาของเขาจนเกิดอภิญญาขึ้นมา สมมติว่าผมมีความคิดว่า แหม่...เราเกิดมาในพระพุทธศาสนา มีพระพุทธเจ้าเป็นพระศาสดา มีหลวงปู่หลวงพ่อ ท่านก็สอนเรื่องอภิญญา ถ้าเราทำไม่ได้ ขายขี้หน้าคนนอกศาสนาแน่ แล้วผมก็เอาความคิดนี้เป็นแรงผลักดันเพื่อสร้างอภิญญาขึ้นมา อยากทราบว่าความคิดที่ว่าเป็นมานะหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จะเป็นหรือไม่เป็นก็ช่างหัวมันเถอะ...! ทำให้ได้ก่อนก็แล้วกัน
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 04-07-2018, 17:24
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,523
ได้ให้อนุโมทนา: 215,909
ได้รับอนุโมทนา 736,835 ครั้ง ใน 35,895 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมสงสัยครับว่า ถ้ามีคู่รักคู่หนึ่ง สามีพยายามทำสมาธิเพื่อจะทรงฌาน ๔ แต่ใน ๑ สัปดาห์สามีจะหลับนอนกับภรรยา ๒ - ๓ ครั้ง อยากทราบว่าสามีมีโอกาสจะทรงฌาน ๔ หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : มีสัก ๐.๐๐๐๑ เปอร์เซ็นต์..!
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 04-07-2018, 17:24
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,523
ได้ให้อนุโมทนา: 215,909
ได้รับอนุโมทนา 736,835 ครั้ง ใน 35,895 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default

ถาม : จากเดือนก่อนที่ผมถามหลวงพ่อว่า ผมเล่นเกมหลายชั่วโมงแล้วเอาเวลามาทำสมาธิสัก ๑๐ นาที จะสามารถทรงฌานสมาบัติได้ไหม หลวงพ่อตอบว่าไม่ได้ ผมเลยกลับมาดูตัวเอง จิตผมไม่สามารถเข้าฌานเหมือนเมื่อก่อน เพราะมีนิวรณ์ตัวฟุ้งซ่านที่อยากจะได้ดีเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ ณ ปัจจุบันผมก็นั่งสมาธิ แต่ไม่ถึง ๑๐ นาที ก็อยากจะลุกขึ้นไปทำอย่างอื่นหรือหาอะไรอ่าน และผมลองหาเหตุผลดูทำไมนั่งไม่ได้นาน เพราะว่าขาดอาการปีติที่เป็นเหมือนอาหารหล่อเลี้ยงจิตให้นั่งสมาธิได้นาน แต่เวลาเล่นเกมผมกลับมีปีติเล่นได้เป็นชั่วโมง หรืออ่านกระทู้ต่าง ๆ ในวัดท่าขนุน ก็สามารถอ่านติดต่อกันได้หลายชั่วโมงเพราะรู้สึกสนุกและพอใจ เหมือนกับว่าเราต้องหางานให้จิตเราจดจ่อ แล้วต้องรู้สึกพอใจในสิ่งที่ทำ ถึงจะทำได้นาน ณ จุด ๆ นี้หลวงพ่อช่วยแนะนำทีครับ
ตอบ : แนะนำว่าให้เอ็งพอใจเสียก่อน...ไม่ใช่ปีติ ถ้าไม่มีฉันทะ เราก็ไม่นึกอยากจะทำ ขาดวิริยะก็ไม่พยายามที่จะทำ ขาดจิตตะ กำลังใจไม่ปักมั่น จ้องแต่จะไปเล่นเกม ไม่ต้องพูดถึงวิมังสา ซึ่งเป็นการไตร่ตรองทบทวนการกระทำของตัวเอง แปลว่าอิทธิบาทของคุณพร่องตั้งแต่ต้นยันปลาย ไม่มีอะไรเหลือดีสักนิดเดียว แล้วจะไปหวังให้อะไรสำเร็จได้..!
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 04-07-2018, 17:25
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,523
ได้ให้อนุโมทนา: 215,909
ได้รับอนุโมทนา 736,835 ครั้ง ใน 35,895 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default

ถาม : ตามที่หลวงพ่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับหมอไสยศาสตร์ที่หลวงพ่อเคยโดนรุม ๓๐ ต่อ ๑ ตัวกระผมอยากทราบว่าหลวงพ่อใช้คาถาอะไร ? แล้วต้องมีสมาธิเข้าฌานระดับไหนถึงจะสู้ชนะหมอไสยศาสตร์ตั้ง ๓๐ คน ?
ตอบ : "โดนรุม ๓๐ ต่อ ๑ ตัว" ตูก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็น "ตัว" ลักษณะนามนี้ยินดีรับไว้...! ตอนนั้นมีอะไรก็ต้องงัดมาใช้ทั้งหมดแหละ ไม่อย่างนั้นก็โดนเขายำตาย ไม่ใช่มัวแต่ไปคิดอีกว่าจะใช้อะไร สถานการณ์เฉพาะหน้าตอนนั้นต้องการอะไรก็ต้องเอามาใช้ให้ทัน

ถาม : แล้วที่หลวงพ่อปล่อยผีกะเหรี่ยงไป ๓๐ กว่าตัว อยากทราบว่าหลวงพ่อปล่อยอย่างไรหรือครับ ?
ตอบ : ปล่อยแบบปล่อยผีไปนั่นแหละ

ถาม : ผมสงสัยมาก พวกหมอผีพวกนี้สามารถทรงฌานเสกคาถาและทำของขึ้นได้อย่างไร ? ในเมื่อท่านเหล่านี้นิวรณ์ ๕ ตัวโทสะยังเยอะอยู่ และเจตนาทำสมาธิเพื่อจะมุ่งทำร้ายคนอื่น โดยเฉพาะพระดี ๆ แบบหลวงพ่อ
ตอบ : เขาไม่ได้โง่เหมือนคุณ...! ตอนทำ รัก โลภ โกรธ หลง ของเขาไม่มี มีเฉพาะตอนไม่ได้ทำ
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:13



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว