|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕
ถาม : พระเจ้านั่งดินเขาว่าถ้าใครยกท่านขึ้นแท่นจะถูกฟ้าผ่า..?
ตอบ : ลองสิ..ถ้ายังไม่ได้ลองอย่าเพิ่งเชื่อ อย่างที่มัสยิดกรือเซะเขาลองจนกระทั่งต้องเชื่อ เขาบอกว่าเป็นคำสาปของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ที่ว่าถ้าพี่ชายไม่ยอมกลับไปหาพ่อแม่ที่เมืองจีน ก็ขออย่าให้ทำมัสยิดนั้นสำเร็จ เนื่องจากพี่ชายไปแต่งกับลูกสาวเจ้าเมืองปัตตานีที่เป็นอิสลาม พี่ชายก็เลยต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามไปด้วย พอน้องสาวเกลี้ยกล่อมพี่ชายให้กลับไม่ได้ อ้อนวอนแล้วไม่สำเร็จ จึงตัดสินใจผูกคอตาย ก่อนตายก็แช่งเอาไว้ให้สร้างสุเหร่าไม่สำเร็จ ปรากฏว่าสร้างสุเหร่าไม่สำเร็จจริง ๆ พอขึ้นโดมเมื่อไรก็ฟ้าผ่าเมื่อนั้น ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ต้องบอกว่าสุเหร่าคงจะอยู่ที่โล่ง แล้วยอดโดมที่เป็นรูปเดือนโอบดาวก็มักจะเป็นโลหะ เป็นสายล่อฟ้าอย่างดี แต่พอสิ้นลิ้มโต๊ะเคี่ยมไป คนอื่น ๆ อยากจะทำให้เสร็จ มาทำก็โดนฟ้าผ่าอีก ๒-๓ รอบ เขาก็เลยเข็ด ไม่กล้าทำกันต่อ นั่นเขาลองแล้ว เพราะฉะนั้นพระเจ้านั่งดินของเรา ถ้าใครอยากย้ายท่านขึ้นแท่นแล้วโดนฟ้าผ่า ก็ลองย้ายสัก ๓ ครั้งดู..! ถาม : (ไม่ได้ยิน) ตอบ : เป็นไปไม่ได้ แบบเดียวกับพระที่วัดท่าขนุน มีพระพุทธรูปหยกอยู่องค์หนึ่ง แกะจากหยกขาวตันทั้งแท่ง หน้าตักประมาณ ๓๐ นิ้ว พร้อมฐานบัว ลองนึกดูว่าน้ำหนักเท่าไร ? ปกติต้องใช้รถยกกัน แต่ตอนนั้นวัดท่าขนุนไม่มีรถยก ก็เลยต้องใช้วิธีอธิษฐานขอท่าน แล้วเอาพระจำนวน ๘ รูปยกท่านไป แต่พอตั้งเสร็จแล้วยกไม่ขึ้น เพราะว่าหยกก็คือหิน หินน้ำหนักเป็นตัน ๆ ปกติแค่ ๘ คนก็ยกไม่ไหวอยู่แล้ว แต่นี่ยกไหว ตั้งเข้าที่เสร็จสรรพเรียบแล้วจนป่านนี้ยังไม่มีใครขยับท่านได้เลย คาดว่าการย้ายครั้งใหม่คงต้องอาศัยบารมีรถยก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-11-2012 เมื่อ 14:41 |
สมาชิก 281 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ความจริงแล้วพระหยกองค์นี้เขาจะเอาไปถวายวัดวังก์วิเวการาม ของหลวงพ่ออุตตมะ เจตนาของผู้สร้างก็คือ ถวายไว้เป็นพระที่รักษาประเทศไทยทั้ง ๔ ทิศ ทางทิศตะวันตกเขาตั้งใจไปถวายไว้ที่วัดหลวงพ่ออุตตมะ แต่พอมาถึงวัดท่าขนุน อยู่ ๆ ก็เลี้ยวเข้ามาเฉยเลย สอบถามไปสอบถามมา เจอสังขารหลวงปู่สายมรณภาพแล้วไม่เน่าด้วย เขาจึงตัดสินใจถวายไว้ที่วัดท่าขนุน
ทางทิศใต้อาตมาลงไปเจอแล้ว อยู่ที่วัดตุยง (วัดมุจลินทวาปีวิหาร) ของหลวงปู่ดำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี แต่ของทางเหนือกับอีสานไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน เพราะยังไม่เจอ แต่พระหยกองค์ของวัดท่าขนุนใหญ่กว่าเป็นครึ่งเลย องค์อื่นเขาแกะเป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน หน้าตักอยู่ที่ ๑๕ - ๑๖ นิ้วเท่านั้น ส่วนของท่าขนุนหน้าตัก ๓๐ นิ้ว แล้วนึกดูว่าฐานต้องใหญ่เท่าไร ? ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของวัด ก็เลยอัญเชิญท่านตั้งเอาไว้ให้คนกราบไหว้ในศาลเจ้าที่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-11-2012 เมื่อ 14:42 |
สมาชิก 271 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยแนะนำว่า การสร้างศาลเจ้าที่อย่าสร้างให้เสียประโยชน์เปล่า ๆ สร้างให้หลังใหญ่เข้าไว้ พออัญเชิญเจ้าที่ท่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ขออนุญาตใช้เป็นกุฏิพระไปด้วย โดยเฉพาะในศาลเจ้าที่ ให้อัญเชิญพระพุทธรูปเข้าไปตั้ง โดยตั้งใจว่าทุกครั้งที่เรากราบพระ เท่ากับเราแสดงความเคารพเจ้าที่ไปด้วย ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย เราเองก็ได้กราบพระเป็นอนุสติ เจ้าที่ท่านก็พอใจที่เราแสดงความเคารพ
อาตมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษีก็สร้างศาล ๘ เหลี่ยมหลังเบ้อเร่อ พอไปอยู่ที่วัดท่าขนุนก็สร้างศาลเป็นกุฏิ เพราะฉะนั้นเรื่องบางอย่าง ถ้ามีครูบาอาจารย์ท่านสอนให้เราจัดการ ของยากก็กลายเป็นของง่าย ทำแล้วก็ได้ประโยชน์มากด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-11-2012 เมื่อ 14:42 |
สมาชิก 272 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในส่วนของการสร้างพระพุทธรูปทองคำต้องวางโครงการระยะยาว เพราะว่าถ้าไปรอตอนนั้นบางทีอาจจะทำไม่ไหว ต้องดำเนินการล่วงหน้าจะได้ไม่เครียด
ทองคำที่หล่อพระต้องใช้ประมาณ ๔๐ กิโลกรัม ทอง ๔๐ กิโลกรัมนี่เททิ้งไปเป็นครึ่ง เพราะว่าเขาต้องต่อท่อชนวน เพื่อจะให้น้ำทองแล่นถึงกันให้ทั่ว ถ้าไม่มีชนวนก็จะเป็นฟองอากาศ กลวงโบ๋อยู่ข้างใน ทองส่วนที่เททิ้งไปนั่นแหละเยอะมาก ก็เลยกลายเป็นว่าต้องใช้เงินเป็น ๑๐ ล้านบาท เรามีเวลาดำเนินการแค่ ๖ ปี ได้เงินปีละล้านยังไม่พอใช้จ่ายเลย อาตมาไม่ค่อยชอบเสี่ยงอะไร เพราะแก่แล้ว..เหนื่อย..เอาแบบประกันความเสี่ยงดีกว่า ค่อย ๆ เก็บสะสมไปก็แล้วกัน สมัยหลวงปู่พุก อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ท่านก็มีพระพุทธรูปรัชกาล ๒ องค์ กับธรรมาสน์ทรงบุษบกฝีมือช่างหลวง ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานให้ เป็นผลงานที่อยู่ยั้งยืนยงมาจนทุกวันนี้ ถ้าเราจัดพิพิธภัณฑ์ก็ต้องบันทึกไว้ว่าในหลวงรัชกาลที่ ๗ ถวายแก่หลวงปู่พุก สมัยหลวงปู่เต๊อะเน็งท่านร่วมกับหลวงพ่ออุตตะมะ สร้างมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทสี่รอยจำลอง มาชำรุดหมดสภาพสมัยท่านอาจารย์สมเด็จ อาตมาเพิ่งบูรณะขึ้นมาใหม่ นี่ก็เป็นผลงานคู่วัดของท่าน พอมาถึงสมัยหลวงปู่สาย ท่านสร้างเจดีย์พระพุทธเจติยคีรี บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนยอดเขา เป็นเจดีย์ที่คนทั้งอำเภอต้องมาไหว้ แล้วก็สร้างสะพานแขวนหลังวัด นั่นก็เป็นผลงานชั่วฟ้าดินสลายของท่านเหมือนกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 26-02-2019 เมื่อ 12:10 |
สมาชิก 274 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
"พอมารุ่นของท่านอาจารย์สมเด็จฯ สร้างพระเจดีย์ ๘๔ พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ก็อยู่ยั้งยืนยงมาจนทุกวันนี้ สมัยท่านอาจารย์สมพงษ์ ก็ร่วมมือกับท่านป๊อบช่วยกันสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๘ ศอกบนยอดเขา ถึงแม้จะไม่สำเร็จเสร็จสิ้นเรียบร้อย ทำให้อาตมาต้องควักจ่ายไปหลายแสนถึงจะเสร็จก็ตาม แต่ถือว่าเป็นผลงานในยุคของท่าน
พอมาถึงรุ่นของอาตมา ต้องมาปรับปรุงของเก่า ของใหม่ที่จะทำก็ต้องดูสถานที่ เพราะบางวัดสร้างถาวรวัตถุแล้วไม่ได้ดูสถานที่ ทำจนรกรุงรังไปหมด ท้ายสุดก็เลยคิดว่า ถ้าอยู่ถึง ๖๐ ปีก็หล่อพระทองคำสักองค์หนึ่งไว้ให้เขาบูชาตลอดไป ให้เป็นพระสำคัญคู่วัดท่าขนุนอีกหนึ่งองค์ ผลงานของอาตมาอย่างน้อย ๆ สมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอกนี่มีแล้วแน่ ๆ ใครอยากไหว้องค์ใหญ่ก็ข้างหน้าถนน อยากไหว้องค์เล็กก็เข้าไปในวัด จบแค่นั้น บูรณะเสร็จสรรพทุกอย่างเรียบร้อยก็นอนตีพุงได้ ไม่อย่างนั้นไม่มีโอกาสตีพุงเสียที ทำแต่งานจนพุงหายหมด..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 26-02-2019 เมื่อ 12:12 |
สมาชิก 275 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ถาม : ไปหาพระอาจารย์ขอลาสึก พระอาจารย์ไม่ยอมให้สึก เลยมาบ่นกับเพื่อนว่าอยากจะสึก แล้วก็กล่าวคำขอลาสึกเป็นภาษาบาลี อย่างนี้ถือว่าขาดความเป็นพระแล้วหรือยัง ?
ตอบ : อย่างนี้ถือว่ายังไม่ขาด เหตุที่ถือว่ายังเพราะว่าเป็นแค่การปรารภว่าจะสึก ถ้าอยากจะสึกจริง ๆ ต้องบอกกับเพื่อนไปให้ชัดเจนเลยว่า “ผมจะสึกแล้ว คุณช่วยเป็นพยานให้ผมหน่อย” ถ้าอย่างนั้นก็ขาดแน่ แต่ถ้าแค่บ่นน้อยใจครูบาอาจารย์ ก็บ่นไปเถอะ บ่นไปอีกหลายชาติก็ไม่ขาดความเป็นพระหรอก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-11-2012 เมื่อ 14:57 |
สมาชิก 271 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "วันที่ ๓๑ ตุลาคม ตอนช่วงเช้ามีตักบาตรเทโวฯ ญาติโยมที่มาแต่ละคนแขวนเหรียญหลวงปู่สายมาทั้งนั้นเลย พวกรุ่นเก่า ๆ อายุ ๗๐ - ๘๐ ปีห้อยเหรียญรุ่น ๑ เลี่ยมทองฝังเพชรอย่างดี พวกรุ่นหลัง ๆ ก็ห้อยเหรียญข้าวหลามตัดฉลองพระเจดีย์ แบบเดียวกับที่เอาออกมาให้บูชาในเว็บ เลี่ยมทองบ้าง เลี่ยมเงินบ้าง ใส่มาอวดกัน
อาตมายังแหย่เขาเล่น ๆ ว่า “ของที่ใส่บาตรไม่อยากได้หรอก อยากได้ที่แขวนคอนั่น ไม่ใส่มาบ้างหรือ ?” ชาวบ้านเขาอยากเห็นงานตักบาตรเทโวฯ เพราะเป็นงานเดียวที่พระอาจารย์จะคุยเล่นด้วย ปกติพระอาจารย์เอาแต่ด่าอย่างเดียว..! อาตมาจะไม่คุยกับเขาก็ไม่ได้ เพราะแดดร้อนขนาดนั้น แล้วเขารอกันเป็นชั่วโมง ๆ กว่าจะลงมาถึง อย่างน้อย ๆ สอบถามสารทุกข์สุกดิบก็ยังดี ไม่ใช่ว่ามายืนรอเป็นชั่วโมงแล้วพระอาจารย์ยังหน้าบูดเป็นตูดลิงอีก..! เพราะฉะนั้นตักบาตรเทโวฯ จะเป็นงานเดียวที่เขาจะได้เห็นพระอาจารย์ใจดี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-11-2012 เมื่อ 14:59 |
สมาชิก 275 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
ถาม : พระพุทธรูปทองคำที่จะหล่อ ?
ตอบ : เป็นโครงการอีก ๖ ปีข้างหน้า ค่อย ๆ สะสมทองไปเรื่อย อาตมากำลังตัดสินใจอยู่ว่า จะหล่อเป็นพระยืนหรือพระนั่ง ? ถ้าพระยืนก็เป็นปางลีลาแบบพุทธมณฑล ถ้าพระนั่งก็คาดว่าจะเป็นแบบพระพุทธชินราช ไม่แน่เหมือนกัน...อีกตั้ง ๖ ปี อาจจะเปลี่ยนใจเมื่อไรก็ได้ ถ้าเปลี่ยนใจแล้วองค์ใหญ่ขึ้นก็เฮงอีก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-11-2012 เมื่อ 15:00 |
สมาชิก 274 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการเมืองบ้านเราไม่ดีตรงที่ว่า หักโค่นกันชนิดจะฆ่ากันให้ตาย เราลองมาดูอย่างอเมริกาที่จะเลือกตั้งอยู่อีก ๑ - ๒ วันนี้ ประธานาธิบดีโอบามา กับมิตต์ รอมนีย์ เขาอยู่คนละพรรค เป็นคู่แข่งกัน แต่เขาจะหักโค่นกันเฉพาะในช่วงหาเสียงเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็ทำงานร่วมกัน
อย่างรัฐบาลที่แล้ว คู่แข่งเขาก็คือฮิลลารี คลินตัน พอโอบามาขึ้นเป็นประธานาธิบดี ก็ตั้งฮิลลารีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เขาทำงานร่วมกันได้ แต่บ้านเราไม่ได้ แล้วที่ไม่ได้นี่เพิ่งจะไม่ได้ในระยะไม่กี่ปีนี้เท่านั้น ก่อนหน้านี้เราจะเห็นแต่พวกปลาไหลใส่สะเก็ต ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ตีกันจะตาย ด่ากันอยู่ในสภาชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ แต่ออกมาข้างนอกก็จับมือดีกัน ไปกินข้าวด้วยกัน ไปคุยกันได้ ถึงเวลาตั้งรัฐบาลใหม่ก็ผสมพันธุ์กันได้ ลักษณะนี้จริง ๆ เป็นการแสดงออกถึงความเจริญทางจิตใจมากกว่า แม้ว่าในสายตาชาวบ้านจะเห็นว่าไม่อยู่กับร่องกับรอยก็ตาม แต่ระยะนี้ไม่ได้เลย ตั้งแต่เขาแบ่งสีนี่แทบจะฆ่ากันตาย กลายเป็นศัตรูถาวรไปเลย ทำให้บ้านเราเมืองเราติดหล่ม อย่างที่ ศ.ดร.กฤษณ์ เพิ่มทันจิตต์ บอกว่า "หล่มแห่งความทุกข์" ท่านว่าเอาไว้ ๖ - ๗ หล่ม พอมาติดหล่มแล้วก้าวข้ามไม่ได้ ประเทศชาติก็เจริญไม่ได้สักที เราจะเห็นว่าสารพัดโครงการโดนยื่นตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา ทำให้การบริหารช้า การตรวจสอบนั้นดีอยู่ ช่วยทำให้โปร่งใส แต่หลายอย่างเหมือนกับตั้งใจจะขัดคอ ทำให้ทุกอย่างเป็นไปโดยยาก แทนที่ชาวบ้านจะได้รับประโยชน์เร็ว ๆ ก็ต้องมานั่งรอแล้วรอเล่า"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-11-2012 เมื่อ 15:02 |
สมาชิก 267 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
ถาม : หนังสือกรรมฐาน ๔๐ ของพระอาจารย์ ?
ตอบ : ความจริงหนังสือเล่มนี้ถ้าได้ฟังเสียงจะดีที่สุด เพราะเป็นการนำปฏิบัติจริง ๆ แล้วเขาถอดเสียงมา ช่วงนั้นอาตมาไปบูรณะวัดทองผาภูมิ พระเณรก็อุตส่าห์ตามไปตกระกำลำบากด้วย ไม่รู้ว่าจะตอบแทนพวกเขาอย่างไร ตอนเช้า ๆ ช่วงตี ๔ ก็เลยเทศน์สอนสักครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยเข้าสู่การปฏิบัติและทำวัตรเช้า มีเท่าไรก็เทหมดกระเป๋า โดยเฉพาะ ๓ - ๔ บทแรก ๆ ถ้าคนอ่านแล้วสังเกตจะเห็นว่า เป็นการรวมกรรมฐาน ๔๐ อยู่ใน ๓๐ นาที ซึ่ง ๓๐ นาทีนั้น ๔๐ หัวข้อมีเกือบครบ..! แต่น่าเสียดายว่า ๓ วันแรกเขาไม่ได้บันทึกไว้ มาเริ่มบันทึกวันที่ ๔ เขาคงคิดว่าอาจารย์จะสอนแค่ ๑ - ๒ วันเหมือนเดิม แล้วก็ไม่มีเวลาสอนอีก ถาม : หาโหลดฟังได้ที่ไหนคะ ? ตอบ : สามารถโหลดไฟล์เสียงได้ที่เว็บพลังจิต
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2012 เมื่อ 10:12 |
สมาชิก 265 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "กฐินวัดท่าขนุนปีนี้ได้ยอด ๑,๗๐๐,๐๐๐ กว่าบาท แบ่ง ๓ วัดแล้วได้ ๕๗๕,๐๐๐ กว่าบาทต่อวัด ปกติวัดท่าขนุนจะมียอดเงินกฐินสูงกว่าวัดอื่น เพราะจะมีบางท่านระบุเจาะจงว่าทำบุญเฉพาะวัดท่าขนุน แต่ปีนี้เจ้าหน้าที่ดูแลเงินเป็นมือใหม่หัดขับ แกะซองรวมกันหมดเลย แถมยังทิ้งซองไปแล้วด้วย สรุปก็คือต้องเอา ๓ หาร ได้ไปเท่า ๆ กัน..
ยุติธรรมดีมาก..! กฐินวัดท่าขนุนได้เงินล้านหรือเกินล้านให้เขาอิจฉาเล่น ๆ ไปอย่างนั้นแหละ เพราะว่าต้องแบ่งกันหลายวัด พอแบ่งกันแล้วก็เหลือไม่มาก ปีที่แล้วยังแบ่ง ๔ วัดอยู่เลย ปีนี้ถ้าแบ่ง ๔ วัดเหมือนเดิมจะได้วัดละ ๔ แสนนิด ๆ แต่คราวนี้พระครูแสงท่านยกวัดถ้ำทะลุให้คนอื่นไปบริหารดูแล ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้เข้ามาหา ไม่ได้มาขอความช่วยเหลืออะไร ก็เลยปล่อยให้ท่านทำหน้าที่ของท่านไปกันเอง แต่ท่านรื้อป่าที่อาตมารักษาเอาไว้เสียโล่งไปเลย ตอนนี้ใครไปก็บ่นว่าร้อน ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะว่านโยบายของเจ้าอาวาสแต่ละท่านไม่เหมือนกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2012 เมื่อ 10:12 |
สมาชิก 257 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
"คุณหมอทศพร เสรีรักษ์ อดีตส.ส.จังหวัดแพร่ ๓ สมัย บอกว่าพอเป็น ส.ส. เข้าไปในบางวัดแล้ว เพิ่งจะรู้ว่านรกมีจริง “ท่านเทคอนกรีตหมดเลย ร้อนเสียจนไม่มีที่จะหลบ” ไปงานศพญาติ อยู่ในอาคารศาลาตั้งศพที่ไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศ ถึงเวลาลมพัดเข้ามาร้อนผ่าวเลย
วัดท่าขนุนตอนนี้ ถ้าขึ้นยอดเขามองลงมาแล้วจะซึมไปเลย เพราะมีสีเขียวแค่ขอบวัดจริง ๆ นอกขอบวัดไปนั้นล้านเลี่ยนเตียนโล่งหมดแล้ว สรุปว่าพื้นที่สีเขียวยังมีอยู่บริเวณวัดเท่านั้น ตรงไหนเขียว ๆ ตรงนั้นเป็นวัด พ้นวัดไปก็หมด ชาวบ้านรื้อกันราบ..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2012 เมื่อ 02:54 |
สมาชิก 251 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีคนลืมกุญแจ บัตรโรงพยาบาล บัตรบิ๊กซี ทิ้งไว้ที่นี่ พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า ตระกูลที่มั่งคั่งจักตั้งอยู่ไม่นาน ด้วยเหตุ ๔ ประการคือ หนึ่ง..ของหายไม่หา สอง..ของคร่ำคร่าไม่บูรณะ สาม..ใช้สอยโภคทรัพย์แบบไม่มีประมาณ สี่..ตั้งผู้ทุศีลเป็นใหญ่ในเรือน ถ้าแบบนี้เจ๊งแน่นอน..!
นี่ขนาดประกาศหาเจ้าของอยู่ทุกเดือน ยังหาไม่เจอ สงสัยไปทำกุญแจใหม่เรียบร้อยแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2012 เมื่อ 02:55 |
สมาชิก 262 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
ถาม : คู่บารมีของเรา....(ไม่ได้ยิน)...
ตอบ : คุณไม่ต้องไปสนใจหรอก ตบมือข้างเดียวดังเสียเมื่อไร ยกเว้นคุณดันยื่นหน้าไปให้เขาตบ..! เรื่องของคู่บารมี จะมีวาระของเขาอยู่ ถ้าเราสามารถตื๊อจนเลยวาระไปได้ เขาก็จะหมดอิทธิพลไปเอง ก่อนหน้านี้ประเภทเห็นแล้วทนอยู่ไม่ได้ ต่อไปจะเห็นแล้วตายด้าน มีแค่ช่วงวาระกรรมนั้นเท่านั้น ถ้าวาระกรรมที่เนื่องกันมาผ่านไปก็จบเลย อาตมาเจอมาหลายคู่เต็มทีแล้ว ยังเอาไปไม่ได้สักคน อาตมาไม่ได้เก่งหรอก เพียงแต่ว่าเป็นประเภทอย่างไรก็ไม่ไป ปากแข็งแล้วใจต้องแข็งด้วย ถ้าปากแข็งแล้วใจอ่อนก็เจ๊ง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2012 เมื่อ 02:56 |
สมาชิก 262 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนนี้บ้านเมืองเราก็คงวุ่นวายนิดหน่อย เกิดจากคนกลัวว่าประเทศเราจะเจริญเกินไป ประเภทมือไม่พายแล้วยังเอาตัวราน้ำ ตีนราน้ำยังเล็กไป ก็ถือว่าวาระกรรมของประเทศยังหนักอยู่
ที่สำคัญที่สุดคือในหลวง การสร้างพระขรรค์โสฬส ๘๔ พรรษาธรรมิกราชเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว ปัจจัยที่ได้ก็นำไปสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก ถวายเป็นพระราชกุศลไปแล้ว เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือ กำลังบุญที่ได้มาเมื่ออุทิศถวายไปแล้ว เพียงพอที่จะค้ำให้พระองค์ท่านอยู่ถึง ๙๐ หรือเปล่า ? ตอนนี้หลักชัยไกลเหลือเกิน คนแก่อายุ ๘๕ สุขภาพชำรุด หวังจะให้อยู่ถึง ๙๐ ปี ต้องหวังกันแค่วันต่อวันเท่านั้น ถ้าถึงวาระนั้นก็ไม่รู้จะทำอะไรเพื่อที่จะค้ำให้พระองค์ท่านอยู่ต่อไป ต้องแล้วแต่พระท่านจะเมตตาสงเคราะห์ แต่ว่างานนี้คณะทำงานพระขรรค์โสฬสฯ เดี้ยงกันทุกคน ฝ่ายตรงข้ามเขาไม่ยอม ฝ่ายเรามีพรหมเทวดาสนับสนุน ฝ่ายเขาก็มีพรหมเทวดาสนับสนุน อยู่ในลักษณะว่าเทวดาประจำตัวของใครของมัน เมื่อส่วนกุศลที่ส่งผลให้พวกเขายังมีอยู่ เราพยายามฝ่าอกุศลที่กำลังต้านอยู่ เราก็ต้องรับเละไปเอง..! อาตมาเองต้องไปโดนผ่าตัด เสียเลือดเสียเนื้อส่งท้ายปีเก่าเอาดื้อ ๆ ไม่ได้คิดว่าจะโดนก็โดน แต่ก็ดีใจว่างานที่แทบจะยากเข็ญที่สุดก็สามารถเข็นจนผ่านไปได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2012 เมื่อ 02:59 |
สมาชิก 258 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนหลับแล้วฝันไปว่า เกมการเมืองในบ้านเราจะรุนแรงถึงขนาดต้องฆ่าบุคคลสำคัญบางคนเพื่อใส่ความอีกฝ่ายหนึ่งก็จะทำ ถ้าเป็นอย่างในฝันนี่น่าเกลียดมาก
อีกอย่างหนึ่งก็ดาวพฤหัสบดีโดนดาวบาปเคราะห์ตรึงอยู่ ดาวพฤหัสบดีส่วนใหญ่เขาหมายถึงพระผู้ใหญ่ คาดว่าพระผู้ใหญ่สำคัญ ๆ ในบ้านเมืองของเรา ปีหน้าจะถึงวาระของท่านแล้ว..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2012 เมื่อ 02:59 |
สมาชิก 255 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "บวชหมดเลยทั้งผู้หญิงผู้ชายใช่ไหม ? น่าคิดเหมือนกันนะ บวชเสร็จแล้วถ้าคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว พร้อม ๆ กันนี่สาหัสเลย ควบคุมยากนะ..โดยเฉพาะความคิด เราอยู่ในสภาพนักบวช การทำดีทำชั่วด้วย กาย วาจา ใจ ผลจะคูณเป็นแสนของคนทั่วไป ถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในด้านดีได้นี่ก็สาหัสเลย..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2012 เมื่อ 03:00 |
สมาชิก 267 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
ถาม : ลูกสาว ๖ กับ ๙ ขวบ ทุกวันนี้นั่งสมาธิ ทำแต่สมถภาวนา ถ้าจะให้เริ่มวิปัสสนาจะเร็วไปไหมคะ ?
ตอบ : ก็บอกเขาไปสิ "ให้หนูคิดว่าเราต้องตายแน่ ๆ ในเมื่อเราจะตาย เราก็ต้องรีบเกาะพระเอาไว้" นั่นแหละวิปัสสนา เอาตายไว้ก่อน ให้คุ้นกับความตายไว้ก่อน พอคุ้นแล้วโตไปหน่อยเริ่มติดสวยติดงาม ก็ค่อยเอาเรื่องของความสกปรกมาให้ดู
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2012 เมื่อ 09:46 |
สมาชิก 250 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
ถาม : ในฤกษ์พรหมประสิทธิ์ ตั้งศาลใช้ฤกษ์เดียวกับขึ้นบ้านใหม่เลยหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ตั้งศาลใช้วันพฤหัสบดี ถ้าขึ้นบ้านใหม่ใช้วันศุกร์ เพียงแต่ว่าเป็นฤกษ์เดือนคู่ข้างขึ้นเหมือนกัน ถาม : ต้องแยกวันกันหรือคะ ? ตอบ : ถ้าจำเป็นก็ทำวันเดียวไปเลย พฤหัสบดีข้างขึ้นเดือนคู่ เช่น เดือนยี่ เดือน ๔ เดือน ๖ เดือนแปดข้างขึ้น และเดือน ๑๒ เดือนคู่เขาไม่นิยมใช้เดือน ๘ ข้างแรมและเดือน ๑๐ เพราะอยู่ในพรรษา ช่วงเข้าพรรษานี่ต้องงดตั้งศาลโดยเด็ดขาด เพราะเทวดาไปจำศีล โดยเฉพาะท่านที่ไปจำศีลที่เมืองบาดาล ถึงเวลาขึ้นมา อยากให้เขาโมทนาก็ปรากฏแสงให้เขาเห็น คนก็ดันไปเรียกท่านว่า บั้งไฟพญานาค วิทยาศาสตร์บอกว่าเป็นซากพืชซากสัตว์ที่ทับถมกันจนเป็นแก๊ส พอถึงเวลากระทบออกซิเจนก็เลยติดเป็นไฟ แต่เขาสงสัยว่าแก๊สรู้ได้อย่างไร ว่าวันไหนเป็นวันออกพรรษา ? นี่เป็นปัญหาที่วิทยาศาสตร์ตอบไม่ได้ พยายามเอาหลักวิทยาศาสตร์ไปอธิบาย แต่ตัวเองเข้าไม่ถึง ก็เลยอธิบายแล้วมีข้อให้ถกเถียงได้ ในเมื่อมีข้อให้ถกเถียงได้ก็ยังตั้งเป็นทฤษฎีไม่ได้ ถึงตั้งเป็นทฤษฎีได้ แต่ถ้ามีข้อพิสูจน์ว่าไม่ถูกต้อง ก็สามารถล้มเลิกได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2012 เมื่อ 09:47 |
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
พระพุทธเจ้าของเรานั้น พระองค์ท่านเป็นสุดยอดตรงที่คำสอนของพระองค์ท่านไม่ใช่ทฤษฎี ไม่ใช่ปรัชญา ไม่ต้องมานั่งเถียงกัน คำสอนของพระองค์ท่านเป็นอริยสัจ เป็นความจริงแท้ ๆ พิสูจน์เมื่อไรก็ใช่เลย เพราะฉะนั้น..ทำตามอย่างเดียว มัวแต่ไปนั่งเถียงกันอยู่ก็ไร้ประโยชน์
เทคโนโลยีนั้นดี แต่เนื่องจากของดีก็เลยก้าวหน้าเร็ว อย่างของบางอย่างเพิ่งจะซื้อก็ตกรุ่นไป ๔ รุ่นแล้ว เพิ่งเอาออกมาขายแท้ ๆ นั่นแหละ สมมติตอนนี้ iPhone ๕ ของจริงออกไปถึงรุ่น ๙ แล้ว แต่เขาเพิ่งปล่อยรุ่น ๕ มาขาย ถ้าเขาขายรุ่น ๙ เลย รุ่น ๕-๖-๗-๘ ก็ขายไม่ได้ เขาจึงเลยต้องใช้วิธีขายทีละรุ่น แต่ออกแบบล่วงหน้าไว้ ๔ รุ่นแล้ว เรายังไม่ทันซื้อก็ตกรุ่นไปแล้ว อะไรที่ออกใหม่ ๆ อย่าไปใจร้อนรีบซื้อ ปล่อยไปสัก ๔ - ๖ เดือน เดี๋ยวราคาก็ลดเหลือไม่ถึงครึ่ง ปล่อยให้เขาไปเห่อกัน ให้คนอื่นเป็นหนูทดลองไปก่อน ว่าเครื่องสมบูรณ์จริงหรือเปล่า ถ้าไม่สมบูรณ์ มีข้อบกพร่องอะไร เขาแก้ไขมาเราค่อยใช้ของที่แก้ไขแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยอมกันไม่ได้ สักกายทิฐิสูง “กูต้องได้ก่อน” ไปเข้าคิวจองกันยาวเป็นกิโลเมตรเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2012 เมื่อ 09:49 |
สมาชิก 253 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|