กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-01-2018, 08:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,147 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๑

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ สำหรับวันนี้เรื่องที่อยากบอกกับพวกเราก็คือ ในการปฏิบัติธรรมนั้น นอกจากเราจะต้องสำรวมอินทรีย์ มีความระมัดระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเรา เพื่อไม่ให้สิ่งที่เราทำได้รั่วไหลไปจนหมดสิ้นแล้ว เรายังต้องชำระจิตของตนให้ผ่องใสจากกิเลส

ซึ่งจะว่าไปแล้วหน้าที่ของเรานั้นก็มีอยู่เพียงว่า พิจารณาดูว่าสภาพจิตของเราตอนนี้มีความชั่วเกิดขึ้นหรือไม่ ? ถ้าหากว่ามีก็ขับไล่ออกไป แล้วระมัดระวังไว้อย่าให้ความชั่วนั้นเข้ามาอีก สภาพจิตของเราตอนนี้มีความดีอยู่หรือไม่ ? ถ้ายังไม่มีก็สร้างให้มีขึ้นมา ถ้ามีอยู่แล้วก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

คราวนี้เรามาพิจารณากำลังใจของเราว่ามีความชั่วเกิดขึ้นหรือไม่ ? เราจะอาศัยอะไรเป็นตัววัด ก็ให้ดูจากนิวรณ์ทั้ง ๕ เป็นตัววัด นิวรณ์ ๕ ประกอบไปด้วย กามฉันทะ ความพอใจในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ ทำให้เราคิดถึง ทำให้เราพูดถึง ทำให้เรากระทำแต่เรื่องทั้งหลายเหล่านั้น

พยาบาท คือ ความโกรธเกลียดอาฆาตแค้นคนอื่น เป็นการผูกโกรธ เหมือนเอาไฟมาเผาใจของตนเอง ถีนมิทธะ เกิดความง่วงเหงาหาวนอน ขี้เกียจปฏิบัติ อุทธัจจะกุกกุจจะ คือความฟุ้งซ่าน หงุดหงิด รำคาญใจที่มานั่งปฏิบัติธรรม วิจิกิจฉา คือความลังเลสงสัยว่า การปฏิบัตินี้จะมีผลดีจริงหรือไม่ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2018 เมื่อ 13:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-01-2018, 09:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,147 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่านิวรณ์ทั้ง ๕ เกิดขึ้นในใจของท่านทั้งหลาย ก็แปลว่าความชั่วได้เกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องหาทางระงับยับยั้ง ขับไล่ออกไปจากใจของเราให้ได้

วิธีที่จะระงับยับยั้ง ขับไล่นิวรณ์ออกไปจากใจของเราได้ ก็คือให้ความรู้สึกของเราอยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับอานาปานสติ หายใจเข้าพร้อมกับคำภาวนา หายใจออกพร้อมกับคำภาวนา ถ้าสภาพจิตของเราไม่หลุดไปจากตรงนี้ นิวรณ์ทั้งหลายก็เกิดขึ้นไม่ได้ แต่ถ้าสภาพจิตหลุดออกไปเมื่อไร นิวรณ์ทั้งหลายก็จะเกาะกินเราทันที

ก็แปลว่าในเบื้องต้นของการชำระจิตใจให้สะอาดนั้น เราจะละทิ้งลมหายใจเข้าออกไม่ได้ เพราะว่าเป็นตัวสร้างกำลัง ช่วยกางกั้นไม่ให้กิเลสเข้ามาเกาะกินใจของเราได้ นอกจากนั้นยังเป็นพื้นฐานของปัญญาที่จะช่วยชำระสะสางกิเลสต่าง ๆ ในใจของเราอีกด้วย

ในส่วนของกิเลสที่ละเอียดยิ่งขึ้นไป ก็ต้องพิจารณาจากสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ก็คือ สักกายทิฏฐิ เรามีความเห็นว่า ร่างกายนี้เป็นตัวเราของเราหรือไม่ ? วิจิกิจฉา เรามีความลังเลสงสัยไม่มั่นใจในคุณพระรัตนตรัยหรือไม่ ? สีลัพพตปรามาส เรารักษาศีลบ้าง ทำศีลขาดบ้างหรือไม่ ?

กามฉันทะ เรามีความพอใจในเรื่องระหว่างเพศ จนตัดไม่ได้ละไม่ได้หรือไม่ ? ปฏิฆะ กำลังใจของเราเมื่อกระทบกับรูป เสียง กลิ่น รสสัมผัส เราเกิดความไม่ยินดี ไม่พอใจได้ง่ายหรือไม่ ? รูปราคะ กำลังใจของเรายึดมั่นในสมาธิภาวนาของเรา โดยที่ไม่ได้เห็นว่าสมาธิภาวนาเป็นเพียงเครื่องพาเราก้าวข้ามกองทุกข์หรือไม่ ? อรูปราคะ กำลังในของเรายึดมั่นในอรูปฌานหรือในส่วนของฌานไร้รูปทั้งหลาย จนกระทั่งไม่ใส่ใจถึงทางพ้นทุกข์ไปสู่พระนิพพานหรือไม่ ?

มานะ เรามีความถือตัวถือตน แบกอยู่เต็มตัวหรือไม่ ? หลายคนแบกมานะอยู่โดยที่ไม่รู้ตัวก็มี แบกมานะอยู่ประเภทที่ว่า ถ้าครูบาอาจารย์ของฉันต้องคนนี้เท่านั้น คนอื่นไม่ใช่ หรือถ้าฉันจะเรียกหลวงพ่อ ต้องหลวงพ่อของฉันเท่านั้น พระรูปอื่นไม่ใช่ ลักษณะนี้เป็นการแบกมานะ คือความถือตัวถือตนอย่างเต็มเปี่ยม

อุทธัจจะ มีความฟุ้งซ่านอยู่หรือไม่ ? แม้กระทั่งฟุ้งในการทำความดีก็จัดเป็นความฟุ้งซ่านเช่นกัน อวิชชา ยังเป็นผู้ยินดียินร้ายในสิ่งต่าง ๆ โดยง่ายหรือไม่ ? ถ้ายินดีก็คือราคะ ยินร้ายก็คือโทสะ แปลว่าเราเสียท่าทั้งขึ้นทั้งล่อง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2018 เมื่อ 09:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-01-2018, 22:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,147 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าพิจารณาเห็นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ว่ามีในใจของเรา ก็พยายามตัด พยายามละ พยายามวางลงไปเรื่อย ๆ ขัดเกลาตนเองไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสภาพจิตของเราผ่องใสเบาบางจากกิเลสหยาบ กิเลสปานกลาง และกิเลสละเอียดทั้งหลาย จนมองเห็นชัดเจนว่าร่างกายนี้ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา ร่างกายของคนอื่นก็ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา

ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อนนี้ เราไม่ต้องการอีก ถ้าหากว่าตายลงไปเมื่อไร ที่ไปของเรามีแห่งเดียวคือพระนิพพาน

ขอให้ทุกคนทบทวนขัดเกลาตนเองลักษณะอย่างนี้เอาไว้เสมอ ๆ จะได้มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติ ถ้าหากว่าสติสมาธิปัญญาของเราสมบูรณ์พร้อม จะได้ก้าวเข้าสู่พระนิพพานดังที่ใจปรารถนา

ลำดับต่อไปขอให้ทุกคนภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2018 เมื่อ 03:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:10



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว