กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 10-04-2012, 19:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,354 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕

ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตัวเองจ้ะ ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติเอาไว้อยู่กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้า หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความชำนาญมาก่อน

การที่เราต้องตั้งกายให้ตรงเวลานั่งนั้น เพราะว่าถ้าเราเผลอนั่งหลังงอ ก็จะง่วงโงกได้ง่าย ถ้าเราตั้งกายตรงขึ้นมา สติสัมปชัญญะก็จะอยู่เฉพาะหน้า ถีนมิทธะ คือความง่วงเหงาหาวนอนก็จะรบกวนเราได้ยาก

สำหรับวันนี้คือวันที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีเถาะ สำหรับวันนี้เป็นวันสำคัญของประเทศไทยคือวันจักรี เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนาราชวงศ์จักรีขึ้นมา เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๓๒๕ ล่วงเลยมา ๒๓๐ ปีพอดี

วันนี้มีญาติโยมจำนวนมากด้วยกันที่มาถวายสังฆทาน โดยระบุว่าขออุทิศส่วนกุศลให้แก่องค์บุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ตลอดจนกระทั่งบรรดาท่านผู้ที่ปกป้องดูแลรักษาประเทศไทยมาตั้งแต่อดีตจนกระทั่งสมัยปัจจุบัน เมื่อได้ยินดังนั้นอาตมาก็เกิดความยินดีขึ้นในใจว่า บรรพบุรุษของเรา โดยเฉพาะองค์ในหลวงทั้ง ๙ รัชกาลของราชวงศ์จักรี ที่ทุ่มเทเพื่อประโยชน์สุขของชนชาวไทยมาตั้งแต่ต้น สิ่งที่พระองค์ท่านบำเพ็ญกรณียกิจมานั้น มีประชาชนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และได้แสดงกตเวทีด้วยการบำเพ็ญบุญ แล้วถวายเป็นพระราชกุศลแด่ทุก ๆ พระองค์

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราจะเห็นได้ชัดว่า ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสว่า นิมิตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี ภูมิ เว สปฺปุริสานํ กตญฺญูกตเวทิตา ความรู้คุณท่านและกระทำคุณตอบนั้น เป็นพื้นฐานของคนดี

ดังนั้น..เมื่อพวกเราเป็นบุคคลที่ปฏิบัติธรรม ให้ระมัดระวังตรงจุดนี้ให้จงหนักว่า ตัวเราเมื่อทำความดีแล้ว เรามุ่งแต่เอาดีอย่างเดียว โดยไม่ใส่ใจบุคคลอื่นหรือเปล่า ? เราปฏิบัติตนต่อพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย อย่างไร ? เราปฏิบัติตนต่อครูบาอาจารย์อย่างไร ? สมควรต่อเพศภาวะของตนหรือไม่ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2012 เมื่อ 02:57
สมาชิก 83 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 11-04-2012, 07:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,354 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมาอยากจะยกตัวอย่างครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง คือ หลวงปู่พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ หรือหลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทราวาส หลวงปู่มหาอำพันนั้นแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ครูบาอาจารย์และผู้มีพระคุณ โดยการที่เมื่อบำเพ็ญกุศลทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ทำวัตร ใส่บาตร นั่งกรรมฐาน หลวงปู่จะอุทิศส่วนกุศลให้แก่ท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย โดยการเอ่ยชื่อตามลำดับ

การเอ่ยชื่อตามลำดับนั้นมีรายชื่อเป็นร้อยเป็นพัน แต่หลวงปู่เอ่ยชื่อตามลำดับเป็นไปได้โดยถูกต้องแม่นยำ เพราะว่ากระทำอยู่ทุกวัน อย่างน้อยวันละ ๒ เวลา แสดงให้เห็นชัดถึงสภาพจิตที่ประกอบไปด้วยกตัญญู คือรู้คุณ ที่พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์มา ที่ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์มา และได้กตเวที ก็คือสร้างความดีแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ขอให้ท่านพ้นจากความทุกข์ ขอให้ท่านมีแต่ความสุขความเจริญ

เมื่อหลวงปู่ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) มรณภาพลงในวันศุกร์ที่ ๑๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๑๓ ตั้งแต่นั้นมาทุกวันศุกร์ หลวงปู่มหาอำพันจะจัดให้มีการถวายสังฆทานที่กุฏิของท่านเอง โดยนิมนต์พระผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมารับสังฆทาน แล้วอุทิศส่วนกุศลจำเพาะเจาะจง ให้แก่หลวงปู่ธมฺมวิตกฺโกทุกวันศุกร์ ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา ๓๐ ปีพอดี จนกระทั่งท่านเองถึงแก่มรณภาพไปด้วย

ดังนั้น..ในส่วนของความกตัญญูกตเวทีที่เราเห็นชัดเจนนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเราแล้ว เราได้กระทำสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้บ้างหรือไม่ ? ไม่ใช่เราเร่งเอาแต่ศีล สมาธิ ปัญญาเฉพาะหน้า ถ้าอย่างนั้นแปลว่าเรามีแต่ศีลกับสมาธิเท่านั้น ปัญญายังไม่ได้มีจริง เพราะถ้าปัญญามีจริง เราจะต้องมีความรอบคอบ โดยเฉพาะมีความกตัญญูกตเวทิตาต่อท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2012 เมื่อ 09:55
สมาชิก 76 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 11-04-2012, 19:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,354 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกท่านหนึ่งที่ขอยกมาเป็นตัวอย่าง ในเรื่องของความกตัญญูกตเวทิตา ก็คือพระสารีบุตรมหาเถระ พระสารีบุตรมหาเถระได้รับฟังธรรมจากพระอัสสชิมหาเถระ ผู้เป็นหนึ่งในปัญจวัคคีย์ว่า เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุง ตถาคโต เตสญฺจะ โย นิโรโธจ เอวํ วาที มหาสมโณ ซึ่งแปลความว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดแต่เหตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสถึงเหตุแลความดับของธรรมทั้งหลายเหล่านั้น พระมหาสมณะทรงมีปกติตรัสเรื่องทั้งหลายเหล่านี้

เมื่อฟังจบพระสารีบุตรกลายเป็นพระโสดาบัน จึงไปชักชวนพระมหาโมคคัลลานะ พร้อมทั้งบริวารมาบวช จนกระทั่งได้เป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายเบื้องขวาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะยิ่งใหญ่ด้วยตำแหน่งปานนั้น พระสารีบุตรมหาเถระเจ้าของเรา ก็ยังคงแสดงความกตัญญูต่อพระอัสสชิเถระเป็นปกติ

เมื่อเวลาจะนอน ท่านจะกำหนดว่าพระอัสสชิเถระขณะนี้อยู่ในทิศไหน แล้วหันศีรษะไปทางทิศนั้น ไม่กล้าหันปลายเท้าไปทางทิศที่ครูบาอาจารย์อยู่ จนกระทั่งท่านที่ไม่เข้าใจ เห็นท่านพินิจพิเคราะห์ทิศ แล้วนอนหันศีรษะตามทิศอยู่ ก็ว่าท่านยังติดหลักของพราหมณ์เรื่องความเชื่อในทิศต่าง ๆ อยู่

จนองค์สมเด็จพระบรมครูต้องยืนยันว่า พระสารีบุตรไม่ได้ถือทิศตามหลักของศาสนาพราหมณ์ หากแต่หันศีรษะไปทางทิศที่พระอัสสชิผู้เป็นอาจารย์อยู่ทางทิศนั้น เป็นการแสดงอาการเคารพต่ออาจารย์เป็นอย่างสูง

และเมื่อราธพราหมณ์ พราหมณ์แก่ปราศจากผู้สงเคราะห์ดูแล ตั้งใจจะบวชในบวรพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถามว่า ผู้ใดรู้คุณของพราหมณ์นี้ก็จงให้การบวชเถิด พระสารีบุตรมหาเถระกราบทูลต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ท่านรู้คุณของราธพราหมณ์ที่เคยใส่บาตรแก่ท่าน ๑ ทัพพี ราธพราหมณ์จึงได้บวชเข้ามาในบวรพุทธศาสนา และเป็น ๑ ในมหาสาวกผู้เป็นเอตทัคคะ คือมีความเป็นเลิศในทางว่านอนสอนง่าย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2012 เมื่อ 02:37
สมาชิก 67 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 12-04-2012, 16:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,354 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเราเห็นดังนี้แล้วว่า พระอัครสาวกอย่างพระสารีบุตรมหาเถระเจ้าก็ดี หรือว่าพระเถระในยุคใหม่หลังพุทธกาลมา อย่างหลวงปู่มหาอำพันก็ดี มีความกตัญญู คือรู้คุณของบิดามารดาครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ อย่างไร และได้กตเวที คือตอบแทนที่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้ทำคุณแก่ตนอย่างไร เราทั้งหลายก็สามารถที่จะเลียนแบบปฏิปทาทั้งหลายเหล่านั้น โดยการปฏิบัติตนตาม จึงจะได้ชื่อว่าสมกับเป็นนักปฏิบัติอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะวันนี้เป็นวันสถาปนาราชวงศ์จักรี เราทั้งหลายต้องตั้งใจบำเพ็ญภาวนา ซึ่งเป็นการสร้างบุญกุศลสูงสุดในพระพุทธศาสนา ต้องชำระใจของเราให้ผ่องใส สะอาดอย่างที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ แล้วจะได้อุทิศส่วนกุศลนี้เพื่อเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ตลอดจนกระทั่งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และอุทิศให้แก่พระสยามเทวาธิราช และเทพเจ้าที่รักษาศาลหลักเมืองทุกแห่ง ที่เหนื่อยยากต่อการปกปักษ์รักษาประเทศไทยของเราตลอดมา

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาหรือพิจารณากันตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๕
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 13-04-2012 เมื่อ 17:41
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 12-05-2012, 08:22
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 259
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,287 ครั้ง ใน 1,280 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2555-04-06

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:33



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว