กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-05-2012, 16:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,199 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรงกำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดแนบชิดติดกับลมหายใจไหลเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดแนบชิดติดกับลมหายใจไหลออกมา หายใจเข้าผ่านจมูก ผ่านกึ่งกลางอก ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออกจากท้อง ผ่านกึ่งกลางอก มาสุดที่ปลายจมูก จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามที่เราถนัดและมีความรักชอบเป็นส่วนตัว

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานประจำเดือนพฤษภาคมวันแรกซึ่งผิดปกติ เพราะว่าเรามาปฏิบัติกันในวันพฤหัสบดี เนื่องจากเดือนนี้ในวันอาทิตย์อาตมภาพมีความจำเป็นต้องไปรับปริญญา ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จึงต้องเลื่อนการปฏิบัติธรรมของเราให้เร็วขึ้นมาวันหนึ่ง

การที่พวกเราทั้งหลายส่วนหนึ่ง เพิ่งเดินทางกลับจากการปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งก็คือ ต้องรักษาอารมณ์การปฏิบัติให้ต่อเนื่องยาวนานที่สุดเท่าที่เราจะพึงทำได้ เพราะว่าการที่พวกเราปฏิบัติธรรมนั้นเป็นการทวนกระแสโลก เหมือนกับการที่เราว่ายทวนน้ำอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราเลิกการปฏิบัติ ทิ้งการปฏิบัติ ก็จะไหลตามกระแสโลกไป เหมือนกับคนที่ไหลตามสายน้ำไป ถึงเวลาเราปฏิบัติใหม่ ก็คือเราต้องว่ายทวนน้ำขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็ไม่น่าจะได้มากไปกว่าเดิม และโดยเฉพาะถ้าวันไหนร่างกายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า หรือเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ได้ไม่เท่าเดิมอีกด้วย

จึงมีญาติโยมมากต่อมากด้วยกันที่สงสัยว่า ตนเองก็ปฏิบัติมาหลายปี บางท่านถึงหลายสิบปี ทำไมไม่มีการก้าวหน้าในการปฏิบัติเลย ? ก็เพราะว่าเราไม่ได้รักษาอารมณ์ให้ต่อเนื่อง เมื่อเลิกปฏิบัติเราก็เลิก ปล่อยลอยตามกระแสรัก โลภ โกรธ หลง ไป ถึงเวลาปฏิบัติก็ทวนกระแสขึ้นมาใหม่ แล้วก็ปล่อยลอยตามกระแสไปอีก เป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน จึงกลายเป็นคนขยัน ทำงานทุกวันแต่ไม่มีผลงาน ไม่มีความก้าวหน้าใด ๆ เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2012 เมื่อ 03:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-05-2012, 07:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,199 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะกำลังใจของเราที่เคยปฏิบัติความดีได้ เมื่อละทิ้งไป โดนกิเลสคือรัก โลภ โกรธ หลง ท่วมทับหนามากขึ้น ๆ ก็ยากที่จะมาขุดคุ้ย ขัดถู ให้สภาพจิตของเรามีความผ่องใสเท่าเดิม เนื่องจากว่าบรรดามารต่าง ๆ ที่ตั้งใจขวางเราไม่ให้เข้าถึงความดีนั้น เมื่อสบช่องแล้วก็ไม่เคยปล่อยปละละวาง เขามีแต่จะขัดขวางอย่างสุดชีวิต เมื่อเราได้สติคืนมา ตั้งใจที่จะกลับมาปฏิบัติความดีใหม่ ก็จะโดนขัดขวาง ไม่สามารถจะชำระจิตใจให้ผ่องใสเหมือนอย่างที่เคยเป็นได้ ทำให้หลายท่านเกิดความท้อถอย

อยากจะบอกกับทุกท่านว่า ถ้าเราเคยทำได้แล้ว การที่จะทำใหม่นั้นจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่าต้องวางใจให้เป็นอุเบกขา เรามีหน้าที่ปฏิบัติภาวนา เราก็ปฏิบัติภาวนาของเราไป ส่วนผลจะเกิดอย่างไรไม่ใช่เรื่องของเรา ถ้าวางกำลังใจอย่างนี้ได้ ก็จะสามารถฟื้นคืนการปฏิบัติกลับมาได้เร็ว แต่ถ้าปฏิบัติเมื่อไรก็อยากจะให้เป็นอย่างที่เคย อยากจะให้ดีอย่างที่เคย ถ้าอย่างนั้นจิตใจของเราจะฟุ้งซ่าน กำลังใจไม่ทรงตัว โอกาสที่จะได้ความดีคืนมาเท่าเดิมก็เป็นเรื่องที่ยากมาก

เมื่อเราทราบแล้วว่า ตัวเราเองผิดพลาดตรงไหน ก็ให้พยายามแก้ไขตรงจุดนั้น เราทราบว่าเราทำแล้วทิ้ง ทำให้ความดีไม่ทรงตัว เวลาปฏิบัติธรรมเราจึงควรจะรักษากำลังใจของเรา ให้ต่อเนื่องยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลายต่อหลายท่านที่ปฏิบัติไป จนถึงระดับที่กำลังใจทรงตัว รู้ลมหายใจเข้าออกและคำภาวนาโดยอัตโนมัติ มักจะไปไม่เป็น ถึงเวลากำลังใจตกลงมา ก็มาฟุ้งซ่านกับรัก โลภ โกรธ หลง ใหม่

ท่านใดที่ทำถึงระดับที่กำลังใจทรงตัว รู้คำภาวนา รู้ลมหายใจเข้าออกโดยอัตโนมัติ ก็แค่เอาสติประคับประคองให้กำลังใจของเรา ให้ทรงตัวอยู่ในระดับนั้นตลอดเวลา จะหลับ จะตื่น จะยืน จะนั่ง ให้เอาสติจดจ่ออยู่กับอาการรู้โดยอัตโนมัตินั้น ถ้าเราสามารถทำอย่างนี้ได้ อารมณ์ใจก็จะคงอยู่กับเราเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน การที่อารมณ์ของเราทรงตัวอยู่ ยิ่งยาวนานเท่าไร โอกาสที่รัก โลภ โกรธ หลง กินเราไม่ได้ก็มีมากขึ้น นานขึ้น ใจของเราก็จะผ่องใสมากขึ้นเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2012 เมื่อ 03:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 18-05-2012, 08:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,199 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเป็นดังนั้น เราก็จะมองเห็นว่า ควรที่จะระมัดระวังรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล มีความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

มีความรู้สึกว่า ตัวเราก้าวเข้าไปหาความตายอยู่ตลอดเวลา เราจะต้องตายอย่างแน่นอน ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว เมื่อกำลังใจของเราทรงตัวอยู่ระดับนี้ ก็ประคับประคองรักษาเอาไว้ ทบทวนบ่อย ๆ ย้ำเตือนตัวเองอยู่ทุกวัน จนกระทั่งกำลังใจทรงตัวแน่วแน่ไม่คลอนคลาย

เมื่อทุกท่านทราบแล้ว ว่าเราผิดพลาดอย่างไร และควรที่จะปฏิบัติแก้ไขอย่างไร ก็ขอให้ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาละในสิ่งที่ผิด กระทำแต่ในสิ่งที่ถูก อยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับคำภาวนาของเรา อยู่กับภาพพระ อยู่กับพระนิพพานของเรา ให้รักษาอารมณ์ใจให้ทรงตัวไว้อย่างนี้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 67 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 03-06-2012, 10:36
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 259
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,286 ครั้ง ใน 1,280 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2555-05-10

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:58



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว