กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-09-2013, 06:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,209 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๖

ให้ทุกคนนั่งในท่าที่ถนัดของตนเอง สำคัญที่ว่าต้องตั้งกายให้ตรง กำหนดสติของเราไว้เฉพาะหน้า ก็คือเอาความรู้สึกทั้งหมดของเราตามดูลมหายใจ หายใจเข้า..เอาความรู้สึกแนบชิดติดกับลมหายใจเข้าไป หายใจออก..เอาความรู้สึกแนบชิดติดกับลมหายใจออกมา จะกำหนด ๑ ฐาน ๓ ฐาน ๗ ฐานอย่างไรก็ได้ ตามที่เรามีความถนัด จะใช้คำภาวนาก็ให้ใช้คำภาวนาที่เราเคยชิน สภาพจิตจะได้ยอมรับได้ง่าย

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ ระยะนี้ต้องบอกว่าฝนฟ้าตกเกินความต้องการ ทางด้านทองผาภูมินั้น ตกแบบนี้มาเป็นเดือน ๆ แล้ว ตกกันเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า พระออกบิณฑบาตก็เปียกปอนกันเกือบทุกวัน ที่กล่าวถึงจุดนี้เพื่อที่จะบอกแก่ญาติโยมว่า ฝนตกเป็นเรื่องของธรรมชาติ ในเมื่อฝนตกเป็นเรื่องของธรรมชาติ ถ้าเราเอากำลังใจไปฝืนธรรมชาติ เราก็จะมีแต่ความทุกข์

แต่ว่าการที่เราจะยอมรับว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นธรรมชาตินั้น เราก็ต้องเห็นจริงและปล่อยวางได้ระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าใครทำได้ ก็จะเป็นการวัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติของตนเองได้เป็นอย่างดี ว่าสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดนั้น เราเอามาใช้ในชีวิตจริงได้หรือไม่ ถึงเวลาฝนตกหลาย ๆ วัน ทำอะไรก็ไม่สะดวก ตากผ้าก็ไม่แห้ง เรามีความหงุดหงิดกลัดกลุ้มหรือไม่ ? ถ้ามีความหงุดหงิดกลัดกลุ้มก็แปลว่าสิ่งที่เป็นธรรมชาติ เป็นปกติธรรมดาแท้ ๆ เรายังไปฝืนใจไม่ยอมรับ ทำให้เกิดโทษ คือจิตใจของตนเองเศร้าหมอง

แต่ขณะเดียวกันสำหรับบางท่าน เมื่อเห็นฝนตกอาจจะดีใจ อย่างเช่น ท่านที่ทำไร่ทำนา แล้วต้องอาศัยน้ำฝน เมื่อฝนตกก็ย่อมดีใจเป็นธรรมดา ในลักษณะของความดีใจ ก็คือความยินดี ความพอใจ เป็นอิฏฐารมณ์ เป็นส่วนของราคะ ความไม่พอใจเป็นโทสะ ความพอใจเป็นราคะ แปลว่าเราจะยินดีหรือยินร้ายก็ตาม เราขาดทุนทั้งขึ้นทั้งล่อง

ดังนั้น..ในแต่ละวัน เมื่อมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น จะเป็นฝนตกแดดออก รถติดอย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องรักษากำลังใจของเรา ไม่ให้หวั่นไหวไปตามสถานการณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า อย่าไปยินดียินร้ายกับสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เพราะความยินดียินร้าย ล้วนแต่สร้างโทษให้แก่จิตใจของเรา เนื่องจากเป็นส่วนของกิเลสใหญ่ ก็คือทั้งราคะและโทสะนั่นเอง

ถ้าเรามีสติปัญญาที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติ ก็จะมองเห็นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ แล้วค่อย ๆ ปล่อยวางลงได้ ยอมรับได้ ถ้าเรายอมรับ อย่างภาษาโบราณที่ว่า อยู่ใต้ฟ้าต้องไปกลัวอะไรกับฝน เราก็จะไม่เกิดความรู้สึกหนักใจ เสื้อผ้าเปียกก็สามารถที่จะตากแห้งหรือไม่ก็อบแห้งได้ เพราะสมัยนี้เครื่องอำนวยความสะดวกมี ร่างกายเปียกปอนมา ก็คิดเสียว่าอาบน้ำเพิ่มขึ้นมาอีกรอบหนึ่งก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2013 เมื่อ 17:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-09-2013, 08:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,209 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าเห็นเป็นปกติธรรมดาอย่างนี้ หรือปล่อยวางได้ลักษณะว่า ธรรมดา..ช่างมันเถอะ หลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยง หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็เผชิญหน้าไปตามปกติ ถ้าเป็นอย่างนั้นจิตของเราก็จะไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงขณะของวัน ถ้าเช่นนั้นก็เป็นการวัดผลได้อย่างชัดเจนว่า การปฏิบัติธรรมของท่านไม่เสียเปล่า เพราะสามารถเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้ โดยเฉพาะเอาไปวัดผลการปฏิบัติของเราได้ ว่าเรายังยินดียินร้ายกับสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจหรือไม่

ถ้ารู้ตัวว่าเรายังยินดียินร้ายอยู่ อันดับแรก ก็พยายามสร้างสมาธิของเราให้เข้มข้น ให้ทรงตัวมากกว่านี้ เพื่อที่กำลังของสมาธิจะกด รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับลงชั่วคราว ความยินดียินร้ายต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น หรือว่าใช้ปัญญาพิจารณาเห็นความเป็นปกติ เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติของสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น แล้วปล่อยวางลงได้ ก็จะไม่กระทบกระทั่งกับสิ่งอื่น ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ ญาติโยมทั้งหลายก็จะสามารถใช้การกระทบกระทั่งกับสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายในแต่ละวัน เป็นตัววัดผลการปฏิบัติของเราได้เป็นอย่างดี

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่าน กำหนดการภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๖

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกาและเถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2013 เมื่อ 16:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-02-2014, 18:09
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 259
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,227 ครั้ง ใน 1,280 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2556-08-02

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
สุธรรม (23-02-2014)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว