กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 11-07-2015, 08:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมจะเอาพระนิพพานครับ ?
ตอบ : ของอย่างนี้ต้องลงมือทำ ไม่ใช่ดีแต่ปากพูด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-07-2015 เมื่อ 14:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 11-07-2015, 09:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกคุณจะทราบหรือไม่ทราบก็บอกให้รู้ว่า วัตถุมงคลของวัดท่าขนุน อาตมาก็ต้องควักเงินส่วนตัวบูชาเอง ไม่ใช่ว่าสร้างเองแล้วรับฟรี เพราะฉะนั้น..ถ้าช่วงไหนมีเงินส่วนตัวเหลือมากก็บูชาได้หลายองค์ ถ้าช่วงไหนมีน้อยก็อาจจะได้องค์เดียว ถ้าช่วงไหนไม่มีก็ไม่ได้เลย บางคนอาจจะคิดว่าเจ้าอาวาสเก็บเอาเองก็ได้ อาตมาไม่เคยใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าอาวาส"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-07-2015 เมื่อ 14:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 11-07-2015, 12:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อครู่มองที่พระพุทธรูปแล้วเห็นว่า วัตถุในโลกมีเพียงเท่านั้น สร้างเป็นพระพุทธรูปได้ดีที่สุดก็เท่านั้น แบบนี้เรียกว่าเห็นอะไรคะ ?
ตอบ : ลักษณะของการกระจายออกก็ต้องรวมเข้ามาอีกทีหนึ่ง ในเมื่อถึงที่สุด เห็นความเป็นจริงแล้ว แล้วก็ย้อนกลับมาอีกทีหนึ่ง เพราะว่าสมมติทั้งหลายจริง ๆ ก็ยังเป็นประโยชน์ สมมติที่เป็นประโยชน์อยู่ อย่างเช่นรูปพระ จัดเป็นพุทธานุสติ

ถ้าหากว่าเราเอาจิตเกาะท่านไว้ก็เป็นการไม่ประมาท เราจะได้ไม่พลาดจากความดี อยู่ในลักษณะของคนที่ถึงพ้นไปแล้ว แต่ก็ยังทรงความไม่ประมาทเป็นปกติ แต่ถ้าหากว่าเราไปเห็นเฉย ๆ ว่าสิ่งนี้ไม่มีอะไรเลย เดี๋ยวจะออกอาการแบบเดียวกับวัดสามแยก ถึงเวลาก็เหยียบพระพุทธรูปได้ ตบพระพุทธรูปได้ หลอมพระพุทธรูปไปชั่งกิโลขายได้ เพราะเห็นว่าไม่มีอะไร


ถาม : ไม่ได้เห็นว่าไม่มีอะไร แต่เห็นว่าพระพุทธรูปแม้จะสร้างด้วยวัตถุชั้นดีอะไรในโลก ก็เทียบไม่ได้เลยกับความเคารพพระที่มีอยู่ในใจค่ะ ?
ตอบ : พูดง่าย ๆ ว่าสิ่งภายนอกเป็นแค่วัตถุเท่านั้น ความมั่นคงใจจริง ๆ อยู่ในใจของเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-07-2015 เมื่อ 14:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 11-07-2015, 12:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “ท่านใดที่บูชาสมเด็จองค์ปฐม ๙.๙ นิ้วไปก็ดี หรือสมเด็จองค์ปฐมลอยองค์ไปก็ดี ให้ตั้งใจสวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบทุกเช้า ขอบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ อานุภาพที่เด่นที่สุดก็คือถ้าใครคิดร้ายจะแพ้ภัยไปเอง คำว่าใครในที่นี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะมนุษย์ จะเป็นอมนุษย์ เทวดา มาร พรหมอะไรก็ตาม ถ้าคิดไม่ดีกับเราซึ่งบูชาท่านอยู่ ตัวเขาจะเดือดร้อนเอง ต้องบอกว่าอานุภาพครอบจักรวาลแบบนี้อยากได้มานานแล้ว

แต่ถ้าจะเอาอานุภาพแบบมหาสะท้อนก็ต้องพระกริ่งปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน เนื้อทองคำอาตมาใส่ชนวนเหรียญพุทธบารมีทองคำลงไป ๑๓ บาทเศษ เนื้อเงินใส่ตะกรุดมหาสะท้อนลงไป ๓๐ ดอก มีคนถามว่าทำไมต้อง ๓๐ ดอก ? อ๋อ..พอดีมีอยู่แค่นั้น ถ้ามีเยอะกว่านั้นก็จะใส่อีก..!

ตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น ๕ เนื่องจากจ้างทางโรงงานเขาปั๊มให้ จึงต้องมาตอกโค้ดของเราเอง ฝีมือม้วนของคุณมะลิแก้ว ดังนั้น..ถ้าหากใครคิดจะปลอมก็ต้องปลอมโค้ดด้วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าโค้ดเล็กจิ๋วเดียว การสร้างวัตถุมงคลรุ่นหลัง ๆ มา ๓-๔ รุ่นมักจะมีโค้ดซ่อนอยู่ ถ้าท่านใดตาดี ๆ ก็จะเห็น เหรียญพุทธบารมีก็มีคนมาถามว่าจุด ๆ นี้คืออะไร แสดงว่าตาดีมองเห็นเหมือนกัน ก็เอาแว่นขยายส่องดูหน่อยสิ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-07-2015 เมื่อ 14:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 11-07-2015, 17:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในขณะทุติยฌานละวิตก วิจาร แล้วเป็นฌานโดยไม่มีวิตกได้อย่างไร ?
ตอบ : สภาพจิตจะก้าวข้ามไปเอง เราไม่ต้องเสียเวลาไปตัดไปละอะไรทั้งนั้น พอสมาธิดิ่งลึกขึ้นไป ก็จะทิ้งวิตกวิจารไปโดยอัตโนมัติ เหมือนเราก้าวพ้นจากบันไดขั้นนี้ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เราไม่ต้องไปรื้อบันไดทิ้งหรอก แค่ไม่ไปยุ่งกับขั้นนั้นเท่านั้นเอง

ถาม : คือทรงอยู่ตรงนั้น แต่ไม่สนใจ ?
ตอบ :ลักษณะเหมือนกับที่เราเดินจงกรมยกย่างเหยียบ พอเรายกก็สมมติว่าเป็นวิตก เราย่างนี่เป็นวิจาร เราเหยียบนี่สมมติว่าเป็นปีติก็แล้วกันนะ พอเราย่างขั้นตอนในการยกก็จะหายไปเอง ไม่ต้องไปทิ้ง พอเราเหยียบ ขั้นตอนการย่างก็จะหายไป เราก็ไม่ต้องไปทิ้งขั้นตอนนั้น ๆ พูดง่าย ๆ ว่าสภาพจิตดำเนินดิ่งลึกไปเรื่อย ๆ ตามระดับสมาธินั้น ๆ เอง เสียเวลาที่จะไปทิ้ง บางคนพยายามจะไปทิ้ง แล้วเมื่อไรจะทิ้งได้ ไม่ต้อง...จะเป็นไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-07-2015 เมื่อ 18:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 11-07-2015, 17:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผู้ที่ได้ฌาน ต้องจำเป็นไหมว่าต้องรู้ว่าตนได้ฌานอะไร ?
ตอบ : ถ้าสามารถศึกษาขั้นตอนไว้ก่อน ถึงเวลาเข้าถึงก็จะรู้เลยว่าตัวเองอยู่ในขั้นไหน แต่ถ้าไม่ศึกษาไว้ก่อน เท่าที่พบมา หลายท่านทำได้เยอะมากเลย แต่ไม่รู้ว่านั่นคืออะไร

ถาม : จำเป็นต้องรู้ ?
ตอบ : ไม่จำเป็นที่จะต้องไปรู้ ขอให้ทำได้ เพราะว่าทันทีที่ตัวเองทำได้ ก็จะมีอำนาจไปกดรัก โลภ โกรธ หลงให้ดับลงได้ชั่วคราว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-07-2015 เมื่อ 18:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 11-07-2015, 18:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรานึกถึงดวงกสิณ ถ้าเป็นฌานที่สอง ไม่ต้องนึกหรือครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว ถ้าใจเรายังจดจ่ออยู่ สภาพดวงกสิณที่เปลี่ยนแปลงนั่นแหละ คือสภาพจิตที่ดิ่งลึกเป็นสมาธิสูงไปเรื่อย ๆ เอง

ถาม : แสดงว่าผู้ที่คล่องในฌานสองแล้ว เป็นผู้ที่มีดวงกสิณอยู่ตลอดเวลา ?
ตอบ : สามารถที่จะทรงเองได้ อยู่ในลักษณะที่เรียกว่าเป็นปฏิภาคนิมิต

ถาม : ในทุกอิริยาบถเลย ?
ตอบ : ใช่..แต่คราวนี้ถ้าเผลอก็ลืม ต้องมาตั้งต้นใหม่ ยกขึ้นมาใหม่ เผลอขาดสติเมื่อไรก็ลืม สมมติว่าเผลอหลับก็ลืม ถ้าสภาพจิตหลับกับตื่นรู้ไม่เท่ากัน ดวงกสิณก็จะหาย ก็ต้องเสียเวลายกขึ้นมาใหม่

ถาม : ต้องยกขึ้นฌานหนึ่งใหม่ ?
ตอบ : ใช่...การที่ยกขึ้นมาต้องเริ่มตั้งแต่อุคหนิมิตเลย นั่นเป็นส่วนของแค่ปีติ หรือว่าแค่วิตกวิจารก็ได้ แล้วแต่ความหยาบละเอียดของสภาพจิตของเราในตอนนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-07-2015 เมื่อ 18:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 11-07-2015, 18:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วที่บอกว่าเข้าฌานสี่ได้ทันทีเลย ?
ตอบ : ถ้ามีความคล่องตัว บาลีเรียกว่า สมาปัชชนวสี ก็คือมีความคล่องที่จะเข้าสมาธิทุกระดับที่ต้องการได้ ถ้าลักษณะอย่างนั้นบางทียังไม่ทันคิดอะไรก็ไปแล้ว

อาตมามีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง ก็คือหลวงพ่อพระครูสุวรรณจันทนิวิฐ ท่านเป็นลูกศิษย์เรียนปริญญาโท แต่อายุท่านมากกว่า พรรษาท่านมากกว่า ท่านมีความสามารถในการเข้าฌาน แต่ไม่มีความคล่องตัวในการออก บางทีพอหมดเวลา เพื่อนต้องช่วยกันยกท่านที่แข็งทื่อเอาไปไว้ที่อื่น จะได้ไม่เกะกะเขา เขาจะได้เก็บกวาดสถานที่ได้ บอกหลวงพ่อท่านให้ตั้งเวลาไว้ ท่านไม่เข้าใจคำว่าตั้งเวลา ในเมื่อไม่เข้าใจคำว่าตั้งเวลาแล้วตูจะไปทำอะไรได้ ? บอกว่า "หลวงพ่อตั้งใจไว้สิ..ว่าอีก ๑ ชั่วโมงเราจะเลิก" หรือจะเอากี่ชั่วโมงก็ว่าไป

คราวนี้ท่านขาดวุฏฐานวสี ความชำนาญในการออกจากฌาน มีแต่สมาปัชชนวสี ความชำนาญในการเข้าฌาน ในเมื่อขาดวุฏฐานวสี ไม่สามารถที่จะออกได้ตามที่ตนเองต้องการ ก็ต้องรอจนกว่าสมาธิจะคลายเอง เขาอุ้มท่านไปตั้งไว้ที่อื่นเสียนานเลย


ถาม : ท่านได้สมาบัติที่คล่องในการเข้า ?
ตอบ : นั่งพักเดียวก็เข้าได้เลย แต่คราวนี้ท่านตั้งเวลาออกไม่เป็น เขาถึงได้แยกวสีออกเป็น ๕ แบบ ท่านเองไม่สามารถที่จะกำหนดเวลาได้ แล้วขำที่สุดก็คือ เขามีพุทธาภิเษกจนกระทั่งเลิกแล้ว หลวงพ่อท่านก็ยังนั่งอยู่อย่างนั้น จนท้ายสุดท่านเจ้าคุณแย้ม (พระราชวิริยาลังการ) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงก็บอกให้ช่วยกันยกเอาไปตั้งไว้ที่อื่นก่อนก็แล้วกัน ทำอย่างกับยกหุ่นหรือรูปปั้น

ถาม : ตัวท่านไม่มีปัญหา ?
ตอบ : ไม่มีปัญหา เพราะสมาธิท่านอยู่ข้างใน ไม่รับรู้อาการภายนอกอยู่แล้ว ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ฟ้าผ่าข้างหูก็ไม่รู้สึก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2015 เมื่อ 02:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 11-07-2015, 18:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเข้าปฐมฌานจะไม่รู้สึก ไม่ได้ยิน หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ปฐมฌานยังรู้สึกอยู่ ความรู้สึกยังอยู่ที่ตัวครบถ้วน แต่ว่าไม่สนใจ มีความรู้สึกอยู่ ใครจะสัมผัส ใครจะพูดอะไร ยังรู้ ยังได้ยินอยู่ทุกอย่าง แต่ว่าไม่ไปสนใจเท่านั้น ก็คือไม่สามารถไปทำให้ท่านสะเทือนจนกระทั่งออกมารับรู้ข้างนอกได้ ยกเว้นว่าท่านจะตั้งใจรู้เอง

ถาม : ถ้าคล่องตัวในสมาบัติมาก จะไม่ได้ยินเสียงเลย ?
ตอบ : ถ้าเข้าถึงจริง ๆ รู้ทุกอย่างแต่ไม่สนใจ ที่บอกว่าไม่ได้ยินอะไรเลยจริง ๆ ก็ได้ยิน ไม่รู้ลมหายใจเลยจริง ๆ ก็รู้ แต่ว่ารู้ในลักษณะที่สักแต่ว่ารู้เฉย ๆ ซึ่งขั้นตอนนี้เกินจากที่เราอ่านตำราไป

ต้องบอกว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเปิดทางสายใหม่ให้พวกเราก็คือมโนมยิทธิ โดยปกติแล้วยกจิตออกไปก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรกับร่างกายนี้ได้เลย แต่ท่านขอบารมีพระ ขอบารมีครูบาอาจารย์ให้สงเคราะห์ว่า ให้สามารถตอบโต้ได้ เพื่อคนที่ไปไม่ได้จะได้รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ตรงจุดนี้จึงกลายเป็นทางสายใหม่ เพราะปกติสมาธิในระดับนั้นจะไม่สามารถรับรู้เรื่องภายนอกได้ แต่อาศัยที่พระหรือว่าครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์ ทำให้เราสามารถรู้ได้

แรก ๆ อาตมาก็แปลกใจ เอ๊ะ..ปกติสมาธิระดับนี้ต้องไม่รู้เรื่องภายนอก ทำไมเรารู้วะ ? ปกติต้องพูดไม่ได้ ทำไมเราพูดได้ ? แต่กว่าจะบังคับให้ตัวเองพูดได้ ต้องขยับแล้วขยับอีก กว่าที่สมาธิจะตรงล็อกให้เราพูดได้


ถาม : ไม่ใช่เราเลื่อนสมาธิให้มารับรู้ ?
ตอบ : แรก ๆ กว่าจะบังคับตัวเองได้ บางทีก็แข็งทื่ออยู่ตั้งนาน มีอยู่เที่ยวหนึ่งที่ลูกศิษย์เขาโทรศัพท์มาตอนตี ๒ กว่า แล้วอาตมาเฝ้าหลวงปู่มหาอำพันที่ท่านป่วยอยู่ ด้วยความที่กลัวว่าเสียงโทรศัพท์จะไปกวนหลวงปู่ พอโทรศัพท์ดัง อาตมาก็ปราดไปถึง ยกหูขึ้นมา แล้วก็ยืนแข็งทื่ออยู่ท่าอย่างนั้น แล้วก็รู้ตัวว่า นี่ตูยังหลับอยู่นะ ยังหลับอยู่ สมาธิยังลึกมากเลย บังคับร่างกายให้ไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ยังพูดไม่ได้ ยังต้องขยับอีกตั้งนานกว่าที่จะพูดกับเขาได้

ถาม : อันนั้น คือ เราคลายสมาธิออกมารับรู้แล้วรีบกลับเข้าไปใช่ไหมคะ ?
ตอบ : เป็นการเข้าออกสมาธิเร็วเกินไป ตอนนั้นยังไม่มีความชำนาญ ยังบังคับไม่ได้อย่างใจ

ถาม : เข้าออกเร็วมาก ?
ตอบ : ใช่..เข้าออกเร็วมาก วิ่งไปถึงเครื่องแล้วพอยกโทรศัพท์ขึ้นมา ดันกลับเข้าไปสู่สมาธิเดิม เลยทำให้พูดไม่ได้

ถาม : ลักษณะที่เรามีสมาธิต่อเนื่องแล้วทำอะไรได้นี่ แสดงว่าเราเข้า-ออกได้เร็ว ?
ตอบ : เราต้องเข้าออกได้เร็วพอ ก็คือมีความชำนาญในการเข้าและการออก แต่การต่อสู้ส่วนใหญ่จะเป็นการถอยออกมาจากสมาธิระดับสูง โดยที่กำลังของสมาธิระดับนั้นยังคุมเราอยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-07-2015 เมื่อ 08:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 11-07-2015, 18:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การเจริญอนิจจสัญญาจำเป็นต้องมีสติปัฏฐานหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จำเป็นต้องมี เพราะถ้าหากขาดสติเมื่อไร ก็จะกลายเป็นนิจจัง แล้วไม่เป็นอนัตตา คือปัญญาจะไม่ยอมรับทันทีเลย เพราะว่าสภาพจิตมีความดื้อเป็นปกติ ในเมื่อเราเห็นว่าไม่เที่ยง เผลอเมื่อไรก็จะมาเถียง ที่พระพุทธเจ้าเตือนไว้ว่า การเมาวัย ก็คือเมาว่าเรายังหนุ่มยังสาวอยู่ แล้วก็เมาชีวิต ก็คือถึงเวลาไม่ไปคิดว่าอนิจจัง ไม่คิดว่าแก่แล้ว ไม่คิดว่าจะตาย

ถาม : อย่างนี้ความเข้าใจชั่วครั้งชั่วคราวเราเรียกว่าปัญญา ?
ตอบ : เป็นปัญญาชั่วคราวเหมือนกัน อาจจะเป็นแค่จินตามยปัญญา ก็คือคิดได้ แต่ว่ายังไม่เป็นภาวนามยปัญญา ก็คือใจยังไม่ยอมรับจริง ๆ แต่ว่าให้ได้เอาไว้ก่อน เพราะถ้าไม่ได้นี่เท่ากับเรายังห่างอีกมากเลย

ถาม : ที่ท่านบอกว่า เข้าถึงอนิจจสัญญาจะสามารถละอสมิมานะได้ ?
ตอบ : ก็ถ้าเห็นว่าทุกอย่างไม่เที่ยง ก็ไม่รู้จะไปยึดถือมั่นหมายทำอะไร ตัวกูของกูก็เลยไม่มี ในเมื่อตัวเองไม่เที่ยงอย่างนี้ ในฐานะอื่น ๆ โดยเฉพาะทางโลกที่เขายกให้ จะมียศ มีตำแหน่งอะไร ก็ยิ่งไม่เที่ยงเข้าไปใหญ่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2015 เมื่อ 02:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 11-07-2015, 19:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ครูบาอาจารย์บางท่านกล่าวว่า สภาพจิตของเรามีความกลับกลอกเป็นปกติ แต่ความจริงก็คือต้องบอกว่ากิเลสเก่งกว่า ในเมื่อกิเลสเก่งกว่าถ้าเราก้าวพ้นไม่ได้จริง ๆ ถึงเวลาก็โดนดึงกลับ ก็เลยเป็นประเภทเบื่อ ๆ อยาก ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2015 เมื่อ 02:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 11-07-2015, 19:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในเรื่องจับภาพพระ เราควรกำหนดภาพพระปางพระนิพพานหรือเปล่า ? มีพี่คนหนึ่งบอกว่า เราควรกำหนดภาพพระพุทธชินราช ?
ตอบ : ในเรื่องของภาพพระ ให้เอาที่เรารักเราชอบมากที่สุด เพราะว่าจิตจะได้ยึดเกาะได้ง่าย เขาชอบ..ไม่ใช่เราชอบ เพราะฉะนั้น..ไม่จำเป็นต้องไปตามเขา

ถ้าเรากำหนดภาพพระปางพระนิพพานก็จะได้อุปสมานุสติด้วย ก็คือพระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ไหนนอกจากที่พระนิพพาน ในเมื่อเราเห็นท่านก็คือเราอยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน ถึงเวลาเราก็แปะตัวเองอยู่บนนั้นเลย ตายก็จบ..ไม่ต้องเสียเวลาทำอะไรอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2015 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 11-07-2015, 19:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บางท่านเจริญอนิจจสัญญา บางท่านเจริญทุกขสัญญา ?
ตอบ : แล้วแต่ความถนัดความชำนาญของแต่ละคน บางคนดูทุกข์แล้วเห็นง่าย แต่บางคนบอกว่าดูทุกข์แล้วเศร้าหมอง ก็หันไปดูความไม่เที่ยงแทน

ถาม : ก็ทุกข์เหมือนกัน ?
ตอบ : เหมือนกัน..ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ทั้ง ๓ อย่าง มีอย่างใดอย่างหนึ่งก็มีครบ ๓ อย่างเลย ก็คือในเมื่อเห็นว่าไม่เที่ยง สิ่งที่ไม่เที่ยงก็ต้องเป็นทุกข์ ในเมื่อไม่เที่ยง แล้วเป็นทุกข์ เราจะไปยึดถือมั่นหมายได้อย่างไร ?

เรื่องความทุกข์กับอนัตตาก็เหมือนกัน เพียงแต่ว่าคนที่ยังไม่เข้าถึงจริง ๆ ก็จะเห็นทีละอย่างไปก่อน พอเห็นจนคล่องตัวจริง ๆ แล้วถึงจะอ๋อ..ที่แท้ ๓ อย่างก็รวมกันอยู่ในอย่างเดียวนั่นแหละ


ถาม : การเจริญอนิจจสัญญาใช้การจำเอา นึกเอา ?
ตอบ : แรก ๆ เป็นการจำ แต่พอดูไปเรื่อย ๆ ใจยอมรับแล้ว คราวนี้ไม่ใช่จำแล้ว เป็นปัญญา ก็คือจากจำได้กลายเป็นทำได้ จากสัญญากลายเป็นปัญญา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2015 เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 11-07-2015, 19:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พิจารณากายคตานุสติ แต่ใจไม่ยอมรับเสียที ?
ตอบ : สภาพจิตของเราต้องพยายามยกขึ้นไปเรื่อย ๆ ก่อน พิจารณาไปเรื่อย ๆ จนกว่าเขาจะยอมรับ ต้องย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ถาม : ทำผิดด้วยครับ ?
ตอบ : มีหลายคนทำผิด ในเมื่อเห็นว่าทุกข์จึงพยายามปรนเปรอกายให้มีความสุข เลยยุ่งกันใหญ่ ยิ่งยึดหนักเข้าไปอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2015 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 11-07-2015, 19:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลานั่งสมาธิแล้วความรู้สึกหายไป ?
ตอบ : สติขาด แสดงว่าสภาพของจิตหยาบไปนิดหนึ่ง พอเริ่มเข้าสู่สมาธิขั้นสูง จิตกับประสาทต้องแยกออกจากกัน เราเองก็ไปเข้าใจผิดว่าหายไป แต่ความจริงไม่ใช่ สภาพจิตละเอียดไม่พอ ก็เลยตามสมาธิไม่ทัน

ถาม : ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ต้องเอาความรู้สึกทั้งหมดของเราจี้ติดกับลมหายใจเข้าออก ให้สังเกตว่าทันทีที่หลุดจากลมเมื่อไรก็หายไปเมื่อนั้น ต้องเอาใจจี้ติด ๆ ไปเลย แรก ๆ ก็จะหลุดอยู่เรื่อย พยายามแล้วพยายามอีก เดี๋ยวความคล่องตัวดีขึ้น สภาพจิตก็จะตามทันได้เอง ถ้าตามทันได้ก็จะก้าวข้ามตรงนั้นไป ต่อไปก็จะไม่ต้องมาเสียเวลาในขั้นตอนนี้อีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2015 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 11-07-2015, 19:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมเอาพระกริ่งเนื้อทองคำมาถวาย พระอาจารย์กล่าวว่า "สรุปว่าถ้าไม่เปิดกระทู้คนมีเงินเหลือกินเหลือใช้ให้เขาบูชาไป อาตมาจะมีพระกริ่งทองคำมากที่สุด นี่เพิ่งได้มาอีก ๑ องค์ แสดงว่าคนรวยมีเยอะมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2015 เมื่อ 02:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 12-07-2015, 14:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พยายามคิดหาวิธีตัดโทสะ แต่พอครั้งหนึ่งตอนนั่งสมาธิก็รู้สึกขึ้นมาเองว่า จนป่านนี้แล้วไม่รู้หรือว่าโทสะไม่ดีอย่างไร ? คอยเผาใจเราอยู่ตลอดเวลายังไม่รู้ว่าไม่ดีอีกหรือ ? แล้วถ้ารู้ว่าไม่ดีแล้วการจะตัดยังยากอีกหรือ ? แต่แม้ว่าเรารู้แล้ว พอถึงเวลามีเหตุมากระทบ โทสะก็ยังคงเกิดอยู่ดี ?
ตอบ : ถ้าสติยังไม่ทันโทสะก็จะเกิด เหตุที่โทสะเกิด ก็เพราะเข้าทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เข้ามาแล้วเราไม่ชอบใจก็จะเป็นโทสะ ถ้าเข้ามาแล้วชอบใจก็เป็นราคะ แสดงว่าสติของเราไม่ทัน ในเมื่อสติไม่ทัน ทั้งราคะ โลภะ โทสะ โมหะ สามารถกำเริบได้ทุกเวลา ก็แปลว่าต้องสร้างสมาธิให้มากกว่านี้ เพื่อสติจะได้มั่นคงและแหลมคมว่องไวขึ้น

ถาม : ระหว่างวันพยายามทรงสมาธิไว้ แล้วก็คอยดูอยู่ค่ะ แต่บางครั้งพอมีเรื่องกระทบนี่เห็นเลยว่าโทสะขึ้น แต่ก็ขึ้นแบบไม่เต็มที่ค่ะ ขึ้นเหมือนโดนล็อกคอเอาไว้ แบบนี้ก็คือสมาธิยังไม่พอใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ยังไม่พอ เพราะว่าเราจะต้องเห็นโทษ พอเห็นโทษแล้วก็เบื่อหน่าย แล้วก็วางลง ยังเหลืออีกหลายขั้นตอน ตอนนี้เราเห็นโทษแล้ว รู้หน้าตาของโทสะแล้ว แต่ยังวางไม่ลง ว่าแล้วก็สู้ต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2015 เมื่อ 14:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 12-07-2015, 14:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมจะทำบุญบ้าน ถ้าพื้นที่เราไม่พอ นิมนต์พระมา ๕ รูปได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าทำบุญจะเป็น ๕ รูป ๗ รูป ๙ รูปก็ได้ ปกติแล้วบางบ้านเอาแค่ ๓ รูปเท่านั้น แต่อาตมาเห็นว่าไม่ครบองค์สงฆ์ ไม่เป็นสังฆทาน เพราะฉะนั้น..ถ้าคิดจะทำบุญ แค่ ๕ รูปก็ได้แล้ว ทำไปเถอะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2015 เมื่อ 14:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 12-07-2015, 15:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีข่าวลือว่าท่านจะสร้างสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๒ ครับ ?
ตอบ : ในเมื่อเป็นข่าวลือ..แล้วคุณจะไปกังวลอะไรกับข่าวลือ ?

ถาม : ผมต้องการข้อมูลจริงครับ ?
ตอบ : ถึงมีข้อมูลจริงก็ไม่บอก เพราะว่าทุกวันนี้เผลอไม่ได้หรอก ขนาดอุตส่าห์ประกาศให้บูชาวัตถุมงคลก่อนเวลาแค่ ๓-๕ วัน ก็ยังเอาไปลงเว็บ จำหน่ายของได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีของในมือ พออาตมาประกาศว่า มีพระกริ่งปลดหนี้ ๒ แผ่นดินจำหน่ายวันที่ ๒๐ มิถุนายน ประกาศล่วงหน้าแค่ ๕ วัน ประกาศวันนั้น เขาก็ไปออกเว็บวันนั้นเลยว่าเชิญจองพระกริ่งปลดหนี้ ๒ แผ่นดินเนื้อเงิน ราคา ๖,๙๐๐ บาท โอนแล้วรับวันที่ ๒๐ เขาสามารถจับเสือมือเปล่าได้ทุกเวลา ต้องบอกว่าเป็นความสามารถที่เราตามไม่ทัน..! เพราะฉะนั้น..อย่าถามให้เสียเวลา เก็บเงินไว้ก็แล้วกัน ถ้ามีก็จองได้เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2015 เมื่อ 15:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 12-07-2015, 15:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้อาตมาจ่ายค่าเล่าเรียนของพระเณรเดือนละประมาณ ๑ แสนบาท ถ้าเดือนไหนค่าเทอมออกก็ราว ๆ ๘ แสนบาท ไม่ต้องแปลกใจ ถ้าจะเรียนก็ไปบวชชี เดี๋ยวจะส่งให้ เรียนเสร็จก็สึกได้ ถ้าอยู่ที่วัดท่าขนุน อาตมาส่งพระเณรเรียนโดยไม่มีข้อแม้ เรียนจบจะสึกไปทำงานก็ไม่ได้ว่าอะไร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2015 เมื่อ 16:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:33



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว