กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 15-01-2016, 07:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default งานสวดพระคาถาเงินล้าน วันที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๙

งานสวดพระคาถาเงินล้านครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งที่ ๒ ที่จัดสวดในสถานที่นี้ งานจัดขึ้นโดยชมรมโมทนาบุญนำโดยคุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเว็บพลังจิตเป็นแม่งาน ได้ขออนุญาตจัดงานโดยมีการเตรียมการล่วงหน้ามาประมาณ ๕ เดือนแล้ว โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์ในช่องทางต่าง ๆ การติดต่อนิมนต์พระเถรานุเถระมาร่วมในพิธีครั้งนี้ ซึ่งหลัก ๆ ก็จะมีตุ๊ป้อสิงห์ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ หลวงตาวัชรชัย วัดเขาวง เป็นต้น

ในเรื่องของภัตตาหารภวายเพลพระ คุณพิชญ์สินี ชาญปรีชญา รับผิดชอบโดยมีการติดต่อร่วมงานกับป้ามอย (คุณมณีวรรณ สัมฤทธิ์) ในการเตรียมภัตตาหารเพลทั้งในส่วนของมังสวิรัติและอาหารปกติ

ส่วนอาหารกลางวันเลี้ยงญาติโยมนั้น เจ้าภาพหลักก็คือทางเถ้าแก่น้อย (
คุณอมรรัตน์ ลาภพิทักษ์พงษ์) นำเอาข้าวเหนียวหมูปิ้งมา ๑,๕๐๐ ห่อ ซึ่งมาถึงตั้งตอนนี้ กว่าจะถึงเพลก็น่าจะแข็งหน่อย แล้วก็มีข้าวเหนียวปิ้งของคุณพนม (พนม สุธาพจน์) อีก ๓๐๐ ซึ่งมั่นใจว่าไม่พอยาขี้ฟัน เอามาทำอะไรก็ไม่รู้ ? ไม่พอคน ขนมได้รับมาจากบริษัทซีพีแรม เป็นเบเกอรี่ ๑,๐๐๐ ชิ้น ส่วนน้ำดื่ม คุณณัฐพล สุขรัตนศิริ นำมาถวายไว้ ๒,๐๐๐ ขวด ส่วนอื่นอาจจะมีเพิ่มเติมมาทีหลังซึ่งไม่ได้แจ้งมา อาตมาเองก็ไม่สามารถที่จะบอกกล่าวได้ว่ามีอะไรบ้าง

ส่วนการดูแลความเรียบร้อยของสถานที่ ได้คณะรวมใจภักดิ์ของท่านอาจารย์วิชชุ อารมณ์ดี นำคณะมาช่วยบริการให้ทุกรูปแบบ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2016 เมื่อ 12:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 15-01-2016, 07:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

งานวันนี้ต้องบอกว่าทางเว็บพลังจิตเป็นเจ้าภาพ ผู้ติดต่อประสานงานจนกระทั่งงานเรียบร้อยลงมาได้ก็คือชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต โดยคุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเว็บ ซึ่งบอกว่าการทำงานถ้าเกิดจำเป็นผมจะเผด็จการ ฉะนั้น...ไม่ต้องเกรงใจ เพราะว่าช่วงนี้เป็นรัฐบาลทหารก็ต้องเผด็จการอยู่แล้ว สามารถใช้อำนาจเผด็จการได้เต็มที่เลย

ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือกัน โดยเฉพาะพวกเราที่ขึ้นมาแล้วต้องเบียดเสียดเยียดยัดหาความสะดวกไม่ได้ แต่ก็ยังอุตส่าห์มากัน ต้องบอกว่าทั้ง ๆ ที่รู้แต่ก็ยังเต็มใจมาทรมาน เพื่อให้งานครั้งนี้สำเร็จลงได้ และแสดงความรักใคร่สามัคคีในหมู่ลูกศิษย์ในสายธรรมของหลวงพ่อวัดท่าซุง ให้ปรากฏต่อสายตาของชาวโลกเขา เหตุที่ใช้คำว่า "ปรากฏต่อสายตาของชาวโลก" เพราะว่าการสวดพระคาถาเงินล้านครั้งนี้ มีการถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ท ซึ่งบรรดาญาติโยมทั้งหลายสามารถเปิดชมได้ทั่วโลก

งานนี้ได้รับความเมตตาจากตุ๊พ่อสิงห์ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ หลวงตาวัชรชัยจากวัดเขาวง สระบุรี ที่เมตตามาร่วมงานในครั้งนี้ เป็นฝีมือติดต่อประสานงานจากเว็บพลังจิตนั่นเอง ปีที่แล้วท่านก็มาลักษณะเดียวกัน เป็นการอนุเคราะห์สงเคราะห์ต่อพวกเราทั้งหลาย ซึ่งมีอยู่ส่วนหนึ่งไม่มีโอกาสได้พบพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ในขณะที่ท่านยังดำรงขันธ์อยู่ เราก็จะได้ดูในส่วนของปฏิปทาปฏิบัติ ซึ่งบรรดาศิษย์ทั้งหลายนำมาคนละส่วนเสี้ยวหนึ่ง

ปฏิปทาที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เมตตาถ่ายทอดให้ แต่ว่าในส่วนเสี้ยวที่พวกเราได้มา ในขณะนี้ก็กลายเป็นสิ่งที่ญาติโยมทั้งหลายเห็นแล้วเกิดความเลื่อมใส เกิดความศรัทธา ทำให้ได้ทราบในปฏิปทาปฏิบัติว่า ในสมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อมีชีวิตอยู่นั้น ท่านได้มีปฏิปทาในการสั่งสอนศิษย์อย่างพวกอาตมาทั้งหลายในลักษณะใดบ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2016 เมื่อ 12:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 15-01-2016, 07:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...ในวันนี้นอกจากจะได้แสดงออกซึ่งความสามัคคีกลมเกลียวกันในหมู่คณะศิษย์แล้ว ยังเป็นการรักษาสมบัติพ่อให้ ก็คือพระคาถาเงินล้าน ซึ่งอาตมายืนยันว่างานทั้งหมดที่ทำมาไม่ว่าจะสร้างวัดมา ๗ วัด ๘ วัดหรือทำงานอะไรก็ตาม ตลอดจนในปัจจุบันวัดท่าขนุนที่ทำอยู่ เกิดมาจากพระคาถาเงินล้านและบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหมเทวดา ครูบาอาจารย์ท่านทั้งสิ้น

พระคาถาเงินล้าน เป็นพระคาถาที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มีเมตตาประทานให้แก่หลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งท่านพัฒนาพระคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค มาเป็นพระคาถาเงินล้านอย่างในปัจจุบัน

อาตมาเองเป็นคนที่ทำอะไรก็แล้วแต่ต้องทำจริง ในเมื่อสมัยของหลวงปู่ปานท่านมีตัวอย่างบุคคลที่ทำ
พระคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิต เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ก็ดี นายแจ่ม เปาเล้ง หรือว่านายเฉลิม คงทองก็ตาม ในเมื่อยุคเราสมัยเราหาคนทำไม่ได้ อาตมาก็ต้องทดลองทำด้วยตนเอง เผื่อว่าถ้าเกิดผลแล้ว อย่างน้อยจะได้เป็นที่อ้างอิงได้ว่า สิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเมตตาสั่งสอนเรามา แม้เพียงส่วนเสี้ยวนิดเดียวเท่านั้น ยังมีผลจนถึงขนาดนี้ ในเรื่องของมรรคผลพระนิพพาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านเน้นเป็นพิเศษ ย่อมต้องมีผลใหญ่อย่างแน่นอน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-01-2016 เมื่อ 14:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 15-01-2016, 07:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การจัดงานสวดพระคาถาเงินล้านในครั้งนี้ จึงเป็นการตอกย้ำความมั่นใจในเรื่องของการปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา ตามสายกรรมฐานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ว่าสิ่งที่ท่านสอนนั้น สามารถนำพาพวกเราเข้าถึงพระนิพพานได้อย่างแท้จริง ในส่วนที่จัดงานนี้ขึ้นมา จึงเป็นการยืนยันผลของการปฏิบัติว่า แม้บรรดาลูก ๆ ทั้งหลายจะทำได้คนละเล็กคนละน้อยก็ตาม แต่ผลที่ปรากฏขึ้นในสายตาพวกเราก็ถือว่ามีผลใหญ่ ถ้าหากว่าเราทั้งหลายพร้อมเพรียงกันทำ เชื่อว่าเราสามารถนำพาสายกรรมฐานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน ให้เจริญรุ่งเรืองจนค้ำจุนพระพุทธศาสนาได้ในส่วนหนึ่ง

ซึ่งในส่วนนี้นั้นต้องฝากไว้กับญาติโยมทั้งหลายว่า ทำอะไรต้องทำให้จริง เหตุที่ใช้คำว่า "ทำอะไรต้องทำให้จริง" เพราะว่าในปัจจุบันนี้ ส่วนหนึ่งของกรรมฐานที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเน้นย้ำ และมีประโยชน์อย่างมหาศาล คือมโนมยิทธิ เมื่อท่านทั้งหลายทำไม่จริง ไม่สามารถยืนยันผลได้ กลายเป็นสิ่งที่คนทั้งหลายเอามาล้อเล่นกัน ปัจจุบันนี้คำว่า “อย่ามโน” ก็ติดปากคนไปทั่วกันทั้งสังคมแล้ว เพราะเกิดจากความไม่จริงจังในการปฏิบัติของเรานั่นเอง ทำให้เราไม่สามารถแก้ปรัปวาท คือ คำพูดในลักษณะของการดูถูก หรือกดข่มการปฏิบัติธรรมในสายของหลวงพ่อวัดท่าซุงได้

ฉะนั้น...ในส่วนของการจัดงานสวดพระคาถาเงินล้านครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการยืนยันผลการปฏิบัติตามสายพระกรรมฐานแล้ว ยังจะอาศัยสิ่งที่ญาติโยมทั้งหลายได้เห็น ได้ฟัง ได้ร่วมปฏิบัติในวันนี้ เป็นการยืนยันผลว่า สิ่งที่หลวงพ่อท่านสอนเรามานั้นมีผลจริงแน่นอน แต่ถ้าให้พวกอาตมาทั้งหลายไม่กี่รูปเป็นผู้ยืนยัน ก็จะได้อยู่ในวงแคบ แต่ถ้าพวกเราทั้งหลายทุ่มเทให้กับการปฏิบัติ จนกระทั่งเกิดผลขึ้นมา แม้จะเริ่มในส่วนที่หลายสำนักเรียกว่าไสยศาสตร์ ก็คือคาถาอาคม ได้แก่ พระคาถาเงินล้านก็ตาม แต่ถ้าเราทำแล้วได้ผลจริง ๆ ก็สามารถที่จะพัฒนาไปเหมือนอย่างโบราณาจารย์ที่ท่านมีกุศโลบายอันยอดเยี่ยม โดย
นำไสยศาสตร์มาพัฒนาเข้าสู่พุทธศาสตร์ สามารถนำพวกเราเข้าถึงมรรคผลมาทุกยุคทุกสมัย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2016 เมื่อ 12:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 15-01-2016, 07:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนนี้ขอให้ท่านทั้งหลายมั่นใจและเชื่อใจว่า ส่วนของการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าเราทำอย่างจริงจัง สม่ำเสมอ ผลย่อมเกิดขึ้นกับทุกคนอย่างแน่นอน เรื่องของมรรคผลยังเป็นอกาลิโก คือมีอยู่ในทุกกาล ทุกสมัย บุคคลที่ตั้งใจปฏิบัติจริงจัง ก็จะเสวยผลของความสุขในการปฏิบัติของตนตามลำดับ ตามกำลัง ตามการเข้าถึง

ส่วนท่านที่ไม่ได้ปฏิบัติ ไม่สามารถจะยืนยันผลได้ เราเองก็สามารถสนับสนุนพระพุทธศาสนาในด้านอื่น ๆ ได้ อย่างเช่นในด้านของทาน ของศีล เป็นต้น แต่ถ้าหากว่าท่านสามารถก้าวเข้าถึงการภาวนา โดยเฉพาะมีพระนิพพานเป็นเป้าหมายในเบื้องหน้า ก็จะเป็นสิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่าน พยายามชักนำเรามาตลอดชีวิตของท่าน จนกระทั่งมาถึงรุ่นของอาตมาทั้งหลาย ซึ่งในขณะนี้ก็เฒ่าชะแรแก่ชราไปตาม ๆ กันแล้ว อย่างตุ๊พ่อสิงห์ท่านปีนี้ก็ ๗๙ ปี ย่างเข้า ๘๐ ปี ต้องบอกว่าอายุใกล้พระพุทธเจ้าแล้ว หลวงตาวัชรชัยก็ ๗๔ ปี อาตมาก็จวนเกษียณ ๕๗ ปีกว่า ๆ แล้ว

ในส่วนนี้ถ้าท่านทั้งหลายยังประมาทอยู่ หลายคนที่ทันพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง แต่ว่ายังคงลากยาวมาจนถึงปัจจุบันนี้ โดยหาส่วนที่อวดกับรุ่นน้องรุ่นลูกรุ่นหลานไม่ได้เลย ก็พึงทราบว่า เราจะประมาท ปล่อยให้ชีวิตเอ้อระเหยลอยชายเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว เพราะว่าส่วนที่เราทำด้วยความประมาท เป็นการถ่วงคนอื่นเขา ภาระหน้าที่ของท่านทั้งหลายที่เกิดมา สำคัญที่สุดก็คือปฏิบัติเพื่อมรรคผลพระนิพพานของตนเอง ถ้าเราปฏิบัติเพื่อมรรคผลพระนิพพานของตนเอง ก็เป็นการแบ่งเบาภาระของหลวงปู่หลวงพ่อ ถ้าหากว่าเราปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพานของเราเอง ก็เป็นการค้ำจุนพระพุทธศาสนา

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ สำคัญตรงที่ว่าต้องทำจริงจังและสม่ำเสมอ ถึงจะเกิดผลได้ อย่าทำ ๆ ทิ้ง ๆ เหมือนระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ท่านทั้งหลายถึงเวลาจิตตก สมาธิตก กรรมฐานตก เกิดความฟุ้งซ่านวุ่นวาย จิตใจไหลตามกระแสกิเลสไป ตีคืนได้ยาก หกล้มหกลุกครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เคยเข็ด สมควรที่จะเข็ดเสียทีหรือยัง ? ถ้าเรารู้จัดเข็ดก็จะต้องรู้จักระมัดระวัง ประคับประคองใจของเราไม่ให้ไหลไปตามกระแสของ รัก โลภ โกรธ หลง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-01-2016 เมื่อ 14:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 133 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 15-01-2016, 11:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าเราสามารถประคองใจของเรา ไม่ให้ รัก โลภ โกรธ หลง กินใจของเราได้ ความผ่องใสของใจจะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ ถ้ายิ่งเราสามารถปฏิบัติในมโนมยิทธิได้ สามารถยกจิตขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพาน ขึ้นไปท่องเที่ยวบนพระนิพพาน จดจำอารมณ์ที่ปราศจากกิเลสแบบนั้น แล้วนำมาประคับประคองไว้ในใจของเราจนเคยชิน ทำบ่อย ๆ การเข้าถึงมรรคผลของท่านทั้งหลายจะเป็นของง่าย มโนมยิทธิของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เป้าหมายใหญ่อยู่ตรงนี้เอง ก็คือทุกคนรู้จักพระนิพพานได้ ไปพระนิพพานตรง จดจำอารมณ์นั้นมาปฏิบัติ จนกระทั่งเข้าถึงด้วยความมั่นอกมั่นใจว่าใช่แน่ เพราะเราคุ้นชินกับอารมณ์ใจนี้แล้ว

ถ้าทำมาถึงตรงจุดนี้ เราจะยืนยันได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า มโนมยิทธิที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน ยกเป็นธงสำคัญอย่างหนึ่งในคำสอนทั้งหลายทั้งปวงของท่านนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้จริง มีผลจริง อย่าให้คนเขาเอามาล้อเล่นกันได้ เพราะนอกจากจะสร้างความเสียหายแก่สายกรรมฐานของครูบาอาจารย์แล้ว ยังเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย เกิดโทษกับเขาโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2016 เมื่อ 12:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 115 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 15-01-2016, 11:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมาจึงขอฝากเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เอาไว้ให้แก่พวกเราว่า ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของตุ๊พ่อสิงห์ก็ดี ลูกศิษย์ของหลวงตาวัชรชัยก็ดี หรือว่าจะเป็นลูกศิษย์สายวัดท่าขนุน ลูกศิษย์สายของท่านพระอาจารย์นิลก็ตาม เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือปฏิบัติเพื่อมรรคผลพระนิพพานของตนเอง จะได้ค้ำจุนพระพุทธศาสนานี้ให้เจริญมั่นคงไปตราบ ๕,๐๐๐ ปี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ ต่อเมื่อเราทำจริงจนกระทั่งเห็นผลเท่านั้น

ดังนั้น...งานที่เราได้จัดขึ้นมาในวันนี้ นอกจากเป็นการแสดงออกซึ่งความรักใคร่สามัคคีอย่างเหนียวแน่น ในหมู่คณะศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงแล้ว ยังจักได้ประกาศผลของการปฏิบัติให้ผู้อื่นเขาได้เห็นด้วยว่า พวกเราทำกันจริงจังขนาดไหน สมบัติพ่อที่คนอื่นมองข้าม เราทั้งหลายสามารถนำมาสร้างเสริมความเจริญให้แก่ทั้งตนเองและสังคม ตลอดจนกระทั่งนำเอาพระคาถาที่คนส่วนหนึ่งมองข้ามนี้ มาเป็นบันไดในการที่เราจะก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ ด้วยการภาวนาอย่างจริง ๆ จัง ๆ นั่นเอง

เมื่อหลวงตาท่านมาแล้ว อาตมาก็ขออนุญาตมอบเวลาที่เหลือ ให้หลวงตาท่านได้กล่าวอะไรกับบรรดาท่านทั้งหลาย เพื่อเป็นกำลังใจในการประพฤติปฏิบัติบ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2016 เมื่อ 12:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 124 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 15-01-2016, 14:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงตา :วันนี้คงผิดหวังกัน “เปิดเน็ต” ไม่ติดแต่เช้า ...(หัวเราะ)... คือวันนี้ฟังพระอาจารย์เล็กพูดก็สมบูรณ์ทุกอย่างแล้ว เรียกอาจารย์เล็ก ไม่เรียกพระครูนะ ...(หัวเราะ)... ท่านเห็นหลวงพ่อมา เห็นพระในสายปฏิปทาคู่กับหลวงตา ท่านบวชหลังหลวงตา ๒ ปีเท่านั้นเอง ใช่หรือเปล่า ?

พระอาจารย์ :๔ ปีครับ

หลวงตา :๔ หรือ ? แต่ขยันกว่าหลวงตา สติปัญญาและความทรงจำดี แล้วขี้ขโมยคาถาหลวงพ่อท่าน ...(หัวเราะ)... จำอะไรต่ออะไรได้มากมาย แต่หลวงตาจะไม่มีความเพียรด้านนี้ แต่จะสังเกตความเป็นไปต่าง ๆ หรืออุปสรรคต่าง ๆ ในสายของเราได้พอสมควร พอมาสร้างวัด เมื่อสักครึ่งเดือนก่อนไปกราบท่านเจ้าคุณภาวนากิจวิมลหรือหลวงพี่นันต์ ก็บอกท่านว่าที่วัดเขาวงจะเป็นเพียงทางผ่านของพี่น้อง ที่วัดอื่นอย่างวัดท่าขนุน วัดวีระโชติฯ วัดธรรมยานแล้วก็วัดต่าง ๆ ที่กำลังรุ่งเรืองขึ้นมา ก็สอนกันไปตามวาสนาบารมี รับผิดชอบกันไปคนละจุด

ตรงวัดเขาวงก็จะตกแต่งรอไว้สำหรับพี่น้องร่วมสำนัก ร่วมสาย ซึ่งไม่เข้าใจปฏิปทาพระคุณหลวงพ่อชัดเจน เกิดความขัดแย้งกัน ไม่เข้าใจกันระหว่างสำนักหรือครูบาอาจารย์ หรือคำสอนต่าง ๆ หลวงตาก็อธิษฐานเอาไว้ว่าจะขอนั่งอยู่กับที่ตรงนั้น รอให้พวกเราไปคุย จะได้เข้าใจในสายของตระกูลธรรมะเรา ทำหน้าที่เพียงแค่นั้น คือเป็นทางผ่านของพี่น้องทั้งหลาย ส่วนอาจารย์ต่าง ๆ ก็รับผิดชอบกันเต็มความสามารถและวาสนาบารมีแล้ว วันนี้ก็ขอถวายคืนอาจารย์เล็ก ...(หัวเราะ)...
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2016 เมื่อ 15:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 119 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 15-01-2016, 14:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

(หลังจากพิธีสวดคาถาเงินล้านได้เสร็จสมบูรณ์)

พระอาจารย์ : เป็นอันว่างานที่พวกเราเตรียมการในระยะเวลาที่ค่อนข้างจะยาวนาน สำเร็จลงค่อนข้างจะเรียบร้อยดี ขออนุโมทนากับความดีที่ทุกท่านได้พร้อมใจกันทำในครั้งนี้ด้วย สิ่งที่เราทำ อันดับแรกคือเราได้ พอเราได้ เรามี เราถึงจะสามารถแบ่งปันให้กับผู้อื่นได้ ดังนั้น...คุณความดีที่เราสร้างมา เราทำแล้วถึงสามารถที่จะอุทิศแบ่งปันให้กับผู้อื่น ผู้อื่นยินดีและโมทนาด้วย ก็มีส่วนในผลบุญทั้งหลายเหล่านั้นของเรา

ท้ายสุดนี้ อาตมาในฐานะตัวแทนของพระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา ขออ้างบารมีคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยเฉพาะองค์หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นที่สุด ตลอดจนกระทั่งกุศลจริยาสัมมาปฏิบัติ ที่ท่านทั้งหลายได้บำเพ็ญมาแล้วทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งภาวนา จงมารวมกันตบะเดชะ พลวปัจจัย ดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายมีความปรารถนาที่สมหวังจงทุกประการ แม้ว่าจะปรารถนาพระนิพพาน ก็ขอให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้โดยทั่วกันทุกท่านทุกคนเทอญ ...(สาธุ)...

ต่อไปทำอะไรดี วันนี้เป็นวันเด็ก แต่ปรากฏว่าเรามีการจัดงานจัดเผื่อวันครูไปด้วย มาถึงตรงจุดนี้ทำให้นึกถึงพระคุณครูที่สำคัญที่สุดของพวกเรา ก็คือหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านเป็นครูที่เข้มงวดมาก แต่ขณะเดียวกันถ้าหากว่าสัมผัสและเข้าถึงจริง ๆ จะรู้ว่าที่ท่านเข้มงวดก็ด้วยความเมตตาต่อพวกเรา กลัวว่าพวกเราจะตกต่ำ ไหลลงสู่อบายภูมิ ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นไปได้ เช่นเดียวกับพ่อแม่พี่น้อง ปู่ย่าตายายที่พากันไปแล้ว ท่านถึงได้เข้มงวดกับพวกเราขนาดนั้น

โดยเฉพาะพระทุกรูปที่ได้บวชอยู่วัดท่าซุงก็ดี หรือว่าไปฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาปฏิบัติธรรม จะทราบว่าท่านเข้มงวดขนาดไหน ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้อาตมาซาบซึ้งมาตั้งแต่สมัยฆราวาสตราบจนเป็นพระ แต่ว่าจะมีอีกท่านหนึ่งก็คือหลวงตาวัชรชัย ท่านจะพบกับความเข้มงวดเด็ดขาดของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมามากกว่า ในส่วนนี้เราลองฟังจากหลวงตาท่านดูว่าโดนอะไรมาบ้าง จะได้รู้ว่าหลวงตาท่านแทบจะเป็นนักรบญี่ปุ่น ฮาราคีรีตัวเองมาแล้ว ขอถวายไมโครโฟนครับ ...(หัวเราะ)...
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2016 เมื่อ 15:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 116 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 15-01-2016, 14:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงตา :จะให้พูดจริง ๆ หรือ ? เอานิดเดียวนะ จะได้รู้เห็นถึงความเด็ดขาดและความเมตตาที่ท่านสอน ครั้งหนึ่งหลวงตามีความผิดจริง ๆ มากมาย ท่านเล็กจะรู้ หลวงพ่อเขียนหนังสือบอกเลยว่า “คนไม่ดี คนโลภอย่างวัชรชัย อย่าเอาอย่าง” แล้วที่ซอยสายลมก็มีหนังสือไปปิดว่า ไม่ควรเอาอย่างพระอย่างนี้ ทีนี้หลวงตาถ้าคิดไม่ออก เชือดคอตายแน่นะ ขนาดนั้นเลย หลวงตาก็อธิษฐานว่า พ้นคืนนี้ถ้าแสงอาทิตย์ขึ้น เคยเล่าให้ฟังแล้วนี่นา ? ถ้าคิดไม่ออก ไปบอกหลวงพ่อท่านไม่ได้ว่าเราผิดอย่างไร หลวงตา ลับดาบไว้แล้ว เอาวางบนพาน นั่งเมื่อยบรรลัยเลย คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก

พอจวนจะแจ้งสักตี ๕ ครึ่งถึงคิดออก ก็กราบพระ เสร็จแล้วก็ไปหาท่าน ก็ถามท่านเล็กที่เฝ้าหน้าห้องว่า “หลวงพ่อออกมาไหม ?”
วันนั้นท่านออกมาแต่เช้าเลย ตามธรรมดาจะออกมา ๑๐ โมง ๔๕ นาที ก็เข้ากราบเรียนท่านตามที่รู้สึก จะไม่เล่ารายละเอียด ตอนที่เข้าไปท่านไปนั่ง ตามธรรมดาท่านจะทักด้วย คราวนี้พอท่านเห็นหน้าปุ๊บ “มาทำไม ? ออกไป ไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว...!” เป็นหนูตายไหม ? หลวงตาต้องใจแข็งบอกว่า “หลวงพ่อไม่ต้องดุผมก็ได้ ผมรู้สึกตัวแล้ว” ท่านบอกว่า “ลองพูดมาสิ ว่าผิดอะไร” ท่านนั่งไม่ได้หันหน้ามามองเลยนะ ใครเคยโดนอย่างนี้บ้าง ? หลวงตาก็เล่าถวายให้ท่านฟัง พอพูดจบท่านหันหน้ามา จากหน้าท่านที่ดุมาก ๆ กลายเป็นเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ...ผ่องใสเลย หันมาบอกว่า “เออ...ดีแล้วลูกดีแล้ว เข้าใจก็ดีแล้ว”

เล่าให้ฟังว่าท่านลองกันขนาดที่ว่าจะขาดใจตาย คือหลวงตาเอาพานไปขอขมา ท่านไม่รับพาน ท่านบอกวางไว้อย่างนั้นแหละ หลวงตาอธิษฐานว่า ถ้าหากหลวงพ่อไม่รับพานขอขมา จะยืนตายที่หน้าวัด ยิงตัวตายกลางถนนเลย ถ้าหากว่าหลวงพ่อเห็นว่าเราไม่ผิด คิดได้และกลับตัวได้ ขอให้หลวงพ่อยกพานขึ้นมาเทินหัวครั้งหนึ่ง ลุ้นกันขนาดนั้น ไม่มีใครรู้เห็น มีนี่แหละ ...(พระอาจารย์เล็ก)... นั่งอยู่ข้างหน้าห้อง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2016 เมื่อ 15:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 118 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 15-01-2016, 14:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ :บังเอิญเฝ้าหน้าห้องท่านอยู่...เลยได้เห็น

หลวงตา : พอหลวงตาพูดอย่างนั้นนะ หลวงพ่อท่านก็บอกว่า “เอ้า...เอาพานมาลูก” เป็นพระคุณมาจนทุกวันนี้แหละ ท่านยกขึ้นเทินหัว ๓ ครั้ง ท่านก็บอก “เออ..เอาไปนะลูกนะ เอาไปไหว้พระในโบสถ์ จำไว้นะ...เรื่องเลวอะไรก็ตาม ถ้ารู้ว่าเลวแล้วก็ไม่มีอะไรหรอก ก็เป็นอนัตตาไป แก้ไขกันไป ถ้ารู้ว่าไม่ดีก็อย่าไปทำซ้ำอีก” ท่านพูดแค่นี้ แล้วก็บอกว่า "ไปได้...ไป"

โห...วันนั้นกินข้าวได้นะ ไม่อย่างนั้นตายแล้วลูก ตายไปนานแล้ว นี่คือความเมตตาของท่าน ท่านสอนชนิดไม่กลัวว่าลูกศิษย์จะขาดใจตาย ถ้าหากว่าแก้ไม่ได้ ทำอารมณ์ไม่ได้ก็น้อยใจตายไปเลย ลงนรกไปเลย


พระอาจารย์ : ทั้งคืนกลืนไม่ลงแม้แต่น้ำ แต่ทำไมตอนเพลฉันข้าวได้เยอะจัง ...(หัวเราะ)...

หลวงตา : ตอนเพลฉันได้เยอะเลย พวกพี่น้องในหอฉันเขามองนะ คือเขาประชุมแล้ว ประชุมไล่ออกจากวัดเลยนะ ก็มองมาทั้งหอฉันเลย พอหลวงตาเดินเข้ามาก็ไม่กล้าพูด กลัวเราจะตาย หลวงตาก็บอก “ฉันข้าวกัน อิ่มก่อนดีกว่า” พูดถึงความเมตตาของท่านก็แค่นี้แหละ หลวงตาไม่รู้อะไรมาก องค์นี้ ...(พระอาจารย์เล็ก)... ท่านจะเห็นจะรู้อะไรอยู่ตลอดเวลา แล้วจะจดจำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2016 เมื่อ 15:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 124 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 16-01-2016, 11:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ : หลวงพ่อของเราท่านสอนลูกศิษย์แบบไม่กลัวพวกเราตายจริง ๆ ส่วนใหญ่ก็คือด่าประจานกลางที่สาธารณะ เหตุที่ทำอย่างนั้นเพราะว่าเราจะได้จำ ต่อไปจะได้ไม่ผิดอีก อาตมาเองก็โดนกลางบ้านสายลม คนเยอะ ๆ อย่างนี้แหละ โดนตูมเข้าไปก็หัวหูแดงหมด แต่ว่าต้องหน้าด้านสู้ เพราะถ้าคนรู้ผิดแล้วแก้ไขเราก็จะไม่ผิดอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่หลวงพ่อท่านต้องการ แต่ถ้าหากว่าเราไม่สู้ ก็เสียประโยชน์ไปเลย เสียดายว่ามีพี่ ๆ หลายท่านไม่เข้าใจตรงจุดนี้ ว่าที่พ่อตีเพราะเมตตา พอโดนเข้าก็มักจะขอตัว อย่างเช่นว่าเป็นเวรอยู่เฝ้าหน้าตึกท่าน ก็ขอย้ายไปที่อื่น พูดง่าย ๆ ว่าไปหลบเลียแผลใจ

แต่ว่าพวกเราค่อนข้างจะหน้าด้าน โดนเท่าไรไม่ค่อยจะยุบ หลวงพ่อท่านก็เลยนิยมเรียกใช้งาน ก็กลายเป็นเหมือนอย่างกับจะเรียกว่า “เด็กเส้น” ก็ไม่ใช่ แต่เขาเห็นเป็นอย่างนั้น ก็คือ ทำไมคนอื่นโดนแล้วหลวงพ่อท่านก็เลิกใช้งาน แต่คู่นี้โดนแล้วท่านก็ยังใช้ไปเรื่อย เลยกลายเป็นว่าดีเหมือนกัน เท่ากับท่านใส่เกราะให้พวกเรา พูดง่าย ๆ ว่าถ้าพี่ ๆ น้อง ๆ ใครจะแอบงับสักหน่อยก็คงจะติดเกราะสักนิดหนึ่ง เพราะโบราณท่านบอกว่า จะตีหมาก็ต้องดูเจ้าของก่อน ...(หัวเราะ)...

ในส่วนนี้ถ้าพวกเราเองไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่โดนมา จะไม่รู้ว่าในความเข้มแข็งเด็ดขาดที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านมี ชนิดที่เรียกว่าถ้าหากงานไม่เสร็จก็หิ้วหัวกลับมา แต่ความจริงก็คือท่านรักและเมตตาพวกเรา หวังกระตุ้นให้เกิดความสำเร็จ

ส่วนอีกด้านหนึ่งของหลวงพ่อที่ท่านมีเมตตามาก ๆ เลย ส่วนใหญ่จะแสดงออกกับญาติโยมทั้งหลาย ญาติโยมถึงเวลาสามารถเข้าหาได้ตลอด อย่างอาตมาสมัยฆราวาสก็เหมือนกัน จะเกาะแข้งเกาะขาเมื่อไรก็วิ่งเข้าไปได้ แต่พอเป็นพระแล้วคนละเรื่องกันเลยนะ ขอยืนยันว่าคนละเรื่องกันเลย แต่มีพระอยู่รูปหนึ่งที่หลวงพ่อท่านรักและเมตตาสม่ำเสมอมาตลอด ก็คือตุ๊พ่อสิงห์ของเรา ตุ๊พ่อของเราต้องบอกว่าท่านมีพรพิเศษอย่างไรก็ไม่ทราบ ที่พวกเราไม่อาจจะเข้าใจได้ เพราะว่าหลวงพ่อไม่เคยดุไม่เคยด่า ไม่เคยโดนอะไรหนัก ๆ อย่างพี่น้องคนอื่นเขา ฉะนั้น...ในส่วนนี้ก็ต้องกราบรบกวนตุ๊พ่อด้วยว่าทำบุญอะไรมาครับ ? โปรดช่วยเมตตาชี้แจงแถลงไขด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2016 เมื่อ 19:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 102 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 16-01-2016, 11:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตุ๊พ่อสิงห์ :วันนี้หูไม่ค่อยดี ...(หัวเราะ)... ฟังครูบาอาจารย์พูดก็ได้ยินไม่ชัด รู้บ้างไม่รู้บ้างเน้อ แต่พูดถึงความรู้และความประทับใจที่องค์หลวงพ่อให้ ตุ๊พ่อไปอยู่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อแล้ว นึกว่าเราจะต้องจด เวลาท่านเทศน์อะไรก็เอาหนังสือจด ๆ ไว้เป็นเล่ม ๆ แล้วก็มานั่งคิดว่าจะพิจารณาปฏิจสมุปบาทให้เข้าใจ คงจะเป็นทางตรัสรู้ ทางพ้นทุกข์

หลวงพ่อบอกว่า “บางคนก็บ้าตำรานะ นั่นจะบ้าไปแล้ว อย่าไปบ้าตำรา มาฟังธรรมให้ไตร่ตรองเอาทางที่จะปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิปทาท่านผู้เฒ่า ตั้งแต่ม้วนที่ ๑๑ ถึงม้วนที่ ๑๓ อันนั้นแหละตรงที่สุด ดีที่สุด ไม่ต้องไปบ้าตำรา ไม่ต้องไปเล่นปฏิจสมุปบาท อวิชชาปัจจะยา สังขารา ไม่ต้อง ไม่จำเป็น” ท่านว่าอย่างนั้นนะ

ตุ๊พ่อก็สะเปะสะปะ อยู่วัดท่าซุงก็นิดเดียว ความรู้ทั่วไปก็ได้น้อย แต่ที่ประทับใจอีกเรื่องหนึ่งนอกจากนักบ้าตำราแล้ว ท่านบอกว่า “ตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก ถ้าเราอยากไปพระนิพพานก็ต้องตื๊อทำเอาไว้ทุกวัน ๆ ตื่นเช้าขึ้นมาก็นึกถึงความตาย ตายชาตินี้ขอเป็นชาติสุดท้ายเน้อ ขอไปอยู่กับพระพุทธเจ้า อยู่กับองค์หลวงพ่อบนพระนิพพานเน้อ จะหลับจะนอนก็นึกอย่างนี้อีก ขอเป็นสาวกองค์พระพุทธเจ้า ตายคืนนี้ก็ไปอยู่กับองค์หลวงพ่อ อยู่กับองค์พระพุทธเจ้าที่พระนิพพานเน้อ ถ้ายังไม่ตายก็พยายามประคองกาย วาจา ใจให้ได้ตามองค์หลวงพ่อไปให้ได้”

ตุ๊พ่อก็ไปแอบจับหลังอาจารย์เล็กตอนบวงสรวงที่วัดท่าขนุน เออ...ขอเกาะชายจีวรไปด้วยเน้อ ...(หัวเราะ)... ขอเกาะสักคน องค์นี้ก็ขอเกาะ (หลวงตา) ถ้าบารมีเราอ่อนก็ขอพึ่งบารมีลูกหลานของหลวงพ่อทุกคน ของโยมทุกคนด้วยเน้อ บารมีคุณงามความดีขององค์พระพุทธเจ้าทั้งหลาย องค์พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พระธรรมและพระอริยสงฆ์สาวก ครูบาอาจารย์ลูกหลานหลวงพ่อทุกคน ได้โปรดมาตั้งอยู่ในกาย วาจา ใจ ของตุ๊พ่อ ตุ๊พ่อใกล้ตายกว่าเขานี่ ตายแล้วขอไปอยู่ในพระนิพพานเน้อ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2016 เมื่อ 19:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 100 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 16-01-2016, 11:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล็ก : ในเรื่องของการบวงสรวงที่ตุ๊พ่อท่านว่ามา โดยปกติแล้วลูกศิษย์สายวัดท่าซุงจะอาศัยเสียงเทปของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นหลัก แต่หลายท่านสงสัยว่าทำไมอาตมาบวงสรวงด้วยตนเองมาตลอด ก็เพราะว่าพอไปเริ่มสร้างเกาะพระฤๅษีก็ใช้วิธีเดิม ก็คือเปิดเสียงหลวงพ่อในการบวงสรวง แต่ว่าวันนั้นพอเปิดก็มีเสียงเหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาเลยว่า “นี่แกใช้ข้าจนกระทั่งตายแล้วยังจะใช้ต่อไปอีกหรือ ?” ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็เลยยกหลวงพ่อไว้เหนือหัว “ขออนุญาตครับ” เสร็จแล้วก็จัดแจงบวงสรวงแทนท่านไปเลย

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็อยู่ในลักษณะนี้ ก็คือในเมื่อพ่อด่าแปลว่าควรที่จะยืนด้วยตัวเองสักทีแล้ว ไม่ใช่เอะอะก็เกาะกันอยู่ตลอด ท่านจะสอนให้พวกเรายืนด้วยตัวเองมาตลอด ไม่เคยสอนให้ไปเกาะกายเนื้อของท่าน แต่ว่าบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายที่ได้รับฟังคำสอนของท่านก็ดี ฟังเทปก็ดี ส่วนใหญ่แล้วมักจะไปยึด ไปเกาะที่องค์ท่านแทน ลืมสังเกตในคำสอนนั้นไป ที่ท่านบอกอยู่เสมอว่า “ไม่มีใครสามารถเป็นที่พึ่งของเราได้ตลอด ถึงเวลาต่างคนก็ต่างตาย ต่างคนก็ต่างไป” ในเมื่อโดนเข้าไปเต็ม ๆ ลักษณะอย่างนั้น อาตมาก็เลยจำทนหน้าด้าน ถึงเวลาบวงสรวงก็นึกของบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหมเทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหมด มีหลวงปู่หลวงพ่อนั่งอยู่เหนือเศียรเหนือเกล้า แล้วก็ว่าไปเลย

แต่ว่าพอทำอยู่ในลักษณะนี้แล้วกลับกลายเป็นว่าสิ่งต่าง ๆ ที่ทำเกิดมีผลมากขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะว่าหลวงพ่อท่านเหนื่อยน้อยลงก็เลยมีแรงให้เราใช้มากขึ้นหรืออย่างไรก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

ในส่วนของสิ่งที่เราได้รับสัมผัสจากหลวงพ่อตรง ๆ ด้วยกายเนื้อก็ดี ด้วยในลักษณะของความเป็นทิพย์ก็ดี ไม่ใช่แต่อาตมาเอง แม้แต่หลวงตาวัชรชัยท่านก็ได้รับมาอยู่ตลอด เพียงแต่ว่าในส่วนที่บอกเล่ากับพวกเราได้อาจจะมีน้อยกว่าความเป็นจริง เพราะบางอย่างก็เป็นเรื่องที่เป็นส่วนตัวจนเกินไป เราก็ลองฟังจากหลวงตาดูบ้าง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราได้รับจากหลวงพ่อท่านมามีอะไรบ้าง อาจจะดุเด็ดเผ็ดมันหรือดราม่าน้ำตาไหลจ๊อกก็ลองฟังดู
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 16-01-2016, 11:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงตา :ที่หลวงตารับมาท่านเล่าหมดแล้ว

พระอาจารย์ : เอ้า...ตกลงเอาแค่นั้นจริง ๆ หรือ ? เขาเรียกว่าไม่รับลูกยังไม่พอ เตะออกนอกสนามอีกต่างหาก เดี๋ยวต้องปรับตกดิวิชั่นก่อน

ในส่วนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน อาตมาออกจากวัดไปประมาณ ๖ เดือน ไปเริ่มก่อสร้างเกาะพระฤๅษี มีอยู่เช้ามืดวันหนึ่งก็ตั้งใจเจริญกรรมฐาน แล้วเห็นภาพหลวงพ่อท่านเดินเคาะประตูบ้านลูกศิษย์ ไปถึงก็เอาไม้เท้าเคาะประตูบ้านนี้ก๊อก ๆ ประตูบ้านนั้นก๊อก ๆ ท่านเองท่านก็มาในลักษณะเดียวกับตอนที่อยู่วัด ก็คือนุ่งสบงกับอังสะ ถือไม้เท้าไป จีวรก็ไม่มีหรอก

อาตมาพอเห็นเข้าก็ปรี่เข้าไปกราบเท้าท่านก่อน แล้วก็อย่างที่บอก ด้วยความที่ใจกล้าหน้าด้าน จึงกราบเรียนถามท่านว่า “หลวงพ่อครับ ตายแล้วยังเหนื่อยขนาดนี้เลยหรือครับ ?” เพราะว่าท่านไปไล่เคาะบ้านทีละบ้านจริง ๆ หลวงพ่อท่านก็แกล้งทำท่าปาดเหงื่อ บอกว่า “ตายแล้วเหนื่อยกว่าเป็นหลายเท่าเลย เพราะว่าอีตอนเป็นเขาเรียก ข้าแกล้งทำไม่ได้ยินได้ แต่อีตอนตายแล้วนี่ใครเรียก ดันได้ยินทุกคน”

ฉะนั้น...ถ้าหากว่าญาติโยมทั้งหลายตั้งใจระลึกถึงองค์ท่าน โดยเฉพาะช่วงเช้ามืดระหว่างตีสองถึงตีห้าโดยประมาณ ถ้าใครตื่นมาเจริญกรรมฐาน ระลึกถึงท่านให้เป็นปกติ อาตมาเชื่อว่าจะมีประสบการณ์ได้เห็นท่าน ถ้าหากว่าไม่ผ่านทางทิพจักขุญาณ บางท่านก็เห็นด้วยตาเนื้อ ๆ เลย ในส่วนของการเห็นด้วยตาเนื้อ ๆ มีโยมหลายคนเขาเล่าให้หลวงตาวัชรชัยฟัง หลวงตาช่วยเมตตาขยายหน่อยครับ ...(ฮา)...
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2016 เมื่อ 19:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 103 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 17-01-2016, 11:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงตา : ขอเล่าเรื่องที่พวกเราหลายคนอาจจะรู้เกี่ยวกับมโนมยิทธิ มี พระทางเชียงราย ๗ องค์อยู่ในสำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ได้มาเรียนมโนมยิทธิที่วัดท่าซุง เรียนกับครูเปี๊ยก (คณิตพร บุณยเกียรติ) แล้วก็กลับไปปฏิบัติธรรม ๗ องค์นี้จะปฏิบัติเคร่งครัด ช่วยเขาทำงานน้อย เขาก็เสียดสีเอา ว่าเอาทุกวัน เดินผ่านไปไหนเขาก็ว่า “ไอ้พวกพระอรหันต์มาแล้ว” อะไรอย่างนี้นะ

ท่านไปเรียนมาแล้วก็ทำกรรมฐานตามที่หลวงพ่อให้ครูสอนว่า เวลาทำวิปัสสนาญาณแล้ว ยกจิตออกจากร่างกาย เสร็จแล้วเอาจิตขึ้นไปอยู่กับพระพุทธเจ้า อธิษฐานต่อหน้าท่านว่า “บุญอันใดที่หม่อมฉันทำมา ถ้ายังไม่ครบถ้วนในด้านใดก็ดี ขอให้พระหรือครูบาอาจารย์ที่เคยสั่งสอนมาในอดีตชาติที่รู้จักเราดี ช่วยสอนมาระหว่างจิตต่อจิตโดยไม่ต้องผ่านขันธ์ ๕ ถ้าความเลวอะไรที่ยังอยู่ในใจเรา ท่านรู้ดีว่าเรายังเลวแค่ไหน ควรจะเอาธรรมะข้อไหนมาใส่ มาแก้กัน ก็โปรดสอนมาระหว่างจิตต่อจิต ให้ความดีกับความเลวทำงานกันโดยอัตโนมัติ โดยในความเป็นทิพย์ด้วยเถิด” แล้วก็ภาวนาไป ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็หน้าด้านทำอย่างนี้ไป

พระ ๗ องค์นั้นก็ไปทำอย่างนี้ พอไปทำอย่างนี้มีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อท่านก็เล่าให้ฟังว่า เช้ามืดสมเด็จท่านให้ไปรับรองพระหน่อย ท่านก็ไป พระ ๗ องค์เห็นหลวงพ่อไปนั่งอย่างนี้แหละ ไม่ใช่เห็นในทิพจักขุญาณนะ ไปนั่งแบบกายเนื้ออย่างนี้แหละ ไปรับรองบอกว่าพระพุทธเจ้าให้มาบอกท่าน เออ...แต่เดี๋ยวก่อน ก่อนจะไปรับรองน่ะ ท่านก็เล่าให้หลวงพ่อฟังว่าตื่นขึ้นมาหลังจากลงมาจากข้างบน วันนี้มันรู้สึกเบาไปหมด รุ่งขึ้นเช้าเดินไปในทางที่เขาเคยด่า จากที่เคยโกรธหรือเคยต้องแก้อารมณ์ก็ไม่โกรธ รู้สึกเบา ๆ รู้สึกสงสารเขา ใจเบาไปทุกอย่าง แล้วคืนนั้นหลวงพ่อก็ไป

พระพุทธเจ้าให้มาบอกว่า คุณจบกิจของพระศาสนาแล้วทั้ง ๗ องค์ แล้วเขาก็มาเล่าให้หลวงพ่อฟังว่าเห็นอย่างนี้แหละ กายเนื้อ ๆ เลย ก็เป็นเรื่องอานุภาพของท่านให้เห็นได้ด้วย ก็เป็นอย่างที่อาจารย์เล็กบอกแหละ ปรารถนาอะไรก็จะได้ตามวาสนาบารมีของตัวเมื่อถึงเวลานะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2016 เมื่อ 17:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 92 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 17-01-2016, 11:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ : อีกท่านหนึ่งซึ่งตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ก็คือหลวงพ่อวิชัย วัดถ้ำผาจม หลวงพ่อมรณภาพวันนั้น หลวงพ่อวิชัยก็ถึงวัดเย็นวันนั้น ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเชียงรายมาถึงอุทัยธานี เหยียบรถอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะมาทัน

หลวงพ่อวิชัยบอกว่า ท่านกำลังเจริญกรรมฐานอยู่ หลวงพ่อวัดท่าซุงไปบอกว่า “ข้าไปแล้วนะ” ท่านก็เลยแปลกใจแล้วก็ต้องบอกว่าตกใจด้วย จึงรีบให้ลูกศิษย์ขับรถตรงดิ่งไปวัดท่าซุง ปรากฏว่าไปทันรับศพหลวงพ่อกลับจากโรงพยาบาลพอดิบพอดี นี่คือเรื่องท่านไปปรากฏให้ลูกศิษย์ได้เห็น

แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่หลวงพ่อท่านสรรเสริญ เพราะท่านบอกว่าสิ่งที่ท่านต้องการก็คือ ความดีในใจที่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายจะพึงมีพึงได้ ในเมื่อเป็นส่วนของความดีในใจที่ลูกศิษย์จะพึงมีพึงได้ หลายท่านที่เจริญกรรมฐานในช่วงเช้ามืด บางทีพอติดขัดตรงไหน บางคนก็ได้ยินเป็นเสียง บางคนก็เห็นท่านมาเป็นองค์ บางคนก็เห็นในนิมิต ได้รับการแก้ไขข้อธรรมทั้งหลายเหล่านั้นที่ตนเองติดขัดอยู่ จนกระทั่งลุล่วงไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2016 เมื่อ 18:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 92 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 17-01-2016, 11:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะในส่วนของมโนมยิทธิ ที่ท่านให้ซักซ้อมอยู่เสมอ ถ้ายังไม่สามารถเป็นหมอดูได้ ไม่ถือว่าได้มโนมยิทธิ คำว่าเป็นหมอดูในที่นี้ ท่านสอนวิธีรักษาอารมณ์ว่า อย่าเผชิญหน้ากับคนถาม เพราะว่าเวลาเขาซักถามมาก ๆ บางทีเราเกิดอารมณ์ขึ้นมา หงุดหงิดบ้าง โกรธบ้าง เขาถามไม่รู้จักแล้วจักเลิก สมาธิจะคลายตัว แล้วก็ทำให้ทิพจักขุญาณมัวลง ทำให้ผิดพลาดได้ง่าย

ดังนั้น...ถ้าใครจะทดสอบมโนมยิทธิด้วยการเป็นหมอดู ก็ต้องซักซ้อมกันบ่อย อาตมาเองโดนหลวงพ่อท่านสั่งให้ไปนั่งข้างถนน หลับตาลงทำใจสบาย ๆ พอได้ยินเสียงรถที่วิ่งมา ให้บอกว่ารถที่วิ่งมาคันนี้สีอะไร เรา จะได้รับคำตอบเดี๋ยวนั้นเลย แล้วเราก็ลืมตาดู แต่ต้องเป็นวัดท่าซุงสมัยที่รถเมล์ยังวิ่งผ่านหน้าวัดอยู่ รถบัสยังวิ่งผ่านหน้าวัดอยู่ ต้องข้าม "เท้ง" ที่ตรงมโนรมย์ ถ้าเป็นสมัยนี้ไม่ได้หรอก หลับตาลงไม่ทันจะลืมก็ผ่านมา ๘ คัน ๑๐ คันแล้ว

หลังจากนั้นพอถูกสัก ๘ ใน ๑๐ ท่านก็ให้เพิ่มรายละเอียดว่ารถสีอะไร คนนั่งมากี่คน พอตรงไหนถูกให้จำไว้ว่าเราวางอารมณ์อย่างไร ตรงไหนผิดไม่ต้องจำ เราก็จะจำได้ว่าอารมณ์อย่างนี้ ๆ ถึงจะถูก พอจำได้ต่อไป เรากำหนดอารมณ์ใจลักษณะอย่างนั้น เราก็จะได้รายละเอียดเพิ่มขึ้นอีกว่ารถมาสีอะไร คนนั่งมากี่คน ผู้หญิงกี่คน ผู้ชายกี่คน แต่ละคนใส่เสื้อผ้าสีอะไร จนกระทั่งท้ายสุด กระทั่งเลขทะเบียนอะไรก็บอกได้

ในส่วนนี้คือส่วนที่หลวงพ่อท่านเคี่ยวเข็ญมา แล้วก็ต้องมีลูกศิษย์ที่บ้าพอที่จะทำตามที่ท่านบอก ไม่อย่างนั้นแล้วท่านบอกให้ไปนั่งข้างถนน ก็จะไม่มีใครที่กล้าจะไปนั่งอย่างนั้น เพราะอายคนอื่นเขา อย่าลืมว่าถ้าอายจะไม่ได้วิชา แต่ว่าถ้าไปทำกรุณาอย่าบอกใคร อาตมาสมัยนั้นกองเชียร์เยอะ พอถึงเวลาเสียงรถมาสีอะไร ตอบว่าสีฟ้า เป็นรถกระบะ ลืมตาขึ้นมาใช่ ด้านกองเชียร์ก็ตบมือเฮกันลั่น สมาธิดีแค่ไหนก็พังหมด ต้องไปตั้งหลักกันอยู่พักใหญ่ กว่าที่สมาธิจะทรงตัวได้เหมือนเดิม

ในส่วนนี้เป็นเทคนิคของการฝึกอย่างหนึ่ง ที่พวกเราทุกคนในวัดในช่วงนั้น ต่างคนต่างจะมีเทคนิคเฉพาะตัว ซึ่งอาตมาเองก็ได้รับคำแนะนำจากหลวงตามามากต่อมากด้วยกัน เพราะฉะนั้น...ถ้าหลวงตามีวิธีอะไรบอกให้ลูกหลานปฏิบัติได้สะดวก ๆ ง่าย ๆ เป็นเทคนิคในการเข้าถึงธรรม หรือเข้าถึงวิชาความรู้ นิมนต์โปรดแนะนำด้วยครับ ...(ฮา)...
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-01-2016 เมื่อ 21:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 88 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 17-01-2016, 11:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงตา :ข้อนี้ยินดีบอก เพราะว่าหลวงตาไม่ลำบากอย่างท่านเล็กเลย ไม่ต้องทำอย่างนั้นเลย คือหน้าที่ของท่านจะต้องรู้ ต้องเห็นภาพอะไรทั้งหมดในการงานใหญ่นี้ แต่งานหลวงตาจะเป็นงานเล็ก ๆ อยู่ตรงนั้น หลวงตาจำหลวงพ่ออย่างเดียวว่า “ถ้าแกจับภาพของพระพุทธเจ้าหรือพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งติดตาติดใจ จับไว้ไม่ต้องเปลี่ยน เวลาเกิดปัญหาอย่างไรก็ถามท่าน ท่านว่าอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น”

พอหลวงตามีปัญหาก็นึกถึงหลวงพ่อ “หลวงพ่อครับ เรื่องนี้เอาอย่างไรดี ? จะให้ผมพูดอย่างไรก็ใส่เข้ามาในหัวผมเลย ถ้าไม่ใส่ก็ถือว่าไม่ใช่หน้าที่ของผมนะครับ” หากินอย่างนี้มาตลอด ไม่ลำบากขนาดนี้


พระอาจารย์ :สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง หลังจากเจริญกรรมฐานตอนทุ่มครึ่งแล้ว พวกเราส่วนหนึ่งก็จะมาชุมนุมกันที่สโมสรหน้าร้านอาหารป้ากิมกี คือที่ใต้หอระฆัง ซึ่งอาตมาเองตอนนั้นก็เป็นพระใหม่ บรรดาเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่เพิ่งจะ ๒-๓ พรรษาก็ยังเป็นพระใหม่กันอยู่ เราก็หาว่าใครจะเป็นที่พึ่งให้กับเราได้ ก็ปรากฏว่ามีหลวงตาวัชรชัยนี่แหละ ที่ท่านยอมดอกพิกุลร่วง ก็คือไม่หวงความรู้ พอพวกเราไปแคะไปไค้ ท่านก็เมตตาบอกมา สอนมา

มีบางวันสิ่งที่หลวงตาบอก พวกเราฟังแล้วรู้สึกโลกนี้สว่างไปหมด รู้สึกว่าท่านให้อะไรมามากมายมหาศาลเหลือเกิน ตอนฟังก็ตั้งใจฟัง รู้เข้าไปในใจ แต่อธิบายเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ บอกว่าหลวงตาช่วยพูดอีกทีสิ หลวงตาท่านบอกว่า “กูก็ไม่รู้ว่าใครจับปากกูพูด” ลองให้หลวงตาท่านเล่าดูว่า อารมณ์นั้นเป็นอย่างไร อารมณ์ที่พูด ๆ ไปแล้วไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกมา นิมนต์เลยครับหลวงตา ...(หัวเราะ)...
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2016 เมื่อ 18:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 91 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 17-01-2016, 12:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงตา :เอาอย่างนั้นหรือ..? ไม่มีปัญหา เอาเรื่องจริงนะ ตอนพรรษาแรกหลวงพ่อให้สอนมโนมยิทธิ เป็นองค์หนึ่งที่หลวงพี่อาจินต์ท่านคัดแล้วก็เสนอหลวงพ่อ ก็ได้สอน ไอ้หนูเอ๊ย...มีอยู่วันหนึ่ง หลวงตาสอนอยู่ห้องกระจกเบอร์ ๖ นั่งสมาทานกรรมฐาน ทีนี้พระหรือคนที่จะเข้าไปเรียนต้องไปนั่งรอในห้อง เราก็เห็นจากห้องสมาทานหน้าพระประธานในวิหาร ก็มีพระอยู่องค์หนึ่ง นั่งเหลียวซ้ายมองขวา ชะเง้อไปชะเง้อมา ไอ้เราก็คิด “ไอ้ห่...นี่ไม่สำรวมเลย เดี๋ยวกูจะเข้าไปอัดให้...!” จะไปทำร้ายเขานะสิ

พอเข้าไปปั๊บก็สอนนำวิปัสสนาญาณ ท่านก็น้ำตาไหลเลยนะ เอ...ก็เข้าใจดี เสร็จแล้วก็บอกว่า “ตั้งใจนะ นึกถึงครูบาอาจารย์ที่เราเคารพได้ไหม ?” ท่านบอก “ไม่ได้ครับ” อ้าว..ฉิบห...แล้ว ทำอย่างไรวะ ? “นึกถึงโบสถ์ที่เราบวชมาได้ไหม ?” ท่านบอกว่า “ไม่ได้ครับ” “อ้าว...แล้ววันที่คุณบวชนึกถึงพระอุปัชฌาย์ได้ไหม ?” “ไม่ได้ครับ” “เฮ้ย..
อย่างนี้มึงลืมตาเลย”

“มึงมาทำไม ? มาแซวอะไรกันขนาดนี้” โอ้โห...ท่านร้องไห้เลยนะ ท่านกราบบอกว่า “อาจารย์ครับ อย่าว่าผมเลย ผมไม่ได้กราบเรียนว่าผมบวชได้ ๒ พรรษา ผมก็เรียนตามที่หลวงพ่อสอน ทำกสิณ ทำอะไรไปแล้วก็ออกธุดงค์ไป ปีนี้เป็นปีที่ ๑๐ ตั้งแต่ปีที่ ๒ มา ประกายพรึกจับชีวิตผมเลย มองต้นไม้ก็เป็นประกายพรึก มองภูเขาก็เป็นทั้งลูกเลย ผมคลายอารมณ์ไม่ได้ ทำอย่างไรผมถึงจะเพิกอารมณ์อย่างนั้น แล้วอธิษฐานเป็นทิพจักขุญาณหรือต่อมโนมยิทธิได้” เราฟังแล้วบอก “หลวงพ่อครับ...ผมฉิบห...แล้ว ! ผมเจอเสือร้ายเข้าแล้ว” ไม่สามารถจะตอบได้เด็ดขาด ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เลย

“หลวงพ่อครับ ผมเป็นครูประจำห้องที่หลวงพ่อแต่งตั้ง ถ้าหลวงพ่อไม่จับปากผมพูด ก็ฉิบห...ละวันนี้ เสียชื่อวัดท่าซุงด้วย หลวงพ่อเมตตาด้วยเถิดครับ” หลวงพ่อท่านก็เสียบปลั๊กเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2016 เมื่อ 18:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:14



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว