กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 17-08-2023, 18:15
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 335
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,299 ครั้ง ใน 808 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default ปกิณกธรรมสัปดาห์วันแม่ วันเสาร์ที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ - ช่วงบ่าย

ปกิณกธรรมสัปดาห์วันแม่ วันเสาร์ที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ - ช่วงบ่าย



แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พิชวัฒน์ : 17-08-2023 เมื่อ 19:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-08-2023, 00:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,368
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยอาตมภาพเรียนอยู่กองโรงเรียนของทหาร ครูฝึกเขาบอกว่า "เวลานอนของท่านยังมีอีกมากในหลุมศพ" แปลว่าตอนนี้อย่าเพิ่งนอน..!

การกิน การนอน การเสพกาม การเสวยอำนาจ ทั้ง ๔ อย่างนี้ ถ้าไม่ใช่บุคคลผู้เห็นภัยในวัฏสงสารจริง ๆ แล้ว ไม่สามารถที่จะละได้

บางคนตกเป็นทาสปาก ทาสลิ้นของตัวเอง จะกินอะไรก็หามาให้ แต่ร่างกายไม่เคยฟังเรา กินแล้วจงอย่าหิวอีก ก็ไม่ฟัง กินแล้วจงอย่าป่วย ก็ไม่ฟัง กินแล้วจงอย่าตาย ยิ่งไม่ฟังใหญ่เลย แล้วจะกินไปทำไม..!

แต่พออดข้าวหน่อยเดียว ตั้งใจเต็มที่เลยว่าจะต้องลดความอ้วนให้ได้ อดอาหารมื้อแรกไม่ถึง ๑๕ นาที ปวดหัวแทบตาย ต้องไปกินแล้ว เพราะว่ากลัวตาย..!

ระบบเมตาบอลิซึมของร่างกายของเราต้องการความเคยชิน ถ้าเราไม่มีให้สัก ๒-๓ วันติดกัน ระบบจะจำได้ว่าตอนนี้ไม่มีให้กิน วันถัดไปก็จะจำได้ว่าตอนนี้ไม่มีให้กินแล้ว ก็จะเลิกอาละวาดไปเอง ตอนที่ร่างกายอาละวาดเพราะกลัวเราจะตาย ก็จะแสดงออกให้รู้ว่าถ้าไม่กินแล้วจะเป็นอย่างนี้ หิวไส้จะขาด ไม่ก็ปวดหัวแทบแตก นั่นเป็นระบบเตือนของร่างกาย เราก็แค่บอกกับร่างกายว่า "ตอนนี้ไม่มี เอ็งกลับไปนอนซะดี ๆ" พอ ๓ วันผ่านไป ร่างกายก็จะรู้ว่า มื้อนี้ ตอนนี้ ไม่มีอาหารให้อีกแล้ว ก็จะไม่ทวง

เพียงแต่ว่าพวกเรามักจะทนการทวงของร่างกายไม่ไหว ก็เลยยอมกินทุกที ทำให้ลดความอ้วนไม่สำเร็จบ้าง รักษาศีล ๘ ไม่สำเร็จบ้าง อย่างที่อาตมภาพบอกว่า ถ้าใครห้ามปากตัวเองได้ จะรักษาศีลได้ทุกข้อ ต่อให้เป็นศีล ๒๒๗ ข้อของพระก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะว่ากำลังใจในการหักห้ามตนเองไม่ให้ละเมิดศีล กับกำลังใจในการหักห้ามตนเองไม่ให้กินนั้น ใช้กำลังใจเท่ากัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2023 เมื่อ 03:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-08-2023, 00:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,368
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การปฏิบัติธรรมครั้งที่แล้ว ได้บอกเล่ากับญาติโยมไปว่า อาตมภาพรักษาศีลก่อนไปเรียนทหาร การเรียนทหารเขาสอนให้เราโกหก วิ่งมาจนกระทั่งเหงื่อเปียกโชกอย่างกับราดน้ำ ครูฝึกถามว่า "เหนื่อยไหม ?" ต้องตอบว่า "ไม่เหนื่อย"

ตั้งแต่ ๐๕.๐๐ น. ยัน ๐๗.๓๐ น. ทั้งวิ่ง ทั้งกายบริหาร ยังไม่มีอาหารลงถึงท้องเลย มายืนอยู่หน้าโรงอาหาร เขาตะโกนถามว่า "หิวไหม ?" ต้องตอบว่า "ไม่หิว" ตอแหลชัด ๆ..!

อาตมาภาพรักษาศีล ไม่เคยโกหก เพราะฉะนั้น..พอครูฝึกถามว่า "หิวไหม ?" เราก็รอเพื่อนตะโกนก่อนว่า "ไม่" แล้วเราค่อยส่งเสียงตามตรงคำว่า "หิว" เขาถามว่า "เหนื่อยไหม ?" พอเพื่อนขึ้นว่า "ไม่" เราก็ตะโกนต่อไปพร้อมกับเพื่อนตรงคำว่า "เหนื่อย" ใส่ไปเต็ม ๆ เลย เราไม่โกหกใคร..! เห็นหรือยังว่าถ้าพอจะมีปัญญาอยู่บ้าง ต้องรักษาศีลได้ ไม่ใช่อ้างความจำเป็นในสังคม

การที่พวกเรามาปฏิบัติธรรมจึงเป็นการฝึกฝนตัวเอง จะเรียกว่าทรมานตัวเองก็ได้ แต่ไม่ใช่การทรมานตัวเอง เป็นการทรมานกิเลส เพราะว่ากิเลสอยู่กับเรานี่เอง

เมื่อมีร่างกายนี้กิเลสก็ได้อาศัย
อยากเห็นรูป
อยากได้กลิ่น
อยากชิมรส
อยากสัมผัส
สารพัดอยาก
พวกเราเป็นทาสที่ดีมาก กิเลสจะเอาอะไรเราหาให้หมดเลย แต่กิเลสเป็นเจ้านายที่เลวมาก เราต้องการอะไรไม่เคยให้สักอย่างเลย แล้วควรจะคบกันต่อไหม ?


เพราะฉะนั้น..บอกกับกิเลสไปว่า "เอ็งอดเถอะ" ให้รู้ซะบ้างว่าไผเป็นไผ..! แค่ตั้งใจจริง ๆ เลย ว่าเราจะรักษาศีล ๘ ให้ได้ตลอดรอดฝั่งตั้งแต่บัดนี้ ไปจนถึงวันที่ ๑๔ สิงหาคม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2023 เมื่อ 03:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 22-08-2023, 00:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,368
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไปนึกถึงตัวกระผม/อาตมภาพเองตอนเป็นฆราวาส ที่เท่ากับรักษาศีล ๘ ได้ทุกข้อ มีเสียอยู่อย่างเดียวคือตอนกินข้าวเย็น ๑๐ กว่านาทีนั่นแหละ นอกนั้นศีล ๘ ชัด ๆ เลย แล้วก็มานึกว่า "แล้วกูจะรักษาศีล ๕ ไปทำซากอะไรวะ ? ในเมื่อกูก็รักษาศีล ๘ ได้อยู่แล้ว ก็แค่เลิกกินข้าวเย็นก็จบแล้ว"

แต่คราวนี้อย่างอาตมากับญาติโยมบางทีเปรียบกันไม่ได้ พวกเรามีข้ออ้าง อ้างอีกแล้ว เดี๋ยวก็บอกว่า "ผมไม่เก่งอย่างหลวงพ่อ" "หนูไม่เก่งอย่างหลวงพ่อนี่" ไม่ใช่หรอกนะ เรื่องการปฏิบัติธรรมเราไม่ต้องการความเก่ง เราต้องการความบ้า ถ้าบ้าไม่พอ ปฏิบัติธรรมไม่ตลอดรอดฝั่งหรอก คนโน้นว่านิดคนนี้ว่าหน่อยก็ทนไม่ได้ "เราโดนบูลลี่..ต้องเลิก"..!?

เป็นเรื่องแปลกนะ ถ้าสมมติว่าเรากำลังขึ้นบันไดจะไปเป็นเทวดา นางฟ้า จะไปเป็นพรหม จะไปเป็นพระอริยเจ้า หลุดพ้นจนเข้าสู่พระนิพพาน สัตว์นรกข้างล่างกวักมือเรียก ดันโดดลงไปหาเฉยเลย..! แปลกไหม ? ทำไมต้องเชื่อแบบนั้นด้วย ?

แต่ว่าเราต้องทำตัวแบบคนมีปัญญา อย่าทำตัวเป็นคนดีอย่างเดียว จำไว้..ต้องใช้ปัญญาด้วย อย่าหวังดีแต่ประสงค์ร้ายกับคนอื่น "บริษัทนี้กูเป็นเจ้าของ พนักงานทุกคนต้องสวดมนต์ ทำวัตร นั่งกรรมฐานทุกวัน" เอานรกให้เขาชัด ๆ..! เพราะคนที่ไม่ชอบ แล้วนึกปรามาสในใจอย่างเดียว เขาก็ลงนรกไม่รู้จบแล้ว จะไปหวังดีแล้วประสงค์ร้ายอะไรนักหนา อยากทำก็ทำเองคนเดียวสิวะ..! คนไหนอยากประจบเราเดี๋ยวเขาก็ทำตามเองแหละ นี่ตูกำลังว่าใครหว่า ?

เพราะฉะนั้น..อย่าหวังดีแต่ประสงค์ร้าย อย่าเอานรกไปแจกคนอื่น อย่าทำให้กาย วาจา ใจของเราเป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่น "กลับไปกูจะเลิกเดี๋ยวนี้เลย" โง่ชัด ๆ..! ทำมาตั้งนาน ทำจนพวกนั้นทนได้แล้ว..เลิกทำไม..? เห็นหรือยังว่าจัดการยาก..! เรื่องของการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องของคนที่เป็นปรมัตถบารมี ถ้ากำลังใจไม่เท่ากันจะอยู่ด้วยกันยาก

วัดท่าขนุนมีพระอยู่ ๔๙ - ๕๐ รูป ก็ยังไปคนละทิศคนละทาง บางคนคิดว่า "บวชมากูต้องเอาดีให้ได้" "เห็นบอกว่าวัดท่าขนุนเข้มงวดเคร่งครัดมาก กูต้องไปบวชที่นั่น" แต่บวชแล้วกูก็เบี้ยวระเบียบแม่งทุกข้อ..! แล้วมึงจะมาบวชทำเหี้..อะไรครับ..!
ถ้าจะทำตัวแบบนั้นมึงไปบวชวัดไหนก็ได้ "แต่กูอยากได้ชื่อว่ากูเป็นพระดี กูต้องบวชวัดนี้ แต่กูจะไม่ทำอะไรที่หลวงพ่อสั่งสักอย่างหนึ่ง"..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2023 เมื่อ 03:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 22-08-2023, 01:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,368
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คนแบบนี้มีเยอะในสังคมปัจจุบัน อยากเป็นคนดี แต่ไม่สามารถที่จะสู้กำลังของกิเลสได้
ตีสามครึ่งเสียงระฆังดัง..อ่ะ..นอนอีกหน่อย
ระฆังดังครบ ๑๕ นาทีแล้ว..กูก็นอนยาวเลย
สะดุ้งตื่นอีกที เสียงทางโน้นดัง อิทัง ปุญญะพลังฯ..วิ่งตาลีตาเหลือกห่มผ้ามา
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา..กราบพระทันพอดี..เก่งมาก..!

เขาบอกพระอาจารย์เล็กด่าแสบจริง ๆ เพิ่งจะรู้ว่าด่าได้สะใจแบบนี้..!

ดังนั้น..อย่าเป็นคนดี แต่ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำความดี ต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าที่เรามาทำเช่นนี้เพราะเรายังไม่ดี ถ้าเราไปคิดว่าเราดีกว่าคนอื่น เดี๋ยวเราก็จะไปมองหัวถึงเท้า เวลาคนอื่นเขาทำอะไรไม่ถูกตาไม่ถูกใจเรา "มึงเป็นคนเลว กูเป็นคนดี" แบกกิเลสเต็มตัวเลย..! ทุกคนแหละไม่ต้องมองหน้าเขา ถ้าไม่มีกิเลสก็ไม่มานั่งตรงนี้หรอก

พวกเรารู้จักคางคกไหม ? ต้องตีแล้วตีอีก ตีแล้วตีอีก กว่าคางคกจะยอมปล่อยยางออกมา โบราณเขาเลยบอกว่า "สัญชาติคางคก ยางหัวไม่ตก ไม่รู้สำนึก" ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นนะ คางคกเป็นสัตว์ที่โคตรจะเมตตาและอดทนต่อสัตว์โลกเลย เขารู้ว่าถ้ามันปล่อยยางออกมาจะมีคนเดือดร้อน ไม่เจ็บก็ตาย ก็เลยพยายามทน ทนจนกระทั่งทนไม่ไหว เพราะเด็กไปเล่นไม่เลิก อาตมาตอนเด็ก ๆ ก็บาปกรรมน่าดูเลย ตีคางคกทั้งวัน อยากเห็นคางคกปล่อยยาง..!

แล้วทำอย่างไรให้เมื่อถึงเวลาที่เรากระทบเรื่องต่าง ๆ ตาเห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส เราจะทนได้..?

เขาบอกว่า "เจ็บแล้วจำเป็นคน ถ้าเจ็บแล้วทนเป็นควาย"..ไม่ใช่นะ คนนี่แหละต้องทนให้ได้ ขันติ อดทน อดกลั้นทุกอย่าง
อยากทำอะไรชั่ว ๆ ก็อย่าไปตามใจ
ไม่อยากทำดี ก็บังคับให้ทนทำไป
พอนานไป นานไป กำลังความดีมีสูงกว่า ก็จะทำดีได้ง่ายขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2023 เมื่อ 03:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 22-08-2023, 01:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,368
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว พวกเราก็ต้องมีปัญญา ทำอย่างไรจึงจะอยู่กับสังคมให้ได้ ? โดยที่คนอื่นไม่เห็นว่าเราเป็นคนดีผิดแผกแปลกไปจากสังคม

จะต้องอดทนอดกลั้นให้ได้ กับทุกสิ่งทุกอย่างที่คนอื่นเขาทำแล้วเราไม่ชอบใจ ไม่ถูกใจ

จะต้องพากเพียรพยายามสร้างความดีให้มากกว่าความชั่ว
และท้ายที่สุดไม่มีความชั่วเลยยิ่งดี


งานเราจริง ๆ มีนิดเดียวนะ แต่เรามักจะทำเยอะเกินไป

ก็แค่เพียรสร้างความดี
เพียรละความชั่ว
เพียรรักษาความดีที่สร้างไว้
ทำให้ความดีนั้นเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป
และเพียรระมัดระวังไว้ อย่าให้ความชั่วเข้ามา


มีแค่นี้แหละ ความจริงก็ตอกย้ำกันทุกบ่อยนะ ต้องเพียรเหมือนกัน เพียรปากเปียกปากแฉะ จ้ำจี้จ้ำไชไปเรื่อย จะฟังหรือไม่ฟังก็ช่าง ตักน้ำรดหัวตอ ถึงจะไม่งอกใหม่ ให้เปียก ๆ ก็ยังดี

หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ท่านบอกว่า "ตักน้ำรดหลังหมานี่แย่กว่าตัดน้ำรดหัวตออีก" กราบเรียนถามท่านว่า "แย่กว่าตรงไหนครับ ?" ท่านบอกว่า "ก็ลองเอาน้ำรดหลังหมาสิ มันสะบัดพรืด..เกลี้ยงเลย เปียกยังไม่เปียกเลย มันสลัดหมด" เพราะฉะนั้น..จงเป็นหัวตอ รดไปแล้วอย่างน้อยก็เปียกบ้าง อย่าเป็นหมา เป็นหมารดน้ำลงไปก็สะบัดทิ้งหมด เสียเวลารดเปล่า ๆ

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมสัปดาห์วันแม่
ช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2023 เมื่อ 03:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:37



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว