กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-06-2020, 02:03
นายกระรอก's Avatar
นายกระรอก นายกระรอก is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2014
ข้อความ: 442
ได้ให้อนุโมทนา: 88,664
ได้รับอนุโมทนา 83,875 ครั้ง ใน 1,594 โพสต์
นายกระรอก is on a distinguished road
Default วิธีพิจารณาความโกรธ

ถาม : เวลามีโทสะ เราโกรธ จะเอาออกได้อย่างไร ?
ตอบ : พยายามพิจารณาให้เห็นจริงว่าโทสะเกิดจากอะไร ? ส่วนใหญ่ก็ไม่พอหูไม่พอตา แล้วก็พาให้ไม่พอใจ สิ่งที่เราเห็นแล้วไม่พอหู ไม่พอตา ทำให้ไม่พอใจ ก็คือคนอื่นทำทั้งนั้น ในเมื่อคนอื่นเขาทำสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ต้องดูว่าเขาเองปกติก็มีความทุกข์อยู่แล้ว แต่ว่าเขาไม่รู้ว่าตัวเขานอนอยู่ท่ามกลางกองทุกข์ ยังพยายามสร้างสิ่งที่เป็นทุกข์เป็นโทษ เพื่อซ้ำเติมตัวเองให้มากขึ้นอีก

คนทั้งหลายเหล่านี้จริง ๆ แล้วน่าสงสารมากกว่าน่าโกรธ เพราะว่าสิ่งที่เขาทำเป็นทุกข์เป็นโทษต่อผู้อื่นไม่พอ ยังเป็นทุกข์เป็นโทษแก่ตัวเองด้วย ผู้ที่กระทำในลักษณะนั้น สภาพจิตเขายังหยาบอยู่ โอกาสที่จะไปเกิดในอบายภูมิมีสูงมาก ยิ่งทำมากเท่าไร โอกาสที่จะลงอบายภูมิยิ่งมากเท่านั้น เพราะฉะนั้น..สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราไม่น่าโกรธเขาหรอก ควรจะสงสารเขามากกว่า พยายามคิดให้อภัยเขาให้ได้ ให้เห็นว่าธรรมดาก็เป็นอย่างนั้น

บุคคลที่ยังเป็นพาลนั้น พาละ...พาล แปลว่า ทั้งโง่ทั้งมืด ตกอยู่ในความมืดบอด ไม่รู้ว่าสิ่งใดดีสิ่งใดชั่ว เขาก็มีแต่จะกระทำสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้น ยิ่งทำมากเท่าไร แรงกรรมก็ยิ่งซ้ำเติมเขาให้ตกต่ำมากเท่านั้น ในเมื่อเขาเองก็มีความทุกข์ขนาดนั้นแล้ว ทำไมเราต้องไปโกรธเขาให้เสียเวลา ? ไม่ต้องทำอะไรซ้ำเติมเป็นการตอบแทนเขาหรอก แค่คิดก็เป็นโทษแก่ตัวเราแล้ว เพราะว่าเป็นมโนกรรม คำพูดก็เป็นโทษกับเราหนักขึ้นไปอีก เพราะว่าเป็นวจีกรรม ถ้าลงมือทำก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ กลายเป็นกายกรรม กรรมทั้งสามไม่ว่าจะเป็นกาย วาจา หรือใจ ย่อมพาให้เราเป็นทุกข์เป็นโทษทั้งนั้น

ในเมื่อเราให้อภัยเขาได้ จิตใจของเราก็ปลดออก ปล่อยวางได้ มีความเบาสบายไม่ไปยึดติดอยู่ตรงนั้น เราก้าวพ้นจากตรงนั้นมาแล้ว ก็มีแต่จะต้องหนีไปให้ไกลที่สุด
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-06-2020, 02:05
นายกระรอก's Avatar
นายกระรอก นายกระรอก is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2014
ข้อความ: 442
ได้ให้อนุโมทนา: 88,664
ได้รับอนุโมทนา 83,875 ครั้ง ใน 1,594 โพสต์
นายกระรอก is on a distinguished road
Default

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเพิ่งมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษีเป็นปีแรก กำลังทำการก่อสร้างอยู่ คราวนี้จ้างช่างมาทำห้องกระจกที่ศาลาหลังโบสถ์ ปรากฏว่าช่างรับทั้งค่าของค่าแรงไปหมดแล้ว ก็ไปนั่งตีไพ่จนหายเกลี้ยง แล้วก็เบี้ยวไม่มาทำงาน ตอนนั้นก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า ไอ้เจ้านี่ไม่รู้เสียแล้วว่ากูเป็นใคร..!

สมัยก่อนมีคติประจำใจว่า เราไม่ทำอะไรก็นับเป็นบุญของเจ้า ถ้าใครมาทำอะไรเรา มันซวยแน่ ๆ..! นี่สมัยก่อนความคิดแรงขนาดนั้น แล้วทำจริง ๆ ด้วย พอคิดว่าไม่รู้เสียแล้วว่ากูเป็นใคร เพราะอย่างนั้นพรุ่งนี้จะไปเหยียบมันให้ดู..! ตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ พอตอนเช้ามืดยกกำลังใจขึ้นไปกราบพระข้างบน ท่านตรัสว่า “บุคคลที่ประกอบไปด้วยจิตกุศล เมื่อปฏิสนธิคือเกิดแล้ว ก็เร่งตั้งหน้าตั้งตากอปรกองบุญการกุศล เพื่อส่งตนให้พ้นจากบาปยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตราบจนกระทั่งหลุดพ้น บุคคลที่จิตประกอบด้วยอกุศล เมื่อปฏิสนธิแล้วความมืดบอดของกรรม ก็พาให้เขาทำแต่สิ่งชั่วช้าซ้ำเติมตัวเองให้ตกต่ำลงไปทุกที” แล้วพระองค์ก็ตรัสว่า เราก้าวข้ามจุดนี้มาแล้ว ยังจะย้อนกลับไปอีกหรือ ? ฟังแล้วไอ้ความคิดที่จะไปเหยียบมันนี่หายจ้อยไปเลย เท่ากับว่าเราลงนรกด้วยความเต็มใจเอง เวลาพระท่านด่านี่เพราะนะ ไม่มีคำหยาบเลยแม้แต่คำเดียว สิบปีแล้วยังจำขึ้นใจอยู่เลย
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 25-06-2020, 02:06
นายกระรอก's Avatar
นายกระรอก นายกระรอก is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2014
ข้อความ: 442
ได้ให้อนุโมทนา: 88,664
ได้รับอนุโมทนา 83,875 ครั้ง ใน 1,594 โพสต์
นายกระรอก is on a distinguished road
Default

หมั่นคิดทบทวนลักษณะนี้บ่อย ๆ ให้เห็นทุกข์เห็นโทษของการเกิด เขาทำอย่างนั้นเขาต้องเกิดอีกนาน เขาต้องทุกข์อีกนาน เราไม่ต้องโกรธเขาหรอก ไม่ต้องเสียเวลาไปซ้ำเติมเขาด้วยกาย วาจา ใจ หรอก แค่นั้นเขาก็ทุกข์จะแย่อยู่แล้ว นรกแต่ละขุมกว่าจะรอดออกมาได้ระยะเวลายาวนานเหลือเกิน โอกาสจะพบพระพุทธเจ้านี่แทบจะเป็นศูนย์ไปเลย ในเมื่อเขาเองก็ทำกรรมหนักขนาดนั้นแล้ว แล้วยังซ้ำเติมตัวเองด้วยการทำในสิ่งที่ทำให้เราไม่พออกไม่พอใจอยู่ ธรรมดาของบุคคลที่มืดบอด เขาก็มีการกระทำที่ไม่ดีแบบนั้น ในเมื่อธรรมดาของเขาเป็นแบบนั้น เราเองก็อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเลย

พยายามแผ่เมตตาไปเรื่อย ๆ แรก ๆ ให้คนที่เรารักก่อน จนกระทั่งกำลังใจทรงตัวมั่นคงก็แผ่เมตตาให้คนที่เรารักน้อย ต่อไปก็ให้คนที่เราไม่รักไม่เกลียด ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายโดยถ้วนหน้า ให้แก่คนที่เราเกลียดน้อย ให้แก่คนที่เราเกลียดปานกลาง จนกระทั่งให้คนที่เราเกลียดมากได้ เวลาเจอหน้าคนที่เราเกลียดมาก ๆ แล้วไม่มีความรู้สึก ไม่มีความหวั่นไหว เห็นว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนกันกับเรา ปกติเขาก็มีความทุกข์อยู่แล้ว หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เราสามารถช่วยเหลือเขาให้พ้นจากความทุกข์ได้ เราจะทำ ถ้าสร้างกำลังใจแบบนี้ได้ต่อไปจะสบาย
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 25-06-2020, 02:07
นายกระรอก's Avatar
นายกระรอก นายกระรอก is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2014
ข้อความ: 442
ได้ให้อนุโมทนา: 88,664
ได้รับอนุโมทนา 83,875 ครั้ง ใน 1,594 โพสต์
นายกระรอก is on a distinguished road
Default

พระพุทธเจ้าตรัสว่า เรารักราหุลลูกของเราเท่าไร เราก็รักเทวทัตเท่านั้น คนอื่นต้องคิดว่าโกหกแน่ ๆ เลย ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดกับลูกที่รักที่สุด พระองค์ท่านบอกว่าพระองค์ท่านรักเท่ากัน แต่ว่าถ้าเราทำถึงสักส่วนเสี้ยวหนึ่งของเมตตาบารมีที่แท้จริง เราจะรู้ว่าพระองค์ท่านตรัสออกจากใจจริงแท้ จิตใจของพระองค์ท่านเป็นอัปปมัญญา คือหาประมาณไม่ได้ ไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่มีอคติลำเอียง ไม่ว่าจะลำเอียงด้วยความรัก ลำเอียงด้วยความโกรธ ลำเอียงด้วยความกลัว ลำเอียงด้วยความหลง ไม่มีเลย สรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นผู้ที่พระองค์ท่านควรจะมีความกรุณาด้วยทั้งสิ้น

ในเมื่อกำลังใจของ
พระองค์ท่านหาประมาณไม่ได้ขนาดนั้น พระองค์ท่านถึงได้ตรัสได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ว่าเรารักราหุลลูกของเราเท่าไร เราก็รักเทวทัตเท่านั้น เราไม่ต้องเอาถึงขนาดนั้นหรอก เอาแค่ว่าคนที่เราเกลียด เราสามารถให้อภัยเขาได้ก็พอแล้ว

บุคคลที่ตั้งหน้าทำความดีอย่างเช่นพวกเรายังมีความทุกข์ขนาดนี้ ขึ้นชื่อว่าคนแล้วจะไม่ทุกข์นั้นไม่มี เกิดเมื่อไรก็ทุกข์เมื่อนั้น เพราะฉะนั้น..พยายามไปให้พ้น จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาเกิดอีกทุกข์อีก


สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2020 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:00



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว