กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 16-01-2018, 21:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะย้ายกลับมาบ้านเดิมแล้ว มีหลายฤกษ์แล้วลังเล วันไหนดีคะ ?
ตอบ : ๒๓ กุมภาพันธ์ ฤกษ์ดีเกินไปใช่ไหม ?

ถาม : เป็นกากบาท ดิถีพิฆาตนะคะ ?
ตอบ : ใช่...เป็นฤกษ์ที่ดีเกินไป เขาห้ามสร้างบ้าน ส่วนเราสร้างบ้านเสียที่ไหน ? เราเข้าบ้านต่างหาก ฤกษ์นี้เป็นฤกษ์สร้างโบสถ์ เขาจึงห้ามสร้างบ้าน เพราะว่าดีเกินกว่าที่จะไปสร้างบ้าน ถ้าไม่เอาก็ไปหาเอาเอง...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2018 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 17-01-2018, 10:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเป็นคนใส่หมวกหลายใบ ตำแหน่งเท่าที่พอนึกได้ก็ประมาณ ๑๗-๑๘ ตำแหน่ง มีตำแหน่งหนึ่งคือประธานคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาลทองผาภูมิ ซึ่งทางกระทรวงมีระเบียบที่ว่า จะต้องไม่เป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น จะต้องไม่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ฯลฯ

สรุปแล้วบรรดาบุคคลที่เขาเชิญไปเพื่อคัดเลือกเป็นคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาล มีอยู่แค่ ๒ คนที่มีคุณสมบัติไม่ขัดกับระเบียบของเขา ก็คือตัวของอาตมาเอง กับคุณสมใจ มาโนช ประธานชมรมผู้สูงอายุทองผาภูมิ

คุณสมใจเขายกมือเลย “ผมสละสิทธิ์ครับ ยกถวายพระอาจารย์ไปเลย” จึงกลายเป็นภาระหน้าที่อย่างหนึ่งที่อาตมาต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับโรงพยาบาลทองผาภูมิ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2018 เมื่อ 03:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 17-01-2018, 11:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ช่วงปีที่ผ่านมา พญ.นวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ ขอเครื่องฟอกไตไว้ ๒ เครื่อง ที่ขอเครื่องฟอกไตไว้ เหตุผลก็คือคนทองผาภูมิจะต้องฟอกไตกันเยอะ แต่ต้องเดินทางลงไปถึงโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาในเมืองกาญจน์ฯ ซึ่งห่างไป ๑๔๐ กิโลเมตร ไปถึงก็ไม่รู้ว่าคิวจะว่างหรือเปล่า ?

ถ้าหากมีเครื่องฟอกไตเป็นของโรงพยาบาลทองผาภูมิเอง ก็จะช่วยได้มาก อาตมาจึงรับปากว่าจะให้ ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ก็ไม่สามารถที่จะนำเครื่องฟอกไตเข้าไปที่โรงพยาบาลได้ เพราะว่าระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข จะต้องมีคณะกรรมการมาตรวจการดำเนินการ ซึ่งคณะกรรมการเขาตรวจแล้วว่า ตัวอาคารสถานที่ไม่เหมาะสม ควรจะทำในลักษณะของห้องปลอดเชื้อ จึงต้องมีการขยายห้อง มีการจัดระบบกันใหม่

สรุปแล้วก็คือ การทำห้องปลอดเชื้ออาตมาต้องจ่ายเพิ่มอีกเกือบ ๒ ล้านบาท เพิ่งจะเซ็นสัญญาไปเมื่อวานนี้ว่าให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการได้ ซึ่งวันแรกของการทำงานก็คือ ๒๒ มกราคม ระยะเวลาดำเนินการสำหรับปรับในส่วนของห้องปลอดเชื้อและวัสดุอุปกรณ์ทั้งหมด ๖๐ วัน

ตอนแรกเขาเสนอราคามาค่อนข้างสูง เฉพาะส่วนที่เขาใช้คำว่าเฟอร์นิเจอร์ ประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ บาท อาตมาบอกให้ไปปรับลดมา ในเมื่อเป็นห้องฟอกไตจะมีเฟอร์นิเจอร์อะไรเยอะแยะ ? แต่ปรากฏว่าเป็นโต๊ะบ้าง เป็นถ้วยเป็นถาดอะไรที่เกี่ยวข้องของเขานั่นแหละ บอกว่าคุณปรับมาให้ได้ก็แล้วกัน ถ้าปรับไม่ได้ก็เอาราคานี้ คือราคาที่อาตมาพอใจ จะทำหรือไม่ทำ ? ท้ายสุดเขาก็ต้องยอมปรับลงมา

เริ่มดำเนินการเมื่อไรก็คงต้องอาศัยคุณหนุ่มไปตรวจงานด้วย รายละเอียดของเขามีอยู่ในแบบของเขาแล้ว เราก็ตรวจรับตามนั้น ประมาณ ๔ งวด บอกเขาว่าขอหักค่าประกันผลงานด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2018 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 17-01-2018, 11:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมถวายปัจจัยทำบุญเครื่องฟอกไต "ใจเย็น ๆ เดี๋ยวจะให้เขาประกาศในเว็บ ร่วมตรงนี้ไม่ได้อะไรนะ ในเว็บยังมีวัตถุมงคลให้

ตอนนี้เครื่องฟอกไตยังไม่อยากได้หรอก ต้องเอาห้องปลอดเชื้อให้เสร็จก่อน มาแบบไม่เกรงอกเกรงใจกันเลย เพราะฉะนั้น...คุณไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมตูนต้องไปวิ่งตั้ง ๒,๐๐๐ กว่ากิโลเมตร ก็เพราะว่างบหลวงไม่พอใช้ แล้วที่บ้าที่สุดก็คือระยะหลังนี้มีงบฯ ของ NGO แต่ละกระทรวง แล้วเยอะด้วยนะครับ มีเอาไว้อุดปากเขาหรืออย่างไร ? NGO ทำประโยชน์อะไรให้กระทรวงบ้าง ? เห็นมีแต่คัดค้านยันเต"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2018 เมื่อ 20:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 17-01-2018, 11:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ที่ขำที่สุดก็คือส่วนงานเครื่องปรับอากาศ อาตมาก็ว่าส่วนงานเครื่องปรับอากาศก็มีแล้วนี่นา ปรากฏว่าเป็นพัดลมหมุนระบายลม เป็นอะไรที่ทำงานง่ายให้ยาก เพราะว่าแทนที่เราจะทำได้เลยดันลากเลื่อนมา ๘-๙ เดือน ต้องให้คณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบสถานที่ก่อนว่าได้หรือไม่ได้ พอถึงเวลาไม่ได้ ต้องทำอย่างไรเขาก็จะให้ข้อแนะนำมา ให้เราออกแบบตามที่เขาแนะนำ พอเสร็จแล้วต้องเอาแบบไปยื่นให้เขาอีกว่าใช้ได้หรือเปล่า ? ยุ่งยากมากเลย

ถ้าเป็นอาตมาทำก็เสร็จไปนานแล้ว แต่คราวนี้ก็อย่างว่า ของเขาติดขัดด้วยระเบียบ แบบเดียวกับการสวดมนต์ส่งท้ายปีครั้งนี้ กว่าจะเบิกงบฯ ได้ จนป่านนี้ยังไม่ได้เลย เขาขอเอกสารมาใหม่ บอกว่าที่ทำไปไม่ตรงตามแบบของราชการเขา งานก็ทำเสร็จไปแล้วนะ ผลงานทุกอย่างก็ส่งรายงานไปแล้ว แต่ว่าเงินต้องรอไปก่อน รอให้ทำเรื่องให้ถูกต้องตามระเบียบเขา ถึงได้ไม่มีใครอยากทำด้วย เดี๋ยวนี้มีแต่คนกลัวกันหมด เรื่องงบประมาณไม่มีใครอยากแตะหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2018 เมื่อ 20:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 19-01-2018, 09:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาใช้เหรียญรัชกาลที่ ๘ อยู่จนถึงชั้น ป. ๒ ทางการเขาก็สั่งเก็บ เวลาไปซื้อของกับอาเจ็กที่ร้านค้า เหรียญที่เอาไปเป็นสตางค์รู พอถึงเวลาแกก็เอาวางบนนิ้วชี้นิ้วกลางแล้วก็กดด้วยนิ้วโป้ง ถ้าอันไหนหักแกไม่เอา แกบอกว่ามีส่วนผสมที่เป็นดีบุกเยอะ ถ้ากดแล้วไม่หักแกถึงจะเอา แกบอกว่าส่วนผสมที่เป็นเงินมีมาก สามารถเอาไปหลอมใหม่ได้

ลองคิดดูว่าเหรียญโลหะประมาณเหรียญบาทสมัยนี้ แต่หนากว่าสัก ๔ เท่า แกกดด้วยนิ้วจนหักได้ คิดดูว่านิ้วจะแข็งขนาดไหน ? คนจีนรุ่นเก่า ๆ สมัยอาตมายังเด็ก ๆ ฝึกวิทยายุทธ์มาทั้งนั้น มือจึงแข็งมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2018 เมื่อ 10:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 19-01-2018, 10:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยนั้นใช้ตั้งแต่ธนบัตรใบละ ๕๐ สตางค์ แล้วก็มาใบละ ๑ บาท ๕ บาท ใบละ ๕ บาทหายไปจากท้องตลาดน่าจะประมาณปี ๒๕๒๐ ได้ หลังจากนั้นใบละ ๑๐ บาทก็หายตามไป

เขาให้สังเกตว่า ถ้าค่าของเงินลดลงเมื่อไร ธนบัตรจะค่อย ๆ หายไป กลายเป็นเหรียญแทน แล้วถ้าเหรียญเล็กลงมากเท่าไร ค่าของเงินก็ลดลงไปมากเท่านั้น ไปนึกถึงรุ่นปู่ย่าตาทวดเอาเหรียญรัชกาลที่ ๙ รุ่น ๒๔๙๓ ที่เขาเรียกสั้น ๆ ว่าเหรียญ ๙๓ เป็นเหรียญ ๕๐ สตางค์ เอามาทำเข็มขัดกัน เพราะว่ามีส่วนผสมของทองมาก ระยะหลังนี้แค่ทองเหลืองธรรมดาก็แพงเกินมูลค่าของเหรียญแล้ว

มีใครเคยเห็นเหรียญทองคำจริง ๆ บ้างไหม ? อาตมาเองเคยเก็บไว้หลายเหรียญ แต่มาระยะหลังคนตื๊อขอบูชาไปหมด จำได้ว่าเก็บเหรียญแรกเลย ก็คือเหรียญรัชดาภิเษกของในหลวงรัชกาลที่ ๙ รัชดาภิเษกจะจัดฉลองในวาระครองราชย์ครบ ๒๕ ปี ของพระองค์ท่านก็ปี ๒๕๑๔ หลังจากนั้นก็มาจัดงานฉลองพระชนมายุ ๖๐ พรรษา พ.ศ.๒๕๓๐ แล้วก็มารัชมังคลาภิเษก ๒๕๓๑

พระองค์ครองราชย์เท่ากับอดีตสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชที่ครองราชย์นานที่สุดคือรัชกาลที่ ๕ จึงจัดงานฉลองรัชมังคลาภิเษกปี ๒๕๓๑ ฉลองกาญจนาภิเษก (ครองราชย์ ๕๐ ปี) ๒๕๓๙ แล้วมาฉลองการครองราชย์ ๖๐ ปี ค่อยมาฉลองพระชนมายุ ๘๐ พรรษา อาตมายังรอว่าจะมีใครได้ฉลองวัชราภิเษกหรือพัชราภิเษกครองราชสมบัติ ๗๕ ปีบ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2018 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 19-01-2018, 19:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"รัชมังคลาภิเษกก็คือ ต้องครองราชย์เท่าอดีตบูรพมหากษัตริยาธิราชที่ครองราชย์นานที่สุด ซึ่งในยุคปู่ย่าตาทวดมาจนถึงยุคของเรา มีสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่ได้จัดงานฉลอง เพราะว่าพระองค์ครองราชย์ ๓๐ ปี เทียบเท่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ

รัชกาลที่ ๕ ครองราชย์ ๔๒ ปี ถัดมาก็รัชกาลที่ ๙ ได้จัดงานฉลอง แล้วหลังจากนี้ก็รอไปเถอะ คนเราอายุถึง ๗๐ ปี ยังยากเลย อย่าว่าแต่ครองราชย์ ๗๐ ปี แต่ไม่เป็นไรหรอก ต้องบอกว่ากรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี...ใช่ไหม ? เดี๋ยวก็มีคนอยู่ถึงเองแหละ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2018 เมื่อ 19:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 19-01-2018, 19:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างเวลาที่ไม่ได้เข้ากรรมฐาน ใจจะเตลิด จะไม่สำรวมตัวเอง แต่ถ้าเราอยู่กับสมาธิ เราแค่ส่งใจ ตามองกวาดไปสักพัก เหมือนกับไปสะกดอะไรสักอย่าง คนอื่นจะดูเหมือนกับว่าคนนี้เก่ง สำรวมกาย วาจา ใจได้ดีกว่าตอนที่ไม่ได้เข้าสมาธิ ?
ตอบ : เอาแค่พระโสดาบัน กำลังของพระโสดาบันถ้าใช้ออกจริง ๆ คนชั่วจะเลิกทำชั่วไปชั่วคราว สมมติว่ามีโจรไปจี้พระโสดาบัน ท่านแค่เอ่ยปากตำหนิว่า ทำไมเธอทำอย่างนี้ ? โจรนั่นจะได้สำนึก เกิดหิริโอตตัปปะ แล้วจะเลิกเป็นโจรไปชั่วคราวเลย ส่วนพระอรหันต์ท่านกำลังสูงกว่านั้นตั้งเท่าไร ?

เราเองแค่อาศัยสมาธิที่มีมากกว่าเขา เรายังระงับยั้งเขาได้ แล้วพระโสดาบัน คุณสมบัติของท่านต้องทรงสมาธิโดยอัตโนมัติ อย่างต่ำสุดก็ปฐมฌานละเอียด ไม่อย่างนั้นท่านไม่สามารถที่จะเอาชนะกิเลสได้ เพราะฉะนั้น...ฝีมือต่างกันหลายหมื่นลี้ อะไรที่เราต้องใช้ความพยายามมาก ของท่านไม่ต้องใช้เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2018 เมื่อ 19:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 19-01-2018, 19:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมผู้หญิงขอมานั่งช่วยแจกหนังสือ "ไม่ต้องจ้ะ ไปไกล ๆ เลย พอมีใครยกกล้องถ่ายรูปออกมา ก็จะมีแต่อาตมานั่งอยู่กับผู้หญิง ๒ คน เขาไม่ได้ถามนี่ว่ามานั่งทำอะไร เพราะฉะนั้น...เรื่องที่หวังดีจะมาช่วยแจกของไม่ต้อง อาตมาทำเองได้

ส่วนใหญ่แล้วพวกเราตั้งใจทำงานเป็นงาน ไม่ค่อยคิดอะไร แต่คนอื่นมองมาเขาจะคิดแทนเรา แล้วคิดได้ดีกว่าทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้น...อย่าให้ตัวเราต้องเป็นทุกข์เป็นโทษแก่คนอื่น ไม่ว่าจะด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจเลย ระมัดระวังไว้ได้เป็นดี

น่าจะประมาณ ๒ อาทิตย์มาแล้ว พาท่านวัฒนธรรมจังหวัดไปสำรวจต้นไม้ในป่า เพื่อที่จะยื่นเสนอเข้าไปในโครงการรุกขนครใต้ร่มพระบารมี จะเป็นต้นไม้สำคัญในแต่ละจังหวัด ขณะที่นั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ ก็มีโยมผู้หญิง ๒ คนนั่งอยู่ด้านหน้าเยื้อง ๆ ไป ท่านวัฒนธรรมฯ ก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป อาตมาก็บอกว่า “รูปนี้ห้ามออกสื่อนะ” ท่านก็ถามว่าทำไมครับ ? ต้องบอกว่า ถ้าออกไปจะกลายเป็นพระอยู่กับผู้หญิงในป่า ไม่มีผู้ชายอยู่ด้วยเลย

เขาไม่ได้เห็นนี่ว่าด้านหลังกล้องมีอีกเป็นสิบ ทางที่อาตมานั่งอยู่ก็คือผู้หญิงอยู่ด้วย พื้นที่ก็คือป่าชัด ๆ จะให้คนเขาคิดอย่างไร ? ของพวกนี้เราจะให้คนอื่นระวังแทนเราไม่ได้ แต่เราต้องระวังเอง

เวลาคนดูรูปเขาไม่พยายามคิดในด้านดีว่า “เออ...คนถ่ายน่าจะเป็นผู้ชายนะ” พอเห็นรูป...ด้วยความที่สภาพจิตของคนเราคิดเรื่องต่ำได้ง่าย ก็ต้องเหมาเอาเลย “พระไปอยู่ป่ากับผู้หญิง ไปทำอะไรกันแน่ ๆ เลย” แล้วก็จะคิดดีกว่านั้นอีกเยอะเลย เพราะฉะนั้น...คำที่พวกคุณบอกว่าโลกนี้อยู่ยากนั้น...พระอยู่ยากกว่าตั้งเยอะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2018 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 19-01-2018, 19:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้เปิดให้จองไม้ครู แต่ให้จองแบบโหดร้าย ต้องจ่ายทองก่อนจึงจะได้สิทธิ์จอง ไม่ใช่จองก่อนแล้วจ่ายทีหลัง เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าทำไว้น้อย จริง ๆ ก็ไม่ทำน้อยหรอก ทำแค่หมดชนวนที่มี ขอโทษเถอะ...หัวเงินนี่หนักอันละหนึ่งกิโลกรัม แล้วชนวนจะเหลือสักเท่าไร ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2018 เมื่อ 20:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 20-01-2018, 00:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าพระเล่นหมากรุกล่ะครับ ?
ตอบ : ปรับอาบัติศีลขาดทุกตัวที่จับ แล้วก็ปรับทุกครั้งที่จับ ถ้าคุณจับ ๑๐๐ ครั้ง ก็คือศีลขาด ๑๐๐ ครั้ง

ความจริงที่ห้ามตรงจุดนี้ เพราะว่ามีสุดยอดนายพลอยู่ท่านหนึ่งไปบวช ท่านนี้รบที่ไหนก็ชนะ แล้วมีอยู่เมืองหนึ่งที่ตียากเย็นแสนเข็ญ บรรดาลูกน้องเก่า ๆ ซึ่งรับหน้าที่แทนก็มาถามท่าน ด้วยความที่ท่านเป็นพระ ท่านก็ตอบไม่ได้ แต่ท่านใช้วิธีเอาไม้บ้าง เอาใบไม้บ้าง เอาหินบ้าง เอาดินบ้าง มาวางสมมติเป็นกองทัพฝ่ายตรงข้ามและตัวเอง แล้วก็จับโยกย้ายลักษณะกระบวนรบ ว่าทำอย่างไรจึงจะชนะ นี่คือต้นแบบของหมากรุกเลย

พระพุทธเจ้าต้องสั่งห้ามเลย เพราะว่าลูกน้องความจำดี จำไปใช้แล้วตีเมืองได้จริง ๆ ต้องสั่งห้ามเพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ถ้ามัวแต่ระลึกถึงแต่อดีต ก็อาจจะไประลึกถึงอกุศลกรรมเก่า ๆ ที่เคยรบราฆ่าฟันเขาเอาไว้ โอกาสที่จะลงอบายภูมิมีสูงมาก

ที่ท่านห้ามจับอาวุธเพราะว่าสมัยก่อน บรรดานักรบขุนศึกไปบวชกันมาก ถ้าหากจับสิ่งที่เป็นอาวุธก็อาจจะนึกถึงอกุศลกรรมเก่า ๆ ที่เคยฆ่าเขาเอาไว้ ทำให้จิตใจเศร้าหมอง พระพุทธเจ้าจึงต้องสั่งห้าม แล้วที่ห้ามอย่างนึกไม่ถึงก็คือ ปกติพระจะมีมีดโกนสำหรับปลงผม แต่ถ้าเป็นช่างตัดผมห้ามมีมีดโกน เพราะว่าถ้ามีมีดโกนเดี๋ยวจะนึกถึงอาชีพเก่าของตัวเอง

ถ้าไปนึกถึงอาชีพเก่ามี ๒ อย่าง อย่างแรกคือฟุ้งซ่านไม่เป็นอันปฏิบัติธรรม อย่างที่สองก็คือ อาจจะสึกหาลาเพศไปเลย เพราะเห็นว่าตัวเองยังทำกินในอาชีพเดิม ๆ ได้ ศีลพระแต่ละข้อที่พระพุทธเจ้าท่านห้ามไว้ ก็เพื่อที่จะป้องกัน ต้องใช้คำว่า ป้องกันอาสวะที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบัน คือกิเลสที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบัน และ ป้องกันอาสวะที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ในเมื่อมี ๒ เหตุผล ความจริงแล้วมีเป็น ๑๐ เหตุผล อย่างเช่นว่า สร้างความเลื่อมใสแก่ผู้ที่ยังไม่เลื่อมใส สร้างความเลื่อมใสยิ่งขึ้นแก่ผู้ที่เลื่อมใสแล้ว กดข่มผู้ที่เก้อยาก เพื่อความอยู่เป็นสุขของผู้มีศีลเป็นที่รัก ฯลฯ ท่านให้เหตุผลไว้เยอะมาก เพียงแต่ในส่วนของหลัก ๆ แล้วก็คือเพื่ออนุเคราะห์ในการปฏิบัติพรหมจรรย์ เพื่อให้การปฏิบัติธรรมก้าวหน้าขึ้น ถ้าไม่ล้อมคอกเอาไว้ เดี๋ยวโดนกิเลสขโมยไปจนหมดคอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2018 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 20-01-2018, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พ่อผมตายแล้วไปสบายไหม ?
ตอบ : ก็ไปถามพ่อเองสิ อย่ามาถามอาตมา ไม่ได้ตายด้วยจะได้ตอบได้...! หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านมีคำสั่งห้ามอาตมาบอกว่าคนตายแล้วไปไหน เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องถามเสียเวลามาถาม ตายแล้วสบายดีหรือเปล่า ? ตายแล้วลำบากไหม ? ถามไปก็ไม่ตอบเพราะว่าโดนห้ามไปแล้ว

ไม่ใช้ห้ามหลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว แต่ท่านห้ามทั้งที่ยังเป็น ๆ อยู่นี่แหละ ห้ามกลางโบสถ์เลย พระทั้งวัดท่านห้ามอาตมาอยู่คนเดียว เพราะว่าก่อนหน้านี้บอกเขาอยู่เรื่อย ท่านบอกว่าการบอกว่าคนตายแล้วไปไหน มีโทษมากกว่าประโยชน์ บางคนทำชั่วมาทั้งชีวิต ก่อนตายดันนึกถึงความดีได้ ไปเสวยความดี คนก็จะหาว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม บางคนทำดีมาตลอดชีวิต ตอนตายดันไปนึกถึงกรรมชั่วแล้วลงนรก ลูกหลานจะมีอารมณ์ทำดีต่อไหม ?

อาตมาโดนห้ามอยู่ ๒ อย่าง ห้ามบอกว่าคนตายแล้วไปไหน กับห้ามให้หวย ห้ามกันชนิดที่พระพี่พระน้องทุกท่านรู้หมด เรื่องหวยนี่อาตมาโดนคาดโทษเอาไว้เลย ท่านบอกว่า "รู้ ๆ อยู่แล้วไปบอกคนอื่น ข้าปรับอาบัติปาราชิกเลย เท่ากับตัวเอ็งไปปล้นเจ้ามือ" หมดทางทำกินเลย ไม่อย่างนั้นแค่บอกหวยสักงวดสองงวดคนก็เต็มวัดแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2018 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 20-01-2018, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จะว่าไปแล้วจริง ๆ เป็นเรื่องของบุญสัมพันธ์ อย่างป้าเอี่ยมช่วยงานหลวงพ่อที่วัดท่าซุงมาตลอด ๒๐-๓๐ ปี เงินทองก็ไม่ได้มีกับใคร วันนั้นป้ามาหา “หลวงพี่ขอหวยสักตัวสิ” ถามว่าเอาไปทำอะไรวะ ? “อยากได้เงินไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อบ้าง” ก็ถามแกว่าตัวเดียวเล่นได้หรือ ? แกบอกว่าได้ ก็เลยให้แกไป ไม่รู้ว่าแกไปเล่นอย่างไรได้มา ๖๐๐ บาท ก็เอาไปถวายสังฆทานจนหมด

คราวนี้งวดต่อไปอาตมาแหย่เอง “งวดนี้เอาไหม ?” “ถ้าได้ก็เอา” ความจริงแกขอแค่งวดเดียวนะ คราวนี้ให้แกได้ไปก็ถูกอีก เอาไปถวายสังฆทานอีก งวดต่อไปนี้ไม่ต้องให้เลย คนแห่กันมา ๗-๘ คน พวกนี้รู้ข่าวเร็วจริง ๆ อาตมาแหย่เล่นว่า "มาเยอะแบบนี้ต้องชักเปอร์เซ็นต์" พอหวยออกเขาดันเอาเงินมาถวายจริง ๆ เท่านั้นแหละ...ลงโบสถ์งวดนั้นหลวงพ่อท่านสั่งห้ามเลย ท่านบอกว่ารู้ ๆ อยู่แล้วไปบอก เขาปรับอาบัติปาราชิก เท่ากับไปปล้นเจ้ามือ ปาราชิกนี่ขาดความเป็นพระเลยนะ เพราะว่าตั้งใจไปเอาเงินเขาเกินหนึ่งบาท
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2018 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 20-01-2018, 20:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สนทนากับพระ "เรื่องการเข้าวัง ถ้าจะมาก็ให้มาตามหน้าที่ จะให้ตะกายไปโหนสถาบันนั่นไม่ใช่ผม บางท่านชวนผมเข้าวังมาหลายครั้ง ผมก็ไม่ไป เพื่อนพระอุปัชฌาย์ด้วยกันชวนไปหลายครั้งผมก็ไม่ไป ขนาดรองเจ้าคณะอำเภอเห็นรูปสมเด็จพระเทพฯ ถวายเสาเสมาธรรมจักรผม ท่านถามว่าผมจ่ายไปเท่าไร ? แต่ส่วนใหญ่เหมือนกับว่าจะเข้าเฝ้าอย่างน้อย ๆ ก็ต้องไปถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลจึงจะมีสิทธิ์ ซึ่งไม่ใช่นิสัยของผม

บางท่านโหนราชวงศ์แล้วก็เอาไปอ้างกับญาติโยมเพื่อเพิ่มราคาให้ตัวเอง หรือไม่ก็อ้างกับคณะสงฆ์เพื่อเพิ่มราคาให้ตัวเองได้

จริง ๆ แล้วการที่จะให้เขาเคารพ ให้เกียรติ เชื่อถือเรา อยู่ที่การกระทำของเรา ไม่ใช่ไปอาศัยคนอื่น ถ้าคุณพูดเขาจะฟัง แต่ถ้าคุณทำเขาจะเชื่อ ถ้าคุณพูดอย่างเดียวจะให้เขาเชื่อก็ยาก

ปัจจุบันนี้รัฐบาลพูดอะไรชาวบ้านก็ฟัง แต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้นชาวบ้านเขาสงวนลิขสิทธิ์ไว้ มีอยู่อย่างเดียวก็คือคุณทำแล้วเขาจะเชื่อ เพราะฉะนั้น...ถ้าคุณใส่นาฬิการาคาเรือนละเป็นล้าน เขาก็เชื่อว่าคุณคอรัปชั่น ต่อให้คุณเป็นคนดีขนาดไหนเขาก็เชื่ออย่างนั้น พยายามจะออกรัฐธรรมนูญฉบับพระอริยเจ้า ทุกคนจะต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องพอกัน ความซวยก็ตกอยู่กับตัวเอง ซื้อลูกหมายังให้เป็นของขวัญคนอื่นไม่ได้เลย เพราะว่าเกิน ๓,๐๐๐ บาทที่กำหนดเอาไว้ ก็ดันไปกำหนดเอาไว้เอง แล้วจะไปโทษใคร..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2018 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 20-01-2018, 20:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมท่านหนึ่ง เวียนทำบุญทีละ ๒๐ บาทอยู่นั่นแหละ พระอาจารย์จึงกล่าวกับพระว่า "คราวนี้ผมรู้แล้ว ว่าทำไมเวลาผมอยากได้ ๑ จึงมาเป็น ๑๐๐ เพราะว่าผมทำอะไร ผมมักจะทำหมดทีเดียว ทำทีละ ๕ บาท ๑๐ บาทผมไม่ทำ เพราะว่าอานิสงส์ก็จะได้ทีละ ๕ บาททีละ ๑๐ บาทเหมือนกัน จนกระทั่งทุกวันนี้ผมปฏิญาณตนว่า ถ้าเกิดใหม่ผมจะเลิกทำบุญ เพราะว่าแค่นี้ได้เยอะจนเกินเหตุแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2018 เมื่อ 03:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 20-01-2018, 20:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฉัตรสีขาว ?
ตอบ : ต้องรอในหลวงถวายอย่างเดียว เราไม่มีสิทธิ์ไปแตะเลยฉัตรสีขาว ไม่ว่าจะ ๕ ชั้น ๗ ชั้น ๙ ชั้น ส่วน ๓ ชั้นนั้นเป็นเครื่องสังฆราชูปโภค สำหรับสมเด็จพระสังฆราช

ถาม : แล้วฉัตรของวัดโพธิ์
ตอบ : อันนั้นได้รับถวายจากในหลวงรัชกาลที่ ๑ ส่วนของวัดบวรฯ ได้รับถวายจากในหลวงรัชกาลที่ ๔

ตอนงานศพหลวงพ่อวัดท่าซุง เขายกฉัตรสีทอง ๓ ชั้นถวาย ผมคัดค้านสุดตัวอยู่คนเดียว บอกว่าไม่ได้เด็ดขาดเลย คุณจะเคารพหลวงพ่อขนาดไหนก็ตาม ฉัตร ๓ ชั้นเป็นเครื่องราชูปโภคของพระสังฆราช เขาบอกว่านี่สีทอง ผมบอกว่าสีอะไรก็ห้าม ปรากฏว่าด้วยความที่ผมเด็กเกินไป เพิ่งจะ ๗ พรรษา เขาฟังแต่ไม่เข้าหู ไปไล่ถามคนอื่นเสียจนทั่วประเทศ ท้ายสุดด็อกเตอร์ปริญญาช่วยยืนยันว่าใช้ไม่ได้ เขาถึงได้ยอมเชื่อ


ถาม : แล้วที่ทำถวายพระพุทธรูปทั่วไป ?
ตอบ : ถ้าจะทำ ก็ทำเป็นฉัตรโลหะ ฉัตรผ้าขาวไม่ได้เด็ดขาด

ถาม : ห้ามผ้าขาว ?
ตอบ : ห้ามชัด ๆ เลย คือเศวตฉัตร (ผ้าสีขาว) ถึงจะใช้ผ้าสีทองก็ไม่ควร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2018 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 20-01-2018, 20:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับพระว่า "ตอนนี้ใครบริจาคเขาจะหักภาษี ณ ที่จ่ายเลย เท่ากับว่าคุณทำบุญแล้วโดนหักภาษีด้วย เขาจะบีบทุกทางไม่ให้พระอยู่ได้

พวกนี้เป็นความคิดของอิสลามเขา คุณจะไปทำอะไรได้ สนช. ๘๐ กว่าคน มีอิสลามอยู่ ๖๓ คน นี่เฉพาะที่เป็นอิสลามชัด ๆ นะ แล้วที่ไม่ชัดนี่ยังมีอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? คุณไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าทำไมกฎหมายที่ทำให้แตกแยกกัน อย่างเรื่องของสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน ถึงได้ผ่านสามวาระภายในวันเดียว เพราะว่าอะไรที่ทำให้พระพุทธศาสนาของเราอ่อนกำลังลงได้ เขาจะทำทันที

ตอนนี้บริจาคแล้วโดนหักภาษี ณ ที่จ่ายก่อน พระจะได้น้อยลง โยมก็ต้องเสียเงิน เห็นความสามารถของเขาไหม ? เดี๋ยวนี้ทางด้านภาคอีสาน แต่ละวัดโดนให้ทำบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีแล้ว ภาคกลางยังไม่ได้ทำ เพราะว่าภาคอีสานผู้ว่าราชการส่วนใหญ่เป็นอิสลาม เขาสามารถสั่งการได้ทันที"


ถาม : ไม่มีใครหยุดยั้งได้ ?
ตอบ : คนที่จะหยุดต้องระดับที่ใหญ่กว่าเรา แต่คราวนี้ไม่มีใครขยับ มีแต่รักษาตัวกันอยู่ ในเมื่อท่านรักษาตัวกันอยู่ ก็มีทางเดียวก็คือเราต้องทำของเรากันเอง

ถาม : ถ้าเราถอย ?
ตอบ : ถ้าเราถอยจะให้ถอยไปถึงไหน ? มีอย่างเดียวคือต้องชนกันให้พังไปข้างหนึ่ง คุณเห็นหรือเปล่าว่าเราถอยมาตั้งเท่าไรแล้ว ? จนป่านนี้เขารู้จักพอไหม ? อยู่บ้านเราอยู่สุขอยู่สบายแล้ว เขายังคิดจะยึดบ้านยึดเมืองของเราอีก สำหรับผมถ้าจะถอยผมมีที่ให้ถอยเยอะ แต่ผมไม่คิดจะถอยนะสิ..!

ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นสื่อหรือว่าจะเป็นคน เป็นของเขาจนหมดตั้งแต่ผู้นำมาจนถึงผู้ตาม เราถอยเขาก็บี้ตายเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2018 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 20-01-2018, 21:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนหน้าอาตมาก็มีนัดกับหมอตา หมอนัดวันวาเลนไทน์พอดี คงเห็นว่าเป็นพระไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับกิจกรรมวันวาเลนไทน์อยู่แล้ว

เรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้ารู้จักพิจารณาจะเห็นว่าเป็นธรรมดาของร่างกายนี้ สังขารัง โรคะนิทธัง ปะภังคุณัง สังขารนี้เป็นรังของโรค มีแต่จะเน่าเปื่อยไปเป็นปกติธรรมดา เพราะฉะนั้น...ก็ดูแลรักษาให้เต็มที่ รักษาได้ก็ได้ รักษาไม่ได้ก็แล้วไป

ก่อนนี้ความรู้สึกของอาตมาคิดว่าก็ไม่ยาก แค่ทำใจว่า "รักษาได้ก็ได้ ไม่ได้ก็แล้วไป" แต่พอมาถึงตัวแล้วมักจะกลัวตายนะสิ ถ้ากลัวตายขึ้นมาคราวนี้ก็ "ไม่ได้" แล้ว ดิ้นรนสุดชีวิตเลย ถ้าเป็นนักปฏิบัติจะดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ตอนอาการหนักมาก ๆ กำลังของ ทาน ศีล ภาวนา ที่เราทำมาทั้งหมดจะรวมตัว เราจะรู้เลยว่าเราต้นทุนมีเท่าไร เพียงพอที่จะไปพระนิพพานหรือไม่ ?

ถึงตอนนั้นก็พยายามรักษากำลังใจให้อยู่ในลักษณะที่ว่า "อยู่ก็ได้ ตายก็ดี" ก็คือ ไม่ได้อยากอยู่ แต่ไม่ได้อยากตาย

หลายท่านปฏิบัติไปถึงระดับหนึ่งแล้วรู้สึกว่าอยากตาย คิดว่าตัวเองดีแล้ว อาตมาขอยืนยันว่าเป็นอารมณ์ที่แย่มาก เพราะว่าอารมณ์อยากตายส่วนใหญ่จะมีความเศร้าหมองอยู่ด้วย ดีไม่ดีก็พาลงอบายภูมิไปเลย ต้องเป็นอารมณ์ลักษณะของสังขารุเปกขาญาณ คืออยู่ก็ได้ ตายก็ดี อยู่เราก็ได้สร้างบุญสร้างบารมี ตายเราก็ได้ไปพระนิพพาน เป็นคนดู ไม่ลงไปเป็นคนเล่นแล้ว นั่งดูแล้วแต่สังขารจะเป็นไป ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น

เพราะฉะนั้น...เวลาไปถามหลวงปู่หลวงพ่อสายปฏิบัติว่า “หลวงพ่อสบายดีไหมครับ ?” “เออ...พอเป็นไปได้”
อยู่กับไอ้ร่างกายนี้ จะไปสบายดีได้อย่างไร ? แบกทุกข์อยู่ตลอดเวลา ไปถามท่านว่าสบายดีไหม ? ท่านจะบอกว่าถามผิดก็ไม่บอก แค่บอกว่า “เออ...ยังพอเป็นไปได้อยู่”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2018 เมื่อ 03:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 20-01-2018, 21:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เด็ก ๆ วิ่งเล่นอยู่ที่บ้านเติมบุญ "ปล่อยทิ้งไปเลยไม่ต้องไปสนใจ เด็ก ๆ ถ้าเราไปตามตื๊ออยู่เขาก็จะเล่นตัวไปเรื่อย ๆ ปล่อยไปเถอะ...ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวเขาก็วิ่งมาหาเราเอง แค่พ้นประตูไปเดี๋ยวก็วิ่งหาแม่แล้ว

ลองคิดดูว่า ถ้าคนอื่นเราตัดไม่ได้ ตัวเราก็จะตัดตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าเราจะรักตัวเองมากที่สุด ไปเลยลูก...เดี๋ยวแม่กลับบ้านเองได้ ไปไกล ๆ เลยครับ เดี๋ยวแม่กลับบ้านเองได้ ไม่ห่วงหนูหรอก จะไปเที่ยวไหนก็ไปเลย จะให้ใครอุ้มไปขายก็ได้..!

ส่วนใหญ่แล้วด้วยความรักก็เลยทำให้เราปล่อยวางได้ยาก โดยเฉพาะคนเป็นแม่ อุ้มท้องมา ๙ เดือน ๑๐ เดือน มีความผูกพันกับลูกทั้งทางร่างกายและจิตใจ เราต้องนึกดูว่า ถ้าท่านที่สามารถวางอารมณ์ตัดกำลังใจลักษณะอย่างนี้ได้ ต้องใช้กำลังใจสูงขนาดไหน ? เราจะได้รู้ว่าการตัดกิเลสก็ต้องมีกำลังสูงขนาดนั้น

แต่คราวนี้ส่วนใหญ่แล้วพวกเรากำลังไม่พอ เพราะว่าเราปฏิบัติแล้วเราก็ปล่อยให้รั่วไปหมด ออกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ รั่วหมดเกลี้ยงทุกช่องทาง ในเมื่อสำรวมอินทรีย์ไม่ได้ เก็บกักกำลังสมาธิเอาไว้ไม่ได้ ก็ไม่พอสู้กับกิเลส ไม่พอตัดกิเลส นั่งสมาธิ ๓๐ นาทีหน้าตาผ่องใส ไปนั่งเขี่ย LINE เสีย ๓ ชั่วโมง แล้วจะไปเหลืออะไร ? เพราะว่าปล่อยให้รั่วหมด เราไปทำให้รั่วเอง

เพราะฉะนั้น...ในเมื่อรู้แล้วก็ปิดช่องว่าง ปิดรูรั่วเสีย ไม่อย่างนั้นก็เหมือนกับตักน้ำใส่ตะกร้า หวังจะให้น้ำเต็มตะกร้าเป็นไปได้ไหมเล่า ? เราต้องเอาชันยาเสียก่อน ยาให้ถูกด้วยนะ ไม่ใช่ไปยาด้านนอกตะกร้า เขาต้องยาด้านใน โบราณเขาบอกไว้ชัดแล้ว “ยาเรือยาแพ ยาด้านนอก ยาขันยาจอก ยาด้านใน” อย่างของใส่น้ำถ้าไปยาด้านนอก แรงน้ำดันมาก ๆ ก็หลุดหมด แต่ถ้าหากยาไว้ด้านใน ถูกแรงน้ำดันก็ยิ่งแน่น ส่วนเรือแพต้องยาทางด้านนอก เพราะว่าแรงน้ำกดเข้าในก็ยิ่งแน่นเข้า ถ้าไปยาทางด้านในแรงน้ำดันเข้ามาก็ทะลุหมด

ต้องอุดรูรั่ว ปิดรูรั่ว กำลังจะได้เหลือไว้พอสู้กับกิเลสบ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2018 เมื่อ 03:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:21



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว