กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 22-12-2015, 18:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับผู้ที่ทำบุญถวาย "ท่านแม่" ว่า "ของคุณนี่เป็นลูกแม่ใหญ่ ปกติแล้วไม่ว่าจะเป็นลูกแม่ใหญ่ แม่กลาง แม่เล็ก แม่ใหญ่ท่านก็เลี้ยงหมด แต่ส่วนใหญ่แล้วแม่ใหญ่จะเลี้ยงลูกแม่กลางกับลูกแม่เล็กดีกว่าลูกตัวเอง กลัวคนเขาว่ารักลูกตัวเองมากกว่า เลยต้องรักลูกคนอื่นให้มากกว่า

หลายคนยังไม่ทราบประวัติของท่านแม่ทั้งสาม โดยเฉพาะอยู่ในวัดท่าซุงแท้ ๆ ก็ไม่ทราบกัน จนกระทั่งอาตมาเอาชื่อแม่ทั้งสามมาบอกจนครบครัน เขาถึงได้รู้ว่าท่านแม่ชื่ออะไรกันบ้าง

แม้ว่าหลวงพ่อท่านจะบังคับว่า ผู้
บวชที่วัดท่าซุงทุกคนจะต้องฝึกมโนมยิทธิได้ แต่ส่วนใหญ่เขาฝึกในลักษณะว่าขอแค่ผ่านประตูเข้าไป แล้วไม่มีการซักซ้อมเพื่อการคล่องตัวมากขึ้น ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ถึงเวลาก็ไม่สามารถที่จะบอกกล่าวอะไรได้

อาตมาเองพอออกจากวัดมา ด้วยความที่รู้มาก ก็เลยไม่ไปแตะต้องมโนมยิทธิ ปัจจุบันนี้เขามีการฟ้องร้องเรื่องลิขสิทธิ์กันด้วย มีบางคนยึดความเห็นของตนเองเป็นใหญ่ เห็นว่าคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุงก็ดี วัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุงก็ดี ตลอดจนกระทั่งแนวคิดและการปฏิบัติก็ตาม เป็นของเฉพาะภายใน สมควรที่จะให้แก่ลูกหลานหลวงพ่อเท่านั้น ก็เลยไปสงวนลิขสิทธิ์ พอที่อื่นทำตามจึงมีการฟ้องร้องขึ้นมา เสียดายว่าอาตมาแสนรู้ เลยไม่ไปแตะเสียตั้งแต่แรก

หลายคนถามว่าทำไมไม่สอนมโนมยิทธิ ? ไม่ทำโน่นไม่ทำนี่ ? ตอนนี้คงรู้ชัดแล้วว่าเพราะอะไร ความจริงแล้วเรื่องของธรรมะไม่ควรที่จะไปสงวนลิขสิทธิ์ เพราะว่าธรรมะทั้งหมดมาจากพระพุทธเจ้า ถ้าจะสงวนลิขสิทธิ์ ผู้ที่สงวนได้คือพระพุทธเจ้าเท่านั้น

แล้วอีกอย่างหนึ่งเราจะกล่าวอ้างว่า ธรรมะของหลวงพ่อวัดท่าซุงก็ควรจะสงวนไว้สำหรับลูกหลานในสายเท่านั้น นั่นเป็นความคิดที่คับแคบและเข้าใจผิดอย่างยิ่ง เรื่องของธรรมะเป็นสากล ใครก็ตามถ้าหากว่าตั้งใจปฏิบัติตามก็จะได้ผล ต่อให้เขาไม่ตั้งใจปฏิบัติตาม แต่ได้สัมผัสสักส่วนเสี้ยวหนึ่ง ก็ยังเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เขาเข้าถึงความดีในโอกาสข้างหน้า พอไปสงวนลิขสิทธิ์ก็เลยกลายเป็นการปิดกั้นโอกาสคนอื่นไปหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-12-2015 เมื่อ 21:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 22-12-2015, 19:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ธนบัตรใบละ ๑,๐๐๐ บาของปลอม ในปัจจุบันนี้เขาทำได้เหมือนของจริงมาก แต่ปีกครุฑตรงแถบกันปลอมถ้าเป็นของปลอมจะโดนทับไปข้างหนึ่ง มองไม่เห็น แต่ของจริงจะมองเห็น ฉะนั้น...ดูง่าย ๆ ถ้าหยิบใบละ ๑,๐๐๐ บาทขึ้นมา ให้ดูปีกครุฑก่อนว่ามีครบสองข้างหรือเปล่า ถ้าปีกครุฑมีไม่ครบสองข้างก็เป็นของปลอม

พระครูวิศาลกาญจนกิจ เจ้าอาวาสวัดตะคร้ำเอน ที่วัดของท่านมีหลวงพ่อดำดังมาก ทำให้คนไปทำบุญกันทุกวัน เขามาซื้อดอกไม้ธูปเทียนพร้อมพวงมาลัยชุดละ ๑๐๐ ไปไหว้พระ ท่านก็ต้องทอนให้เขา ๙๐๐ บาท ท่านบอกว่าเขามาตอนใกล้ค่ำ คนแก่หูตาไม่ค่อยดีจึงโดนของปลอมไปหลายใบ พูดง่าย ๆ ก็คือไม่ได้เอาของปลอมไปทำบุญเฉย ๆ แต่เท่ากับแลกเอาเงินจริง
ไป ๙๐๐ บาท อาตมาขอท่านเอาไว้ดู เขาเล่นง่ายดี ใช้ถ่ายเอกสารสีตัดแล้วเอามาแปะ หน้าหลังเหมือนเลย เพียงแต่ว่าถ้าไม่ใช่ตอนค่ำ ๆ ชุลมุนอยู่น่าจะจับได้ ท่านมาเจอเอาตอนกรรมการวัดนับเงินแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2015 เมื่อ 01:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 22-12-2015, 19:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมพวกนักเลง อย่างเสือใบพวกนี้ เขาถึงมีวิชาขลังได้ครับ ?
ตอบ : กำลังใจดี แล้วก็มีสัจจะ คำว่ากำลังใจดี ก็คือสมาธิใช้ได้เลย ให้คุณไปฆ่าคนจะมือสั่นไหม ? เขาจัดการไปกี่ศพก็หน้าตาเฉย

เวลาลูกน้องทรยศถ้าจับได้ เขาเอาก้านใบตาลเชือดคอ โห...ทารุณสุด ๆ ใบตาลมีคมอยู่หน่อยเดียวเหมือนกับฟันเลื่อยหัก ๆ เอามาเชือดคอ นั่งดูคนทุรนทุรายตายได้ กำลังใจของเราทำอย่างนั้นได้ไหม ? ในเมื่อทำไม่ได้ แปลว่ากำลังใจยังสู้เขาไม่ได้ ก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเขาขลังกว่า เสือมเหศวรก็เพิ่งตายไปเมื่อไม่นานมานี้เองไม่ใช่หรือ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2015 เมื่อ 01:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 22-12-2015, 19:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลานั่งสมาธิเกิดรู้สึกหนัก ๆ ตึง ๆ ตรงก้านสมองและกระหม่อม อาการข้างต้นเป็นตอนเริ่มนั่ง สักพักจิตเริ่มสว่างแจ่มใสขึ้นก็หายไป เข้าใจว่าเป็นนิวรณ์ถูกต้องไหม ?
ตอบ : จะว่าเป็นนิวรณ์ก็ได้ จะว่าเป็นมารที่เรียกว่าขันธมาร คือสิ่งที่มาขวางก็ได้ เพราะถ้าเรามัวแต่กังวลอยู่เราก็จะไม่เป็นอันทำอะไร ให้ตั้งใจอยู่กับลมหายใจของเรา พออารมณ์ใจทรงตัวสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็จะถอยไปเอง

แสดงว่าสภาพจิตละเอียดมาก สามารถรู้อารมณ์เล็กน้อยที่แทรกเข้ามาได้ บางคนไม่รู้หรอก มืดอย่างเดียวเลย แต่ว่าก็เป็นเรื่องปกติของนักปฏิบัติ ถ้ามีต้นทุนเก่าไว้เยอะ โดยเฉพาะอยู่ต่างประเทศด้วย ต้องขวนขวายมาก ก็ทำอะไรได้มากกว่า สภาพจิตจึงละเอียดกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2015 เมื่อ 01:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 22-12-2015, 19:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากที่มีโยมมาขอให้ทำบังสุกุลให้ "จริง ๆ แล้วพระท่านตั้งใจให้นึกถึงความตาย เรียกว่ามรณานุสติ การนึกถึงความตายเป็นมรณานุสติกรรมฐาน นึกถึงภาพพระเป็นพุทธานุสติกรรมฐาน นึกถึงพระนิพพานเป็นอุปสมานุสติกรรมฐาน อย่างน้อย ๆ ก็ได้กรรมฐานใหญ่ไป ๓ กอง ผลบุญตรงที่เราทำกรรมฐานนี้ แม้จะระยะเวลาสั้น ๆ แต่อานิสงส์มหาศาล สามารถพาเราห่างจากเคราะห์กรรมไปได้ชั่วคราว ต้องตั้งหน้าตั้งตาสร้าง ทาน ศีล ภาวนา ของเราเพิ่มขึ้น ถ้าทำได้ต่อเนื่องไม่มีช่องว่าง กรรมเก่าตามไม่ได้ ก็จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป

แต่ก็อย่างว่าแหละ...เราไม่ได้ทำดีอย่างเดียว อนาถปิณฑิกเศรษฐียังจนชั่วคราว จนเหมือนโดนแกล้ง กองเรือไปค้าขายก็โดนลมพัดหายไปไม่ได้ข่าวคราว คลังสินค้าริมน้ำก็โดนน้ำเซาะถล่มลงน้ำไปหมด กองเกวียนที่ไปค้าขายต่างบ้านต่างเมืองก็ไม่ส่งข่าวมาสักทีว่าไปถึงไหน แต่ว่าศรัทธาของท่านไม่ถอย เคยถวายอาหารเลี้ยงพระวันละ ๕๐๐ รูป ก็ยังถวายเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าอาหารดี ๆ อย่างพวกข้าวมธุปายาสก็ลดลงมาเรื่อย ท้ายสุดเหลือแต่ข้าวต้มกับน้ำผักดองก็ยังถวายพระ

คราวนี้ก็สำคัญอยู่ที่พระนั่นแหละ ฉันแต่ของดีมาตลอด เจอของไม่ดีจะฉันได้ไหม ? วันก่อนพวกสามเณรเลือกกิน อาตมาถึงได้บอกว่าพวกคุณน่าจะไปอยู่เนปาล เด็กที่นั่นเขาต้องนับเม็ดถั่วแบ่งกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2015 เมื่อ 01:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 22-12-2015, 20:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องการรู้เห็น ?
ตอบ : ภาวนาจับภาพพระไปเรื่อย ๆ ถ้าอารมณ์ใจทรงตัวได้ระดับ จะเกิดการรู้เห็นขึ้นมาเอง ถ้าหากว่าเราอยาก ไอ้ตัวอยากนี่จะทำให้ไม่เกินก็ขาด แต่ส่วนใหญ่จะเกิน วางกำลังใจเกินไปก็ไม่เห็น น้อยไปก็ไม่เห็น ต้องพอดี ๆ จับไปเรื่อย ๆ พอถึงเวลาได้ที่ก็รู้เรื่องกันเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2015 เมื่อ 01:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 22-12-2015, 20:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับพระลูกศิษย์ที่ไปเรียนบาลีว่า "นักเรียนบาลีเวลาสอบให้ภาวนาคาถาท่านปู่พระอินทร์เป็นปกตินะ ตรงไหนที่ทำได้ก็ทำไป ข้อไหนทำไม่ได้ให้เชื่อความรู้สึกแรกแล้วลุยไปเลย ผมเคย "เอ๊ะ" ทีเดียว ผิดไปคำหนึ่ง เพราะศัพท์คล้ายกับประโยคอื่น จึงคิดว่าน่าจะเป็นอีกคำหนึ่ง ทำให้ผิดไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2015 เมื่อ 01:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 22-12-2015, 20:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การกรวดน้ำ ?
ตอบ : การกรวดน้ำแค่เราตั้งใจเขาก็ได้แล้ว ตั้งใจว่ากุศลตรงนี้จะอุทิศให้แก่ใคร ถ้าหากว่ารู้จักชื่อรู้จักนามสกุล ให้ออกชื่อออกนามสกุลเจาะจงไปเลย ถ้าไม่รู้จักก็นึกให้ท่านผู้นั้นผู้นี้ ถ้าได้ยินแต่เสียงก็นึกว่าให้เจ้าของเสียงนั้น ถ้าได้กลิ่นก็นึกว่าให้เจ้าของกลิ่นนั้น เขาจะได้รับเลย

การกรวดน้ำแต่เดิมไม่มีมาในพระพุทธศาสนา พระเจ้าพิมพิสารทำบุญครั้งแรกจะอุทิศให้แก่ญาติที่เป็นเปรต พอพระพุทธเจ้าบอกให้อุทิศส่วนกุศล ด้วยความเคยชินของพราหมณ์ ถ้าจะให้อะไรใครก็เอาน้ำรดมือคนนั้น เป็นสัญลักษณ์ว่าฉันให้เธอแล้ว แต่คราวนี้ผีก็ไม่ยื่นมือมาให้เห็น ท่านก็เลยรดมือตัวเอง คนรุ่นหลัง ๆ จึงถือเป็นธรรมเนียมต่อ ๆ กันมา คือเอาน้ำรดมือบ้างเรียกว่ากรวดน้ำ แต่ความจริงเราตั้งใจให้ใครเขาก็ได้แล้ว เพียงแต่ว่าถ้าที่ไหนเขานิยมมือเปียกเราก็ไปเปียกกับเขา อย่าไปค้าน ถ้าอธิบายไม่ชัดเจนเดี๋ยวเขาจะหาว่าเราแหกคอกอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2015 เมื่อ 01:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 23-12-2015, 14:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้ที่ลงมาช้าเพราะเมื่อเช้าทำบัญชี เสร็จแล้วก็คัดลอกไฟล์ใหม่เพื่อที่จะเอาไปสำรองไว้ พอลบไฟล์เก่า ปรากฏว่าไม่ได้ลบไฟล์เฉย ๆ เล่นลบโฟลเดอร์งานไป ๓ ปี หน้ามืดสนิท..! บทจะโดนแกล้งนี่เขาแกล้งสาหัสจริง ๆ ก็เลยคิดหาวิธี จะทำอย่างไรดี ? ให้เขาหาเศษกระดาษที่ลงบัญชีเมื่อวาน เพิ่งจะทิ้งถังขยะ ปรากฏว่าทิ้งของมาเป็นตะกร้าเลย เขาหาคืนได้แค่ ๓-๔ ชิ้น เหมือนกับทันทีที่ทิ้งก็มีใครเอาไปกินอย่างนั้นแหละ เป็นไปได้อย่างไร ? มีคนกินเศษกระดาษด้วย ?

ขึ้นไปนั่งเซ็งอยู่ข้างบน จะถามพ่อแม่ปู่ย่าตายายก็คงโดนถีบมากกว่า เลยใช้วิธีนึกย้อนหลังว่าเมื่อวานเราทำอะไรบ้าง แล้วก็ไล่พิมพ์ไปเรื่อย อาจจะขี้โกงหน่อย ๆ แต่ก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นบัญชีก็ไม่เสร็จ บางคนเขาว่าอาตมาความจำดี แต่ถ้าความจำช่วยไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ นึกย้อนไปเมื่อวานเราทำอะไรบ้าง เมื่อคืนเราทำอะไรบ้าง เมื่อเช้าเราทำอะไรบ้าง นึกได้ก็ลงไล่ไปเรื่อย ๆ ของเก่า ๒ ปีไม่ยากหรอก เพราะมีไฟล์สำรองอยู่ในฮาร์ดดิสก์ แค่ไปคัดลอกมาลงก็จบแล้ว แต่ของที่ทำเมื่อคืนกับเมื่อเช้านี่ แหม...ยังไม่ทันจะสำรองไว้ที่ไหนเลย ดันลบไปซะก่อน

ตอนแรกอาตมาก็สงสัยว่าเทคโนโลยีใหม่ ๆ นี่มารรู้ด้วยหรือ ? ปรากฏว่าพ่อเจ้าประคุณหัวเราะก๊ากเลย บอกว่าก็เขาเป็นคนสร้างเอง จะไม่รู้ได้อย่างไร ? สรุปแล้วเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้งหลายทั้งปวง มารเป็นคนแนะนำให้ทำ เพื่อที่เราจะได้ยึดติดเยอะ ๆ อยู่กับเขา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2015 เมื่อ 16:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 23-12-2015, 14:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมเวลาภาวนาแล้ว มีเสียงเหมือนลมหายใจดังฟืดฟาดอยู่ข้างใน ?
ตอบ : ถ้าสามารถรู้ได้จะดี สติอยู่ตรงนั้นจะไม่คิดเรื่องรัก โลภ โกรธ หลง จิตเริ่มละเอียดขึ้น สิ่งที่ไม่เคยรู้เห็นก็เริ่มจะรู้เห็น

ถาม : บางทีแค่พูดคุยก็เป็น ?
ตอบ : จะทำอะไรก็ได้ ถ้าถึงเวลาสมาธิเริ่มเกิด เขาก็จะเป็นเองโดยอัตโนมัติ เราแค่เอาสติรับรู้ไว้เฉย ๆ

ถาม : เวลาจะพูดกับเพื่อนก็เป็นค่ะ ?
ตอบ : เราตั้งใจคุย ความตั้งใจเป็นสมาธิแล้ว พอเป็นสมาธิ จิตเราจะวิ่งไปสู่ระดับสมาธิที่เคยชิน ก็คือตอนที่อยู่กับลมหายใจ

ถาม : พอมีอาการแบบนี้เดี๋ยวหายใจไม่ถนัดค่ะ ?
ตอบ : ยังไม่ชิน เดี๋ยวพอชินแล้วก็จะสะดวกไปเอง พยายามทำให้เป็นอัตโนมัติ คือรู้เองโดยไม่ต้องกำหนดให้ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2015 เมื่อ 16:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 23-12-2015, 14:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่ท่านเคยบอกว่าจิตมีเกิด แล้วมีการดับไหมคะ ?
ตอบ : อยากจะดับก็ปล่อยดับไปสิ จะได้หมดภาระ เขาเรียกว่ากลัวล่วงหน้าไปก่อน เรามีหน้าที่ทำ ส่วนสภาพจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เลิกกลัว เลิกฟุ้งซ่าน เลิกคิดก็จบแล้ว ส่วนใหญ่ที่ทำแล้วไม่ก้าวหน้าเพราะไปกลัว ไปฟุ้งซ่านว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วบางทีก็คิดไม่เลิก เลยไม่ได้ดีสักที เรามีหน้าที่ทำ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็ช่าง หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านว่า “มอบกายถวายชีวิตต่อพระพุทธเจ้า” ก็คือ ถึงจะตายลงไปเพราะการปฏิบัตินี้เราก็ยอม จะได้เป็นการตัดร่างกายไปในตัวด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2015 เมื่อ 16:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 23-12-2015, 14:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เราไม่กินเนื้อสัตว์ได้บุญไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าเราตั้งใจงดเว้นด้วยความเมตตาจริง ๆ ก็ได้บุญ แต่ถ้าเรางดเว้นเพราะไปคิดว่า เราเว้นแล้วเราจะดีกว่าคนอื่นเขา ก็จะแบกกิเลสมากขึ้นไปอีก

พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่า ภิกษุของท่านถ้าจะฉันเนื้อ ๑.ต้องไม่รู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ๒.ต้องไม่เห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา คือต่อหน้าต่อตาเลย ๓.ต้องไม่รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเรา อย่างเช่นว่า เอ๊ะ...เขาเองไม่น่าจะมีไก่อยู่ในบ้านนะ แต่พอเรามาถึงสักพักมีต้มไก่มาด้วย อันนี้เขาทำเพื่อเรานี่ อย่างนี้เขาเรียกว่ารังเกียจ

ไปนึกถึงหลวงพ่อวิชาสมัยโน้น ร้านแม่ลาปลาเผาเปิดใหม่ ๆ ตอนนั้นมีหลวงตาวัชรชัย มีหลวงพี่ชัยศรีไปด้วย เข้าไปถึงก็เพล เจ้าของร้านมาถามว่าจะฉันอะไรเจ้าคะ ? “อะไรก็เอามาเถอะ” ปรากฏว่าเขาหายเข้าไปหลังร้าน เสียงทุบปลาช่อนปั่บ...ดิ้นพลาด ๆ หลวงพ่อวิชาหน้าเหลือสองนิ้วเลย ท้ายสุดก็บอกว่า “กินอย่างอื่นเถอะ” เรื่องนี้ไม่รู้ท่านยังจำได้อยู่หรือเปล่า ? เพราะว่าสมัยนั้นแม่ลาปลาเผาเพิ่งเปิดใหม่ ๆ ลูกค้าเขาไม่เยอะ เขาก็ทำสด ๆ ได้ สมัยนี้เขาต้องเผารอไว้แล้ว ถึงเวลาลูกค้าสั่งก็แค่อุ่นหน่อยเดียว จำได้ว่าตอนที่เขาเปิดร้าน ดูเท่มากเลยนะ เขาใช้ขวดมาเรียงต่อ ๆ กันเป็นอาคารรูปขวดใบใหญ่ ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2015 เมื่อ 16:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 23-12-2015, 14:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ไปดูในซีรีส์พุทธประวัติ เขาบอกว่าพระเจ้าพิมพิสารฆ่าตัวตาย ?
ตอบ : ในพระไตรปิฎกบอกว่าโดนพระเจ้าอชาตศัตรูจับไปขังแล้วก็ทรมาน แล้วก็เลยตายในวันที่ลูกท่านเกิดพอดี พูดง่าย ๆ ก็คือไม่ได้เห็นหน้าหลาน

ถาม : แล้วเป็นอนันตริยกรรมไหมคะ ?
ตอบ : เป็น...พอพระพุทธเจ้าเทศน์สามัญผลสูตร พระเจ้าอชาตศัตรูอย่างต่ำต้องได้พระโสดาบัน แต่ท่านไม่ได้อะไร เพราะมาติดกรรมตรงนี้ ก็ต้องไปชดใช้กรรมที่ฆ่าพ่อก่อน แต่ด้วยความที่พระองค์ท่านตอนหลังกลับมาเป็นสัมมาทิฐิ สนับสนุนพระพุทธศาสนาอย่างใหญ่โต ถึงขนาดเป็นประธานในการทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรก ถึงไม่สามารถล้างบาปได้ แต่ผลบุญพวกนี้ก็บรรเทาบาปลงไปได้เยอะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-12-2015 เมื่อ 13:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 23-12-2015, 14:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องตำราทิศที่ตั้งกุฏิเจ้าอาวาส ถ้าตรงกับหลังโบสถ์ ?
ตอบ : ถ้าตั้งด้านหลังโบสถ์เป็นทิศปาราชิก ถ้ากุฏิเจ้าอาวาสตั้งอยู่ทิศนั้น โปรดระวังจะต้องอาบัติปาราชิก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2015 เมื่อ 16:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 23-12-2015, 14:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้จ่ายเงินเดือนหนึ่งบางทีก็หมื่นกว่าสองหมื่น ให้ท่านโมเอาหมาไปรักษา เมื่อก่อนจะมานี่สองวันจ่ายเงินไป ท่านโมกลับมาเกือบจะทำวัตรค่ำรอบสองไม่ทัน บอกว่า "หมดแล้วครับอาจารย์" "เฮ้ย...เพิ่งให้ไปหมื่นหนึ่ง" ท่านโมบอกว่าเอาหมาไปรักษาทีเดียว ๖ ตัว ตอนแรกก็ไม่มีคนใส่ใจ ยกเว้นว่าตัวไหนเจ็บมาก ๆ ก็ให้ไพศาลเอาไปหาหมอทีหนึ่ง ตอนหลังพอมีทิดเทิดมา ทิดเทิดก็ช่วย คราวนี้พอท่านโมรับเป็นภาระ อาตมาก็เลยควักกระเป๋าจ่ายอย่างเป็นทางการเลย

หมาตัวที่พุงโรนั้นขาดโปรตีน ก็เลยบอกท่านโมให้ซื้อไก่ย่างให้กิน ถ้าไม่ได้ไก่ย่างเดี๋ยวเอาเพ็ดดีกรีกระป๋องให้ ส่วนหมาที่ซึม ๆ นั่นเป็นพยาธิในเลือด ติดเชื้อจากเห็บ ลูกหมาที่วัดเป็นเกือบทุกตัว แต่ยาแพงใช้ได้เลย ๖ ตัวหมดไปเกือบหมื่นถ้วน ตัวที่พุงโรนั้นหมอเขาเจาะพุงแล้วดูดน้ำออกมา

วันก่อนเจออยู่ตัวหนึ่งเป็นแผลที่คอเหวอะเลย ลักษณะเหมือนอย่างกับเป็นมะเร็งแล้วแตก ถามท่านโมว่าทำไมไม่เอาตัวนี้ไป ท่านบอกว่าจับไม่ได้ครับ พอตอนเย็นมาบอกจับได้แล้ว หมาหลบไปนอนในส้วม ก็เลยปิดประตูขังไว้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2015 เมื่อ 16:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 23-12-2015, 14:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตัวนั้นเขาชอบแอบเข้ามานอนในศาลา ?
ตอบ : ถ้าเขาอยู่ข้างนอก เขาจะโดนแมลงวันตอมแผล อาตมาเคยไปคีบแมลงวันออกจากแผลมา บางตัวหนอนขึ้นหลังขึ้นคอ ต้องเอาน้ำยาเบตาดีนราด แล้วหนอนหายใจไม่ได้ก็โผล่หัวขึ้นมา ก็เอาปากคีบคอยคีบออกทีละตัว ยังดีว่าไปอยู่วัด ถ้าอยู่บ้านนี่เจ้าของคงทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ อยู่วัดอย่างน้อยยังมีพระดูแลพาไปหาหมอ

สมัยก่อนอยู่ที่วัดท่าซุงก็มีป้าน้อย (นรีกร) เขาเรียกฉายาว่า น้อยรักหมา ส่วนป้าน้อย (นิพันธา) เดิมชื่อกานดา เขาเลยเรียกน้อยกานดากับน้อยรักหมา ถึงเวลาถ้าบอกป้าน้อยต้องมีวงเล็บ เพราะไม่รู้ว่าป้าน้อยคนไหน ป้าน้อยกานดาเป็นน้องสาวคุณหญิงเยาวมาลย์ แล้วที่ขำที่สุดก็คือคุณหญิงเยาวมาลย์ทำพินัยกรรมยกสมบัติให้ โดยมีข้อแม้ว่าให้ทนายคอยตรวจสอบ เดือนไหนป้าน้อยกานดาอยู่วัดไม่ถึง ๑๕ วันไม่ต้องจ่ายเงิน บังคับน้องให้เข้าวัด ...(หัวเราะ)... ป้าน้อยเป็นคนที่ห้าวหาญมาก นิสัยกึ่ง ๆ ผู้ชาย ถ้าไม่โดนบังคับแบบนั้นนี่ไม่เข้าวัดง่าย ๆ หรอก


ถาม : พี่น้องแต่หน้าตาไม่เหมือนกันเลย ?
ตอบ : สภาพจิตต่างกัน คนหนึ่งไปพระนิพพานแล้ว สภาพจิตของคนที่จะไปพระนิพพาน จิตสวยก็พลอยพาให้กายสวยไปด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2015 เมื่อ 16:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 23-12-2015, 20:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูไม่เข้าใจระหว่างการใช้หลักกาลามสูตรกับวิจิกิจฉา ?
ตอบ : ส่วนใหญ่กาลามสูตรเขาให้ใช้สำหรับสิ่งที่มาจากข้างนอก ได้ยิน ได้ฟัง ได้เห็นมา อย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นจะเป็นจริงตามนั้นแล้วค่อยเชื่อ ส่วนตัววิจิกิจฉาเป็นสภาพจิตของเราที่ลังเลสงสัยต่อผลการปฏิบัติ การลังเลสงสัยต่อผลการปฏิบัติ ก็คือ สงสัยว่าที่พระพุทธเจ้าสอนมานั้นดีจริงหรือไม่ ? ที่ครูบาอาจารย์สอนมาดีจริงหรือไม่ ?

เราก็แค่ดูย้อนหลังไปว่า ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เรามีพระอริยเจ้าต่อเนื่องมานับองค์ไม่ถ้วน ถ้าไม่ดีจริงท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็คงเป็นไม่ได้ ถ้ายังสงสัยก็ทำต่อไป ได้คำตอบแล้วจะเลิกสงสัยเอง เป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่สงสัยเราก็ไม่คิดที่จะทำ


ถาม : ...(ไม่ชัด)...?
ตอบ : ไม่ใช่...ถ้าสงสัยลักษณะนั้นต้องทำ ทำถึงแล้วก็จะเลิกสงสัยไปเอง หรือไม่ก็หาคนที่เขาเคยทำผ่านตรงนั้นมา แล้วสอบถามรายละเอียดจากเขา แต่ว่าการเอาแต่ถาม บางทีก็ทำให้เราฟุ้งซ่าน ฉะนั้น...ลงมือทำดีกว่า ถ้าทำแล้วติดขัดตรงไหนค่อยมาถาม

ถาม : เป็นมารหลอกหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : จะเรียกว่ามารหลอกก็ใช่ แต่ขณะเดียวกันถ้าไม่สงสัยแล้วใครจะค้นคว้า ? ถ้าไม่ค้นคว้าจะหาความก้าวหน้ามาจากไหน ? ฉะนั้น...เราเองก็สงสัยให้ถูกทางสิ อย่างเช่น สงสัยว่าพระพุทธเจ้าสอนว่าพระนิพพานเป็นอย่างนี้ เป็นจริงหรือไม่เป็นจริง ? เราก็ค้นคว้าพระนิพพานให้ปรุไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2015 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 23-12-2015, 20:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องโลกุตรธรรม ๙ อย่าง
ตอบ : มรรค ๔ ผล ๔ รวมเป็น ๘ บวกนิพพาน ๑ เป็น ๙ เขาเรียกโลกุตรธรรม หรือนวโลกุตรธรรม ธรรมที่ทำให้พ้นโลก ๙ อย่าง

ถาม : ไม่ใช่ มรรค ๘ หรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่ คนละอย่างกัน เขาบอกว่า "นับโดยมรรคผล" ไม่ใช่นับโดยมรรคเฉย ๆ นับทั้งมรรคทั้งผล มีโสดาปัตติมรรค สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตมรรค โสดาปัตติผล สกทาคามีผล อนาคามีผล อรหัตผล แล้วก็พระนิพพาน

ถาม : ที่เขาบอกว่า “๔ คู่ นับเรียงตัวได้ ๘ บุรุษ” ?
ตอบ : ก็คือ ๔ คู่นี้แหละ คือพระอริยเจ้าที่เป็นอริยมรรค ๔ อริยผล ๔ นับเป็น ๔ คู่ ถ้าเรียงบุคคลก็ได้ ๘ บุคคล คือ โสดาปัตติมรรคกับโสดาปัตติผลคู่ที่ ๑ สกทาคามิมรรคกับสกทาคามีผลคู่ที่ ๒ อนาคามิมรรคกับอนาคามีผลคู่ที่ ๓ อรหัตมรรคกับอรหัตผลคู่ที่ ๔ รวมแล้วก็ ๘ บุคคล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2015 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 23-12-2015, 20:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่จะสั่งสมกำลังเพื่อสู้กิเลสได้ ก็เกิดจากจิตใช่ไหมคะ ?
ตอบ : เกิดจากจิต แต่ว่าจิตจะต้องใฝ่ดี สั่งสมความดีใน ศีล สมาธิ ปัญญา มากขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้าหากว่าสภาพจิตไม่ใฝ่ดี มีแต่ไหลลงต่ำ ก็จะสะสมแต่สิ่งที่ไม่ดีไม่งาม แล้วพาตัวเองตกต่ำไปเรื่อย

ฉะนั้น...ทุกวันนี้เราก็เหมือนกำลังไต่ภูเขาอยู่ ถ้าถึงยอดเมื่อไรก็รอดไปที ถ้าไม่ถึงยอดก็อาจจะพักอยู่กลาง ๆ เขา ถ้าเตี้ย ๆ ร่อแร่อยู่ขอบเหวก็มนุษย์ สูงขึ้นไปหน่อยก็เทวดา สูงไปอีกหน่อยก็พรหม สูงขึ้นไปอีกก็เป็นพระอริยเจ้าตามลำดับชั้น ท้ายสุดก็โน่น พ้นจากเหวหรือไม่ก็ขึ้นฝั่งได้ เป็นอันว่าเผ่นไปไกล ๆ เลย


ถาม : หนูกลัวว่าจะไปเกิดอรูปพรหม ?
ตอบ : กลัวก็ไม่ต้องไป อรูปพรหมไม่ได้บังคับให้เราไป ยกเว้นว่าเราทำในอรูปฌานจนชิน สภาพจิตเข้าถึงจุดนั้นอยู่ตลอดเวลา ถ้าอย่างนั้นมีสิทธิ์หลุดไปอรูปพรหมได้ แต่ถ้าหากเราไม่ได้ทำตรงนี้เอาไว้ก็ไม่ต้องไปกลัวหรอก เพราะไปยาก อรูปพรหมไม่ได้ไปง่าย ๆ หรอก ต้องบอกว่าไปยากสุด ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2015 เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 23-12-2015, 20:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระเจ้านั่งดินซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ลพบุรีเขาสร้างหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก ?
ตอบ : โบราณเขาสร้างให้หันไปทางทิศตะวันตกเพราะให้หันไปสู่แดนพุทธภูมิ ประเทศพม่าเกือบทั้งประเทศหันไปทางทิศตะวันตกหมด เขาถือว่าหันไปแดนพุทธภูมิคือที่เกิดของพระพุทธเจ้า แต่ความจริงควรจะให้ท่านหันไปทิศตะวันออก เพื่อที่เราหันไปไหว้ท่านจะได้หันไปทางทิศตะวันตกที่เป็นพุทธภูมิ

แต่ที่แปลก คือ หลวงพ่อพระมหามัยมุนีหันไปทางทิศตะวันออก มิน่า...คนไหลไปอย่างกับน้ำเลย บ้านเราสมัยก่อนสัญจรทางน้ำเป็นปกติ การสร้างโบสถ์ส่วนมากก็จะหันลงแม่น้ำ จะได้ให้คนเห็นได้ง่าย ๆ ถ้าหันลงแม่น้ำแล้วผิดทิศ บางทีเขาก็ปล่อยเลยตามเลย

มีอย่างหนึ่งที่ยังไม่ได้พิสูจน์คำพูดของนายละเมี้ยตอ่อง พ่อค้าไม้จันทน์เมืองมัณฑะเลย์ เขาบอกว่าไม้จันทน์อินเดียจะหอมที่สุด รองลงมาก็เป็นของพม่า รองลงมาก็เป็นของไทย แล้วก็ไล่ไปทางด้านลาว เขมร ถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ? เขาบอกว่ายิ่งใกล้แดนพุทธภูมิเท่าไรก็ยิ่งหอมมากเท่านั้น แต่อาตมาคิดว่าถ้าแห้งแล้งมากเท่าไรก็จะหอมมากเท่านั้น แต่คราวนี้ในเมื่อความเชื่อของเขาเป็นอย่างนั้นก็ดีอยู่อย่าง ทำให้ได้พุทธานุสติไปด้วย

ตำราเขาถึงได้บอกว่า แตงของฮามิหรือไม่ก็องุ่นของซินเจียงอร่อยที่สุด หวานที่สุด เพราะว่าอยู่ในทะเลทราย ยิ่งขาดน้ำมากเท่าไร ความเข้มข้นของน้ำตาลก็ยิ่งสูงเท่านั้น เดี๋ยวเอาไว้มีโอกาสจะไปพิสูจน์ดู
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-12-2015 เมื่อ 11:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:24



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว