กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-09-2011, 10:29
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default ธรรมที่เป็นไปได้ทั้งถูกและผิด

ธรรมที่เป็นไปได้ทั้งถูกและผิด

สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนไว้ มีใจความสำคัญดังนี้

๑. “จุดนี้ให้ดูอิทธิพลของสัญญา ที่ไปกำหนดจดจำในสิ่งที่ตาสัมผัสรูป หูได้สัมผัสเสียง แต่จิตไปคาดโทษ คนเปิดน้ำไหลทิ้งนั้น เป็นสัญญาที่จดจำในธรรม ที่กล่าวโทษโจทก์ผู้ทำของเสียหาย ต้องตกสู่อเวจีมหานรก นี่ล้วนแต่ความจำได้ของจิตทั้งนั้น ซึ่งทำให้จิตเกาะติดอยู่ตามนั้น เจ้าเลยปรับอาบัติเขาแบบพุทธบัญญัติ หากผู้ใดผ่านไปเห็นของสงฆ์เสียหาย แล้วไม่จัดการแก้ไขหรือบอกให้ผู้อื่นแก้ไข กี่องค์ก็ปรับเท่านั้น จิตเกาะติดในกรรมจนเอาไปฝันนี่ไม่ดี เพราะไปเกาะกรรมชั่วของผู้อื่น จุดนี้จึงมีทั้งถูกและผิด ถูกที่พึงรักษาของสงฆ์ ผิดเพราะไปเอาจิตไปเกาะกรรมที่คนอื่นเขาทำเอาไว้

อีกจุดหนึ่งคือ ในอดีตเจ้าโกรธและขุ่นเคืองในบุคคลผู้เปิดน้ำ-เปิดไฟของวัดทิ้งไว้ แต่ในปัจจุบัน อารมณ์ของเจ้ามันเปลี่ยนเป็นสงสารเขาแทน เพราะไม่อยากให้เขาเป็นโทษเพราะไม่รักษาของสงฆ์ เพราะฉะนั้น รักษาอารมณ์จิตตัวเมตตานี้เข้าไว้ให้ดี แต่พยายามวางตัวอารมณ์เกาะติดในกรรมผู้อื่นให้หมดสิ้นไปด้วย เพราะพรหมวิหารมี ๔ ข้อต้องใช้ให้ครบ โดยเฉพาะอุเบกขา

๒. “มรรคผลจักได้จริงต่อเมื่อเอาจริงกันในทางปฏิบัติเท่านั้น ให้สำรวมกาย วาจา ใจ ว่าจุดไหนบกพร่องบ้าง เพราะบางครั้งจิตตกอยู่ในอำนาจความโกรธ โลภ หลง และบางขณะก็ฟุ้งซ่านไปด้วยอำนาจของนิวรณ์ทั้ง ๕ ประการ จุดนี้จักต้องแก้ไขให้ได้ ถ้าแก้ไขไม่ได้มรรคผลก็จักได้ยาก ตถาคตเป็นเพียงผู้บอกผู้ชี้แนะ ตนจักต้องเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น อย่าทะนงตนว่าดีแล้ว และจงอย่าประมาทในชีวิต อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไร้ค่า มุ่งทำความเพียรเพื่อพระนิพพาน ต้องทำกาย-วาจา-ใจให้ได้มรรค-ผล-นิพพานด้วย

๓. “อย่าไปคิดว่าเพศสมณะกับฆราวาสไม่เท่ากัน ความจริงแล้วอยู่ที่การสำรวมกาย-วาจา-ใจ ให้ถึงพร้อมด้วยศีล-สมาธิ-ปัญญา อยู่ที่ความตั้งใจจริงของใจเท่านั้น ว่าจักรักษาศีล สมาธิ ปัญญาจริงหรือไม่ อย่าจริงแค่สัญญา ให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองให้มาก ๆ แล้วให้พิจารณาอันไหนเป็นสัญญา อันไหนเป็นปัญญาด้วย มิใช่ทำไป ๆ เหมือนคนตาบอด จิตบอดไม่รู้จักแยกแยะ จักต้องทำไปรู้ไป จึงจักใช้ได้

เช่น รู้ว่าสุขภาพไม่ดีก็ต้องเพิ่มความไม่ประมาทในชีวิต ไม่มีใครฝืนกายสังขาร ไม่ให้เจ็บไม่ให้ตายได้ การทรงชีวิตอยู่ก็อยู่กับความทุกข์ ต้องจมอยู่กับกายที่สกปรก ไม่เที่ยง ต้องเป็นภาระให้ชำระสะสางทุกวัน จิตต้องคอยกังวลกับสุข-ทุกข์เวทนา ซึ่งเป็นธรรมดาของร่างกาย หากใช้ปัญญาพิจารณาตามความเป็นจริง จักเห็นธรรมของร่างกายปรากฎอยู่อย่างนั้นด้วยปัญญา ที่รู้-ที่เห็นตามความเป็นจริงอยู่อย่างนี้ จิตก็จักคลายกังวลและวางเฉยในปกติธรรมของร่างกายลงได้ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ทุกบทเนื่องถึงจิตกับร่างกายเหมือนกันหมด อย่าประมาทคิดว่าเราจักยังไม่ตาย พระอริยเบื้องสูงท่านไม่ประมาท คิดถึงความตายทุกขณะจิต ท่านพร้อมที่จะทิ้งกายนี้อยู่เสมอ จิตมุ่งสู่พระนิพพานจุดเดียวอย่างมั่นคง รู้ลม-รู้ตาย-รู้นิพพาน

๔. “อย่าไปตำหนิใครว่าปฏิปทาไม่เหมือนกับเรา ชีวิตของแต่ละคนมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นเครื่องจำแนกและถูกจองจำด้วยผลของกรรม อันเกิดจากการกระทำของตนเอง ดังนั้น จงเอาจิตรอด ส่วนกายนั้นมันไม่รอดอยู่แล้วเป็นธรรมดา

ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:27



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว