กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 05-05-2009, 05:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๒

ในเรื่องของภาษา หลวงพ่อเล็กบอกว่า "สมัยพุทธกาลถ้าไม่ได้พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณที่สามารถใช้ภาษาใจได้แล้ว การเผยแผ่พุทธศาสนาจะเป็นเรื่องที่ลำบากมาก เพราะสมัยนั้นมีหลายภาษามาก ในปัจจุบันอินเดียประเทศเดียวก็มีสามร้อยกว่าภาษาแล้ว

หลวงพ่อฤๅษีเคยเล่าเรื่องหลวงปู่สร้อยให้ฟัง ใครพูดภาษาอะไรหลวงปู่สร้อยพูดได้หมด หลวงพ่อก็เลยไปลองดู เอาคนพูดภาษาอังกฤษไปคุยด้วย เอาคนพูดภาษาเยอรมันไปคุยด้วย เอาคนญี่ปุ่นไปคุยด้วย ปรากฏว่าหลวงปู่พูดได้หมดทุกภาษา พอหลวงพ่อถามว่า "หลวงปู่พูดภาษาเขาได้ยังไง ?" หลวงปู่บอกว่า "ไม่รู้ ได้ยินเป็นภาษาไทยและตอบเป็นภาษาไทย"

เอากับเขาสิ ! ได้ยินเป็นภาษาไทย ตอบเขาเป็นภาษาไทย แต่คนฟังกลับฟังเป็นภาษาตัวเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-03-2011 เมื่อ 12:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-05-2009, 06:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นอกจากนี้ หลวงพ่อเล็กยังเล่าถึงความสามารถทางด้านภาษาของหลวงพ่อฤๅษีให้ฟังว่า

มีอยู่ช่วงหนึ่งตอนที่อาตมายังไม่ได้บวช วันนั้นอยู่กับหลวงพ่อฤๅษีที่บ้านสายลม ก็มีคุณยายคนหนึ่งมาจากสุรินทร์ เดินทางมาทั้งคืน มาถามหาหลวงพ่อ เนื่องจากคุณยายคนนี้พูดภาษาอีสานปนส่วยปนเขมร คนทั่วไปจะฟังไม่รู้เรื่อง โชคดีที่อาตมาไปอยู่ชายแดนเขมรมาก่อน ก็เลยพอจะฟังได้

พอยายเจอหลวงพ่อก็เลยขอถามปัญหา เนื่องจากยายแกพูดไม่รู้เรื่อง หลวงพ่อเลยหัวเราะชอบใจ ท่านบอกว่า "เฮ้ย ใครฟังรู้เรื่องแปลให้ที" อาตมากราบเรียนหลวงพ่อว่า "ผมพอฟังได้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะแปลได้หมด" หลวงพ่อก็บอกว่า "เออ..ช่วยเป็นล่ามให้หน่อยลูก"

คุณยายถามหลายปัญหามาก แต่ปัญหาใหญ่ที่ยายถามคือ ยายบ้าไปหรือเปล่า? เพราะยายถือศีลปฏิบัติธรรมในขณะที่คนทั้งหมู่บ้านไม่ทำกัน เขาเลยหาว่ายายเป็นผีบ้า หลวงพ่อก็หัวเราะ แล้วบอกว่า "ยายน่ะปกติ แต่พวกนั้นบ้าทั้งหมู่บ้าน" บอกไปแบบนี้ ยายแกจะได้สบายใจ เพราะยายเขาเครียดมาก

ต้องชมกำลังใจของยายว่าสุดยอด โดนชาวบ้านเขาด่าเป็นยายผีบ้าทุกวัน แต่ยายก็ยังคิดที่จะทำอยู่ ถ้าเป็นเรา...มีคนเดียวแล้วทั้งหมู่บ้านเขาด่า เราจะสู้ไหวหรือไม่ ? ยายเขาสุดยอดกำลังใจ พอรู้ว่ามีพระดี ก็ดั้นด้นมาจากสุรินทร์ ไม่รู้เหมือนกันว่าหมดค่ารถไปเท่าไร

พออาตมาแปลไปแล้วชักเหนื่อย บางคำคิดไม่ทันก็หยุดนึกเป็นภาษาไทย ปรากฏว่าหลวงพ่อท่านตอบไปก่อน ตรงเป๊ะเลย ถึงได้รู้จริง ๆ ว่าท่านฟังออกหมดทุกภาษา ส่วนที่ให้เราแปล เพราะจะได้ไม่ผิดปกติ คนอื่นก็จะไม่รู้ คิดว่าท่านตอบตามที่เราแปล

ก็เลยโยงกลับมาจุดที่ว่า ในสมัยพุทธกาล ความสามารถเหล่านี้เป็นสาธารณะ บรรดาศาสดาเจ้าลัทธิต่าง ๆ มีหลายคนทำได้ ขณะเดียวกันพระสงฆ์ของเราที่สำเร็จมรรคผลเป็นปฏิสัมภิทาญาณก็ทำได้เยอะ เลยกลายเป็นของไม่แปลก ในขณะเดียวกัน ที่ท่านพูดกับเขาได้ เขาไม่รู้สึกแปลก เพราะเขาคิดว่าท่านพูดภาษาของเขา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-03-2011 เมื่อ 12:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-05-2009, 06:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระอรหันต์สมัยพุทธกาลท่านแสดงปาฏิหาริย์เป็นปกติหรือครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่

ถาม : แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่าท่านแสดงปาฏิหาริย์ได้ ?
ตอบ : พระปิณโฑลภารทวาช ไปแสดงให้เขาเห็น

ถาม : แล้วท่านพูดได้หมดทุกภาษาหรือเปล่า ?
ตอบ : เมื่อวานก็แปลภาษาเทวนาครี แทบตายกว่าจะได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 26-03-2013 เมื่อ 12:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-05-2009, 14:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกว่า "เวลาท่านปู่นายบัญชี มาสำรวจตอนที่เรากำลังทำกรรมฐาน ท่านจดตอนที่กำลังใจเราสูงสุด ตอนที่กำลังใจห่วยแตกเขาไม่จดหรอก เสียเวลาเปล่า เช่น ช่วงแรกเราได้อุปจารสมาธิ สักพักเราได้ปฐมฌานซึ่งนับว่าเป็นกำลังใจสูงสุดในช่วงนั้น เครื่องของเขาก็จดโดยอัตโนมัติ จดตอนกำลังใจสูงสุดอย่างเดียว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-03-2011 เมื่อ 12:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 05-05-2009, 14:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องฌานใช้งาน พระอาจารย์บอกว่า "เวลาที่สมาธิมันขึ้นสูงสุด กำลังใจจะทรงตัวอยู่ระดับนั้น เมื่อกำลังมันถอยเป็นปฐมฌานหรืออุปจารสมาธิ ก็เลยกลายเป็นฌานใช้งาน

ฌานใช้งานจะบังคับให้เราเคลื่อนไหวทำกิจกรรมต่างได้ ๆ แต่ความสงบของใจมันเท่ากับกำลังสูงสุดที่เราทำได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-03-2011 เมื่อ 12:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 05-05-2009, 14:46
ทิดตู่ ทิดตู่ is offline
สมาชิกยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 168
ได้ให้อนุโมทนา: 27,852
ได้รับอนุโมทนา 47,493 ครั้ง ใน 1,464 โพสต์
ทิดตู่ is on a distinguished road
Default

มีตอนหนึ่งในช่วงของการเจริญกรรมฐานในคืนวันเสาร์ ที่หลวงพี่ท่านกล่าวถึงความสำคัญในการระลึกถึงลมหายใจเข้า-ออก ช่วงหนึ่งท่านกล่าวไว้ประมาณนี้ว่า

"การนึกถึงลมหายใจมีความสำคัญไม่ต่างจากการที่เรานึกถึงความดี"

ทำให้มีวิธีที่จะได้บอกกับใจของตัวเองตลอดเวลาที่นึกได้ว่า
ตอนนี้ "เรานึกถึงความดีแล้วหรือยัง?"
เก็บตกเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากกันครับ
__________________
๑۩۞۩๑ ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่าน ๑۩۞۩๑
ช่วยกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง และโปรดหลีกเลี่ยงการนำภาษาพูดมาใช้เป็นภาษาเขียนด้วย

ขอเชิญร่วมบุญธรรมทานเว็บไซต์"วัดท่าขนุน"
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ทิดตู่ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 05-05-2009, 14:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องเด็ก ๆ พระอาจารย์สอนว่า "เราจะเห็นได้ว่าเด็ก ๆ เขาก็มีสักกายทิฏฐิกันแล้ว สิ่งที่เขาแสดงออกไม่ว่าจะเป็น ต้องการให้คนอื่นสนใจ ต้องการให้คนอื่นใส่ใจ ต้องการให้ตนเองเป็นคนสำคัญ ทั้งหลายเหล่านี้เขาจะไม่รู้ตัว มันเป็นสังโยชน์ชัด ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-03-2011 เมื่อ 12:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 05-05-2009, 16:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์พูดถึงเรื่องการเมืองว่า "ปัจจุบันความแตกแยกในบ้านเมืองของเราเหมือนกับตกอยู่ในความมืด ตกอยู่ในวังวนของผลประโยชน์ มีปรัชญาการเมืองว่า การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ จึงไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร

แม้ว่าเปลือกนอกเหมือนว่ารัฐบาลได้เปรียบ แต่ทักษิณเขามีฤทธิ์มากกว่าที่คิด ขอให้รู้ว่าในขณะนี้เขากำลังเจรจากันอยู่ เขาเจรจาในลักษณะที่ว่าทำอย่างไรจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

พวกเขาทั้งหมดตกอยู่ในความมืด ความมืดคือผลประโยชน์ที่เกิดจากรัก โลภ โกรธ หลง ถ้าหากมีความสมประโยชน์ คือได้กันทั้งสองฝ่าย เรื่องจะจบ ถ้าหากไม่ได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย อย่างไรเรื่องก็ไม่จบ

ดังนั้น..เวลาทำกรรมฐานก็ขอให้อธิษฐานเผื่อพวกเขาด้วย ทำอย่างไรที่จะทำให้พวกเขามีกำลังใจเกาะในด้านคุณความดี เพื่อที่แสงของธรรมะจะได้ฉายเข้าไปขับไล่ความมืดในใจของเขาออกไปได้บ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-03-2011 เมื่อ 12:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 05-05-2009, 16:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกว่า "ธรรมะหมวดที่มนุษย์รู้เรื่องน้อยที่สุดก็คือพระอภิธรรม เพราะพระพุทธเจ้าท่านเอาไว้สอนเทวดาที่เป็นอุคฆติตัญญู ฉะนั้น..ใครเรียนอภิธรรมต้องบอกว่าเก่งพอกับเทวดา

เมื่อพระพุทธเจ้าบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ในสัปดาห์ที่ ๔ เสวยวิมุตติสุขอยู่ สุดยอดอัจฉริยะมนุษย์อย่างพระพุทธเจ้า ทรงใช้เวลาพิจารณาพระอภิธรรม ขนาดคิดตรองในใจโดยไม่ได้กล่าวออกมา ใช้เวลา ๗ วันเต็ม ๆ แล้วพระพุทธเจ้าทรงขึ้นไปสอนเทวดาที่เป็นอุคฆติตัญญู ฟังแต่หัวข้อก็เข้าใจเลยโดยไม่ต้องอธิบาย ขนาดนั้นยังใช้เวลาเท่ากับสามเดือนของมนุษย์ แล้วคิดดูว่าถ้าไปเทศน์สอนคนธรรมดา จะฟังได้ครบหรือไม่?

ดังนั้น..ปัจจุบันที่เรียนอภิธรรมกัน บางทีก็ทำให้เกิดมานะว่ารู้มากกว่าคนอื่นเขา ซึ่งเป็นการรู้ในแบบตำรา แล้วเป็นการรู้ในแบบส่วนหยาบ ๆ ด้วย ไม่สามารถอธิบายในส่วนที่ละเอียดได้ เลยกลายเป็นว่า ไปศึกษาส่วนประกอบของอาหารว่ามีอะไรบ้าง ทั้งที่อาหารวางอยู่ตรงหน้าแล้วไม่กินสักที

ที่ทองผาภูมิมีอยู่คนหนึ่ง ปีนี้อายุ ๘๓ ชื่อโยมไล ชอบสนทนาธรรมกับพระ โยมคนนี้ถ้าหากว่าเรารู้ธรรมะ ไม่ว่าจะเป็นจากตำราหรือการปฏิบัติก็ตาม ถ้ารู้ไม่มากพอ แกจะไม่นับถือ โยมคนนี้เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่สายรุ่นแรก ๆ และนับถือหลวงปู่อุตตมะด้วย โยมเขาเรียนอภิธรรม หลวงปู่อุตตมะเตือนไว้แล้ว บอกว่า "โยมไล..เรียนอภิธรรมแล้วเดี๋ยวหาพระไหว้ไม่ได้นะ"

เพราะจะคิดว่าตนเองรู้มากกว่า เมื่อคิดว่ารู้มากกว่าก็เกิดมานะและสักกายทิฏฐิ ทำให้พลาดผลที่จะพึงได้ไปอย่างน่าเสียดาย

ทุกวันนี้โยมคนนี้เรียกอาตมาว่าหลวงปู่ โยมเขาถือว่าอาตมาแก่เพราะรู้มากกว่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 19-04-2015 เมื่อ 22:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 05-05-2009, 17:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในธรรมะแปดหมื่นพระธรรมขันธ์ มีหลายส่วนที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเฉพาะ

อย่างพระมหาสติปัฏฐาน ท่านก็สอนแต่เฉพาะชาวกุรุ ชาวกุรุมีพื้นฐานมาจากอุตรกุรุทวีป ซึ่งมาจากต่างดาว พวกเขามีความฉลาดมาก ซึ่งถ้าใครไปศึกษาในมหาสติปัฏฐาน หมวดท้าย ๆ ที่ว่า เห็นจิตในจิต ธรรมในธรรม ถ้าเราไม่ได้ปฏิบัติมาอย่างช่ำชอง จะปฏิบัติได้ยากมาก เรียกได้ว่าเกาะไม่ติดเลย แสดงว่าเราฉลาดสู้มนุษย์ต่างดาวไม่ได้

ในโลกเราสมัยที่มีพระเจ้าจักรพรรดิ พระองค์ท่านต้องปราบได้ทั้งสี่ทวีป คือ อุตรกุรุทวีป อมรโคยาน บุพวิเทหทวีป และชมพูทวีป เนื่องจากพระเจ้าจักรพรรดิท่านจะเกิดได้เฉพาะในชมพูทวีป

เวลาไปปราบท่านก็ไปกวาดต้อนประชาชนมาส่วนหนึ่งเพื่อแสดงออกซึ่งพระราชอำนาจ ชาวอุตรกุรุทวีปก็เอาไว้ที่แคว้นกุรุ ชาวอมรทวีปก็ไว้ที่แคว้นอมรปุระ พวกบุพวิเทหทวีปก็อยู่ที่เทวทหะ คราวนี้รู้หรือยังว่าชื่อเมืองมาจากไหน? ก็มาจากบ้านเขา แปลว่าพระพุทธเจ้าท่านมีเชื้อสายมาจากมนุษย์ต่างดาว เพราะเทวทหะเป็นเมืองแม่ของท่าน

ในเมื่อเขามีความฉลาดมากพระพุทธเจ้าก็เทศน์ธรรมะที่เหมาะแก่จริต เหมาะแก่อัธยาศัยที่เขามีอยู่ในช่วงนั้น เพราะฉะนั้น..ถ้าเราไม่ได้ปฏิบัติมาในระดับที่เข้าใจในจุดนั้น ปฏิบัติไปก็ไม่รู้เรื่อง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-03-2011 เมื่อ 12:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 05-05-2009, 17:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในเรื่องมหาสติปัฏฐาน ให้พวกเรารู้จักดูกำลังใจของเราว่า เวลาที่เราไปไหนในแต่ละงาน แต่ละสถานที่ กำลังใจของเรายินดียินร้ายอย่างไร? ให้รู้เท่าทันและระวังป้องกันมัน พยายามให้มันเป็นอุเบกขารมณ์ ก็คือวางเฉยให้ได้ทุกสถานการณ์ จิตใจจะได้ไม่ปรุงแต่งไปกับรัก โลภ โกรธ หลง

ตรงจุดนี้มันเป็นการดูจิตในจิตของเรา เกือบจะเป็นหมวดสุดท้ายแล้วในมหาสติปัฏฐาน แล้วถ้าหากดูได้มาก ๆ จะเห็นธรรมไปอีกส่วนหนึ่ง จะเป็นเห็นธรรมในธรรม

เสียดายมหาสติปัฏฐาน บางทีเราจะศึกษามัน ก็จะพาให้เนิ่นช้า เพราะยากสำหรับพวกเรา เราก็ทำเฉพาะบรรพต้น ๆ อานาปานบรรพ สัมปชัญญะบรรพ อิริยาบถบรรพ นวสีวถิกาบรรพ ก็คืออสุภกรรมฐาน พอทำกันได้

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า จงอย่ายึดอะไร ๆ แม้แต่น้อยหนึ่งในโลกนี้ มันจบตรงนั้นแหละ เพราะฉะนั้น..ตอนหนึ่งถ้าทำจริงได้ก็จบแล้ว อาตมาก็เลยอ่านมหาสติปัฏฐานไม่จบสักที พออ่านแล้วชอบใจจะลงมือทำเลย จนกระทั่งต้องบนตัวเอง คำว่าบนตัวเอง คือทำอย่างไรเราจะอ่านให้จบ ต้องบังคับตัวเองให้ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 22-04-2015 เมื่อ 13:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 05-05-2009, 18:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนเรียนนักธรรมเอกอาตมาป่วยหนัก มาลาเรียกิน ไม่มีแรงจะดูหนังสือ วัน ๆ เอาแต่นอนซม พอดีได้เวลาต้องไปสอบ สมัยนั้นข้อสอบมันยาก หนังสือกองเป็นตั้ง บางอย่างอ่านทั้งเล่มยังไม่ออกเลย ก็เลยต้องบน

บนว่าถ้าสอบนักธรรมเอกได้จะเขียนมหาสติปัฏฐานด้วยลายมือตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ ปรากฏว่าดวงมันต้องยากเข็ญ เลยต้องมานั่งเขียนหลังจากสอบได้ ถ้าไม่บังคับตัวเองก็อ่านไม่จบ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-03-2011 เมื่อ 12:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 05-05-2009, 18:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จักรวาลอื่นมีพระพุทธเจ้าหรือไม่ หรือมีแค่จักรวาลนี้ ?
ตอบ : เหตุที่โลกนี้เรียกว่ามงคล เพราะว่าเป็นจักรวาลที่มีพระพุทธเจ้าอยู่ ที่เขาว่าจักรวาลอื่นมีพระพุทธเจ้าเพราะเอามาจากมหายาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-03-2011 เมื่อ 12:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 05-05-2009, 18:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของความเชื่อ พระอาจารย์บอกว่า "ความเชื่อ ๔ ประการ คือ เชื่อกรรม เชื่อผลของกรรม เชื่อว่าแต่ละคนมีกรรมเป็นของตนเอง และท้ายสุดตถาคตโพธิศรัทธา คือ ความศรัทธาเชื่อมั่นในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ถ้าเราไม่มีตรงนั้น มันจะขาดศรัทธาปสาทะที่เกิดขึ้นในใจของเรา

ดังนั้น..ในศาสนาทุกศาสนา ในการปฏิบัติทุกระดับชั้น ต้องเริ่มด้วยศรัทธาก่อน ไม่มีศรัทธาไม่มาทำแน่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-03-2011 เมื่อ 12:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 05-05-2009, 18:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของมหายาน พระอาจารย์กล่าวว่า "พระสังฆปรินายก ๖ องค์แรกของจีน มรณภาพในท่านั่งสมาธิและไม่เน่าสักราย เราจะเห็นได้ว่ามหายานเขาผ่อนปรนเยอะในเรื่องของศีล จริง ๆ เขาถือว่าธรรมะสำคัญกว่าศีล ถ้าหากปฏิบัติธรรมได้ ศีลจะมาเองโดยอัตโนมัติ

ส่วนเถรวาทของเราถือว่าศีลสำคัญมาก เพราะศีลจะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เราตกไปสู่ความชั่ว จะได้มีเวลาปฏิบัติธรรมได้ มองคนละมุม ปฏิบัติคนละแบบกัน เราจะไปว่าของเขาผิดก็ไม่ได้

เหมือนกับเรามาอนุสาวรีย์ ก็มาจากเส้นพหลโยธินได้ มาจากเส้นวิภาวดีก็ถึง ฯลฯ แล้วแต่ว่าจะเดินสายไหน

แรก ๆ ศาสนิกชนที่เข้ามา หลักปฏิบัติต้องมีอะไรที่ดูว่าไม่ยากเกินกำลังของเขา เมื่อเขาเข้ามาและเกิดศรัทธาแล้ว เราจะให้อะไรเขา ถึงเวลานั้นสิ่งสำคัญก็อยู่ที่เราแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 22-04-2015 เมื่อ 13:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 05-05-2009, 18:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกว่า "ความดีหรือความชั่วเมื่อมันเข้ามาในใจ เราจะรับมันได้ทีละอย่าง ให้เราเร่งความดีใส่ในใจของเราเสีย ความชั่วก็เข้ามาแย่งไม่ได้

เปรียบเหมือนเก้าอี้มันมีอยู่ตัวเดียว ในเมื่อเก้าอี้มีคนนั่งแล้ว ก็คือมีความดีนั่งอยู่แล้ว ความชั่วมันก็เข้ามาแย่งไม่ได้

ดังนั้น..ในแต่ละวันให้รีบหาความดีเข้ามานั่งเสียก่อน ต่อให้ความชั่วมันมาเยอะขนาดปิดล้อมอนุสาวรีย์ มันก็มาแย่งที่นั่งไม่ได้หรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-03-2011 เมื่อ 12:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 05-05-2009, 18:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โรคไข้หวัดหมู เป็นอย่างไร ?
ตอบ : ก็เป็นหวัด..! เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บเกิดจากกรรมเก่าที่สร้างไว้ ถ้าหากเรามั่นใจว่าเราไม่ได้ทำกรรมไว้ อย่างไรก็ไม่เป็น แต่ถ้าสร้างกรรมไว้ ก็ยึดพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ ให้ช่วยปกป้องคุ้มครอง สิ่งที่ควรจะเป็นก็ปลาสไปด้วยพุทธบารมี

ถาม : ขอบารมีท่านปกปักรักษาผมตลอดไปนะครับ
ตอบ : เอาสัก ๕ นาทีได้หรือเปล่า..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 20-01-2019 เมื่อ 18:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 05-05-2009, 19:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เดี๋ยวนี้พวกทหารยังนับถือพระมหากษัตริย์กันอยู่หรือเปล่า ?
ตอบ : จางไปเยอะ รุ่นหลัง ๆ สายตามันแคบ พระมหากษัตริย์ทรงดำรงฐานะจอมทัพไทย ท่านเอาเวลาไปสู้รบกับความยากจนของชาวบ้าน โอกาสที่จะนำทัพออกรบให้เขาเห็นฝีมือเลยมีน้อย

พวกคนหลัง ๆ ที่สายตาแคบก็มองว่าจะไปนับถือกันทำไมมากมาย หารู้ไม่ว่าการรบกับความยากจนของชาวบ้านมันยากกว่าไหน ๆ แถมระยะหลัง ๆ พอทุนนิยมเข้ามาเขาก็เห็นว่าเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงเป็นสิ่งแปลกประหลาด

ถ้าเราปฏิบัติตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตามที่ท่านบอกมา ป่านนี้เราไม่ลำบากหรอก ยืนด้วยตัวเองได้อย่างสบายแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-03-2011 เมื่อ 12:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 05-05-2009, 19:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกว่า "ศาสนาพุทธที่สูญหายไปจากอินเดียระยะหนึ่งนั้น จริง ๆ ไม่ได้สูญ อยู่ครบถ้วนเลย มันสูญแต่รูปแบบแต่หลักการปฏิบัติยังอยู่

ช่วงที่ศังกราจารย์ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ทางฮินดู (ที่เขียนนารายณ์สิบปาง) เขาเขียนให้พระพุทธเจ้ากลายเป็นปางที่เก้า ปางอวตารของพระนารายณ์ นอกจากนั้นแล้วเขายังศึกษาธรรมะตามพระไตรปิฎกจนกระทั่งเอาไปเขียนเป็นปรัชญาเวทานตะ ซึ่งปรัชญาเวทานตะนี้เป็นหลักของศาสนาพุทธเต็ม ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์

ในเมื่อแพร่หลายในฮินดู แสดงว่าแก่นแท้ของพุทธศาสนาจริง ๆ ยังอยู่ เพียงแต่ว่าหมดรูปแบบไป ที่หมดไปเพราะว่า ประการแรก คนฮินดูเห็นว่า ในเมื่อพระพุทธเจ้าเป็นปางอวตาร ไม่นับถือพระพุทธเจ้าก็ได้ มานับถือพระนารายณ์ก็เหมือน ๆ กัน

ประการที่สอง พวกตันตระเข้ามาเยอะ มัวแต่ไปเล่นคาถา ปลุกเสกเลขยันต์เพลิดเพลินเจริญใจ และประการสุดท้าย กองทัพอิสลามเข้ามาถล่มอินเดีย

มีคำถามว่า แล้วทำไมพุทธศาสนาจึงสูญไปจากอินเดีย แต่ฮินดูจึงไม่สูญบ้าง ทั้งที่โดนอิสลามเล่นงานเหมือนกัน? ก็เพราะว่าศาสนาพุทธของเราเป็นเป้าที่เด่นชัด แต่งตัวอย่างนี้ไปไหนรู้เลยว่าเป็นพระ แต่ฮินดูเขาอยู่กับฆราวาสทั้งหมด พวกพราหมณ์เขาก็มีครอบครัวเวลามีพิธีจึงค่อยแต่งตัวให้ดูโก้ ของพวกเขาจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นผู้นำใครเป็นนักบวช แต่ของเราจะแยกออกได้

ก็เลยทำให้ศาสนาพุทธสูญไปจากอินเดีย มันสูญแต่รูปแบบและนักบวช แต่ปรัชญาและหลักการก็อยู่ในเวทานตะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 22-04-2015 เมื่อ 16:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 05-05-2009, 19:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกว่า "งานอะไรก็ตามที่เป็นงานของพุทธศาสนาจะเป็นงานที่พระท่านช่วยสงเคราะห์ ดังนั้น..จะเป็นงานง่ายกว่าที่คิด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-03-2011 เมื่อ 12:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:32



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว