กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 24-01-2020, 19:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default บรรยายธรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันพุธที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๓

เจริญพรท่านคณบดี คณาจารย์ นิสิตและญาติโยมทุกท่าน อันดับแรก...ขอหน่อย ขยับเลื่อนมานั่งข้างหน้าให้เต็มหน่อย การที่นั่งอยู่ข้างหลังมี ๒ ประการ ประการแรกคืออ่อนน้อมถ่อมตน ประการที่สองคือขาดความกล้าเป็นอย่างยิ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่สอง เพราะฉะนั้น..รีบมาข้างหน้าเลย

คนไทยเราเสียหายมากตรงนี้ เพราะว่าไม่ค่อยกล้าช่วงชิงอะไรกับใคร จากเสือตัวที่ ๕ แห่งเอเซีย ปัจจุบันเป็นเต่าตัวสุดท้ายของอาเซียนแล้ว รีบขยับขึ้นหน้ามา นั่งแถวหน้าสุดได้ยิ่งดี ใครมาทีหลังให้นั่งข้างหลังไป

พวกเราอยู่สบายจนเคยชิน ไม่เคยลำบาก ขณะเดียวกัน กำลังใจในการปฏิบัติก็น้อย ก็เลยทำให้ขาดความกล้าในการแสดงออก เราก็จะเคยชินกับการมาก่อนนั่งข้างหลัง มาทีหลังนั่งข้างหน้า ต้องบอกว่าเป็นสุขนิสัยที่ค่อนข้างจะแย่ โปรดปรับเปลี่ยนใหม่ด้วย ต่อไปมาถึงให้นั่งข้างหน้าก่อน จนกว่าจะมีคนเขามาไล่ บอกว่าตรงนี้ไม่ใช่ที่ของคุณแล้วค่อยขยับ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-02-2020 เมื่อ 08:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-01-2020, 19:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แค่การนั่งก็แสดงออกแล้วว่าบารมีในการปฏิบัติของเรามีมากน้อยเท่าไร ถ้าเราเคยอ่านธรรมบทเรื่องอินทกเทพบุตร จะเห็นว่าอินทกเทพบุตรมาถึง เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปดาวดึงส์ ท่านนั่งอยู่ข้างพระบาทขวา อังกุรเทพบุตรมา นั่งข้างพระบาทซ้าย

พอเทวดาอื่นมาถึง อังกุรเทพบุตรโดนเบียดไล่ไปเรื่อย อินทกเทพบุตรไม่ต้องถอยให้ใคร แม้กระทั่งพระอินทร์มา อินทกเทพบุตรก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม อังกุรเทพบุตรไปอยู่สุดขอบจักรวาลโน่น เพราะฉะนั้น..รีบ ๆ มานั่งหน้า จะได้รู้ว่าบารมีเราก็พอเหมือนกัน ได้เกิดเป็นคนแล้วไม่ต้องเกรงใจใคร สมัยนี้มือใครยาวสาวได้สาวเอา แต่ขอให้สาวในเรื่องของความดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 01:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 70 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-01-2020, 19:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ก็ดีใจว่าได้มาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่ง หลังจากห่างเหินไปหลายปี สิ่งที่อยากจะบอกกับพวกเราตรงนี้ก็คือว่า ในวาระที่ครบ ๑๐ ปีของกลุ่มสมาธิจุฬาฯ อยากจะชมว่าอึดใช้ได้ อุตส่าห์ตั้งมาจนครบ ๑๐ ปี

คราวนี้การที่พวกเราตั้งกลุ่มสมาธิจุฬาฯ ขึ้นมา ความชัดเจนของการตั้งกลุ่มขึ้นมามีเท่าไร ต้องเข้าใจว่าคำว่าสมาธินั้น ทดแทนด้วยคำว่าการปฏิบัติธรรม ปกติพวกเราพอได้ยินคำว่าปฏิบัติธรรม จะคิดว่าเน้นเอาการนั่งสมาธิอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วพระพุทธเจ้าสอนเราทั้ง ศีล สมาธิและปัญญา

เพราะฉะนั้น..เป้าหมายในการปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้สูงสุด คือหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน เหมือนกับเราเล็งไปที่ยอดเขาเอเวอเรสต์ ต้องไปให้ถึง ถ้าหากว่าเป้าหมายสูงสุดของเราอยู่ไกล เราต้องทุ่มเทความพยายามมาก ต่อให้ไปไม่ถึง ก็จะไปได้มากกว่าคนอื่นเขา แต่ถ้าหากว่าเป้าหมายของเราน้อย เมื่อถึงเวลาใช้ความพยายามน้อย ถ้าไปไม่ถึง ก็จะได้น้อยจนน่าสงสาร..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 01:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-01-2020, 19:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฉะนั้น...ขอให้ทราบว่าเป้าหมายในการปฏิบัติธรรมของทุกรูปทุกนาม ไม่ว่าจะเข้ามาปฏิบัติธรรมด้วยจุดมุ่งหมายอะไรก็ตาม ควรจะหวังสูงสุดก็คือ หลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพาน เพราะว่าในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น เป็นกำลังใจขั้นสูงสุด ที่เขาเรียกว่า ปรมัตถบารมี

การให้ทานเป็นของคนที่อยู่ในระดับสามัญบารมี คือเบื้องต้น การรักษาศีลเป็นของบุคคลที่เป็นอุปบารมี คือเบื้องกลาง การเจริญสมาธิภาวนาเป็นบุคคลระดับปรมัตถบารมี แต่ว่ากำลังใจก็ยังไม่เท่ากัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 01:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 24-01-2020, 19:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บุคคลที่เป็นปรมัตถบารมีขั้นต้นให้ทานได้ รักษาศีลได้ เจริญภาวนาเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา เห็นเป็น Mission Impossible

ถ้าหากว่าปรมัตถบารมีระดับกลาง ให้ทานได้ รักษาศีลได้ เจริญภาวนาบ้าง มีเวลาก็นินทาชาวบ้านบ้าง

ก็ต้องปรมัตถบารมีระดับสูงสุด ให้ทานได้ รักษาศีลได้ เจริญภาวนาได้ แต่เป้าหมายก็ยังไม่เท่ากัน ความหวังไม่เท่ากัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 01:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 24-01-2020, 19:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บางคนเข้าวัด ถือศีล ปฏิบัติธรรม ๗ วัน อาตมาถามว่าตั้งวัตถุประสงค์ไว้ว่าอย่างไร ? "อ๋อ..แก้บนเจ้าค่ะ" ก็ยังดีนะ บางรายอาตมาก็ถามว่า ถือศีลปฏิบัติธรรมครั้งนี้ ตั้งใจไว้ว่าอย่างไร ? "อ๋อ..หมอดูว่ามีเคราะห์ ให้เข้าวัดปฏิบัติธรรม"

เห็นหรือยังว่าเป้าหมายยังต่าง ๆ กันไป บุคคลที่ปฏิบัติธรรมเพื่อหวังความพ้นทุกข์จริง ๆ จึงมีน้อยมาก ถ้าเรานึกถึงพระพุทธศาสนาของเราประกอบไปด้วยพิธีกรรมพิธีการ ประกอบไปด้วยวิธีการปฏิบัติในเรื่องของศีล สมาธิและปัญญา ก็จะเหมือนลักษณะของพีระมิด คนมักจะไปติดอยู่ตรงฐานที่กว้างใหญ่ที่สุด ก็คือในระดับพิธีกรรมพิธีการเท่านั้น บุคคลที่จะให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาโดยเฉพาะตรงส่วนยอด มีน้อยมาก แล้วในจำนวนที่น้อยมากก็ยังผิดเป้าหมายไปอีกเยอะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 68 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 24-01-2020, 19:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฉะนั้น...อันดับแรกของการที่เข้ามาปฏิบัติธรรม กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนและต้องทบทวนอยู่เสมอ บรรดานักศึกษา ถึงเวลาครูบาอาจารย์ก็แนะนำ ต้องมีการสรุปและประเมินผลทุกโครงการนะ เอาทฤษฎีฝรั่งเข้ามา หารู้ไม่ว่าพระพุทธเจ้าให้เราไว้ ๒,๖๐๐ กว่าปีแล้ว ก็คือหลักวิมังสาในอิทธิบาท ๔ ไตร่ตรอง ทบทวนอยู่เสมอ ๆ เราทำอะไร ? เพื่ออะไร ? ปัจจุบันนี้ทำไปถึงไหน ? ยังตรงต่อเป้าหมายหรือไม่ ? เหลือระยะทางใกล้ไกลเท่าไร ? ก็แปลว่ากำหนดเป้าหมายแล้ว ก็ยังต้องทบทวนอยู่เสมอว่าตรงต่อเป้าหมายหรือไม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 24-01-2020, 19:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ลำดับต่อไปก็คือ จะปฏิบัติธรรมสายไหน ? พูดถึงเรื่องนี้เมื่อไร ก็จะทะเลาะกัน เพราะว่าส่วนใหญ่มีความยึดติด มีความภาคภูมิใจในครูบาอาจารย์ของตนเอง ก็เลยทำให้เห็นว่าแนวการปฏิบัติของเรานั้นดีที่สุด ของคนอื่นยังไม่ใช่ ลักษณะอย่างนี้เรียกว่า สีลัพพตุปาทาน คือการยึดมั่นในศีลพรต คือหลักปฏิบัติของตนว่าดีกว่าคนอื่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 01:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 24-01-2020, 19:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีกามุปาทาน คือยึดมั่นในกาม ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข
ทิฏฐุปาทาน ยึดมั่นในความเห็น ของเราต้องถูกเท่านั้น ของคนอื่นไม่ใช่
อัตตวาทุปาทาน ยึดมั่นในวาทะและตัวตน ถ้าผิดไปจากกูแล้วไม่ใช่
สีลัพพตุปาทาน ยึดมั่นในศีลพรตคือหลักการของตนเองว่าดีกว่าคนอื่น เลิศกว่าคนอื่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 01:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 24-01-2020, 19:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ไม่ได้สำคัญว่าเป็นสายไหน เพราะว่าทั้งหมดก็คือหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย อาตมาเปรียบเหมือนพ่อค้า เจ้าของร้านอาหาร รายโน้นถนัดทำอาหารตามสั่ง รายนี้อาหารทะเล รายโน้นก๋วยเตี๋ยว อีกรายหนึ่งอาหารญี่ปุ่นไปเลย หรือไม่ก็อาหารฝรั่ง ท่านถนัดอย่างไหน ท่านนำอย่างนั้นมาสอนเรา เราชอบอย่างไหน เราก็กินอาหารอย่างนั้น แล้วเราจะไปบอกว่าอาหารของคนอื่นไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นมั่นใจแล้วหรือว่าถูก ?

เพราะฉะนั้น...หลักธรรมทั้งหมด ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ เป้าหมายสุดท้ายคือความหลุดพ้นเหมือนกัน ไม่ต้องเสียเวลาไปเถียงกันว่าของใครดีกว่า เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เขาเถียงกันมาตั้งเป็นพันปีแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 01:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 25-01-2020, 08:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๒ เกิดแตกแยกออกเป็น ๑๘ นิกาย ภาษาบาลีเรียกว่า อาจริยวาท ถือวาทะคือคำสอนของอาจารย์ตนเองเป็นใหญ่ ปัจจุบันนี้ในบ้านเราก็มีมาก ถ้าหากว่ามีอะไรบีบคั้นขึ้นมา อาจจะมีแตกออกหลายนิกาย ปัจจุบันของเราที่เป็นที่ยอมรับก็มีมหานิกาย ธรรมยุติกนิกาย จีนนิกาย อนัมนิกาย แล้วยังมีสายการปฏิบัติของสันติอโศกที่ทางคณะสงฆ์ไม่ยอมรับ หลุดออกไปแล้ว

ถ้าโดนบีบคั้นมาก ๆ ก็จะมีธรรมกายเพิ่มขึ้นมา แม้กระทั่งสายวัดป่าในปัจจุบันนี้ ก็กำลังยกหลวงตาบัว จนกระทั่งหลายคนรู้สึกว่ายิ่งใหญ่กว่าหลวงปู่มั่นที่เป็นครูบาอาจารย์ต้นเค้าอีก นี่คืออาจริยวาท การยึดถืออาจารย์เป็นใหญ่ แล้วต่อไปก็จะมีหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ถ้ามีการแตกแยกกันเมื่อไร สิ่งทั้่งหลายเหล่านี้จะเป็นนิกายต่างหากออกไปทันที ทั้ง ๆ ที่มาจากพระไตรปิฎกเหมือนกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 16:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 25-01-2020, 08:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะในเรื่องของการปฏิบัติธรรม เราจะเห็นว่าต้นสาย ไม่ว่าพุทโธของหลวงปู่มั่นก็ดี พองยุบของทางด้านวัดมหาธาตุฯ ก็ตาม สัมมา อรหัง ของหลวงพ่อสด แม้กระทั่งสายรูปนามของทางวัดปราสาททอง หรือว่าสายเคลื่อนไหวของหลวงพ่อเทียน อาจารย์ท่านไม่เคยมานั่งทะเลาะกันเลย มีแต่ลูกศิษย์ที่แบกกิเลสไปทะเลาะกัน

เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของการตั้งเป้าในการปฏิบัติแล้ว ปฏิบัติสายไหน ไม่ต้องไปใส่ใจ อะไรก็ตามที่ปฏิบัติแล้ว ทำให้ รัก โลภ โกรธ หลง ของเราสงบลงได้ ลดน้อยถอยลงได้ และสิ้นสุดลงไปได้ ให้ทำแบบนั้น เพราะว่าแนวทางการปฏิบัติธรรมทั้งหมด ล้วนแล้วแต่มาจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 16:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 25-01-2020, 08:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ลำดับต่อไป นอกจากการตั้งเป้าหมายในการปฏิบัติไว้แล้ว เลือกสายในการปฏิบัติแล้ว ปฏิบัติอย่างไรถึงจะได้ผลเร็ว ? โดยเฉพาะยุค ๔.๐ ยุค 5G ของเรา อะไร ๆ เร็วหมด แม้กระทั่งการปฏิบัติ พวกเราก็คิดว่าเป็นบะหมี่สำเร็จรูป ลวก ๓ นาทีต้องได้กิน

กว่าจะมาปฏิบัติธรรมได้ เราเกิดตายสั่งสมบารมีมานับชาติไม่ถ้วน อาตมายืนยันว่าแต่ละคนถ้ากระดูกไม่ได้สลายไปไหน แค่คนเดียวก็ท่วมโลกแล้ว เพราะฉะนั้น..เร็วไม่ได้ หลายคนบอกว่าอยากได้แบบหลวงพ่อพาหิยะ ฟังธรรมประโยคเดียวจากพระพุทธเจ้าก็บรรลุเลย พระพุทธเจ้าทรงตั้งให้เป็นเอตทัคคะ คือเป็นผู้เลิศกว่าผู้อื่นในด้านขิปปาภิญญา ก็คือบรรลุเร็ว รู้ไหมว่าชาติก่อน ท่านปฏิบัติจนตายโดยไม่ได้อะไรเลย !? แต่เราไปเห็นท่านบรรลุเร็วในชาติสุดท้าย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-01-2020 เมื่อ 08:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 25-01-2020, 08:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฉะนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม จะใจร้อนไม่ได้ การปฏิบัติธรรมทุกอย่าง ถ้าจะให้เกิดผล ต้องมีอุเบกขา รู้จักปล่อยวาง ไม่อย่างนั้นแล้ว การปฏิบัติจะไม่เกิดผล เพราะว่าเราไปยึดมั่นถือมั่น เราปฏิบัติเพื่อการปล่อยวาง เพื่อการลด การละและการเลิกในตัณหาต่าง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 16:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 25-01-2020, 08:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้ามาไล่ดูอารมณ์การปฏิบัติแค่สมาธิระดับต้นก็คือปฐมฌาน ซึ่งเป็นอัปปนาสมาธิขั้นแรก ประกอบไปด้วยวิตก คิดนึกตรึกอยู่ว่าเราจะภาวนา วิจาร ตอนนี้เราภาวนาอย่างไร ลมหายใจแรงหรือเบา ยาวหรือสั้น ผ่านกี่ฐานก็รู้อยู่ ปีติ เกิดอาการต่าง ๆ ๕ อย่าง มีขนลุก น้ำตาไหล เป็นต้น สุข มีความรู้สึกเยือกเย็นใจจากการที่กิเลสสงบลงชั่วคราว เอกัคตารมณ์ อารมณ์ตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว ไม่เคลื่อนคลายไปไหน ตัวเอกัคตารมณ์นั่นแหละ ถ้าแยกออกมา จะประกอบไปด้วยอุเบกขา

ฉะนั้น ถ้าปฏิบัติแล้วเราอยากได้...จะไม่ได้ แล้วโยมอาจจะถามว่า ในเมื่อไม่อยาก แล้วปฏิบัติไปทำไม ? อยากได้..ไม่ผิด แต่ตอนปฏิบัติ..โปรดลืมความอยากเสียชั่วคราว ตั้งหน้าตั้งตาภาวนา ดูลมหายใจเข้าออกพร้อมคำภาวนาไปเท่านั้น อย่าไปคิดว่าเราภาวนาเพื่ออยากได้อย่างนั้น เพื่ออยากได้อย่างนี้ ภาวนาแล้วอยากเห็นผี อยากเห็นเทวดา อยากไปนรกไปสวรรค์ได้ ถ้าอย่างนั้นจะเสียเวลานานมาก เพราะว่าใจฟุ้งซ่าน..ไม่สงบ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 16:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 25-01-2020, 08:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องของการรู้เห็นเป็นของแถมในการปฏิบัติ ถ้าใจสงบได้ที่ การรู้เห็นจะมาเอง เพราะว่าสภาพจิตปกติของเราจะกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลาด้วย รัก โลภ โกรธ หลง เหมือนน้ำที่กระเพื่อมอยู่ ถ้าน้ำกระเพื่อม..เราไม่สามารถที่จะมองเห็นอะไรได้ แต่ถ้าน้ำนิ่งสงบเมื่อไร จะสะท้อนเงารอบข้างลงไปชัดเจนเหมือนจริง ถ้าใจเรานิ่งเมื่อไร สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็จะปรากฏขึ้นเอง

แต่คราวนี้เรามักจะชอบของแถม หลายคนไปเดินห้าง ไม่ได้อยากซื้อของหรอก แต่เห็นของแถมก็เลยซื้อ กว่าจะรู้ตัวก็หอบพะรุงพะรังไปแล้ว ก็แปลว่าเราลืมไปว่าสินค้าหลักคืออะไร ตั้งใจจะเอาของแถมอย่างเดียว ทำให้การปฏิบัติของพวกเราไม่ค่อยจะได้ผลกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 16:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 25-01-2020, 08:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วอีกประการหนึ่งก็คือ ปฏิบัติธรรมแล้วรักษาอารมณ์ไว้ไม่เป็น หลายคนนั่งสมาธิ อารมณ์ทรงตัวดีมาก บางคนถึงอัปปนาสมาธิระดับฌานไปเลย..นิ่งมาก แบบที่หลวงพ่อพระธรรมธีรราชมหามุนี (หลวงพ่อโชดก) ต้นสาย พองหนอ ยุบหนอ ท่านบอกว่า "มหาของผมนี่สุดยอดมาก นั่งต่อเนื่องได้ ๑๓ ชั่วโมงไม่กระดิกเลย" ถามว่าแล้วตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหนครับ ? จะได้ไปเรียนถามท่านว่าวางอารมณ์อย่างไร ถึงทำได้อย่างนั้น "อ๋อ..สึกไปแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 16:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 25-01-2020, 08:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เห็นหรือยังว่าเรื่องของการปฏิบัติไม่ใช่ทำแล้วจะเกิดผลมั่นคง ? หากแต่อยู่ที่ว่ารักษาอารมณ์ต่อเนื่องได้หรือไม่จึงสำคัญที่สุด พวกเราส่วนใหญ่พอนั่งสมาธิอารมณ์ใจทรงตัวดีมาก พอถึงเวลาลุกก็ลืม..ทิ้งหมดเลย ร้อยละ ๙๙ เป็นเช่นนั้น รัก โลภ โกรธ หลง ก็ตีเราปางตายเหมือนเดิม

ทำอย่างไรที่เลิกปฏิบัติแล้วจะประคับประคองอารมณ์นั้นไว้ให้อยู่กับเราได้นานที่สุด ? แรก ๆ ก็ได้ไม่นานหรอก สามนาที ห้านาที แต่ถ้าตั้งใจประคับประคองไว้ จะได้นานขึ้นเป็นสิบนาที ยี่สิบนาที สามสิบนาที หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง ไล่ไปเรื่อย จนกระทั่งได้เป็นวัน สองวัน สามวัน หนึ่งอาทิตย์ ครึ่งเดือน หนึ่งเดือน เป็นปี

ถามว่าทำได้หรือ ? ได้...อาตมาทำมาแล้ว กำลังใจยิ่งสงบมากเท่าไร ปัญญายิ่งเกิด จะรู้ว่าทำอย่างไรเราถึงจะประคับประคองรักษาเอาไว้ได้ นอกจากระมัดระวังไม่ให้ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นแล้ว ยังรู้ด้วยว่า รัก โลภ โกรธ หลง เกิดจากอะไร แล้วไม่ไปสร้างสาเหตุ รัก โลภ โกรธ หลง ก็เกิดขึ้นไม่ได้ แต่ว่าพวกท่านทั้งหลายที่ทำแล้ว ส่วนใหญ่ก็คือลุกไปแล้วทิ้งหมดเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 16:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 25-01-2020, 08:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมาเปรียบเทียบว่าการปฏิบัติธรรมเหมือนกับการว่ายทวนน้ำ เราว่ายมาเต็มที่ ถึงเวลาเลิกปฏิบัติก็ปล่อยลอยตามน้ำไป เมื่อได้เวลาปฏิบัติก็ว่ายทวนน้ำขึ้นมาใหม่ แล้วก็ปล่อยลอยตามน้ำไปอีก เป็นคนขยันมาก..ตั้งใจปฏิบัติธรรมทุกวัน แต่ไม่มีผลดีอะไรเลย เพราะว่าถึงเวลากิเลสก็กินเราเท่าเดิม แล้วถ้าวันไหนเหนื่อยมาก ว่ายทวนน้ำขึ้นมาได้ไม่เท่าเดิม ถึงเวลาก็จะลอยไปไกลกว่าเดิมอีก

พวกเราที่เคยปฏิบัติมาสักระยะหนึ่ง มักจะพบกับเหตุการณ์จิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก ควบคุมกำลังใจไม่ได้ แล้วก็ไม่มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติ นี่คือสาเหตุใหญ่ แล้วถามว่าทำอย่างไรที่เราจะรักษาอารมณ์นั้นไว้ได้ ? ก็ต้องรู้จักเข็ด รู้จักกลัว

เมื่อตอนที่จิตของเราสงบนั้น มีความสุขขนาดไหน ? แล้วตอนที่จิตฟุ้งซ่านนั้น พาให้เราเดือดร้อนขนาดไหน ? ถ้ารู้จักเข็ด รู้จักกลัว ก็จะเริ่มประคับประคองรักษาใจตนเอง จะไม่ให้ไหลตามกระแส รัก โลภ โกรธ หลง ไปอีก แต่ก็ต้องระวังให้มาก เพราะว่าประมาทเมื่อไรก็โดนเมื่อนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 16:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 25-01-2020, 08:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เป้าหมายแรกของเราก็คือ ปฏิบัติหวังสูงสุดว่าต้องการความพ้นทุกข์ ประการที่สอง สายกรรมฐานใดก็ได้ เพราะว่าทุกสาย ถ้าปฏิบัติถูกต้อง ช่วยลดกิเลส ช่วยตัดกิเลสได้ทั้งนั้น ประการที่สามก็คือ เมื่อทำแล้วรักษาอารมณ์ใจให้ต่อเนื่อง ถ้าไม่ต่อเนื่องก็กลายเป็นว่าเราปฏิบัติไปเพื่อเลี้ยงกิเลสให้อ้วน

เนื่องจากว่ากิเลสจะเอากำลังสมาธิที่เราปฏิบัติได้ไปฟุ้งซ่าน ในเมื่อเขาใช้กำลังในการปฏิบัติของเราไปฟุ้งซ่าน ก็จะฟุ้งซ่านได้อย่างเป็นหลักเป็นฐาน เป็นงานเป็นการมาก ทำให้เราควบคุมได้ยาก บางคนก็พังไปเป็นเดือน ๆ สมาธิยิ่งดีเท่าไร ก็ยิ่งพังนานเท่านั้น กลายเป็นเลี้ยงโจรเอาไว้ปล้นตัวเอง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2020 เมื่อ 16:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว