กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 10-03-2011, 06:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๔

ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของเรา ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติทั้งหมดอยู่เฉพาะหน้า หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา หายใจเข้าผ่านจมูก..ผ่านกึ่งกลางอก..ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออกจากท้อง..ผ่านกึ่งกลางอก..มาสุดที่ปลายจมูก จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามแต่เราถนัด

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ วันนี้มีงานใหญ่ระดับประเทศ คือ งานพระราชทานเพลิงศพหลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน พวกเราเรียกท่านว่าหลวงตากันจนเคยชิน บางทีก็ลืมไปเลยว่า ท่านเป็นถึงเจ้าคุณพระธรรมวิสุทธิมงคล

ถ้าพระระดับชั้นเจ้าคุณธรรมมรณภาพลง มักจะได้รับโกศพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่ได้ให้ดูตรงที่ว่าหลวงตาได้รับเกียรติยศ มีชื่อเสียง เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนจำนวนมาก แต่ต้องการให้ดูอยู่ ๒ จุดด้วยกัน

จุดแรกก็คือ เมื่อหลวงตาท่านปฏิบัติธรรมไปจนถึงจุดหนึ่งแล้ว มั่นใจในความดีของตนแล้ว หลวงตาก็ได้ช่วยเหลือประชาชน ช่วยเหลือประเทศชาติของเรา โดยเฉพาะจุดที่เป็นงานซึ่งสร้างชื่อเสียงหลวงตาให้ระบือลือลั่นมากที่สุด ก็คืองานทอดผ้าป่าช่วยชาติ ได้ทองคำเข้าสู่คลังหลวงเป็น ๑๐ ตัน กลายเป็นทุนสำรองส่วนหนึ่งของประเทศไทยเรา

เราจะเห็นได้ว่าบุคคลผู้ที่ปฏิบัติธรรมนั้น ไม่ใช่ว่าเอาแต่ทางธรรมอย่างเดียวโดยไม่ข้องเกี่ยวกับทางโลก ผู้ที่ปฏิบัติธรรมจะต้องปฏิบัติตนในลักษณะ โลกไม่ช้ำธรรมไม่เสีย โดยเฉพาะว่าการอยู่กับโลกนั้น เราต้องเคารพสมมติทางโลก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2011 เมื่อ 01:49
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 11-03-2011, 05:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อมีโอกาสที่จะช่วยเหลือผู้อื่น หรือว่าช่วยเหลือส่วนรวมได้ ก็ทุ่มเทความพยายามทำอย่างเต็มที่ และเมื่อบุคคลที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมจนทรงความดีได้ถึงระดับหนึ่ง ตั้งใจทุ่มเทกระทำงานใด ๆ ก็ตาม มักจะได้ผลมากกว่าคนอื่นเขา

เพราะว่าสติ สมาธิ และปัญญาของท่านจดจ่อแน่วแน่อยู่ที่เดียว อยู่กับงานเดียว อยู่กับสิ่งที่ทำเฉพาะหน้า เมื่อเราเห็นตัวอย่างตรงจุดนี้ จะเห็นได้ประโยชน์ของการเจริญกรรมฐานของเราอย่างหนึ่งว่า สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งในทางโลกและทางธรรม

ในทางโลกนั้น ผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติธรรม สติ สมาธิ และปัญญาจะทรงตัวมั่นคงกว่าบุคคลทั่ว ๆ ไป จะทำการทำงานใดก็ตาม เมื่อประกอบไปด้วยสติสัมปชัญญะ ก็จะมีความละเอียดรอบคอบ งานการจะสำเร็จลงโดยเร็ว เพราะว่าสมาธิไม่เคลื่อนคลายไปไหน มุ่งอยู่กับงานเฉพาะหน้า ผลงานก็จะออกมาดี เพราะสภาพจิตละเอียดมากเท่าไร ผลงานก็จะออกมาดีมากเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ในส่วนของทางธรรม ถ้าหากว่าตั้งใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น สิ่งที่เราปฏิบัติทั้งศีล สมาธิ และปัญญาก็จะหนุนเสริมให้เรามีกำลัง ให้เรามองเห็นช่องทางที่จะหลีกหนีไปเสียจากโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากนี้ เพื่อที่จะก้าวพ้นจากการเกิดมามีร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากอย่างนี้

นี่เป็นจุดหนึ่งที่อยากให้พวกเราศึกษาหรือว่าดูตัวอย่างของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ท่านเป็นแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติของพวกเราว่า นักปฏิบัติที่ทำได้จริง ๆ ไม่ใช่ทิ้งโลกไปเลย แต่ว่ายังคงอาศัยอยู่กับโลก ยังสามารถทำประโยชน์ให้กับโลก ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เพียงแต่ว่าสภาพจิตของท่านไม่ได้ยึดข้องอยู่กับโลก หากแต่อยู่ในลักษณะของน้ำกลิ้งบนใบบอน แต่ว่าไม่ได้ติด ไม่ได้เปียกอยู่กับใบบอน สามารถรักษาสภาพความผ่องใสของจิตใจเอาไว้ได้ ทั้ง ๆ ที่ทำงานใหญ่เพื่อส่วนรวม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2011 เมื่อ 05:25
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 12-03-2011, 05:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ประการที่ ๒ ที่พวกเราจะลืมไม่ได้ก็คือ แม้ว่าหลวงตาจะเป็นศิษย์รูปท้าย ๆ ของหลวงปู่มั่น ที่ยังดำรงขันธ์อยู่มาจนพวกเราสามารถทันยุคของท่าน แต่หลวงตาก็มรณภาพลงด้วยอายุ ๙๘ ปี ไม่ใช่ว่าจะอยู่ยั้งยืนยง

ถ้าหากว่าเราดูตัวอย่างย้อนไปในสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เมื่อดำรงขันธ์อยู่มาจนถึง ๘๐ พรรษาก็เข้าสู่ปรินิพพาน พระอรหันตเจ้าต่าง ๆ ก็มีทั้งที่ปรินิพพานก่อนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างเช่นพระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร พระปชาบดีโคตมีเถรี เป็นต้น

หรือว่าที่ปรินิพพานหลังจากพุทธกาลเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก อย่างเช่นพระอานนท์ เป็นต้น เพราะว่าพระอานนท์อยู่ต่อมาจนมีอายุ ๑๒๐ ปี จึงจะเข้าสู่พระนิพพาน แม้ว่าจะอายุยืนขนาดนั้นก็ตาม ในที่สุดทุกท่านก็ไม่สามารถที่จะฝืนกฎธรรมดาของสังขารร่างกาย ก็คือเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง และสลายตัวไปในที่สุด

เมื่อเราเห็นแล้วว่า แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลก็ดี ตลอดจนกระทั่งหลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ที่เรารู้เห็นทันท่านในยุคนี้ก็ดี ท้ายสุดทุกท่าน ก็ต่างคนต่างตายเช่นกัน ความตายต้องมาถึงเราอย่างแน่นอน โดยที่กำหนดไม่ได้ด้วยว่าเราจะตายเมื่อไร

บางท่านยังไม่ทันจะได้เกิดจากท้องแม่ก็ตายแล้ว บางท่านคลอดเคลื่อนออกมาอายุไม่กี่เดือนก็ตาย บางท่านเป็นเด็กเล็กก็ตาย บางท่านเป็นเด็กโตก็ตาย บางท่านเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วก็ตาย บางท่านตายในวัยกลางคน บางท่านก็ตายในวัยแก่

ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ทุกรูปทุกนาม เกิดมาเท่าไรก็ตายหมดเท่านั้น ไม่มีใครที่สามารถอยู่ยั้งยืนยงได้ และเกิดใหม่อีกเมื่อไรก็เกิดมาทุกข์เท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2011 เมื่อ 05:53
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 13-03-2011, 15:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเป็นดังนี้ สิ่งที่เราจะลืมไม่ได้ก็คือ เราต้องทรงความไม่ประมาทอยู่เสมอ ตั้งใจปฏิบัติในศีลทุกสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ถึงขนาดยอมให้ตัวตายดีกว่าศีลขาด ตั้งความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงใจ เนื่องจากว่าเห็นคุณความดีของท่านทั้งหลายเหล่านั้นจริง ๆ ว่า

พระพุทธเจ้าทรงพระคุณอันยิ่งใหญ่ ตรัสรู้แล้วยังทรงลำบากตรากตรำ สั่งสอนสัตว์โลกทั้งหลายเพื่อให้เข้าถึงความหลุดพ้นอยู่ถึง ๔๕ ปีเต็ม ๆ พระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในอบายภูมิ ช่วยให้ผู้ปฏิบัติมีแต่ความเจริญ ก้าวสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนท้ายสุดก็หลุดพ้นไปพระนิพพาน

พระสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เมื่อปฏิบัติได้แล้วก็นำธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาสั่งสอนเผยแผ่ต่อ ทำให้พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถอยู่ยั้งยืนยงมาจนถึงพวกเราทั้งหลาย

เมื่อเราเห็นคุณความดีอย่างนี้ เราก็จะเกิดความเคารพคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงใจ เป็นการเคารพที่ถูกที่ คือไม่ยึดติดในตัวบุคคล แต่เป็นการยึดคุณความดี ที่เป็นพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณจริง ๆ ก็เหลือข้อสุดท้ายคือเราต้องไม่ประมาท รู้อยู่เสมอว่าเราต้องตาย ในเมื่อเราตายแล้ว ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาทุกข์อย่างนี้ เราไม่ต้องการอีก เราต้องการจุดเดียวคือพระนิพพาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2011 เมื่อ 16:03
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 13-03-2011, 16:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อมาถึงตรงนี้ ก็ให้เอากำลังใจของเราเกาะพระนิพพานไว้ ท่านใดที่ได้มโนมยิทธิ สามารถยกจิตขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพานได้ เราก็ไปของเรา ท่านใดที่ไม่ได้มโนมยิทธิ ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบ กำหนดว่านั่นเป็นรูปแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน

พระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ไหนเลยนอกจากอยู่ที่พระนิพพาน ถ้าหากว่าเราตายลงไปเมื่อใด เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เมื่อตั้งกำลังใจไว้อย่างนี้แล้ว ก็เอาจิตจดจ่อแน่วแน่อยู่กับพระพุทธรูปที่เรายึดเป็นนิมิตของเรานั้น

ถ้าหากว่ายังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ ให้กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกพร้อมกับภาพพระ ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ กำหนดรู้คำภาวนาพร้อมกับลมหายใจเข้าออกและภาพพระของเรา ถ้าลมหายใจเข้าออกของเราเบาลง คำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดรู้อยู่ จะกำหนดภาพพระอย่างเดียวก็ได้ ให้วางกำลังใจมั่นคงเอาไว้กับลมหายใจเข้าออก กับคำภาวนา หรือกับภาพพระของเรา ตามแต่สภาพจิตใจ แล้วให้รักษาอารมณ์ใจนี้เอาไว้ จนกว่าจะได้รับสัญญานบอกว่าหมดเวลา


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันศุกร์ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๔
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2011 เมื่อ 16:05
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:53



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว