กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-11-2011, 21:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔

ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัวเองจ้ะ ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า หายใจเข้าออกยาว ๆ ๒-๓ ครั้ง เพื่อระบายลมหยาบออกให้หมด แล้วหลังจากนั้นก็ปล่อยให้ลมหายใจเป็นไปตามปกติที่สภาพร่างกายต้องการ

หายใจเข้า..กำหนดความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..กำหนดความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา ให้ความรู้สึกของเราเกาะติดอยู่กับลมหายใจอย่างนี้ ทั้งหายใจเข้าและหายใจออก จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้อยู่ที่เราถนัด ตามอัธยาศัยของพวกเราทุกคน

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๔ ระยะนี้การท่วมของน้ำมาถึงพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับญาติโยมทั้งหลายก็คือสภาพจิตใจที่เครียด ไม่ว่าจะเป็นการเครียดเพราะว่าภาวะบีบคั้นจากน้ำท่วม ทำให้ต้องคอยระวังป้องกันรักษาบ้านเรือนตัวเอง ต้องสะสมเสบียงกรังให้เพียงพอ ที่จะได้ใช้ในช่วงที่น้ำท่วมซึ่งไม่ทราบว่าระยะเวลาจะยาวนานเท่าไร

ความเครียดเพราะว่าการงานต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะทำได้ หรือว่าบริษัทใดที่เราสามารถทำงานได้ การเดินทางก็ยากลำบาก และโดยเฉพาะเมื่อสะสมความเครียดไปมาก ๆ เข้า เราอาจจะไประเบิดใส่คนรอบข้าง กลายเป็นทะเลาะเบาะแว้งกันใหญ่โตไปเลยก็มี

ความจริงแล้วการปฏิบัติภาวนานี้เป็นการแก้ความเครียดที่ดีที่สุด ดังนั้น..ไม่ว่าสถานการณ์จะยากลำบากขนาดไหนก็ตาม อย่าทิ้งการภาวนาเป็นอันขาด เพราะว่าถ้าเราทิ้งการภาวนา เราก็จะไม่มีหลักยึด ทำให้สภาพจิตของเรารับเอาสิ่งต่าง ๆ ที่เสริมสร้างแต่ความเครียดเข้าไปมากขึ้น ๆ อยู่ตลอดเวลา

ขณะนี้หลายบ้านก็จมอยู่ใต้น้ำไปแล้ว หลายต่อหลายบ้านน้ำกำลังขึ้นสูงอยู่ตลอดเวลาพร้อมที่จะเข้าท่วมบ้าน และอีกหลายต่อหลายบ้านที่น้ำใกล้จะมาถึงแล้ว ขอบอกว่าการที่น้ำท่วมนั้น เป็นเรื่องปกติธรรมชาติ ถ้าหากว่าเราระวังป้องกันเต็มที่แล้วยังท่วม ก็ต้องถือว่าเราได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว

แต่ขณะเดียวกัน ถ้าเราพิจารณาแล้วว่าอย่างไรเสียก็ท่วมแน่นอน จะไม่เสียเวลาไประวังป้องกันก็ได้ เพราะว่าถ้าทุ่มเทกำลังกายกำลังใจไปจนเต็มที่แล้วยังป้องกันไม่ได้ เราจะเสียความรู้สึกมากกว่าปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2011 เมื่อ 02:51
สมาชิก 86 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 08-11-2011, 13:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเป็นเช่นนั้น การที่สภาพจิตของเราจะอยู่กับอารมณ์ปัจจุบันเฉพาะหน้า ก็คือตอนนี้เดี๋ยวนี้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในเมื่อแก้ไขไม่ได้ก็แปลว่าไม่ใช่ปัญหา เพราะปัญหาต้องแก้ได้ ในเมื่อเราไม่มีปัญหา จะไปเครียดไปกลัวก็เสียเวลาเปล่า

อย่างไรเสียรัฐบาลก็ไม่ทอดทิ้งเรา ไม่มีบ้านอยู่ก็มีศูนย์อพยพ ไม่มีอาหารขายเดี๋ยวก็มีผู้ที่มีจิตเมตตาส่งอาหารมาเอง แม้ว่าจะช้าหน่อยก็เชื่อว่าไม่ถึงตายอย่างแน่นอน

เมื่อสามารถวางปลิโพธิ คือความกังวลตรงนี้ลงได้ สภาพจิตของเราก็จะไม่แบกรับความเครียดเอาไว้ โดยเฉพาะการเสพข่าวสารต่าง ๆ โดยขาดสติยั้งคิด มีแต่จะเพิ่มความเครียดขึ้นเรื่อย ๆ การอยู่กับลมหายใจเข้าออกจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ว่าทำอย่างไรที่เราจะอยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับคำภาวนา อยู่กับภาพพระของเรา

หายใจเข้าให้ภาพพระไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออกให้ภาพพระไหลตามลมหายใจออกมา ถ้าสามารถทำดังนี้ได้ สภาพจิตที่ทรงตัวมั่นคง เราก็จะมีสติแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ดี การปฏิบัตินั้นจำเป็นต้องมีการทดสอบจากของจริง จึงจะรู้ได้ว่าสิ่งที่เราทำมานั้นเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่

เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ให้การที่น้ำท่วมในครั้งนี้เปรียบเหมือนกับหินลองทอง เพื่อที่จะทดสอบสภาพจิตของเราว่า เท่าที่ฝึกปฏิบัติมานั้นใช้ได้แล้วหรือยัง หรือว่ากำลังใจของเราแย่มาก เครียดได้กับทุกเรื่อง ปล่อยวางไม่ได้สักเรื่อง ตำหนิติเตียนผู้อื่นได้ทุกเรื่อง ถ้าหากว่าเป็นลักษณะอย่างนี้ แสดงว่ากำลังใจของเราใช้งานไม่ได้ มีแต่จะสะสมสิ่งที่ไม่ดีไม่งามมากขึ้นไปเรื่อย ๆ สมควรที่จะต้องรีบวิ่งมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับการปฏิบัติภาวนาให้มากกว่าที่เคยทำ

สำคัญที่สุดก็คือ มองให้เห็นธรรมดาที่เป็นธรรมชาติของทุกสิ่งทุกอย่าง ธรรมดาเมื่อฝนมากก็ย่อมเกิดอุทกภัยหนักบ้างเบาบ้าง ปีที่ผ่านมาน้ำแห้งเกือบทุกเขื่อน เมื่อเกิดฝนตกขึ้นมา ทางเขื่อนจึงดำเนินการเก็บกักเก็บน้ำอย่างเต็มที่ เพราะเกรงว่าจะมีน้ำไม่พอสำหรับผลิตไฟฟ้าตลอดทั้งปี

แต่ปรากฏว่าพายุโซนร้อน พายุดีเปรสชั่นต่าง ๆ กระหน่ำเข้ามาหลายลูกติด ๆ กัน โดยที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถที่จะคาดหมายพยากรณ์ได้ถึง เครื่องมือวิทยาศาสตร์ไม่สามารถที่จะบอกได้ จึงทำให้เกิดสภาวะที่เขื่อนไม่สามารถจะรับน้ำต่อไปได้ ต้องมีการปล่อยน้ำลงมา

พอหลายเขื่อนปล่อยน้ำพร้อม ๆ กัน บวกกับปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ และที่ตกซ้ำเติมลงมา จึงเกิดภาวะน้ำท่วมขึ้นได้ โดยเฉพาะว่าในการบริหารจัดการน้ำนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็ไปกั้นไปขวาง จึงทำให้น้ำต้องสะสมรวมตัวกันมากขึ้น ๆ เมื่อถึงเวลาน้ำทลายสิ่งกีดขวางเข้ามาได้ จึงเกิดการท่วมอย่างรุนแรงและสูงอย่างฉับพลัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2011 เมื่อ 15:02
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 09-11-2011, 12:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากมองเห็นว่าปกติของธรรมชาติเป็นอย่างนี้ เราก็ไม่ต้องไปเครียด อยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับคำภาวนาของเรา เราอาจจะโดนน้ำท่วมตายก็ได้ เราอาจจะเสียชีวิตเพราะติดเชื้อที่มากับสายน้ำก็ได้ เราอาจจะโดนสัตว์มีพิษที่มากับสายน้ำ กัดทำร้ายถึงตายก็ได้

ในเมื่อชีวิตของเราไม่แน่นอนถึงขนาดนี้ ก็เร่งสร้างความดีให้มากเข้าไว้ โดยกำหนดเป้าหมายว่าตายแล้วเราจะไปไหน ถ้าหากว่าเราเกิดมาอีก ไม่ว่าชาติไหนภพไหน ก็ต้องพบกับความทุกข์เช่นนี้ ไม่ว่าเวลาใดเวลาหนึ่ง ก็ต้องเจอลักษณะของภัยธรรมชาติเช่นนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาเพื่อพบกับความทุกข์เช่นนี้ เรายังต้องการหรือไม่ ?

ถ้าเราไม่ต้องการ ไม่พึงปรารถนาแล้ว มีที่เดียวที่จะหลุดพ้นได้คือพระนิพพาน ก็เอาใจจดจ่อตั้งมั่นอยู่ตรงนั้น แล้วก็กำหนดภาวนาหรือพิจารณาของเราไป ถ้าสามารถรักษากำลังใจของเราให้ทรงตัวได้ในลักษณะนี้ คือศีลทุกสิกขาบทของเราบริสุทธิ์บริบูรณ์ ความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ของเราจริงจังแน่นแฟ้นไม่คลอนคลาย รู้ตัวอยู่เสมอว่าต้องตาย ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพาน

ถ้ากำลังใจท่านทรงตัวอย่างนี้ได้ โอกาสที่จะหลุดพ้นก็มีมากกว่าผู้อื่นเขา ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านกำหนดการภาวนาและพิจารณาไปตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2011 เมื่อ 17:33
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-02-2012, 22:53
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 259
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,227 ครั้ง ใน 1,280 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2554-11-04

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:30



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว