กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 20-06-2018, 21:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่พระอาจารย์บอกว่า ท่องคาถาเงินล้านวัน ๑,๒๐๐ จบ เมื่อก่อนผมก็ไม่อยากจะท่องเพราะว่ายาว ตอนนี้ผมลองทำดูรู้สึกว่าหายยาวแล้ว แต่ก็ได้ไม่กี่จบ ?
ตอบ : ลองดูครับ พอทำไป ๆ สภาพจิตของเรายึดอยู่กับคาถา ไม่ฟุ้งซ่านไปใน รัก โลภ โกรธ หลง ตอนช่วงนั้นจิตของเราจะสะอาด มีความสุขนะครับ ถึงเวลาเราก็ต้องภาวนาแล้ว ไม่อยากให้สภาพจิตของเราวุ่นวายหงุดหงิด

ถาม : ภาวนาคาถาเงินล้านออกเสียงแล้วรู้สึกว่าช้า ภาวนาในใจได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้ครับ จะเสียงดังเสียงเบาอย่างไรก็ได้ ที่สำคัญคือให้ควบกับลมหายใจเข้าออก ทำเป็นกรรมฐานนั่นแหละครับ เพียงแต่คำภาวนายาวหน่อย

ถาม : ถ้านึกถึงลมหายใจเข้าออกด้วยจะดีกว่า ?
ตอบ : สมาธิสูงเท่าไร ผลของคาถาก็เกิดมากเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2018 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 20-06-2018, 21:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตกต้นมะม่วง ผ่าดีไหมคะ ?
ตอบ : ตกแค่นั้นแข้งขาไม่ได้หัก อย่างเก่งก็ซ้น ให้เอาไพลส่วนหนึ่งแล้วก็ต้นขาไก่ รู้จักหรือเปล่า ? ต้นขาไก่ที่ก้านดำ ๆ ปกติปลูกเป็นไม้ประดับ เอาสองอย่างนี้มาอย่างละเท่า ๆ กัน โขลกรวมกัน คั่วให้ร้อน ใส่เหล้านิดหน่อย ใส่ถุงทำลูกประคบ

อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ ใช้ใบพลับพลึงลนไฟให้ร้อนแล้วพันเอาไว้ พักเดี๋ยวก็เดินได้แล้ว

ไพลกับขาไก่กะน้ำหนักให้ใกล้เคียงกัน โขลกรวมกันแล้วเอาไปคั่วให้ร้อน ใส่เหล้าพอเป็นกระสาย แล้วห่อผ้าทำเป็นลูกประคบ อีกอย่างหนึ่งใบพลับพลึงอังไฟให้ร้อน ก็จะเหี่ยว ๆ หน่อย เอาแค่ร้อนทนได้ พันไว้ พอเย็นลงก็อังใหม่ อาตมาตกมาจากยอดมะพร้าวไม่เห็นเป็นอะไร ใช้วิธีนี้นี่แหละ


ถาม : ไม่ต้องผ่าหรือคะ ?
ตอบ : สมัยนี้ไม่ค่อยรู้กัน เอะอะก็จะผ่า ทุกวันนี้อาตมาก็เดินได้เป็นปกติ โบราณเขามียารักษา สมัยใหม่จะผ่าอย่างเดียว

ถ้ากลัวว่าฤทธิ์ยาจะไม่แรงพอ ตอนคั่วให้ร้อนก็ใส่เหล้าขาวไปหน่อยหนึ่ง เราไม่ได้กินอยู่แล้ว แค่ใช้นวดประคบเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2018 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 20-06-2018, 21:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมอ่านหนังสือ หลวงปู่นาค วัดระฆัง ท่านไปพระนิพพานได้ มโนมยิทธิแจ่มใส อยากจะถามว่าท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ ท่านเป็นระดับครูบาอาจารย์เลย อายุมากกว่าเยอะมาก

ถาม : แต่ท่านได้มโนมยิทธิ ?
ตอบ : ตอนที่พุทธาภิเษกกันที่วัดอนงคาราม หลวงพ่อท่านแอบดู พอแอบดูหลวงปู่นาคท่านบอก "ไอ้ขโมย" พูดง่าย ๆ คือท่านไวมาก แอบดูปั๊บ ท่านว่าเลย

ถาม : แปลว่ามโนมยิทธิมีผู้ทำได้อยู่แล้ว ?
ตอบ : ได้อยู่แล้ว ต่อให้ฝึกสายไหนมา ถ้ากำลังใจถึงระดับของเก่าก็จะคืนมาเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2018 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 26-06-2018, 09:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการผูกปมเชือกสงคราม (เชือกแดง) สมัยก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านจะออกมาก่อนฉันเพลสัก ๑๕ นาที ท่านจะมานั่งผูกปมเชือก คราวนี้การผูกปมเชือกมีเคล็ดลับที่ต้องกลั้นหายใจแล้วว่าคาถา พอท่านต้องกลั้นหายใจนาน ๆ หลวงพ่อท่านก็บ่นว่า “เหนื่อยโว้ย”

เชือกของหลวงพ่อวัดท่าซุงที่ท่านทำออกมา มีทั้งสีเขียวและสีแดง สีเขียวจะมีน้อย สมัยนั้นพวกเราเรียกว่าเชือกสงคราม เพราะว่าท่านทำให้ทหารตำรวจที่ออกไปรบแนวหน้า ซึ่งการทำเชือกขอดจะให้ผลทางด้านแคล้วคลาด หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านทำมาตั้งแต่สมัยที่ท่านยังเป็นทหารอยู่ ทำแล้วก็ให้เพื่อนทหารลองด้วยปืน ปรากฏว่าขนาดจ่อยิงก็ยังไม่ถูก ซึ่งเรื่องของการใช้อาวุธปืนลองวัตถุมงคลนี้ อาตมามีประสบการณ์มาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2018 เมื่อ 10:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 26-06-2018, 09:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีตะกรุดของหลวงปู่สี วัดถ้ำบุญนาค ซึ่งไม่ใช่ของหลวงปู่สีโดยตรง แต่เป็นของหลวงพ่อสมบูรณ์ที่เป็นลูกศิษย์ท่านทำ ท่านจะทำเฉพาะวันพระในพรรษาเท่านั้น ก็แปลว่าพรรษาหนึ่งจะทำได้ประมาณ ๑๒ ดอก

คราวนี้รุ่นน้องคือทิดอุดร โตกระโทก ไปได้มา ก็เอามาให้อาตมาลอง อาตมาก็อธิษฐานขอลองไม่เกิน ๓ นัด เอาผูกติดกับขวดน้ำไว้ ยิง ๒ นัดแรกขึ้นฟ้าลงดินไปไหนไม่รู้ ? พอจะยิงนัดที่ ๓ ปืนก็ขัดลำ ไม่ทำงาน ทิดอุดรก็ดีใจเอาไปอวดเพื่อนรุ่นพี่อีกรูปหนึ่ง เพื่อนเขาบอกว่าไปลองใหม่ ทิดอุดรบอกว่า "พี่เล็กอธิษฐานไว้ว่าลองไม่เกิน ๓ นัด" เพื่อนรุ่นพี่เขายุ บอกว่าถ้าของดีต้องดีทุกเวลา ลองได้ทุกครั้ง ก็เอาของมาให้ลองใหม่

อาตมาบอกว่า "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าเอ็งไม่เชื่อก็ไปหาเศษไม้อันเท่าตะกรุดมามัดกับขวดน้ำ ข้าจะยิงให้ดู" ทิดอุดรบอกด้วยความมั่นใจเพราะว่ารุ่นพี่ยุมา บอกว่าไม่ต้อง..เอาตะกรุดนี่แหละ ว่าแล้วเอาเทปกาวพันติดกับขวดน้ำ แล้วไปวาง อาตมาเองก็ “เฮ้อ...ขอไว้แค่นั้น ดันทะลึ่งมาลองซ้ำ หาเรื่องเสียของแล้ว” แล้วก็ยิงตามหลักวิชา หลับตาซ้าย เล็งด้วยตาขวา ผ่อนลมหายใจออกไปครึ่งหนึ่ง ค่อย ๆ ลากไกช้า ๆ เสียงดังเปรี้ยง ตะกรุดพับครึ่งเป็นตัววีเลย

คราวนี้เจ้าของตะกรุดทำท่าจะร้องไห้ บอกแล้วว่าของอะไรอย่าลองให้ถึง ๓ ครั้ง ของดีเขามีเอาไว้ป้องกันตัว ไม่ใช่เอาไว้ลอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2018 เมื่อ 10:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 26-06-2018, 09:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนอีกรายหนึ่งเพื่อนกันเอาตะกรุดชุด ๓ ดอกมาให้ลอง อาตมายิงด้วย ๑๑ มม. ๗ นัดหมดแม็กฯ เลย ไม่ถูกสักนัดเดียว กระสุนอยู่ห่างจากตะกรุดคืบหนึ่ง เป็นรูปครึ่งวงกลมเท่า ๆ กัน เหมือนกับมีอะไรบางอย่างกลม ๆ ครอบเอาไว้ พอยิงเข้าไปก็จะออกไปอยู่แค่ตรงขอบเท่านั้น ถามว่า "ตะกรุดที่ไหนวะ ?" เขาบอกว่าของหลวงพ่อคง วัดถนนหักใหญ่ บอกว่า "กูไม่เคยได้ยินชื่อ" เพื่อนบอกว่า "อาจารย์ของหลวงพ่อคูณครับ" เลยยกมือสาธุท่วมหัว ยกให้ท่านไปเถอะ

อาตมาเองที่ยิงปืนแม่นเพราะว่าซ้อมแต่เป้าเล็ก ๆ มาตลอด ยิงจนไม่มีอะไรจะให้ยิงก็เอาปลอกกระสุนไปตั้งแล้วก็ยิง ไม่มีอะไรจะยิงเอายาเม็ดพาราฯ ไปวางแล้วก็ยิง เป้าเล็กขนาดนั้นยังยิงถูก เป้าใหญ่ ๆ ไม่ต้องพูดถึง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2018 เมื่อ 10:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 26-06-2018, 14:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เรื่องของวันเกิด สมัยก่อนเขาทำบุญกันครั้งเดียวตอนอายุครบ ๖๐ ปี พอคนเราอายุถึง ๖๐ ปี นอกจากลูกหลานเพื่อนพ้องอะไรแล้ว ต้องบอกว่าด้วยความที่อยู่มานาน ก็เริ่มปรากฏคุณความดีให้คนอื่นเห็น ถึงเวลาทำบุญวันเกิดจึงมีคนมาร่วมงานมากมาย

แต่คราวนี้ที่คนโบราณทำบุญ ๖๐ ปี แบ่งออกเป็น ๒ สายด้วยกัน สายหนึ่งจะทำครบรอบ ๑๐ ปี อย่างเช่นว่า ๗๐ ปี ๘๐ ปี ๙๐ ปี เป็นต้น ส่วนอีกสายหนึ่งก็ทำครบรอบ ๑๒ ปีคือ ๗๒ ปี ๘๔ ปี ๙๖ ปี สมัยก่อนที่ไม่นิยมทำบุญวันเกิดกันทุกปี เพราะว่าทำแต่ละครั้งต้องรบกวนคนมาก โดยเฉพาะผู้ที่มาร่วมงานเดินทางก็ลำบาก ถามว่าลำบากแค่ไหน ? อาตมาเองบ้านอยู่ห่างจากตัวจังหวัด ๓๖ กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางครึ่งวันกว่าจะถึง สมัยนี้ถ้าหากว่า ๓๖ กิโลเมตร ถ้าเกรงใจตำรวจก็ ๒๐ นาทีถึง ถ้าไม่เกรงใจตำรวจก็อาจจะ ๑๐ นาทีถึง..!

เมื่อลำบากด้วยการจัดงาน เพราะว่างานใหญ่ใช้กำลังคนมาก แล้วก็ลำบากด้วยการเดินทาง คนที่จะต้องไปร่วมงานเดินทางไม่คล่องตัวเหมือนกับสมัยนี้ จึงจัดกัน ๑๐ ปีครั้งหรือ ๑๒ ปีครั้ง สมัยนี้การเดินทางสะดวกคล่องตัว เห็นจัดงานวันเกิดกันตั้งแต่รู้ภาษา บางคนยังไม่ทันจะรู้ภาษาเลย ๒ ขวบก็เป่าเทียน ๒ ต้นแล้ว

มีอยู่ปีหนึ่ง เด็ก ๆ เขาจัดงานวันเกิดให้อาตมา จัดกันเล่น ๆ ไม่มีอะไรหรอก ซื้อขนมเค้กมา เอาเทียนวันเกิดปักแล้วก็จุด เทียนนี้เป็นเทียนที่เป่าไม่ดับ คือเป่าแล้วติดใหม่ พอจุดเสร็จก็เอามาให้หลวงพ่อเป่า อาตมาเป่าพรวดเดียวดับเกลี้ยง เล่นเอาเด็ก ๆ เขานั่งงง บอกว่า "หลวงพ่อเล่นไสยศาสตร์" เทียนประเภทนี้เป่าดับก็ติดใหม่ ปะทุขึ้นมาใหม่ได้ เลยสงสัยว่าอาตมาจะเป่าแรงไปหน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2018 เมื่อ 15:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 26-06-2018, 14:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า เคยเล่าประวัติให้ฟังว่า ท่านเดินธุดงค์กว่าจะถึงหมู่บ้านในป่าที่จะบิณฑบาตได้ก็เลยเที่ยง จึงไม่ได้ฉัน พอวันที่ ๒ เดินทางมาเจอหมู่บ้านก่อนเที่ยงก็ดีใจ เข้าไปขอบิณฑบาต ชาวบ้านใส่อาหารมา ท่านเองก็รับอาหารแล้วเดินเลยหมู่บ้านไป ปูผ้านั่งลงจะฉันเพล ยังไม่ทันจะเปิบข้าวเข้าปาก ปรากฏว่าช้างชาวบ้านที่ตกมัน สลัดโซ่ขาดวิ่งมาทางด้านนั้น ชาวบ้านก็เอะอะเอ็ดตะโรวิ่งไล่กันมา ท่านเองหันไปเห็นช้างใกล้เข้ามา ก็ต้องลุกหลบ ช้างวิ่งผ่านไป พอดีเลยเที่ยง อดฉันอีก

วันที่ ๓ ท่านก็บิณฑบาตได้ตอนใกล้เพลเหมือนกัน วันนี้ได้ฉันแน่ ก็ปรากฏว่าปูผ้านั่งลงจะฉัน ท่านเป็นลม ฟื้นขึ้นมาเลยเที่ยงอีก อดอยู่ ๓ วันติด ๆ กัน ไปได้ฉันเอาเช้าวันที่ ๔ เพราะว่าเดินไปเจอหมู่บ้านในช่วงเช้าพอดี ท่านบอกว่าในอดีตเคยแกล้งเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่ได้กิน ตัวเองเลยไม่ได้กินไปด้วย

อาจารย์ท่านหนึ่งคือหลวงปู่ครูบาธรรมชัย ท่านไปภาวนาอยู่ในป่าช้า ปรากฏว่าช้างของชาวบ้านตกมันเหมือนกัน หลุดออกมาเดินวนอยู่ใกล้ ๆ ท่าน ถ้านั่งอยู่ไม่เป็นอะไร ถ้าขยับลุกจะวิ่งใส่ เลยต้องทนนั่งอยู่อย่างนั้น พวกชาวบ้านเข้าไปพยายามจะช่วยอย่างไรช้างไม่สนใจทั้งนั้น ขับไล่อย่างไรก็ไม่ไป จุดประทัดยิงปืนอย่างไรก็ไม่ไป เดินวนอยู่ใกล้ ๆ นั่นแหละ

หลวงปู่ก็เลยต้องทนอยู่อย่างนั้น ๗ วันเต็ม ๆ พอถึงวันที่ ๘ ช้างก็เดินจากไปเฉย ๆ ชาวบ้านเอาข้าวปลาอาหารเข้ามาถวาย หลวงปู่แทบจะเป็นลมอยู่แล้ว ท่านบอกว่าในอดีตนั้นท่านเคยขังเขาเอาไว้ให้อดข้าวอยู่ ๗ วัน ตัวเองเลยโดนไปด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกที่ว่าไล่เท่าไร
ช้างก็ไม่หนี

ปกติช้างตกมันใครยั่วยุหน่อยก็จะวิ่งไล่เลย แต่นี่ไม่ยอมไป วนอยู่แต่ใกล้ ๆ ถ้าหลวงปู่ขยับก็ท่าจะวิ่งใส่จะเหยียบ จึงต้องนั่งเฉย ๆ ชาวบ้านไล่เท่าไรก็ไม่ไป แต่พอพ้น ๗ วันกลับเดินไปเองเหมือนไม่ได้ตกมันมาก่อน ฉะนั้น..ในเรื่องของกรรมจะทำเอาไว้ชาติไหนก็ตาม เผลอเมื่อไรก็ต้องใช้หนี้เขา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2018 เมื่อ 15:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 26-06-2018, 14:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างหนูต้องทำอาชีพอะไรดีคะ ?
ตอบ : อาชีพอะไรก็ได้ แต่ให้ภาวนาคาถาเงินล้านเป็นกรรมฐานสักวันละชั่วโมง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2018 เมื่อ 15:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 26-06-2018, 17:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนไปพุทธาภิเษกที่วัดไร่แตงทอง ต้องบอกว่าเจ้าของงานจริง ๆ ก็คือพระครูเทพ เพราะว่าท่านกำลังเร่งจะทำวัดให้เสร็จ ก็คือวัดสี่แยกเจริญพรที่มีโบสถ์สเตนเลส ท่านก็นิมนต์ไปพุทธาภิเษก

ในงานก็มีครูบาอาจารย์ระดับสุดยอดอยู่หลายรูปด้วยกัน อาตมาเองก็ไปนั่งพุทธาภิเษกให้เขาด้วย ปรากฏว่าเพื่อนกันก็คือพระครูสังเวียน วัดหนองพงนก มาถึงก็ “หลวงพ่อนะหลวงพ่อ สงเคราะห์แต่ไอ้เทพคนเดียวนั่นแหละ” ก็บอกกับท่านไปว่า “แล้วเอ็งจะเอาอย่างไรวะ ? เอ็งนิมนต์ข้าวันวิสาขะฯ อย่างนี้ วันที่ ๑๒ สิงหาฯ อย่างนี้ ไปได้ก็ประหลาดแล้ว” ส่วนท่านเทพท่านให้อาตมาเลือกว่าว่างวันไหน ท่านก็จัดงานวันนั้น ถ้าอย่างนี้ก็ได้แน่ ส่วนของพระครูสังเวียนนี่ประเภทถึงเวลาก็จัดงานตามเทศกาลของวัดท่าขนุนเลย แล้วจะไปอีท่าไหนได้ ?

งานนี้เนื่องจากว่าครูบาอาจารย์ไปกันมาก แต่อาตมาเองตั้งแต่นั่งลงก็เงียบไปเลย ไม่ได้ดูว่าใครไปบ้าง รู้แต่ว่ามีเจ้าคุณสุรศักดิ์ วัดประดู่ นั่งอยู่ตรงกันข้าม ที่ใกล้ ๆ กันก็มีพระครูวิโรจน์ วัดสระพัง กับพระครูสายชล เจ้าอาวาสวัดไร่แตงทอง ลูกพี่ของพระครูเทพเขาเลย ไปกันหลาย ๆ คนก็ดีหน่อยตรงที่ว่าเบาแรง ส่วนใหญ่ก็คอเดียวกัน มาสไตล์พระโพธิสัตว์เหมือนกัน ถึงใครจะลาบ้างไม่ลาบ้างก็ช่างเถอะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2018 เมื่อ 17:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 26-06-2018, 17:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ปรากฏว่าเห็นวัตถุมงคลเปล่งแสงสว่างสวยมาก ยังบอกว่า เออ...ท่านเทพเขาบุญดี จัดงานทีไรนี่ต้องบอกว่าครูบาอาจารย์หรือพระท่านสงเคราะห์เต็มที่ทุกครั้ง ท่านบอกว่า “ผมก็ผูกขากับหลวงพ่อเล็กนั่นแหละ” คำว่าผูกขาก็คือถ้าหากว่าอาตมาไม่ว่างท่านก็ไม่จัดงาน

ของที่พุทธาภิเษกเป็นเหรียญหลวงปู่หลิว ทำได้สวยมาก น้องเล็กได้มาเหรียญหนึ่ง เขาบอกว่าไว้แจกคนขับรถ อาตมาก็ว่า เออ...สมัยโบราณได้ยินแต่ว่าแจกแม่ครัว สมัยนี้พระครูเทพเล่นมีรุ่นแจกคนขับรถด้วย

ส่วนหลวงพี่แป๊ะ วัดสว่างอารมณ์หรือวัดแคแถว แกก็นั่งเคี้ยวหมากรอสบายใจเฉิบเลย อาจารย์เล็กลืมตาปุ๊บหลวงพี่แป๊ะก็โปรยข้าวตอกดอกไม้เลย บอกว่า "กูไม่ทำอะไรแล้วงานนี้ กูนั่งรอเหมือนกัน" เจอพี่ ๆ อู้เข้านี่อาตมาหมดสภาพเลยนะ หลวงพี่แป๊ะนี่สนิทกันตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง บวชใหม่ ๆ ท่านก็เป็นรุ่นพี่ ไปวัดอาตมามีหน้าที่รับพระอาคันตุกะเข้าพัก เลยสนิทสนมกันดี สมัยนั้นท่านห่มผ้าสีออกเขียว ๆ แบบธรรมยุต ไม่รู้ทำไมพอไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแคแถวแล้วเปลี่ยนเป็นห่มออกสีแดง แต่ดูท่าว่าจะขลังกว่านะ

เวลาอยู่กับท่านแล้วอาตมาสบายใจ เพราะว่าคนรู้จักท่านมากกว่า พอมาถึงก็ชี้ไปทางโน้น แต่ท่านเองก็ไม่ค่อยยอมหรอก เดี๋ยวก็ตะโกนบอก “โน่น...หลวงพ่อเล็กลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีฯ แวะไปทางโน้นบ้าง” อาตมาก็แทบจะหนีไม่ทัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2018 เมื่อ 19:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 26-06-2018, 21:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูเป็นคนที่ขี้โกรธมาก วิตกมาก ซึมเศร้าด้วยค่ะ จะแก้อย่างไรคะ ?
ตอบ : เป็นไปได้อย่างไรวะ ?

ถาม : พี่เต้ยบอกว่าหนูขี้โกรธค่ะ
ตอบ : ขี้โกรธนี่ไม่มีทางซึมเศร้าหรอก บ้าชัด ๆ มีคนขี้โกรธที่ไหนซึมเศร้าบ้าง ? พวกนี้ไฟแรง ซึมกับใครไม่เป็นหรอก มีแต่อาละวาดตลอด

พยายามฝึกกรรมฐานเกี่ยวกับเรื่องของกสิณสี หรือไม่ก็เมตตาพรมวิหารให้มากไว้ ไม่ได้ห้ามความโกรธในตัวของเรา แต่ว่าเป็นการบรรเทาลงได้ทีละน้อย ตามกำลังของเราที่มากขึ้น

เรื่องพวกนี้เป็นสมบัติประจำตัว ในเมื่อเราสร้างมาอย่างนี้ ทำมาอย่างนี้ จริตนิสัยออกมาแบบนี้ เราก็ต้องยอมรับว่าสภาพของเราเป็นอย่างนี้ แต่ค่อย ๆ ปรับปรุงพัฒนาแก้ไขไป ตอนแรก ๆ ก็พยายามลดอาการทางกายลง ลดอาการทางวาจาลง
ค่อย ๆ ลดไปทีละอย่าง เดี๋ยวก็ลดทางใจลงไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2018 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 26-06-2018, 21:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูอยากทราบว่า กรรมฐานกองไหนเราทำแล้วจะได้ดีที่สุด ?
ตอบ : อ่านกองไหนแล้วชอบก็กองนั้นแหละ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2018 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 26-06-2018, 21:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูไปเที่ยวมาเก๊ามา ได้ยินว่าที่นั่นเวลาสร้างอะไรทำตามฮวงจุ้ยหมด แล้วประเทศเขาดี ถ้าเมืองไทยทำอย่างนั้นบ้างจะดีขึ้นไหมคะ ?
ตอบ : เราต้องยอมรับว่าคนที่เขาได้ฮวงจุ้ยที่ดี ก็คือบุญเก่าเขาสร้างมาดีด้วย คนประเภทนี้ต่อให้ไม่ทำอะไรเลยเขาก็ได้อยู่ในที่ดี เรียกว่าปฏิรูปเทสคือถิ่นที่เหมาะสม ส่วนคนที่สร้างบุญมาไม่ดี ต่อให้พยายามแก้ไขฮวงจุ้ยอย่างไร ท้ายสุดก็เจ๊ง เพราะฉะนั้น...เราก็ทำแค่ที่ทำได้ ไม่ใช่รื้อบ้านทั้งหลังเพื่อแก้ฮวงจุ้ยอย่างที่อาตมาเคยเจอมาแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2018 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 27-06-2018, 21:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ที่วัดท่าขนุนมีการอบรมค่ายพุทธบุตร ซึ่งจะเป็นอย่างนี้ทุกปี คือทางโรงเรียนทองผาภูมิวิทยาจะเอาเด็ก ม. ๑ ซึ่งเข้าใหม่ กับเด็ก ม. ๔ ที่มีคนใหม่มากมาเข้าค่ายที่วัด

อาตมาเองได้พูดถึงเรื่องเรื่องหนึ่ง ซึ่งคาดว่าปัจจุบันนี้เป็นกันทั่วประเทศไทยแล้ว ก็คือเด็กรุ่นหลังนี้ส่วนใหญ่ร้อยละเกิน ๘๐ เรียนเพื่อให้จบเท่านั้น ไม่ได้คิดจะเรียนเอาความรู้ อาตมาสมมติว่าถ้าครูบาอาจารย์ให้ความรู้มา ๑๐๐ เราเรียนเพื่อให้จบเราก็จะได้สักแค่ ๕๐ แล้วถ้าเราจำเป็นต้องไปสอนคนรุ่นต่อไป ถ้าเขามีนิสัยเดียวกันก็คือเรียนเพื่อให้จบ จะเหลือ ๒๕ พอรุ่นที่ ๓ จะเหลือ ๑๒.๕ รุ่นต่อไปก็จะไม่เหลืออะไรแล้ว

เพราะฉะนั้น...การศึกษาบ้านเมืองเราปัจจุบันนี้ แม้กระทั่งในอาเซียนของเรา ๑๐ ประเทศนี่เรารั้งท้ายเลย ตามสถิติที่ทางยูเนสโก (องค์กรการศึกษาโลก) ให้ไว้บอกว่า ของเราอยู่อันดับที่ ๙ พม่าอยู่อันดับที่ ๑๐ แต่อาตมายืนยันว่าพม่าอยู่เหนือเรา เพราะว่าอาตมาไปพม่าเป็น ๑๐ ปี แต่เนื่องจากของพม่านั้นเขาปิดประเทศ ทำให้ตรวจสอบข้อมูลได้ยาก ก็เลยเหมือนกับว่าเขารั้งท้ายเรา แต่ถ้าเขาเรียนระดับ ม. ๑ เมื่อไร ทางพม่านี่บรรยายเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย บ้านเราไม่สามารถทำได้ ต่อให้ของเราเป็น ม. ๓ ม. ๕ ม. ๖ ก็ทำไม่ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-06-2018 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 27-06-2018, 21:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมายืนยันว่า การศึกษาปัจจุบันของเรานี่รั้งท้ายอาเซียนเลย จึงอยากให้เด็กทุกคนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและแนวคิดเสียใหม่ ว่าเรียนแล้วต้องรู้ รู้แล้วต้องสอนผู้อื่นได้ ไม่ใช่เรียนแค่ให้จบ ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ถ้าจะแก้ไข เราต้องแก้ไขตั้งแต่การผลิตครูเลย

ในต่างประเทศ คนที่เรียนเก่งที่สุดเขาจะให้ไปเรียนครู แต่บ้านเราคนที่สอบเข้าที่ไหนไม่ได้จะเข้าวิทยาลัยครู กลายเป็นว่าเราเอาคนที่ไร้คุณภาพมาผลิตบุคลากร แล้วจะให้บุคลากรมีคุณภาพก็ยาก ยกเว้นว่าวัตถุดิบก็คือเด็กมีความใฝ่รู้ใฝ่เรียนจริง ๆ เรียนพิเศษบ้าง ค้นคว้าหาความรู้นอกเวลาเรียนเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลาบ้าง ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่จะเอาดีได้ก็มี แต่โอกาสที่ได้ดีเพราะการจ้ำจี้จ้ำไชแล้วสอนจริง ๆ จัง ๆ ของครูนั้นน้อยมาก

โดยเฉพาะปัจจุบันนี้งานเอกสารมีมาก ต้องมี มคอ. (กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ) เป็นมาตรฐานระดับอุดมศึกษา ต้องมี SAR (Self Assessment Report) ก็คือบันทึกการเรียนการสอน สารพัดเอกสารที่จะเอา ทำให้ครูบาอาจารย์แทบไม่มีเวลาในการเตรียมการสอนที่ดี ถ้าจะปฏิรูปการศึกษาบ้านเราก็ต้องปฏิวัติใหม่ ตั้งเงินเดือนครูให้สูงกว่าหมอ สูงกว่าวิศวกรไว้ แต่เป็นการตั้งใจผลิตครูตั้งแต่รุ่นนี้ โดยที่รับตั้งแต่เกรด ๓.๕ ขึ้นไป เป็นต้น ถ้าหากครูรุ่นนี้ออกมาจะได้เงินเดือนระดับนี้ รุ่นเก่าช่างท่านไปก่อน เดี๋ยวก็ตายหมดไปเอง ถ้าหากว่าเราทำอย่างนี้ได้ ก็จะหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาได้ แต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๕ ปีขึ้นไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-06-2018 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 27-06-2018, 21:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ประการต่อไปคือ พ่อแม่ต้องเข้มงวดเด็ก ๆ ของเราตั้งแต่อยู่บ้าน ไม่อย่างนั้นแล้วจะเพาะให้เกิดนิสัยประเภทอย่างไรก็ได้ ถึงอย่างไรก็มีพ่อแม่เลี้ยง จึงไม่คิดที่จะเรียนให้ดี เพื่อที่จะยืนหยัดด้วยตนเองให้ได้

อาตมาถามเด็กว่า ลองทบทวนดูสิว่า ถ้าพ่อแม่ของเราตายลงไปเดี๋ยวนี้ เราอยู่ได้ไหม ? ถ้าไม่ได้ ก็แปลว่าความรู้ความสามารถของเราไม่พอที่จะทำมาหากิน ในเมื่อความรู้ความสามารถของเราไม่พอทำมาหากิน ถ้าเกิดว่าเรารีบร้อนไปมีลูกแล้วเราจะสอนลูกอย่างไร ?

เพราะฉะนั้น...ให้ทบทวนดูว่า ตั้งแต่เราเกิดมาจนอยู่ ม. ๑ จนกระทั่งอยู่ ม. ๔ เราทำอะไรที่เป็นความภาคภูมิใจส่วนตัวบ้าง ? เราทำอะไรที่เป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่และครอบครัวบ้าง ? เราทำอะไรที่สร้างชื่อเสียงให้กับทางโรงเรียนบ้าง ? ถ้าหากว่าถามแล้วไม่มีเลย ก็ต้องพยายามทำให้มี เด็ก ๆ ไม่ค่อยอยากมาวัดท่าขนุนกันหรอก มาทีไรโดนหลวงพ่อบ่นหูชาทุกที"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-06-2018 เมื่อ 03:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 27-06-2018, 21:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แต่เขาก็ฟัง ?
ตอบ : ฟัง...ไม่ฟังไม่ได้ เพราะว่าหลวงพ่อด่ากระทั่งครูบาอาจารย์ นักเรียนประมาณ ๓๐๐ คน ครูพี่เลี้ยงเกือบ ๒๐ คน ไปจัดแถวให้นักเรียนอยู่คนเดียว อาตมาดูอยู่พักหนึ่งก็จับไมค์ฯ ด่าเลย เพราะครูที่เหลือนั่งคุยกัน กับนั่งจิ้ม LINE อยู่ บอกว่าขนาดครูบาอาจารย์ยังเป็นตัวอย่างให้กับนักเรียนไม่ได้ แล้วจะให้นักเรียนดีได้อย่างไร ? พอโดนด่าแล้วหูตาสว่าง หลังจากนั้นก็นั่งฟังยันเที่ยง ไม่ขยับไปไหนเลย เพราะว่ากลัวโดนด่าซ้ำ..!

บางขณะชื่อเสียงเกียรติคุณที่ว่า "เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนดุยิ่งกว่าหมา" แม้จะไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจ แต่ก็ยังอาศัยได้ เพราะว่าถ้าเราไม่ทำไม่ด่า สังคมก็จะเสื่อมทรามไปเรื่อย ๆ ก็เลยจำเป็นต้องทำ ในเมื่อจำเป็นต้องทำ ก็ต้องทนแบกรับ "ชื่อเสีย" เอาไว้คนเดียว แต่ถึงเวลาถ้าใครมา ให้เขารู้ว่าระเบียบวัดเป็นอย่างนี้ การประพฤติปฏิบัติต้องเป็นอย่างนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-06-2018 เมื่อ 03:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 27-06-2018, 21:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ที่แย่มาก ๆ นอกจากติดหวัดจากท่านนายอำเภอทองผาภูมิแล้ว ยังตากฝนกลางคืนมาอีก ก่อนจะรับสังฆทานหรือสอนกรรมฐานทุกครั้ง ก็จะต้องมีอะไรมาตัดกำลังให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ แต่ว่าในส่วนตรงนี้อาตมาไม่ได้กังวล เพราะว่าเป็นเรื่องธรรมดา

การที่เราจะทำงานให้พระพุทธศาสนา ต้องบอกว่าอุปสรรคย่อมมี ย่อมเกิด เราจะไปโทษว่าเป็นเรื่องของมารอย่างเดียวไม่ได้ เพราะว่าถ้าเราไม่สร้างอกุศลกรรมเอาไว้ มารก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะในเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นเศษกรรมมาจากปาณาติบาต ซึ่งก็ไม่ต้องสงสัย เพราะว่าอาตมาทำไว้เยอะมาก ได้รับการรับรองโดยหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านสั่งให้ปล่อยสัตว์ที่เขาจะฆ่าทุกเดือน ตั้งแต่ปลายปี ๒๕๒๘ เริ่มปล่อยครั้งแรกวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๒๙ รวมแล้ว ๓๐ กว่าปีผ่านมา ปล่อยทั้งสัตว์สี่เท้า สองเท้า ไม่มีเท้า ไปนับชีวิตไม่ถ้วน ก็ยังช่วยได้แค่นี้ แสดงว่าที่ทำไว้มีมากกว่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-06-2018 เมื่อ 03:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 29-06-2018, 19:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,079 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมขอกำลังใจในการทำงาน เราต้องสู้กับคนทำงานที่เป็นคนใหญ่คนโต ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรหรอก ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอแล้ว แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักจะกระทบง่าย กำลังใจตกง่าย แล้วก็คืนดีเหมือนเดิมยาก ถ้าหากว่าตั้งใจทำสมาธิให้ทรงตัวมากกว่านี้ จะมีภูมิต้านทานมากขึ้น ถ้ากำลังใจเรามั่นคงขึ้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะกระทบเราได้น้อย และความมุ่งมั่นในงานของเราจะไม่ลดลง เพราะฉะนั้น...จริง ๆ แล้วก็คือ ให้เป็นในเรื่องการฝึกสมาธิเพิ่มขึ้น อย่างอื่นไม่ต้องคิดมากเลย

ถาม : ผมคิดว่าควรจะเปลี่ยนงานหรือเปล่า ?
ตอบ : ที่ไหนก็มีเหมือนกัน ที่เราอยู่ทางหนีทีไล่เราพอรู้แล้ว จะง่ายกว่าที่อื่นที่เราไปเริ่มต้นใหม่ เพราะฉะนั้น...มีทางเดียวก็คือปรับกำลังใจของเราให้เข้มข้นขึ้น ด้วยการทำสมาธิให้มากขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-06-2018 เมื่อ 20:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:39



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว