กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-08-2015, 18:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๘

ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายและถนัดของตนเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกทั้งหมดไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา ให้ใช้คำภาวนาที่เราถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ วันนี้จะกล่าวถึงเรื่องของการภาวนาของเราว่า ถ้าการภาวนานั้นประกอบไปด้วยวิตก วิจาร ปีติ สุข และเอกัคตารมณ์ การภาวนานั้นจึงนับว่าเป็นสมาธิอย่างแท้จริง ถ้าองค์ประกอบเหล่านี้มีไม่ครบ ก็เป็นได้แค่ขณิกสมาธิหรือสมาธิเล็กน้อย และอุปจารสมาธิหรือสมาธิใกล้จะทรงฌานเท่านั้น

วิตก คือ การที่เราคิดนึกตรึกอยู่ว่าเราจะภาวนา คล้าย ๆ กับการเตรียมพร้อม การตั้งท่า วิจาร ก็คือ การที่เรากำหนดคำภาวนาพร้อมกับลมหายใจ ลมหายใจจะแรง เบา ยาว สั้น คำภาวนาว่าอย่างไรเราก็รู้อยู่

ปีติ คือ การที่มีอาการต่าง ๆ ปรากฏขึ้น แตกต่างกันไปอยู่ ๕ อย่าง ได้แก่ ขณิกาปีติ จะมีอาการขนลุกเป็นพัก ๆ บางคนก็ขนลุกทั้งตัว ลุกอยู่นานเป็นนาทีก็มี ขุททกาปีติ มีน้ำตาไหล พออารมณ์ใจมาถึงตรงจุดนี้ ถ้าไม่หักห้ามเอาไว้น้ำตาก็จะไหลพราก แต่ก็ไม่ควรที่จะห้ามเอาไว้ ปีติทุกอย่างเราควรที่จะตามดูตามรู้เฉย ๆ ปล่อยให้เกิดขึ้นจนเต็มที่แล้วก้าวผ่านไป ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าเราไปหักห้ามเอาไว้ ถึงเวลาสมาธิเริ่มทรงตัว ปีติก็จะปรากฏ ไม่สามารถที่จะผ่านไปได้สักที

โอกกันติกาปีติ ร่างกายมีอาการโยกโคลงไปมา บางทีก็เต้น บางทีก็สั่นเหมือนกับเจ้าเข้า บางคนก็ตบหน้าขาตัวเองหรือว่ากระแทกหน้าอกตัวเองจนช้ำเขียวไปเลยก็มี แต่ว่าต้องปล่อยให้เป็นอย่างนั้น บางท่านก็หกคะเมนตีลังกาไปเลยก็มี แต่ไม่ว่าจะออกท่าออกทางโลดโผนอย่างไรก็ตาม ถ้าเรารู้จักสังเกตจะเห็นว่ากำลังใจนั้นสงบนิ่งอยู่ข้างใน อาการเป็นแต่เพียงร่างกายเท่านั้นเอง ถ้าเราไม่อาย ไม่กลัว ปล่อยให้เป็นเต็มที่ก็จะเลิก ถ้าไม่เต็มที่ก็จะเป็นอยู่อย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-08-2015 เมื่อ 09:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-08-2015, 11:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อุเพ็งคาปีติ ภาวนาแล้วร่างกายลอยขึ้นไปทั้งตัว บางทีก็อันตรายแบบที่อาตมาเจอ ก็คือลอยขึ้นไปหาพัดลมเพดาน ดังนั้น..ถ้าที่บ้านเป็นพัดลมเพดาน ต้องปิดให้ดีเสียก่อน ถ้าหากว่าจิตของเราไม่คลายออกจากสมาธิ ถึงเวลากำลังค่อย ๆ ลดลงก็จะค่อย ๆ ลอยกลับไปที่เดิม นั่งอยู่ในท่าเดิมทุกประการ แต่ถ้าสมาธิคลาดเคลื่อนหลุดออกมาด้วยความเร็ว รักษาอารมณ์สมาธิไม่ได้ บางทีก็หล่นตึงไปเลย แต่อันตรายที่มากกว่านั้นก็ไม่มี ยกเว้นว่าถ้าลอยไปที่ไกล ๆ ต้องเดินกลับเหนื่อย หรือว่าถ้าขึ้นสูงมากก็ตะครุบกบแรงหน่อย

ผรณาปีติ เป็นปีติตัวสุดท้าย รู้สึกว่าตัวพองตัวใหญ่ บางคนก็รู้สึกว่าหน้าใหญ่เป็นกระด้งเลย บางคนก็รู้สึกว่าตัวรั่วเป็นรู มีสิ่งของข้างในไหลออกมาซู่ซ่าไปหมด บางคนก็รู้สึกว่าตัวแตกระเบิดเป็นผงไปเลยก็มี

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ บางท่านก็เจออย่างเดียว บางท่านก็เจอสองอย่าง บางท่านก็เจอสามอย่าง ส่วนใหญ่ที่เจอหลายอย่างจนกระทั่งเจอครบ ๕ อย่างนั้น จะมีวิสัยพุทธภูมิ คือเคยตั้งความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้ามาก่อน ถ้าอย่างนั้นต่อให้ท่านทรงฌานทรงสมาบัติขนาดไหนก็ตาม ถ้ายังไม่เคยผ่านปีติตัวใดตัวหนึ่ง เมื่อถึงเวลา สมาธิของท่านก็จะลดลงไป แล้วปีติปรากฏขึ้นมาเฉย ๆ เพื่อให้ได้รับรู้ว่าปีติแต่ละอย่างมีอาการอย่างไร

กำลังใจของผู้ภาวนาถ้ามาถึงระดับปีติให้ระมัดระวังไว้ คือจะไม่อิ่มไม่เบื่อในการปฏิบัติ เราต้องกำหนดเวลาว่าจะภาวนา ๑ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง แล้วเลิก ไม่อย่างนั้นบางทีก็เผลอทำข้ามวันข้ามคืน ถ้าสมาธิคลายตัวลงเมื่อไร ร่างกายไม่ไหวอาจจะร่วงไปเลยก็มี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2015 เมื่อ 16:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 25-08-2015, 10:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอก้าวข้ามตัวปีติได้ ก็จะปรากฏความสุขเยือกเย็นอย่างที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในชีวิต อธิบายเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ เพราะสมาธิเริ่มก้าวเข้าสู่ระดับฌานแล้ว มีอำนาจในการกดกิเลส คือ รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับลงชั่วคราว รัก โลภ โกรธ หลง เป็นไฟใหญ่ ๔ กองที่เผาเราอยู่ตลอดเวลา อยู่ ๆ โดนดับไปด้วยอำนาจของสมาธิ คนที่โดนไฟเผา อยู่ ๆ ไฟดับลง บอกว่าสุขสบายอย่างไร อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

ถ้าหากว่าเราทำใจรับรู้ไว้สบาย ๆ จดจ่ออยู่กับการภาวนาของเรา จิตก็จะก้าวเข้าสู่เอกัคตารมณ์ คืออารมณ์ตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว ลืมตาอยู่ตาเห็นรูปก็ไม่สนใจ หูได้ยินเสียงก็ไม่สนใจ มีความแน่วแน่อยู่กับการภาวนาภายในเท่านั้น

ถ้าเกิดว่าอาการเกิดครบมาถึงตอนนี้ แปลว่าท่านทั้งหลายทรงปฐมฌานไว้ได้แล้ว ให้ซักซ้อมการเข้าออกให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เมื่อถึงเวลานึกต้องการจะเข้าเมื่อไรให้เข้าได้ ต้องการจะออกเมื่อไรให้ออกได้ ทำให้คล่องตัวเข้าไว้ เราจะได้มีกำลังในการช่วยตัดกิเลส ปฐมฌานสามารถตัดกิเลสในระดับของพระโสดาบันและพระสกทาคามีได้

เมื่อเราทรงฌานคล่องแล้วก็มาทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงใจ ไม่ล่วงล้ำก้ำเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ถ้าท่านที่ทรงฌานได้ จะเกิดความเคารพในพระรัตนตรัยขึ้นมาอย่างแน่นแฟ้น เพราะเห็นแล้วว่าการทรงฌานโลกีย์ธรรมดาแค่ปฐมฌาน ยังมีความสุขขนาดนี้ ผู้ที่เป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ ตลอดจนพระพุทธเจ้า ท่านย่อมมีความสุขมากกว่านี้จนนับประมาณไม่ได้ จึงเกิดความเคารพในพระรัตนตรัยขึ้นมาอย่างจริงจัง

หลังจากนั้นให้ทำความรู้สึกว่าเราเกิดมาแล้วต้องตาย ชีวิตของเราตายลงไปแน่นอน ดังนั้น..ควรที่จะกำหนดเป้าหมายว่า การเกิดมามีความทุกข์เช่นนี้เราไม่ต้องการอีก การเกิดมาในโลกที่ทุกข์ยากเร่าร้อนเราก็ไม่ต้องการ เราปรารถนาที่เดียวคือพระนิพพาน ให้เอาใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับเป้าหมายสุดท้ายคือพระนิพพานของเราเอาไว้

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๘

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2015 เมื่อ 17:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 25-08-2015, 18:43
ใจตั้งมั่น ใจตั้งมั่น is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2015
ข้อความ: 1
ได้ให้อนุโมทนา: 25,087
ได้รับอนุโมทนา 3,276 ครั้ง ใน 255 โพสต์
ใจตั้งมั่น is on a distinguished road
Default

เอกัคตารมณ์ กับ เอกัคคตารมณ์
ขออภัยครับ ตัวไหนถูกตัวไหนผิด หรือ ถูกทั้งคู่ครับ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2015 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ใจตั้งมั่น ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 26-08-2015, 02:06
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,317 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default

เอกัคตารมณ์ถูกแบบบาลีไทย เอกัคคตารมณ์ผิด ถ้าจะให้ถูกต้องเขียน เอกคฺคตารมฺณ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:56



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว