กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-03-2010, 07:50
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,450 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default จงโคร่งและว่านแสงอาทิตย์

ถาม : จากที่ลาดยางไปจนถึงอีก ๑๐ กิโลเมตรได้ ตอนนั้นไปที่สำนักที่หลวงพ่อวัดท่าซุงให้ทำสร้าง ? (ป่าละอู)
ตอบ : อาตมาสมัยนั้นย่ำต๊อกไปตลอดทาง เป็นป่าใหญ่แล้วบรรดาสัตว์ป่าเยอะมาก ไปเจอตัวจงโคร่งก็ในป่านั้นแหละ ครั้งแรกก็ไม่รู้จักหรอก จงโคร่งนี่เป็นคางคกชนิดหนึ่ง บางทีเขาเรียกว่าคางคกไฟ ซึ่งจะมีอานุภาพแปลก ๆ บางอย่างคือ ถ้าเขาหมอบอยู่ สัตว์อะไรบินผ่านมาจะตกลงไปให้เขากินเอง ตอนแรก ๆ อาตมาก็นึกว่า "ถ้านกตกลงไปจะกินได้หรือ ?" พอไปเจอตัวเข้าจริง ๆ เจ้าประคุณเอ๋ย..ตัวเบ้อเร่อเลย อย่างนั้นอย่าว่าแต่นกเลย แม่ไก่ก็ยังกินไหว

พวกตัดช่องย่องเบาเขาจะชอบมาก เขาจะถลกหนังจงโคร่งไปตากแดดให้แห้ง แล้วป่นเป็นผงไปผสมกันปั้นเป็นธูปขึ้นมา เวลาจะเข้าบ้านไหนพอตกค่ำก็ไปจุดเหนือลม รับรองได้ว่าหลับชนิดลากรอบบ้านก็ไม่ตื่นหรอก

วิธีแก้มีวิธีเดียวคือใช้ว่านแสงอาทิตย์ ว่านแสงอาทิตย์โยมอาจเคยเห็น เป็นก้านเขียว ๆ แทงพ้นพื้นขึ้นมาแล้วดอกจะฟู ๆ แดง ๆ กลม ๆ นั่นแหละ ใช้หัวว่านแสงอาทิตย์ตำผสมกับแอลกอฮอล์หรือว่าเหล้าโรงทาจมูกถึงจะฟื้น คนที่ไปจุดถ้าไม่ทาไว้ก่อน ถ้าลมหวนมาโดนก็หลับเหมือนกัน กว่าจะตื่นอีกเป็นวัน ๆ

แต่ว่าขณะเดียวกันว่านแสงอาทิตย์ถ้าเราไปทาส่งเดชโดยที่เขาไม่ได้จุดธูปนี้ จะตาค้างยิ่งกว่าม้าดีดอีก ...(หัวเราะ)... ต้องระวังไว้หน่อย

ถาม : แล้วที่ตำนี่เอาสด ๆ อย่างนั้นเลยหรือคะ ?
ตอบ : ตำสด ๆ เลย ว่านสด ๆ ตำกับเหล้าโรง ของพวกนี้เขามีกันมีแก้ ต้องใช้คู่กัน ไปใช้อย่างเดียวก็อันตราย

จงโคร่งทางปักใต้เขาเรียกว่ากง เป็นคางคกยักษ์ตัวเบ้อเร่อเลย เมื่อเดือนก่อนที่ลงไปปักษ์ใต้ เจ้าชาญเอาใส่ตะกร้ามาให้ดูตัวหนึ่ง เต็มตะกร้าพอดี นึกดูเอาก็เเล้วกันว่าตัวใหญ่แค่ไหน อาตมาเจอครั้งต่อไปที่ถ้ำกระแชง จังหวัดยะลา กำลังปีนถ้ำอยู่ เห็นโขดหินก็เหนี่ยวเต็มที่เลย โขดหินโดดลอยตามมือมาได้ ขนาดเห็นเป็นโขดหินแสดงว่าตัวต้องใหญ่มาก พอเหนี่ยวเข้าเลยโดดข้ามหัวลงน้ำตูมไปเลย รู้จักไว้ก็ดี สัตว์แปลก ๆ เหล่านี้ยังมีอีกเยอะ

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกรกฏาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2014 เมื่อ 12:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 97 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-03-2010, 22:30
วาโยรัตนะ วาโยรัตนะ is offline
สมาชิก VIP - ผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 550
ได้ให้อนุโมทนา: 13,972
ได้รับอนุโมทนา 45,909 ครั้ง ใน 953 โพสต์
วาโยรัตนะ is on a distinguished road
Default

"จงโคร่ง" หรือ "กง" มีลักษณะคล้ายคางคกแต่มีขนาดปุ่มที่ใหญ่ ขนาดลำตัวยาว ประมาณ ๑๐-๑๒ นิ้ว กว้าง ๕-๘ นิ้ว สูงประมาณ ๔-๕ นิ้ว มีขายาว ๖-๘ นิ้ว ขาหน้าสั้นกว่าขาหลัง นิ้วเท้ามี ๔ นิ้ว ลำตัวมีสีน้ำตาล สามารถเปลี่ยนสีผิวหนังได้ตามสภาพแวดล้อม ชอบอาศัยอยู่ตามลำธาร และที่มีความชื้นสูง อาหารที่ชอบเป็นพวกแมลง ออกหากินในเวลากลางคืน

เชื่อกันว่า(ในบางท้องถิ่น) หากนำเอาหนังจงโคร่งที่ตากแห้งมาเผาไฟ จะมีฤทธิ์เป็นยารมทำให้หลับ แต่ถ้าสูดดมในปริมาณมากอาจมีอันตรายได้ นอกจากนี้ยังมีคนบางพวกที่เอาหนังของจงโคร่งตากแห้ง หั่นฝอย ผสมกับใบยาสูบ มวนเป็นบุหรี่สูบทำให้เมาในทำนองเดียวกับกัญชา ในประเทศไทยมีนักสูบหนังจงโคร่งอยู่บ้าง แต่ในประเทศฟิลิปปินส์นั้นเป็นที่นิยมมาก จนกลายเป็นของต้องห้าม


ว่านแสงอาทิตย์
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Haemanthus multiflorus (Tratt.) Martyn
ชื่อวงศ์ : Amaryllidaceae
ชื่อสามัญ : Blood flower, Powder puff lily


ชื่อพื้นเมือง : ว่านกระทุ่ม ว่านตะกร้อ บางคนก็เรียก "ว่านกุมารทอง" เป็นไม้ล้มลุกใบอวบน้ำ มีลำต้นเป็นหัวลักษณะคล้ายหอมหัวใหญ่ เจริญอยู่ใต้ดิน กลุ่มใบที่เกิดจากหัวชูขึ้นมาเหนือพื้นดิน ใบรูปหอกสีเขียวเข้ม ยาวประมาณ ๘ นิ้ว เมื่อออกดอกจะชูก้านดอกเป็นลำตรงสีเขียวอ่อน จากกลางต้นสูงมาพ้นใบ

ดอก : สีแดงสด หรือแดงอมส้ม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกแน่นจากกอ ก้านช่อดอกกลม สีเขียวอ่อน ชูตั้งขึ้น ยาว ๓๐-๔๐ เซนติเมตร กลีบดอกและเกสรยาวเป็นเส้นฝอย ช่อดอกบานเต็มที่กว้าง ๑๒-๑๕ เซนติเมตร

ดอกจะบานติดต้นอยู่ประมาณ ๗-๑๐ วันจึงจะโรย ว่านแสงอาทิตย์ออกดอกในเดือน เมษายน-พฤษภาคม ขณะมีดอกมักทิ้งใบจนเกือบหมด ต้นแสงอาทิตย์ปลูกได้ทั้งในที่กลางแจ้งและในที่ร่ม แต่ต้องปลูกอยู่ในดินที่มีความชื้นพอประมาณ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีแยกหัวไปปลูกหรือเพาะเมล็ด แต่การขยายพันธุ์โดยวิธีเพาะเมล็ด ต้องใช้เวลานาน ๕-๗ ปี จึงจะมีดอก

ความเชื่อที่มีต่อ "ว่านแสงอาทิตย์" ถือเป็นว่านมงคลใช้ปลูกเสี่ยงทาย นำโชคลาภสู่ผู้ปลูก คุ้มครองบ้านเรือน เป็นว่านคู่กับ ว่านนางคุ้ม ว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้าน ส่วนใหญ่นิยมปลูกในบริเวณบ้าน หรือ ปลูกลงกระถางตั้งไว้หน้าร้านค้า จะเป็นเสน่ห์มหานิยมเรียกลูกค้าเข้าร้านไม่ขาด อีกทั้งยังเป็นว่านเสี่ยงทาย ผู้ใดปลูกขึ้นดี ไม่ตาย ออกดอกเมื่อไร ตำราว่านว่าไว้ ผู้ปลูกจะมีโชคลาภ (นั่นคือความเชื่อมาแต่โบราณ)

เวลาปลูกนิยมปลูกในวันเกิดจะดีมาก นอกจากนั้นยังเชื่อว่า ถ้าเอาดอกผสมกับน้ำมันสกัดจากพืชอะไรก็ได้ ไม่ใช่น้ำมันสกัดจากเกสรดอกไม้หรือน้ำมันสัตว์ แล้วใช้ทาตัว จะทำให้อยู่ยงคงกระพันชาตรีด้วย นักเลงสมัยโบราณเชื่อถือกันมาก อย่างไรก็ตาม หัวของ "ว่านแสงอาทิตย์" ห้ามนำไปใช้กินอย่างเด็ดขาด เพราะยางจากหัวว่านจะทำให้ลิ้นแข็ง อาจทำให้เสียชีวิตได้

ข้อมูลและภาพประกอบจากเว็บคลังปัญญาไทย
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2014 เมื่อ 12:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ

Tags
คางคกไฟ, จงโคร่ง, ว่านแสงอาทิตย์


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:34



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว