กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 16-01-2018, 21:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะย้ายกลับมาบ้านเดิมแล้ว มีหลายฤกษ์แล้วลังเล วันไหนดีคะ ?
ตอบ : ๒๓ กุมภาพันธ์ ฤกษ์ดีเกินไปใช่ไหม ?

ถาม : เป็นกากบาท ดิถีพิฆาตนะคะ ?
ตอบ : ใช่...เป็นฤกษ์ที่ดีเกินไป เขาห้ามสร้างบ้าน ส่วนเราสร้างบ้านเสียที่ไหน ? เราเข้าบ้านต่างหาก ฤกษ์นี้เป็นฤกษ์สร้างโบสถ์ เขาจึงห้ามสร้างบ้าน เพราะว่าดีเกินกว่าที่จะไปสร้างบ้าน ถ้าไม่เอาก็ไปหาเอาเอง...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2018 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 17-01-2018, 10:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเป็นคนใส่หมวกหลายใบ ตำแหน่งเท่าที่พอนึกได้ก็ประมาณ ๑๗-๑๘ ตำแหน่ง มีตำแหน่งหนึ่งคือประธานคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาลทองผาภูมิ ซึ่งทางกระทรวงมีระเบียบที่ว่า จะต้องไม่เป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น จะต้องไม่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ฯลฯ

สรุปแล้วบรรดาบุคคลที่เขาเชิญไปเพื่อคัดเลือกเป็นคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาล มีอยู่แค่ ๒ คนที่มีคุณสมบัติไม่ขัดกับระเบียบของเขา ก็คือตัวของอาตมาเอง กับคุณสมใจ มาโนช ประธานชมรมผู้สูงอายุทองผาภูมิ

คุณสมใจเขายกมือเลย “ผมสละสิทธิ์ครับ ยกถวายพระอาจารย์ไปเลย” จึงกลายเป็นภาระหน้าที่อย่างหนึ่งที่อาตมาต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับโรงพยาบาลทองผาภูมิ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2018 เมื่อ 03:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 17-01-2018, 11:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ช่วงปีที่ผ่านมา พญ.นวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ ขอเครื่องฟอกไตไว้ ๒ เครื่อง ที่ขอเครื่องฟอกไตไว้ เหตุผลก็คือคนทองผาภูมิจะต้องฟอกไตกันเยอะ แต่ต้องเดินทางลงไปถึงโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาในเมืองกาญจน์ฯ ซึ่งห่างไป ๑๔๐ กิโลเมตร ไปถึงก็ไม่รู้ว่าคิวจะว่างหรือเปล่า ?

ถ้าหากมีเครื่องฟอกไตเป็นของโรงพยาบาลทองผาภูมิเอง ก็จะช่วยได้มาก อาตมาจึงรับปากว่าจะให้ ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ก็ไม่สามารถที่จะนำเครื่องฟอกไตเข้าไปที่โรงพยาบาลได้ เพราะว่าระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข จะต้องมีคณะกรรมการมาตรวจการดำเนินการ ซึ่งคณะกรรมการเขาตรวจแล้วว่า ตัวอาคารสถานที่ไม่เหมาะสม ควรจะทำในลักษณะของห้องปลอดเชื้อ จึงต้องมีการขยายห้อง มีการจัดระบบกันใหม่

สรุปแล้วก็คือ การทำห้องปลอดเชื้ออาตมาต้องจ่ายเพิ่มอีกเกือบ ๒ ล้านบาท เพิ่งจะเซ็นสัญญาไปเมื่อวานนี้ว่าให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการได้ ซึ่งวันแรกของการทำงานก็คือ ๒๒ มกราคม ระยะเวลาดำเนินการสำหรับปรับในส่วนของห้องปลอดเชื้อและวัสดุอุปกรณ์ทั้งหมด ๖๐ วัน

ตอนแรกเขาเสนอราคามาค่อนข้างสูง เฉพาะส่วนที่เขาใช้คำว่าเฟอร์นิเจอร์ ประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ บาท อาตมาบอกให้ไปปรับลดมา ในเมื่อเป็นห้องฟอกไตจะมีเฟอร์นิเจอร์อะไรเยอะแยะ ? แต่ปรากฏว่าเป็นโต๊ะบ้าง เป็นถ้วยเป็นถาดอะไรที่เกี่ยวข้องของเขานั่นแหละ บอกว่าคุณปรับมาให้ได้ก็แล้วกัน ถ้าปรับไม่ได้ก็เอาราคานี้ คือราคาที่อาตมาพอใจ จะทำหรือไม่ทำ ? ท้ายสุดเขาก็ต้องยอมปรับลงมา

เริ่มดำเนินการเมื่อไรก็คงต้องอาศัยคุณหนุ่มไปตรวจงานด้วย รายละเอียดของเขามีอยู่ในแบบของเขาแล้ว เราก็ตรวจรับตามนั้น ประมาณ ๔ งวด บอกเขาว่าขอหักค่าประกันผลงานด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2018 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 17-01-2018, 11:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมถวายปัจจัยทำบุญเครื่องฟอกไต "ใจเย็น ๆ เดี๋ยวจะให้เขาประกาศในเว็บ ร่วมตรงนี้ไม่ได้อะไรนะ ในเว็บยังมีวัตถุมงคลให้

ตอนนี้เครื่องฟอกไตยังไม่อยากได้หรอก ต้องเอาห้องปลอดเชื้อให้เสร็จก่อน มาแบบไม่เกรงอกเกรงใจกันเลย เพราะฉะนั้น...คุณไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมตูนต้องไปวิ่งตั้ง ๒,๐๐๐ กว่ากิโลเมตร ก็เพราะว่างบหลวงไม่พอใช้ แล้วที่บ้าที่สุดก็คือระยะหลังนี้มีงบฯ ของ NGO แต่ละกระทรวง แล้วเยอะด้วยนะครับ มีเอาไว้อุดปากเขาหรืออย่างไร ? NGO ทำประโยชน์อะไรให้กระทรวงบ้าง ? เห็นมีแต่คัดค้านยันเต"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2018 เมื่อ 20:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 17-01-2018, 11:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ที่ขำที่สุดก็คือส่วนงานเครื่องปรับอากาศ อาตมาก็ว่าส่วนงานเครื่องปรับอากาศก็มีแล้วนี่นา ปรากฏว่าเป็นพัดลมหมุนระบายลม เป็นอะไรที่ทำงานง่ายให้ยาก เพราะว่าแทนที่เราจะทำได้เลยดันลากเลื่อนมา ๘-๙ เดือน ต้องให้คณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบสถานที่ก่อนว่าได้หรือไม่ได้ พอถึงเวลาไม่ได้ ต้องทำอย่างไรเขาก็จะให้ข้อแนะนำมา ให้เราออกแบบตามที่เขาแนะนำ พอเสร็จแล้วต้องเอาแบบไปยื่นให้เขาอีกว่าใช้ได้หรือเปล่า ? ยุ่งยากมากเลย

ถ้าเป็นอาตมาทำก็เสร็จไปนานแล้ว แต่คราวนี้ก็อย่างว่า ของเขาติดขัดด้วยระเบียบ แบบเดียวกับการสวดมนต์ส่งท้ายปีครั้งนี้ กว่าจะเบิกงบฯ ได้ จนป่านนี้ยังไม่ได้เลย เขาขอเอกสารมาใหม่ บอกว่าที่ทำไปไม่ตรงตามแบบของราชการเขา งานก็ทำเสร็จไปแล้วนะ ผลงานทุกอย่างก็ส่งรายงานไปแล้ว แต่ว่าเงินต้องรอไปก่อน รอให้ทำเรื่องให้ถูกต้องตามระเบียบเขา ถึงได้ไม่มีใครอยากทำด้วย เดี๋ยวนี้มีแต่คนกลัวกันหมด เรื่องงบประมาณไม่มีใครอยากแตะหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2018 เมื่อ 20:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 19-01-2018, 09:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาใช้เหรียญรัชกาลที่ ๘ อยู่จนถึงชั้น ป. ๒ ทางการเขาก็สั่งเก็บ เวลาไปซื้อของกับอาเจ็กที่ร้านค้า เหรียญที่เอาไปเป็นสตางค์รู พอถึงเวลาแกก็เอาวางบนนิ้วชี้นิ้วกลางแล้วก็กดด้วยนิ้วโป้ง ถ้าอันไหนหักแกไม่เอา แกบอกว่ามีส่วนผสมที่เป็นดีบุกเยอะ ถ้ากดแล้วไม่หักแกถึงจะเอา แกบอกว่าส่วนผสมที่เป็นเงินมีมาก สามารถเอาไปหลอมใหม่ได้

ลองคิดดูว่าเหรียญโลหะประมาณเหรียญบาทสมัยนี้ แต่หนากว่าสัก ๔ เท่า แกกดด้วยนิ้วจนหักได้ คิดดูว่านิ้วจะแข็งขนาดไหน ? คนจีนรุ่นเก่า ๆ สมัยอาตมายังเด็ก ๆ ฝึกวิทยายุทธ์มาทั้งนั้น มือจึงแข็งมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2018 เมื่อ 10:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 19-01-2018, 10:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยนั้นใช้ตั้งแต่ธนบัตรใบละ ๕๐ สตางค์ แล้วก็มาใบละ ๑ บาท ๕ บาท ใบละ ๕ บาทหายไปจากท้องตลาดน่าจะประมาณปี ๒๕๒๐ ได้ หลังจากนั้นใบละ ๑๐ บาทก็หายตามไป

เขาให้สังเกตว่า ถ้าค่าของเงินลดลงเมื่อไร ธนบัตรจะค่อย ๆ หายไป กลายเป็นเหรียญแทน แล้วถ้าเหรียญเล็กลงมากเท่าไร ค่าของเงินก็ลดลงไปมากเท่านั้น ไปนึกถึงรุ่นปู่ย่าตาทวดเอาเหรียญรัชกาลที่ ๙ รุ่น ๒๔๙๓ ที่เขาเรียกสั้น ๆ ว่าเหรียญ ๙๓ เป็นเหรียญ ๕๐ สตางค์ เอามาทำเข็มขัดกัน เพราะว่ามีส่วนผสมของทองมาก ระยะหลังนี้แค่ทองเหลืองธรรมดาก็แพงเกินมูลค่าของเหรียญแล้ว

มีใครเคยเห็นเหรียญทองคำจริง ๆ บ้างไหม ? อาตมาเองเคยเก็บไว้หลายเหรียญ แต่มาระยะหลังคนตื๊อขอบูชาไปหมด จำได้ว่าเก็บเหรียญแรกเลย ก็คือเหรียญรัชดาภิเษกของในหลวงรัชกาลที่ ๙ รัชดาภิเษกจะจัดฉลองในวาระครองราชย์ครบ ๒๕ ปี ของพระองค์ท่านก็ปี ๒๕๑๔ หลังจากนั้นก็มาจัดงานฉลองพระชนมายุ ๖๐ พรรษา พ.ศ.๒๕๓๐ แล้วก็มารัชมังคลาภิเษก ๒๕๓๑

พระองค์ครองราชย์เท่ากับอดีตสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชที่ครองราชย์นานที่สุดคือรัชกาลที่ ๕ จึงจัดงานฉลองรัชมังคลาภิเษกปี ๒๕๓๑ ฉลองกาญจนาภิเษก (ครองราชย์ ๕๐ ปี) ๒๕๓๙ แล้วมาฉลองการครองราชย์ ๖๐ ปี ค่อยมาฉลองพระชนมายุ ๘๐ พรรษา อาตมายังรอว่าจะมีใครได้ฉลองวัชราภิเษกหรือพัชราภิเษกครองราชสมบัติ ๗๕ ปีบ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2018 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 19-01-2018, 19:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"รัชมังคลาภิเษกก็คือ ต้องครองราชย์เท่าอดีตบูรพมหากษัตริยาธิราชที่ครองราชย์นานที่สุด ซึ่งในยุคปู่ย่าตาทวดมาจนถึงยุคของเรา มีสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่ได้จัดงานฉลอง เพราะว่าพระองค์ครองราชย์ ๓๐ ปี เทียบเท่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ

รัชกาลที่ ๕ ครองราชย์ ๔๒ ปี ถัดมาก็รัชกาลที่ ๙ ได้จัดงานฉลอง แล้วหลังจากนี้ก็รอไปเถอะ คนเราอายุถึง ๗๐ ปี ยังยากเลย อย่าว่าแต่ครองราชย์ ๗๐ ปี แต่ไม่เป็นไรหรอก ต้องบอกว่ากรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี...ใช่ไหม ? เดี๋ยวก็มีคนอยู่ถึงเองแหละ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2018 เมื่อ 19:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 19-01-2018, 19:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างเวลาที่ไม่ได้เข้ากรรมฐาน ใจจะเตลิด จะไม่สำรวมตัวเอง แต่ถ้าเราอยู่กับสมาธิ เราแค่ส่งใจ ตามองกวาดไปสักพัก เหมือนกับไปสะกดอะไรสักอย่าง คนอื่นจะดูเหมือนกับว่าคนนี้เก่ง สำรวมกาย วาจา ใจได้ดีกว่าตอนที่ไม่ได้เข้าสมาธิ ?
ตอบ : เอาแค่พระโสดาบัน กำลังของพระโสดาบันถ้าใช้ออกจริง ๆ คนชั่วจะเลิกทำชั่วไปชั่วคราว สมมติว่ามีโจรไปจี้พระโสดาบัน ท่านแค่เอ่ยปากตำหนิว่า ทำไมเธอทำอย่างนี้ ? โจรนั่นจะได้สำนึก เกิดหิริโอตตัปปะ แล้วจะเลิกเป็นโจรไปชั่วคราวเลย ส่วนพระอรหันต์ท่านกำลังสูงกว่านั้นตั้งเท่าไร ?

เราเองแค่อาศัยสมาธิที่มีมากกว่าเขา เรายังระงับยั้งเขาได้ แล้วพระโสดาบัน คุณสมบัติของท่านต้องทรงสมาธิโดยอัตโนมัติ อย่างต่ำสุดก็ปฐมฌานละเอียด ไม่อย่างนั้นท่านไม่สามารถที่จะเอาชนะกิเลสได้ เพราะฉะนั้น...ฝีมือต่างกันหลายหมื่นลี้ อะไรที่เราต้องใช้ความพยายามมาก ของท่านไม่ต้องใช้เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2018 เมื่อ 19:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 19-01-2018, 19:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมผู้หญิงขอมานั่งช่วยแจกหนังสือ "ไม่ต้องจ้ะ ไปไกล ๆ เลย พอมีใครยกกล้องถ่ายรูปออกมา ก็จะมีแต่อาตมานั่งอยู่กับผู้หญิง ๒ คน เขาไม่ได้ถามนี่ว่ามานั่งทำอะไร เพราะฉะนั้น...เรื่องที่หวังดีจะมาช่วยแจกของไม่ต้อง อาตมาทำเองได้

ส่วนใหญ่แล้วพวกเราตั้งใจทำงานเป็นงาน ไม่ค่อยคิดอะไร แต่คนอื่นมองมาเขาจะคิดแทนเรา แล้วคิดได้ดีกว่าทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้น...อย่าให้ตัวเราต้องเป็นทุกข์เป็นโทษแก่คนอื่น ไม่ว่าจะด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจเลย ระมัดระวังไว้ได้เป็นดี

น่าจะประมาณ ๒ อาทิตย์มาแล้ว พาท่านวัฒนธรรมจังหวัดไปสำรวจต้นไม้ในป่า เพื่อที่จะยื่นเสนอเข้าไปในโครงการรุกขนครใต้ร่มพระบารมี จะเป็นต้นไม้สำคัญในแต่ละจังหวัด ขณะที่นั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ ก็มีโยมผู้หญิง ๒ คนนั่งอยู่ด้านหน้าเยื้อง ๆ ไป ท่านวัฒนธรรมฯ ก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป อาตมาก็บอกว่า “รูปนี้ห้ามออกสื่อนะ” ท่านก็ถามว่าทำไมครับ ? ต้องบอกว่า ถ้าออกไปจะกลายเป็นพระอยู่กับผู้หญิงในป่า ไม่มีผู้ชายอยู่ด้วยเลย

เขาไม่ได้เห็นนี่ว่าด้านหลังกล้องมีอีกเป็นสิบ ทางที่อาตมานั่งอยู่ก็คือผู้หญิงอยู่ด้วย พื้นที่ก็คือป่าชัด ๆ จะให้คนเขาคิดอย่างไร ? ของพวกนี้เราจะให้คนอื่นระวังแทนเราไม่ได้ แต่เราต้องระวังเอง

เวลาคนดูรูปเขาไม่พยายามคิดในด้านดีว่า “เออ...คนถ่ายน่าจะเป็นผู้ชายนะ” พอเห็นรูป...ด้วยความที่สภาพจิตของคนเราคิดเรื่องต่ำได้ง่าย ก็ต้องเหมาเอาเลย “พระไปอยู่ป่ากับผู้หญิง ไปทำอะไรกันแน่ ๆ เลย” แล้วก็จะคิดดีกว่านั้นอีกเยอะเลย เพราะฉะนั้น...คำที่พวกคุณบอกว่าโลกนี้อยู่ยากนั้น...พระอยู่ยากกว่าตั้งเยอะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2018 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 19-01-2018, 19:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้เปิดให้จองไม้ครู แต่ให้จองแบบโหดร้าย ต้องจ่ายทองก่อนจึงจะได้สิทธิ์จอง ไม่ใช่จองก่อนแล้วจ่ายทีหลัง เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าทำไว้น้อย จริง ๆ ก็ไม่ทำน้อยหรอก ทำแค่หมดชนวนที่มี ขอโทษเถอะ...หัวเงินนี่หนักอันละหนึ่งกิโลกรัม แล้วชนวนจะเหลือสักเท่าไร ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2018 เมื่อ 20:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 20-01-2018, 00:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าพระเล่นหมากรุกล่ะครับ ?
ตอบ : ปรับอาบัติศีลขาดทุกตัวที่จับ แล้วก็ปรับทุกครั้งที่จับ ถ้าคุณจับ ๑๐๐ ครั้ง ก็คือศีลขาด ๑๐๐ ครั้ง

ความจริงที่ห้ามตรงจุดนี้ เพราะว่ามีสุดยอดนายพลอยู่ท่านหนึ่งไปบวช ท่านนี้รบที่ไหนก็ชนะ แล้วมีอยู่เมืองหนึ่งที่ตียากเย็นแสนเข็ญ บรรดาลูกน้องเก่า ๆ ซึ่งรับหน้าที่แทนก็มาถามท่าน ด้วยความที่ท่านเป็นพระ ท่านก็ตอบไม่ได้ แต่ท่านใช้วิธีเอาไม้บ้าง เอาใบไม้บ้าง เอาหินบ้าง เอาดินบ้าง มาวางสมมติเป็นกองทัพฝ่ายตรงข้ามและตัวเอง แล้วก็จับโยกย้ายลักษณะกระบวนรบ ว่าทำอย่างไรจึงจะชนะ นี่คือต้นแบบของหมากรุกเลย

พระพุทธเจ้าต้องสั่งห้ามเลย เพราะว่าลูกน้องความจำดี จำไปใช้แล้วตีเมืองได้จริง ๆ ต้องสั่งห้ามเพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ถ้ามัวแต่ระลึกถึงแต่อดีต ก็อาจจะไประลึกถึงอกุศลกรรมเก่า ๆ ที่เคยรบราฆ่าฟันเขาเอาไว้ โอกาสที่จะลงอบายภูมิมีสูงมาก

ที่ท่านห้ามจับอาวุธเพราะว่าสมัยก่อน บรรดานักรบขุนศึกไปบวชกันมาก ถ้าหากจับสิ่งที่เป็นอาวุธก็อาจจะนึกถึงอกุศลกรรมเก่า ๆ ที่เคยฆ่าเขาเอาไว้ ทำให้จิตใจเศร้าหมอง พระพุทธเจ้าจึงต้องสั่งห้าม แล้วที่ห้ามอย่างนึกไม่ถึงก็คือ ปกติพระจะมีมีดโกนสำหรับปลงผม แต่ถ้าเป็นช่างตัดผมห้ามมีมีดโกน เพราะว่าถ้ามีมีดโกนเดี๋ยวจะนึกถึงอาชีพเก่าของตัวเอง

ถ้าไปนึกถึงอาชีพเก่ามี ๒ อย่าง อย่างแรกคือฟุ้งซ่านไม่เป็นอันปฏิบัติธรรม อย่างที่สองก็คือ อาจจะสึกหาลาเพศไปเลย เพราะเห็นว่าตัวเองยังทำกินในอาชีพเดิม ๆ ได้ ศีลพระแต่ละข้อที่พระพุทธเจ้าท่านห้ามไว้ ก็เพื่อที่จะป้องกัน ต้องใช้คำว่า ป้องกันอาสวะที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบัน คือกิเลสที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบัน และ ป้องกันอาสวะที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ในเมื่อมี ๒ เหตุผล ความจริงแล้วมีเป็น ๑๐ เหตุผล อย่างเช่นว่า สร้างความเลื่อมใสแก่ผู้ที่ยังไม่เลื่อมใส สร้างความเลื่อมใสยิ่งขึ้นแก่ผู้ที่เลื่อมใสแล้ว กดข่มผู้ที่เก้อยาก เพื่อความอยู่เป็นสุขของผู้มีศีลเป็นที่รัก ฯลฯ ท่านให้เหตุผลไว้เยอะมาก เพียงแต่ในส่วนของหลัก ๆ แล้วก็คือเพื่ออนุเคราะห์ในการปฏิบัติพรหมจรรย์ เพื่อให้การปฏิบัติธรรมก้าวหน้าขึ้น ถ้าไม่ล้อมคอกเอาไว้ เดี๋ยวโดนกิเลสขโมยไปจนหมดคอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2018 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 20-01-2018, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พ่อผมตายแล้วไปสบายไหม ?
ตอบ : ก็ไปถามพ่อเองสิ อย่ามาถามอาตมา ไม่ได้ตายด้วยจะได้ตอบได้...! หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านมีคำสั่งห้ามอาตมาบอกว่าคนตายแล้วไปไหน เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องถามเสียเวลามาถาม ตายแล้วสบายดีหรือเปล่า ? ตายแล้วลำบากไหม ? ถามไปก็ไม่ตอบเพราะว่าโดนห้ามไปแล้ว

ไม่ใช้ห้ามหลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว แต่ท่านห้ามทั้งที่ยังเป็น ๆ อยู่นี่แหละ ห้ามกลางโบสถ์เลย พระทั้งวัดท่านห้ามอาตมาอยู่คนเดียว เพราะว่าก่อนหน้านี้บอกเขาอยู่เรื่อย ท่านบอกว่าการบอกว่าคนตายแล้วไปไหน มีโทษมากกว่าประโยชน์ บางคนทำชั่วมาทั้งชีวิต ก่อนตายดันนึกถึงความดีได้ ไปเสวยความดี คนก็จะหาว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม บางคนทำดีมาตลอดชีวิต ตอนตายดันไปนึกถึงกรรมชั่วแล้วลงนรก ลูกหลานจะมีอารมณ์ทำดีต่อไหม ?

อาตมาโดนห้ามอยู่ ๒ อย่าง ห้ามบอกว่าคนตายแล้วไปไหน กับห้ามให้หวย ห้ามกันชนิดที่พระพี่พระน้องทุกท่านรู้หมด เรื่องหวยนี่อาตมาโดนคาดโทษเอาไว้เลย ท่านบอกว่า "รู้ ๆ อยู่แล้วไปบอกคนอื่น ข้าปรับอาบัติปาราชิกเลย เท่ากับตัวเอ็งไปปล้นเจ้ามือ" หมดทางทำกินเลย ไม่อย่างนั้นแค่บอกหวยสักงวดสองงวดคนก็เต็มวัดแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2018 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 20-01-2018, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จะว่าไปแล้วจริง ๆ เป็นเรื่องของบุญสัมพันธ์ อย่างป้าเอี่ยมช่วยงานหลวงพ่อที่วัดท่าซุงมาตลอด ๒๐-๓๐ ปี เงินทองก็ไม่ได้มีกับใคร วันนั้นป้ามาหา “หลวงพี่ขอหวยสักตัวสิ” ถามว่าเอาไปทำอะไรวะ ? “อยากได้เงินไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อบ้าง” ก็ถามแกว่าตัวเดียวเล่นได้หรือ ? แกบอกว่าได้ ก็เลยให้แกไป ไม่รู้ว่าแกไปเล่นอย่างไรได้มา ๖๐๐ บาท ก็เอาไปถวายสังฆทานจนหมด

คราวนี้งวดต่อไปอาตมาแหย่เอง “งวดนี้เอาไหม ?” “ถ้าได้ก็เอา” ความจริงแกขอแค่งวดเดียวนะ คราวนี้ให้แกได้ไปก็ถูกอีก เอาไปถวายสังฆทานอีก งวดต่อไปนี้ไม่ต้องให้เลย คนแห่กันมา ๗-๘ คน พวกนี้รู้ข่าวเร็วจริง ๆ อาตมาแหย่เล่นว่า "มาเยอะแบบนี้ต้องชักเปอร์เซ็นต์" พอหวยออกเขาดันเอาเงินมาถวายจริง ๆ เท่านั้นแหละ...ลงโบสถ์งวดนั้นหลวงพ่อท่านสั่งห้ามเลย ท่านบอกว่ารู้ ๆ อยู่แล้วไปบอก เขาปรับอาบัติปาราชิก เท่ากับไปปล้นเจ้ามือ ปาราชิกนี่ขาดความเป็นพระเลยนะ เพราะว่าตั้งใจไปเอาเงินเขาเกินหนึ่งบาท
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2018 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 20-01-2018, 20:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สนทนากับพระ "เรื่องการเข้าวัง ถ้าจะมาก็ให้มาตามหน้าที่ จะให้ตะกายไปโหนสถาบันนั่นไม่ใช่ผม บางท่านชวนผมเข้าวังมาหลายครั้ง ผมก็ไม่ไป เพื่อนพระอุปัชฌาย์ด้วยกันชวนไปหลายครั้งผมก็ไม่ไป ขนาดรองเจ้าคณะอำเภอเห็นรูปสมเด็จพระเทพฯ ถวายเสาเสมาธรรมจักรผม ท่านถามว่าผมจ่ายไปเท่าไร ? แต่ส่วนใหญ่เหมือนกับว่าจะเข้าเฝ้าอย่างน้อย ๆ ก็ต้องไปถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลจึงจะมีสิทธิ์ ซึ่งไม่ใช่นิสัยของผม

บางท่านโหนราชวงศ์แล้วก็เอาไปอ้างกับญาติโยมเพื่อเพิ่มราคาให้ตัวเอง หรือไม่ก็อ้างกับคณะสงฆ์เพื่อเพิ่มราคาให้ตัวเองได้

จริง ๆ แล้วการที่จะให้เขาเคารพ ให้เกียรติ เชื่อถือเรา อยู่ที่การกระทำของเรา ไม่ใช่ไปอาศัยคนอื่น ถ้าคุณพูดเขาจะฟัง แต่ถ้าคุณทำเขาจะเชื่อ ถ้าคุณพูดอย่างเดียวจะให้เขาเชื่อก็ยาก

ปัจจุบันนี้รัฐบาลพูดอะไรชาวบ้านก็ฟัง แต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้นชาวบ้านเขาสงวนลิขสิทธิ์ไว้ มีอยู่อย่างเดียวก็คือคุณทำแล้วเขาจะเชื่อ เพราะฉะนั้น...ถ้าคุณใส่นาฬิการาคาเรือนละเป็นล้าน เขาก็เชื่อว่าคุณคอรัปชั่น ต่อให้คุณเป็นคนดีขนาดไหนเขาก็เชื่ออย่างนั้น พยายามจะออกรัฐธรรมนูญฉบับพระอริยเจ้า ทุกคนจะต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องพอกัน ความซวยก็ตกอยู่กับตัวเอง ซื้อลูกหมายังให้เป็นของขวัญคนอื่นไม่ได้เลย เพราะว่าเกิน ๓,๐๐๐ บาทที่กำหนดเอาไว้ ก็ดันไปกำหนดเอาไว้เอง แล้วจะไปโทษใคร..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2018 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 20-01-2018, 20:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมท่านหนึ่ง เวียนทำบุญทีละ ๒๐ บาทอยู่นั่นแหละ พระอาจารย์จึงกล่าวกับพระว่า "คราวนี้ผมรู้แล้ว ว่าทำไมเวลาผมอยากได้ ๑ จึงมาเป็น ๑๐๐ เพราะว่าผมทำอะไร ผมมักจะทำหมดทีเดียว ทำทีละ ๕ บาท ๑๐ บาทผมไม่ทำ เพราะว่าอานิสงส์ก็จะได้ทีละ ๕ บาททีละ ๑๐ บาทเหมือนกัน จนกระทั่งทุกวันนี้ผมปฏิญาณตนว่า ถ้าเกิดใหม่ผมจะเลิกทำบุญ เพราะว่าแค่นี้ได้เยอะจนเกินเหตุแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2018 เมื่อ 03:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 20-01-2018, 20:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฉัตรสีขาว ?
ตอบ : ต้องรอในหลวงถวายอย่างเดียว เราไม่มีสิทธิ์ไปแตะเลยฉัตรสีขาว ไม่ว่าจะ ๕ ชั้น ๗ ชั้น ๙ ชั้น ส่วน ๓ ชั้นนั้นเป็นเครื่องสังฆราชูปโภค สำหรับสมเด็จพระสังฆราช

ถาม : แล้วฉัตรของวัดโพธิ์
ตอบ : อันนั้นได้รับถวายจากในหลวงรัชกาลที่ ๑ ส่วนของวัดบวรฯ ได้รับถวายจากในหลวงรัชกาลที่ ๔

ตอนงานศพหลวงพ่อวัดท่าซุง เขายกฉัตรสีทอง ๓ ชั้นถวาย ผมคัดค้านสุดตัวอยู่คนเดียว บอกว่าไม่ได้เด็ดขาดเลย คุณจะเคารพหลวงพ่อขนาดไหนก็ตาม ฉัตร ๓ ชั้นเป็นเครื่องราชูปโภคของพระสังฆราช เขาบอกว่านี่สีทอง ผมบอกว่าสีอะไรก็ห้าม ปรากฏว่าด้วยความที่ผมเด็กเกินไป เพิ่งจะ ๗ พรรษา เขาฟังแต่ไม่เข้าหู ไปไล่ถามคนอื่นเสียจนทั่วประเทศ ท้ายสุดด็อกเตอร์ปริญญาช่วยยืนยันว่าใช้ไม่ได้ เขาถึงได้ยอมเชื่อ


ถาม : แล้วที่ทำถวายพระพุทธรูปทั่วไป ?
ตอบ : ถ้าจะทำ ก็ทำเป็นฉัตรโลหะ ฉัตรผ้าขาวไม่ได้เด็ดขาด

ถาม : ห้ามผ้าขาว ?
ตอบ : ห้ามชัด ๆ เลย คือเศวตฉัตร (ผ้าสีขาว) ถึงจะใช้ผ้าสีทองก็ไม่ควร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2018 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 20-01-2018, 20:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับพระว่า "ตอนนี้ใครบริจาคเขาจะหักภาษี ณ ที่จ่ายเลย เท่ากับว่าคุณทำบุญแล้วโดนหักภาษีด้วย เขาจะบีบทุกทางไม่ให้พระอยู่ได้

พวกนี้เป็นความคิดของอิสลามเขา คุณจะไปทำอะไรได้ สนช. ๘๐ กว่าคน มีอิสลามอยู่ ๖๓ คน นี่เฉพาะที่เป็นอิสลามชัด ๆ นะ แล้วที่ไม่ชัดนี่ยังมีอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? คุณไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าทำไมกฎหมายที่ทำให้แตกแยกกัน อย่างเรื่องของสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน ถึงได้ผ่านสามวาระภายในวันเดียว เพราะว่าอะไรที่ทำให้พระพุทธศาสนาของเราอ่อนกำลังลงได้ เขาจะทำทันที

ตอนนี้บริจาคแล้วโดนหักภาษี ณ ที่จ่ายก่อน พระจะได้น้อยลง โยมก็ต้องเสียเงิน เห็นความสามารถของเขาไหม ? เดี๋ยวนี้ทางด้านภาคอีสาน แต่ละวัดโดนให้ทำบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีแล้ว ภาคกลางยังไม่ได้ทำ เพราะว่าภาคอีสานผู้ว่าราชการส่วนใหญ่เป็นอิสลาม เขาสามารถสั่งการได้ทันที"


ถาม : ไม่มีใครหยุดยั้งได้ ?
ตอบ : คนที่จะหยุดต้องระดับที่ใหญ่กว่าเรา แต่คราวนี้ไม่มีใครขยับ มีแต่รักษาตัวกันอยู่ ในเมื่อท่านรักษาตัวกันอยู่ ก็มีทางเดียวก็คือเราต้องทำของเรากันเอง

ถาม : ถ้าเราถอย ?
ตอบ : ถ้าเราถอยจะให้ถอยไปถึงไหน ? มีอย่างเดียวคือต้องชนกันให้พังไปข้างหนึ่ง คุณเห็นหรือเปล่าว่าเราถอยมาตั้งเท่าไรแล้ว ? จนป่านนี้เขารู้จักพอไหม ? อยู่บ้านเราอยู่สุขอยู่สบายแล้ว เขายังคิดจะยึดบ้านยึดเมืองของเราอีก สำหรับผมถ้าจะถอยผมมีที่ให้ถอยเยอะ แต่ผมไม่คิดจะถอยนะสิ..!

ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นสื่อหรือว่าจะเป็นคน เป็นของเขาจนหมดตั้งแต่ผู้นำมาจนถึงผู้ตาม เราถอยเขาก็บี้ตายเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2018 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 20-01-2018, 21:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนหน้าอาตมาก็มีนัดกับหมอตา หมอนัดวันวาเลนไทน์พอดี คงเห็นว่าเป็นพระไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับกิจกรรมวันวาเลนไทน์อยู่แล้ว

เรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้ารู้จักพิจารณาจะเห็นว่าเป็นธรรมดาของร่างกายนี้ สังขารัง โรคะนิทธัง ปะภังคุณัง สังขารนี้เป็นรังของโรค มีแต่จะเน่าเปื่อยไปเป็นปกติธรรมดา เพราะฉะนั้น...ก็ดูแลรักษาให้เต็มที่ รักษาได้ก็ได้ รักษาไม่ได้ก็แล้วไป

ก่อนนี้ความรู้สึกของอาตมาคิดว่าก็ไม่ยาก แค่ทำใจว่า "รักษาได้ก็ได้ ไม่ได้ก็แล้วไป" แต่พอมาถึงตัวแล้วมักจะกลัวตายนะสิ ถ้ากลัวตายขึ้นมาคราวนี้ก็ "ไม่ได้" แล้ว ดิ้นรนสุดชีวิตเลย ถ้าเป็นนักปฏิบัติจะดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ตอนอาการหนักมาก ๆ กำลังของ ทาน ศีล ภาวนา ที่เราทำมาทั้งหมดจะรวมตัว เราจะรู้เลยว่าเราต้นทุนมีเท่าไร เพียงพอที่จะไปพระนิพพานหรือไม่ ?

ถึงตอนนั้นก็พยายามรักษากำลังใจให้อยู่ในลักษณะที่ว่า "อยู่ก็ได้ ตายก็ดี" ก็คือ ไม่ได้อยากอยู่ แต่ไม่ได้อยากตาย

หลายท่านปฏิบัติไปถึงระดับหนึ่งแล้วรู้สึกว่าอยากตาย คิดว่าตัวเองดีแล้ว อาตมาขอยืนยันว่าเป็นอารมณ์ที่แย่มาก เพราะว่าอารมณ์อยากตายส่วนใหญ่จะมีความเศร้าหมองอยู่ด้วย ดีไม่ดีก็พาลงอบายภูมิไปเลย ต้องเป็นอารมณ์ลักษณะของสังขารุเปกขาญาณ คืออยู่ก็ได้ ตายก็ดี อยู่เราก็ได้สร้างบุญสร้างบารมี ตายเราก็ได้ไปพระนิพพาน เป็นคนดู ไม่ลงไปเป็นคนเล่นแล้ว นั่งดูแล้วแต่สังขารจะเป็นไป ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น

เพราะฉะนั้น...เวลาไปถามหลวงปู่หลวงพ่อสายปฏิบัติว่า “หลวงพ่อสบายดีไหมครับ ?” “เออ...พอเป็นไปได้”
อยู่กับไอ้ร่างกายนี้ จะไปสบายดีได้อย่างไร ? แบกทุกข์อยู่ตลอดเวลา ไปถามท่านว่าสบายดีไหม ? ท่านจะบอกว่าถามผิดก็ไม่บอก แค่บอกว่า “เออ...ยังพอเป็นไปได้อยู่”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2018 เมื่อ 03:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 20-01-2018, 21:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เด็ก ๆ วิ่งเล่นอยู่ที่บ้านเติมบุญ "ปล่อยทิ้งไปเลยไม่ต้องไปสนใจ เด็ก ๆ ถ้าเราไปตามตื๊ออยู่เขาก็จะเล่นตัวไปเรื่อย ๆ ปล่อยไปเถอะ...ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวเขาก็วิ่งมาหาเราเอง แค่พ้นประตูไปเดี๋ยวก็วิ่งหาแม่แล้ว

ลองคิดดูว่า ถ้าคนอื่นเราตัดไม่ได้ ตัวเราก็จะตัดตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าเราจะรักตัวเองมากที่สุด ไปเลยลูก...เดี๋ยวแม่กลับบ้านเองได้ ไปไกล ๆ เลยครับ เดี๋ยวแม่กลับบ้านเองได้ ไม่ห่วงหนูหรอก จะไปเที่ยวไหนก็ไปเลย จะให้ใครอุ้มไปขายก็ได้..!

ส่วนใหญ่แล้วด้วยความรักก็เลยทำให้เราปล่อยวางได้ยาก โดยเฉพาะคนเป็นแม่ อุ้มท้องมา ๙ เดือน ๑๐ เดือน มีความผูกพันกับลูกทั้งทางร่างกายและจิตใจ เราต้องนึกดูว่า ถ้าท่านที่สามารถวางอารมณ์ตัดกำลังใจลักษณะอย่างนี้ได้ ต้องใช้กำลังใจสูงขนาดไหน ? เราจะได้รู้ว่าการตัดกิเลสก็ต้องมีกำลังสูงขนาดนั้น

แต่คราวนี้ส่วนใหญ่แล้วพวกเรากำลังไม่พอ เพราะว่าเราปฏิบัติแล้วเราก็ปล่อยให้รั่วไปหมด ออกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ รั่วหมดเกลี้ยงทุกช่องทาง ในเมื่อสำรวมอินทรีย์ไม่ได้ เก็บกักกำลังสมาธิเอาไว้ไม่ได้ ก็ไม่พอสู้กับกิเลส ไม่พอตัดกิเลส นั่งสมาธิ ๓๐ นาทีหน้าตาผ่องใส ไปนั่งเขี่ย LINE เสีย ๓ ชั่วโมง แล้วจะไปเหลืออะไร ? เพราะว่าปล่อยให้รั่วหมด เราไปทำให้รั่วเอง

เพราะฉะนั้น...ในเมื่อรู้แล้วก็ปิดช่องว่าง ปิดรูรั่วเสีย ไม่อย่างนั้นก็เหมือนกับตักน้ำใส่ตะกร้า หวังจะให้น้ำเต็มตะกร้าเป็นไปได้ไหมเล่า ? เราต้องเอาชันยาเสียก่อน ยาให้ถูกด้วยนะ ไม่ใช่ไปยาด้านนอกตะกร้า เขาต้องยาด้านใน โบราณเขาบอกไว้ชัดแล้ว “ยาเรือยาแพ ยาด้านนอก ยาขันยาจอก ยาด้านใน” อย่างของใส่น้ำถ้าไปยาด้านนอก แรงน้ำดันมาก ๆ ก็หลุดหมด แต่ถ้าหากยาไว้ด้านใน ถูกแรงน้ำดันก็ยิ่งแน่น ส่วนเรือแพต้องยาทางด้านนอก เพราะว่าแรงน้ำกดเข้าในก็ยิ่งแน่นเข้า ถ้าไปยาทางด้านในแรงน้ำดันเข้ามาก็ทะลุหมด

ต้องอุดรูรั่ว ปิดรูรั่ว กำลังจะได้เหลือไว้พอสู้กับกิเลสบ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2018 เมื่อ 03:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:26



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว