กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 12-03-2019, 20:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ทำบุญอย่าห่วงถ่ายรูปมากนัก กำลังใจให้มุ่งมั่นอยู่กับบุญด้วย แบ่งกำลังใจไปห่วงถ่ายรูปครึ่งหนึ่ง บุญก็หายไปครึ่งหนึ่ง..! ไม่จำเป็นต้องมีรูปเป็นหลักฐานหรอก บัญชีข้างล่างเขาไม่เคยผิด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2019 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 99 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 12-03-2019, 20:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมอาจจะสงสัยว่าอาตมาอยู่ตรงนี้ มือยังไม่เอื้อมไปรับของเลย ไม่ต้องมือหรอก เพราะว่าตีนเหยียบโต๊ะอยู่..! สรุปก็คือ ๒ ตีนกับ ๒ เข่ารับอยู่ตลอดเวลา ให้รู้จักสังเกตไว้บ้าง วางลงมาบนโต๊ะก็จบแล้ว ไม่ใช่ว่าพระอาจารย์ไม่เอื้อมมือไปรับแล้วไม่ได้บุญ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2019 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 103 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 12-03-2019, 20:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ญาติโยมบางคนก็ไปบ่นกัน อาตมาได้ยินเข้าพอดี ว่าไม่ถนอมน้ำใจ ไม่รักษาศรัทธาเลย ก็เลยบอกเขาไปว่า “I'm a dream crusher.” แปลออกก็แล้วไป แปลไม่ออกก็ช่างหัวมัน..!

มาที่นี่แล้วต้องทำใจ ทำอะไรผิด เจ้าอาวาสด่าไม่เลี้ยง จะได้ไม่ไปผิดที่อื่นอีก ส่วนญาติโยมที่ทำไม่ผิดก็ทนฟังการด่าไปด้วย เพราะว่าดันมาที่นี่แล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2019 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 102 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 12-03-2019, 20:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีหมอดูโหงวเฮ้งอยู่คนหนึ่งเป็นชาวจีนฮ่องกง พูดได้แต่ภาษาจีนกลางกับภาษาอังกฤษ ไปหากินอยู่ที่กัมพูชา คือประเทศเขมร เพราะว่าคนกัมพูชาเชื่อถือเรื่องโชคลาง ไสยศาสตร์ ฮวงจุ้ย โหงวเฮ้งมาก มากกว่าคนไทยหลายเท่า เจอหน้าอาตมา ท่านเข้ามาหาเอง บอกว่าปกติค่าดูของท่านครั้งละ ๑๐,๐๐๐ บาทไทย แต่ดูให้อาตมาฟรี ๆ

ท่านบอกว่า “ท่านอาจารย์เป็นคนไม่เห็นแก่หน้าใคร ใครมาก็รับเขาเท่ากันหมด” พยายามแปลเป็นภาษาไทยได้ประมาณนี้ เพราะฉะนั้น..ญาติโยมมานี่ไม่ต้องหวังว่าจะมีอะไรพิเศษ พวกที่หวังพิเศษนี่ต้องมาใกล้ ๆ อยู่ในรัศมีเท้า..!

เวลาญาติโยมไปที่อื่นเขาจะมีการประกาศชื่อเจ้าภาพ ท่านนั้นเป็นเจ้าภาพอย่างนั้น ท่านนี้เป็นเจ้าภาพอย่างนี้ ท่านนั้นต้องมาถวายไทยธรรม ท่านนี้ต้องมาประเคนของเจ้าอาวาส วัดนี้ไม่มี อยากทำเข้ามาทำเอง แล้วอย่าเกะกะนาน..จะโดนด่า..! ทำแล้วก็รีบไปให้พ้น ๆ หน้า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2019 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 99 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 12-03-2019, 20:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อากาศที่นี่ช่วงเช้าประมาณ ๒๒ องศาเซลเซียส ช่วงบ่ายอยู่ที่ ๓๔-๓๖ องศาเซลเซียส เพราะฉะนั้น..จะร้อนอยู่สักหน่อยหนึ่ง ถ้าหากว่าอยู่ในที่พัก พัดลมกรุณาเปิดให้ส่ายทั่วถึงกันด้วย ไม่ใช่เป่าก้นเราอยู่คนเดียว..! ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักจะเอาสบายของตัวเองเข้าว่า คนอื่นเป็นอย่างไรก็ช่างมัน แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเห็นแก่ตัวมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2019 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 99 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 12-03-2019, 20:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันก่อนเจ้าที่วัดท่าขนุนมา บอกว่าวัดนี้ อะไร ๆ ก็ดีหมด เสียอยู่อย่างเดียว หมาเยอะมาก..! อาตมาก็ถามว่า “มีวิธีไหนทำให้หมาลดลงได้บ้าง ?” เจ้าที่เขาบอกว่า “ท่านก็สอนกรรมฐานนี่ ก็นั่งสมาธิทำใจไปสิ” แล้วพูดทำไมวะ ? นึกว่าพูดแล้วจะช่วยกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2019 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 99 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 12-03-2019, 20:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

(หลังจากพระอาจารย์ให้พรญาติโยม) อยากให้พระวัดท่าขนุนให้พรบทมงคลจักรวาลน้อยโดยหายใจครั้งเดียวแบบอาตมา ท่านยังทำกันไม่ได้ ท่านบอกว่ายาวเกินไป อย่างน้อยต้องหายใจ ๓ ครั้ง ส่วนของอาตมาแบบเกรงใจ เลยหายใจครั้งเดียว ถ้าไม่เกรงใจว่าจะไม่หายใจเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2019 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 102 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 14-03-2019, 08:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของพระพุทธรูปทองคำ นาก เงิน ที่วัดท่าขนุนสร้างนั้น สร้างขึ้นมาจากแนวคิดที่ว่า จังหวัดกาญจนบุรีไม่มีพระสำคัญที่คนรู้จักกันทั้งประเทศ ในเมื่อไม่มี เราก็ต้องสร้างขึ้นมาเอง

อาตมาเริ่มดำเนินโครงการสร้างพระพุทธรูปทองคำมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ ก็คือประมาณ ๖ ปีที่แล้ว ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะสร้างพระพุทธรูปทองคำหน้าตักเท่าพระแก้วมรกต คือ ๑๖ นิ้ว ก็ไปปรึกษาช่างว่าควรที่จะมีมณฑปที่ตั้งให้สมพระเกียรติ ช่างก็เลยช่วยทำมณฑปอลังการหลังนี้ให้มา เป็นไม้สักทองแกะสลัก ปิดทองประดับกระจก มูลค่า ๑๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท

คราวนี้ตามที่พระท่านสั่งก็คือ ให้หล่อพระพุทธรูปทองคำในปี ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานมาก อาตมาเป็นคนอยู่เฉยไม่ได้ จึงสร้างหลวงพ่อเงินกับหลวงพ่อนากขึ้นมาอีกอย่างละองค์ ตามที่โยมเห็นอยู่บนมณฑปนี้ หลวงพ่อเงินนั้นสร้างจากเม็ดเงินบริสุทธิ์ ๑๕๐ กิโลกรัม มูลค่า ๓ ล้านเศษ เกือบ ๔ ล้านบาท หลวงพ่อนากนั้นสร้างจากทองคำ นาก และเงิน รวมแล้ว ๑๖๐ กิโลกรัม มูลค่า ๔๐ กว่าล้านบาท
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-03-2019 เมื่อ 10:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 14-03-2019, 08:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนองค์ที่เห็นตรงกลางนั้นก็คือ พระพุทธรูปทองคำองค์ใช้งานจริงที่เราจะใช้แห่ทุกปี หล่อขึ้นมาจากเม็ดเงิน ๕๒ กิโลกรัม ชุบทองคำไป ๓ แสนบาท เพราะว่าถ้าหล่อเป็นพระพุทธรูปทองคำแล้วเอาไปแห่ นอกจากเอาขึ้นลงลำบากแล้ว ยังอาจจะชำรุดเสียหายได้ จึงต้องมีองค์ใช้งานจริงขึ้นมาก่อน เดี๋ยวพอองค์ทองคำแท้หล่อเสร็จ ก็จะนิมนต์องค์ใช้งานจริงลงมาอยู่ชั้นที่ ๒ แล้วองค์ทองคำแท้ตั้งขึ้นไปแทน

องค์ทองคำหลังจากที่ขยับกันอยู่หลายที จาก ๑๖ นิ้ว ช่างมาวัดสถานที่แล้วบอกว่าได้ ๒๑ นิ้ว แต่พอเขาทำฐานขึ้นไปก็ปรากฏว่าเหลือแค่ ๑๙ นิ้ว เนื่องจากว่าฐานทำให้พื้นที่ด้านบนลดลง หน้าตักจะกว้างเกินนั้นไม่ได้ จากที่คำนวณไว้ตอนแรกว่าใช้ทอง ๔๐ กิโลกรัม หล่อบาง ๆ ในขนาดของ ๑๖ นิ้ว ก็ขยายมาเป็น ๒๑ นิ้ว ใช้ทอง ๑๔๐ กิโลกรัม จนกระทั่งย่อลงมาเหลือ ๑๙ นิ้ว ทองคำเหลือแค่ ๙๗ กิโลกรัม แต่ขนาดนั้นมูลค่าก็ยัง ๑๓๐ กว่าล้านบาท ก็แปลว่าตั้งแต่ปีนี้ ประมาณเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป เราก็จะมีพระพุทธรูปทองคำ นาก และเงิน ครบถ้วนสมบูรณ์ทั้ง ๓ องค์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-03-2019 เมื่อ 10:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 88 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 14-03-2019, 08:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนมณฑปซ้ายขวาของอาตมานี้ ตอนแรกไม่ได้คิดจะสร้าง แต่ว่าท่านรองศาสตราจารย์ภิญโญ สุวรรณคีรี ศิลปินแห่งชาติประเภทการออกแบบ ท่านบอกว่าอยากทำ ในเมื่อศิลปินแห่งชาติปรารภอยากจะทำ อาตมาก็เลยต้องจ่ายไปอีกเกือบ ๘ ล้านบาท เพื่อที่จะสร้างมณฑปขึ้นมา ๒ หลัง

เมื่อสร้างขึ้นมาแล้วก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไร จนกระทั่งการรวบรวมทองคำเพื่อหล่อหลวงพ่อทองคำ เมื่อลดจำนวนทองลงมาเหลือ ๙๗ กิโลกรัม อาตมาก็ยังเหลือทองคำอีกเกือบ ๒๐ กิโลกรัม ก็เลยตั้งใจจะหล่อพระพุทธรูปปางลีลาประทานพร ซึ่งเป็น "หลวงพ่อรวย" ของอาตมา เนื่องจากพระพุทธเจ้าท่านให้พรว่า ถ้าพระองค์ท่านมาลักษณะนี้เมื่อไร รวยใหญ่เมื่อนั้น ช่วง ๒ วันนี้ท่านก็มา แสดงว่าตั้งใจมารับเงินรับทองที่โยมถวาย ในเมื่อพระองค์ท่านช่วยงาน
มาเป็นระยะเวลานาน ก็สร้างรูปถวายพระองค์ท่านสักองค์หนึ่ง

ส่วนอีกด้านหนึ่งที่เหลือตั้งใจจะสร้างพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรทรงเครื่องจักรพรรดิ หรือปางปราบพระยาชมพูบดี ซึ่งแสดงออกซึ่งบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเลิศที่สุดในโลก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-03-2019 เมื่อ 10:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 86 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 14-03-2019, 08:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก็แปลว่ามณฑปทั้ง ๒ หลังนี้ สร้างขึ้นมาแบบบังเอิญ แต่ถูกต้องตามความต้องการ ซึ่งอาตมาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นความต้องการของพระท่านตั้งแต่แรกหรือเปล่า ? เพราะว่าโดยปกติท่านอาจารย์ภิญโญ สุวรรณคีรีนั้น หาเวลาว่างยากมาก และไม่ทำอะไรให้ใครง่าย ๆ ท่านบอกว่า “หลวงพี่ครับ ผมอายุ ๘๐ กว่าแล้ว จะใช้ผมทำอะไรก็รีบหน่อยนะครับ เพราะว่าผมไม่รู้ว่าจะอยู่ทำให้ได้อีกกี่วัน” นี่คือความหวังดีปรารถนาดีของผู้ที่เป็นศิลปินแห่งชาติ

เหตุที่รู้จักกันเพราะว่ามณฑปสามยอดตั้งพระพุทธรูปทองคำนั้น ลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ภิญโญเป็นคนสร้าง เนื่องจากว่าเป็นหลังใหญ่ ลักษณะสามารถให้รายละเอียดได้มาก ไม่เหมือนกับมณฑปทรงบุษบก ๒ หลังนี้ที่เป็นหลังเล็ก ให้รายละเอียดมากไม่ได้ แต่เราก็จะเห็นว่า ในฝีมือการออกแบบระดับศิลปินแห่งชาตินั้น ความสวยงามลงตัวจะมีมากกว่าปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-03-2019 เมื่อ 10:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 14-03-2019, 08:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ระยะนี้สถานการณ์ของพระพุทธศาสนาก็ไม่ค่อยจะดี เพราะว่าเพิ่งจะมีปัญหาเรื่องการแห่นาคเสียงดัง แล้วพวกขาใหญ่ก็ลุแก่อำนาจโทสะ ทำร้ายทั้งครูและนักเรียน ซึ่งถ้าหากว่าลงโทษแค่นั้นก็จบไปแล้ว แต่ปรากฏว่าทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีหนังสือออกมา ให้พระจัดงานในลักษณะที่เรียกว่าเรียบร้อย ห้ามมีเสียง อยากจะถามว่าเขาเองจัดได้ไหม..ห้ามมีเสียง ?

ทุกวันนี้สถานการณ์พระพุทธศาสนาของเราอยู่ในลักษณะที่ว่า ทำให้พระบวชยากที่สุด แต่โดนสึกง่ายที่สุด จนกระทั่งท้ายที่สุดก็จะไม่มีพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาเหลืออยู่ เพราะว่าปัจจุบันนี้ต้องมีการตรวจประวัติอาชญากรรม

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-03-2019 เมื่อ 10:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 83 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 14-03-2019, 08:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปัจจุบันนี้ญาติโยมจะบวชสัก ๓ วัน ๗ วัน ก็เป็นเรื่องยาก เพราะว่าส่วนใหญ่ติดด้วยการทำมาหากิน ลาได้แค่นั้น แต่พอลามาสมัครบวช เจอติดขั้นตอนการสอบประวัติอาชญากรรม ๑๕ วัน แล้วจะเหลือใครมาบวช ? แทนที่จะให้ขั้นตอนนี้ญาติโยมเขา ไปวิ่งเต้นจัดการให้เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนที่จะมาขออนุญาตบวช ก็กลายเป็นว่าต้องให้มาบวชก่อน แล้วพระอุปัชฌาย์อาจารย์เป็นคนส่งประวัติไป ก็แปลว่าบรรลัยตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้บวช ก็คือถ้าคุณจะบวช ๓ วัน อย่างน้อยก็ต้องอยู่วัดไปแล้ว ๑๘ วัน..!

ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บุคคลที่ตั้งใจทำลายพระพุทธศาสนา เขาจะฉวยโอกาสทำทุกอย่างที่ทำให้ศาสนาของเราไปได้ยากที่สุด อ่อนแอที่สุด มีศาสนิกน้อยที่สุด เพื่อที่ท้ายสุดแล้ว จะได้เอาศาสนาอื่นขึ้นมาเป็นศาสนาประจำชาติ ถ้าญาติโยมยังไม่ตระหนักตรงจุดนี้ การครอบงำ การบีบคั้นก็จะหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้ายสุด พระพุทธศาสนาของเราจะตั้งอยู่ไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-03-2019 เมื่อ 10:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 15-03-2019, 08:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกสักครู่จะทำวัตรเย็น เป็นการทำวัตรต่อเนื่องก็คือทำรอบ ๑๘.๑๕ น. กับรอบ ๑๙.๐๐ น. ถามว่าทำไมต้องเป็นรอบ ๑๘.๑๕ น. ? ก็เพราะว่าในช่วงเข้าพรรษาจะมีการตีกลองระฆังย่ำรุ่งย่ำค่ำอยู่ ๑๕ นาที ก็คือตีตั้งแต่ ๑๘.๐๐ น. จนถึง ๑๘.๑๕ น. พอสิ้นเสียงกลองระฆังย่ำค่ำก็เริ่มทำวัตรเย็น ครั้นจะขยับเลื่อนไปเลื่อนมาก็เกรงใจ ก็เลยเอาเป็น ๑๘.๑๕ น. เท่ากับว่าในพรรษาหรือนอกพรรษาจะมีเสียงกลองเสียงระฆังย่ำรุ่งย่ำค่ำหรือไม่ก็ตาม เราจะทำวัตรเย็นในเวลาเดียวกัน

การทำวัตรสวดมนต์นั้นมีผลานิสงส์มหาศาล สำคัญที่ว่าญาติโยมทั้งหลายจะเข้าถึงหรือรับรู้ได้หรือไม่ ? การสวดมนต์นั้น อันดับแรกเลยคือเราได้สมาธิ ให้สังเกตว่าถ้าหากว่าเราฟุ้งซ่านคิดเรื่องอื่นจะสวดมนต์ผิด อันดับที่สอง การสวดมนต์ถ้าหากว่าท่านมีความเข้าใจ มีความคล่องตัว สามารถทรงฌานได้ คำสวดมนต์ก็คือคำภาวนานั่นเอง แต่เป็นคำภาวนาที่ยาวสักหน่อยเท่านั้น

อันดับที่สาม ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายอยากได้ทิพจักขุญาณ ต้องการเห็นผีเห็นเทวดา เห็นนรกเห็นสวรรค์ ใช้การสวดมนต์ทำได้ ก็แค่ท่านสวดมนต์แล้วหลับตานึกถึงตัวหนังสือวิ่งขึ้นมาเป็นตัว ๆ อยู่ตรงหน้าของเรา ตั้งแต่ โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ เราเห็นตัวหนังสือชัดเจนเท่าไร เราก็เห็นผีเห็นเทวดาชัดเจนเท่านั้น หรือถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสามารถยกจิตขึ้นสู่พระนิพพานได้ เอากำลังใจไปสวดมนต์ต่อหน้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ถ้าตายตอนนั้นก็อยู่ที่นั่นไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2019 เมื่อ 08:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 15-03-2019, 08:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วการทำวัตรสวดมนต์นั้น เท่ากับเป็นการบริหารอวัยวะภายใน เราจะสังเกตว่า หลวงปู่หลวงพ่อที่ขยันสวดมนต์มักจะอายุยืน ๘๐ ปี ๙๐ ปี ๑๐๐ ปี เป็นต้น เพราะว่าส่วนใหญ่ร่างกายของเราบริหารได้แต่ภายนอก อวัยวะภายในต่าง ๆ ไม่ได้บริหาร การสวดมนต์ทำวัตรเป็นการบริหารอวัยวะภายใน ทำให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวในจังหวะที่สม่ำเสมอกัน ตลอดระยะเวลาครึ่งชั่วโมง ๑ ชั่วโมง เมื่ออวัยวะภายในแข็งแรง อายุขัยก็ยืนยาว

ดังนั้น..อย่าเห็นแค่เป็นการสวดมนต์ โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่แปลคำสวดมนต์ได้ แล้วน้อมนำไปปฏิบัติ ก็เท่ากับท่านปฏิบัติตามโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรง ก็แปลว่าจะได้ประโยชน์จากการสวดมนต์อย่างเต็มที่ เพราะว่าเราแปลออก สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง

อย่างเช่นว่า “อะเสวะนา จะ พาลานัง” จงอย่าคบกับคนพาลทั้งหลาย “ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา” ให้คบกับบัณฑิต คือผู้มีศีลมีธรรม “ปูชา จะ ปูชะนียานัง” บูชาบุคคลที่ควรบูชา ได้แก่ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เป็นต้น “ปะฏิรูปะเทสะวาโส” ให้อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม คือเป็นสถานที่ซึ่งมีกองบุญการกุศลให้เรากระทำได้ เป็นสถานที่ซึ่งชักชวนให้กาย วาจา ใจ ของเราอยากจะสร้างความดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

“ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา” มีการสร้างสมบุญมาแต่ปางก่อน คือถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้สร้างบุญมาตั้งแต่ชาติก่อน ๆ ชาตินี้ท่านก็ไม่มีวันเข้าวัดได้ “อัตตะสัมมาปะณิธิ” แปลว่าตั้งตนไว้ในที่ชอบ ก็คือมีสมบัติเพราะสัมมาทิฐิ เห็นว่าทาน ศีล ภาวนา เป็นของดี เราตั้งใจจะทำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2019 เมื่อ 08:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 15-03-2019, 08:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ถ้าหากว่าแปลได้ เข้าใจความหมาย เราก็จะกระทำตามสิ่งที่เราสวดมนต์ได้เต็มที่ แต่ถ้าหากว่าแปลไม่ได้ เอาแค่เป็นเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิ ถ้าหากว่าทรงฌานได้ก็ถือว่า ท่านมีคุณสมบัติเป็นกัลยาณชนเพราะการสวดมนต์ ถ้ายกจิตขึ้นไปสวดถวายพระพุทธเจ้าบนพระนิพพานได้ แปลว่าท่านใกล้พระนิพพานไปมากแล้ว

โดยเฉพาะการสวดมนต์ทำวัตร ถ้าสมาธิของเราทรงตัว ได้การกระทำอย่างสม่ำเสมอ จะสร้างกำลังใจของเราให้แกล้วกล้ามั่นคงในการกระทำความดีต่าง ๆ โดยเฉพาะท่านที่อยู่ภพภูมิอื่น ๆ การสวดมนต์นั้น คลื่นพลังที่แผ่กระจายออกไป ท่านทั้งหลายเหล่านี้สามารถรับได้ สามารถอนุโมทนาได้ เป็นประโยชน์แก่เขาอย่างมหาศาล เพียงแต่ว่าพยายามให้การสวดมนต์ของเรานั้นเป็นไปในลักษณะที่อ่อนโยนเหมือนสายน้ำไหล ไม่ใช่กระแทกกระทั้นเป็นพายุ หรือว่าคลื่นกระแทกฝั่ง เพราะว่าท่านทั้งหลายที่อยู่ในโลกทิพย์นั้น กายประกอบขึ้นมาจากอณูเล็ก ๆ ถ้ากระแทกมาก ร่างของท่านสลายไป แทนที่จะเกิดประโยชน์ก็เกิดโทษอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2019 เมื่อ 21:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 15-03-2019, 08:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่วัดท่าขนุนทำวัตรเช้าเย็นรวมแล้ว ๓ รอบ ปกติก็ทำวัตรแค่เช้าเย็นเหมือนวัดอื่น ๆ แต่ว่าในรอบ ๑๘.๑๕ น. นั้น แต่เดิมสมัยหลวงปู่สาย ท่านให้พระใหม่เณรใหม่มาซักซ้อมการสวดมนต์ คราวนี้พออาตมาย้ายมาเป็นรองเจ้าอาวาสปี ๒๕๔๔ ก็เกิดความสงสัยว่า ในเมื่อเป็นพระใหม่เณรใหม่แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าสวดมนต์อย่างไร จังหวะไหน ? ก็ลงไปนั่งฟัง เผื่อมีที่ใดจะต้องแก้ไขจะได้บอกกล่าว

ก็ปรากฏว่าด้วยความที่อาตมาเองอาวุโสมาก ก็คือพรรษามากกว่าเจ้าอาวาส พอลงไปนั่ง เจ้าอาวาสก็ต้องไปด้วย พอเจ้าอาวาสไปด้วย พระอื่น ๆ ก็ตามไปด้วย ท้ายสุดก็ไปกันหมดทั้งวัด จึงมีสวดมนต์กันอย่างเป็นทางการไปเลย พระเก่าก็ได้นำพระใหม่ให้สวดถูกจังหวะ โดยเฉพาะบางคำอย่างเช่นว่า “อะเสวะนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา” บัณฑิต พระเณรหลายรูปเห็นเป็น ฑ.นางมณโฑ ก็ยังอ่าน ปัน-ทิ-ตา กันอยู่ พอถึงเวลาก็จะได้อ่านให้ถูก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2019 เมื่อ 08:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 68 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 15-03-2019, 08:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างเช่นว่า “สันตินท๎ริโย” เป็นเสียง ท.ทหาร รวบกับ ร.เรือ เกือบจะเป็นเสียงเดียวกัน แต่ด้วยความที่เราเคยชินว่า ท.ทหาร ร.เรือ ออกเป็นเสียง ซ.โซ่ ก็อ่านเป็น “สันตินซิโย” ซึ่งอ่านผิด เพราะว่า ซ.โซ่ เรามีอยู่แล้ว “ปะหีนา เต จะ อาพาธา” เสียง ห.หีบ ต้องออกเสียงสูง ไม่ใช่ “ปะฮีนา เต” เรามี ฮ.นกฮูก อยู่แล้ว ถ้าจะต้องออกเสียงต่ำก็ใช้ ฮ.นกฮูก สะกด ไม่ใช่ใช้ ห.หีบ อ่านให้ถูกด้วย

อย่างบทสวดพระคาถาชินบัญชร “วิหะรันตัง มะหีตะเล” เอาให้ชัด ๆ ไม่อย่างนั้นผิด เพราะว่า “หีนะ” แปลว่าหยาบ แปลว่าต่ำ ถ้าไปออกเสียงเป็น “ฮี” ก็แปลไม่ได้ อย่าไปดัดจริตมาก ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ ยกเว้นว่าเราดัดจริตปรุงแต่งมาก ก็จะรู้สึกว่าอับอาย เป็นคำหยาบ เสร็จแล้วก็สวดผิดกันไปรุ่นต่อรุ่น ภาษาที่ควรจะถูกต้องก็กลายเป็นผิดพลาดไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2019 เมื่อ 08:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 70 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 15-03-2019, 08:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ในเรื่องของการสวดมนต์ทำวัตรของทางวัดท่าขนุนที่กลายเป็นว่า ทำวัตรเช้าเย็นรวม ๓ รอบ ก็มีที่มาที่ไปจากการที่พระเณรใหม่ซ้อมสวดมนต์ แล้วอาตมาลงไปนั่งฟัง จนกระทั่งกลายเป็นว่าเจ้าอาวาสและพระเก่าก็ต้องมาทั้งหมด เพราะของหลายอย่างถ้าหากว่าเราสวดผิดจะติดเป็นนิสัย

อักขระที่เป็นทีฆะต้องออกเสียงยาว ถ้าเป็นรัสสะต้องออกเสียงสั้น “วิพุธัง” พุ ไม่ใช่ พุท แบบเดียวกับ “อุปัชฌาย์” ไม่ใช่ “อุปปัชฌาย์” เรามักจะออกเสียง อุ เป็นเสียง ป.ปลาสะกดเสมอ “กัต๎วานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา” ออกเสียง อี เสียงยาว โดยเฉพาะ กัต๎วา ซึ่งเป็นเสียงอะ ที่เป็นอัฑฒสระ ออกเสียงกึ่งเดียวประมาณครึ่งวินาที ไม่ใช่ กัต-ตะ-วา “พุทธัง สรณัง คัจฉามิ” ไม่ใช่ สะ-ระ-ณัง ออกเสียงอะครึ่งเดียว มิ เสียงอิ เป็นเสียงสั้น ลงให้ขาด “อะระหัง” ไม่ใช่ “อาระหัง” ปัจจุบันนี้หลายวัดเผลอเมื่อไรก็เป็น “อาระหัง”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2019 เมื่อ 08:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 70 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 15-03-2019, 08:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีพระอุปัชฌาย์รุ่นของอาตมามาจากศรีสะเกษ ขึ้นนะโมฯ อยู่ ๑๖ ครั้ง ตกตลอด ท้ายสุดก็โดนตัดสิทธิ์ไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ เพราะท่านออกเสียงว่า “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทตัสสะ” แล้วไม่รู้ด้วยว่าตัวเองผิดตรงไหน ออกชัดมาก “สัมพุทธัสสะ” ไม่ใช่ “ตัสสะ”

“ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง” ไม่ใช่ “ภะวันตุ สัพฯ” ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต “ภะวะ” ขึ้น “ภะวัน” จบ เพราะว่า “ภะวัน” นั้นคือ ภะวะ + อันตุ จึงเป็น “ภะวันตุ”

พวกเราไม่ได้เรียนบาลีก็ไม่เข้าใจ พระใหม่ส่วนใหญ่ก็ไม่เปิดตำรา ฟัง ๆ แล้วก็เลียนแบบรุ่นพี่เอา ก็เลยขึ้น “ภะวันตุ สัพพะมังคะลัง” กันเยอะมาก คำไหนที่ผิดพลาดง่าย ๆ ต้องคอยระมัดระวังและคอยแก้ไขเอาไว้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2019 เมื่อ 03:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:42



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว