กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #121  
เก่า 30-03-2011, 14:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,432 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ชาติก่อน ๆ ท่านเคยมีเมียเยอะสุดกี่คน ?
ตอบ : ยังไม่เคยดู ส่วนใหญ่ดูแต่บทบู๊ บทรักหายไปไหนไม่รู้ แสดงว่าเรานิยมแนวเข่นฆ่าล้างผลาญ..!

ถาม : รบสมัยไหนมันที่สุด ?
ตอบ : บอกไม่ถูก เพราะว่ารบกี่ครั้ง ๆ ก็เหมือนกัน แต่ว่าเห็นแล้วสลดใจอย่างหนึ่งว่า เราทำให้ชีวิตเขาตกล่วงไปได้มากขนาดนั้น

มีอยู่เที่ยวหนึ่ง อาการไข้กำเริบหนักมาก แต่ก็ยังฝืนใจออกบิณฑบาต เวลาเดินแล้วเท้าไม่เชื่อเรา เดินไปเตะหินจนเล็บหลุดออกไปทั้งอันโดยไม่รู้ตัว ตอนยืนรับบาตรก็ยังไม่รู้ เพราะอาการไข้หนักมากจนไม่รู้ถึงอาการเจ็บ จนพระท่านบอกว่า "อาจารย์ครับ..เลือดออกมากเลยครับ"

เราก้มลงไปดูจึงเห็นว่าเล็บหายไปทั้งอัน แล้วเกิดภาพนิมิตขึ้นมาให้เห็นว่า มีอยู่สมัยหนึ่งไปซุ่มตีทัพเขา ตอนนั้นเลือกชัยภูมิอยู่ระหว่างกึ่งกลางภูเขา รอให้กองทัพของเขาเดินขึ้นมาเกินครึ่ง ทีนี้เขาจะหนีขึ้นบนก็ยาก จะหนีลงล่างพวกเราก็โอบไว้แล้ว มีอยู่ทางเดียว คือพวกเขาต้องหนีออกสองฝั่ง แล้วทั้งสองฝั่งเราก็ไปวางขวากวางหลาวเอาไว้เพียบเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-03-2011 เมื่อ 17:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #122  
เก่า 30-03-2011, 14:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,432 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอพวกเราที่อยู่ข้างบนตีลงมา พวกเราที่อยู่ด้านข้างก็ออกมาสกัดทางไว้ เขาก็ต้องหนีไปตามทางที่เราวางให้ไป ก็ปรากฏว่าโดนขวาก โดนหลาว กองอยู่เป็นแถว เราก็ไปไล่ฟันหัวทีละคน คราวนั้นกองหน้าข้าศึกของเขาละลายทั้งกองไม่เหลือกลับสักคนเดียว..!

พอกองกลางเขาตามมาทัน กำลังเขามากกว่าเรามหาศาล เพราะเป็นทัพใหญ่ เขาก็ไล่บี้เรา เราก็ต้องหนี ระหว่างหนีก็วางกลยุทธ์ตัดกำลังเขาไปเรื่อย สู้พลางถอยพลาง ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ดูแล้วตายเป็นพัน ๆ เลย นี่แค่ครั้งเดียวนะ..!

ทำให้สลดใจว่า การเกิดมาแต่ละครั้งเราสร้างทุกข์สร้างโทษให้กับตัวเองและคนอื่นได้มากขนาดนั้น สร้างทุกข์ให้กับตัวเอง ก็คือสร้างเวรสร้างกรรมในการไปรบราฆ่าฟันเขาเอาไว้มาก สร้างทุกข์ให้แก่คนอื่น ก็คือทำให้เขาทั้งเจ็บทั้งตาย ครอบครัวของเขาก็ต้องเสียอกเสียใจที่สูญเสียคนที่รักไป

ถาม : วางกำลังใจไม่ได้หรือครับ ว่าเราปกป้องแผ่นดิน ไม่ได้เจตนาฆ่าใคร ?
ตอบ : ตอนนั้นวางกำลังใจได้ แต่ตอนนี้เห็นแล้วสลดใจ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องจัดการเขาให้ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-03-2011 เมื่อ 17:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #123  
เก่า 30-03-2011, 14:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,432 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีอยู่เที่ยวหนึ่งกรรมเก่าตามทัน ลูกศิษย์หลวงพ่อแทบทุกคนจะโดนเรื่องแชร์ชม้อยล้ม ทั้ง ๆ ที่น้าของอาตมาเองเป็นต้นสาย น้าเขามาชวนเล่นหลายครั้ง แต่ก็ไม่เล่นกับเขา

ตอนนั้นเรื่องความโลภไม่มีเลย แต่พอลูกศิษย์หลวงพ่อฮือฮามากขึ้น ๆ แล้วอาตมาไม่เล่นด้วย ใครชวนก็ไม่เล่น ท้ายสุดพอเขาเห็นว่าไม่เล่นจริง ๆ เขาก็ใช้วิธีมายืมเงินแทน

เขามาเกลี้ยกล่อมขอยืมเงิน "พี่ไม่มีความโลภ แต่พวกผมยังต้องกินต้องใช้อยู่ ถ้าหากว่าได้มา ผมจะแบ่งให้พี่บ้าง พี่จะได้มีความสะดวกคล่องตัวในการช่วยงานพระศาสนา" โห..พูดเก่งฉิบ.. ท้ายสุดคนนั้นก็คันหนึ่ง คนนี้ก็ครึ่งคัน คนนั้นก็ล้อหนึ่ง คนนี้ก็น็อตหนึ่ง

และในที่สุดแชร์ชม้อยก็ล้ม อาตมาก็ข้องใจว่า เราไม่ได้เล่นเอง ยังต้องมาเจ๊งไปกับเขาด้วย หลวงพ่อท่านบอกว่า "ครั้งนั้นเอ็งไม่ได้รบเอง แต่เอ็งเป็นกองเสบียง"

กองเสบียง ภาษาโบราณเรียกว่า "เกียกกาย" สมัยใหม่เขาเรียก กองพลาธิการ เป็นผู้สนับสนุนคอยส่งกำลังบำรุง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-03-2011 เมื่อ 17:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #124  
เก่า 30-03-2011, 14:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,432 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างนี้ทหารที่ปกบ้านป้องเมืองก็ซวยสิครับ ?
ตอบ : ถ้าพลาดก็ซวยแน่นอน เพียงแต่ว่าส่วนใหญ่มักจะอาศัยการเจริญพระกรรมฐานหนีกรรม กำลังใจทหารเขาเข้มแข็งอยู่แล้ว

บุคคลที่ไม่มีสมาธิ กำลังใจไม่เข้มแข็งพอ จะไม่กล้ารบหรอก ในเมื่อกล้าวิ่งเข้าไปหาอาวุธขาววับของฝ่ายตรงข้ามได้ กำลังใจต้องมั่นคงพอ แปลว่ามีพื้นฐานสมาธิดีอยู่แล้ว พอมาเจริญกรรมฐาน ก็มักจะสามารถทรงฌานทรงสมาบัติได้ ถึงเวลาก่อนตายก็หนีไปเสวยสุขก่อน ขอไม่ใช้หนี้ชั่วคราว

บางทีก็อยู่ในลักษณะถวายอาวุธเป็นพุทธบูชา อย่างสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ถวายดาบคู่พระหัตถ์เป็นราวเทียนที่วัดชนะสงคราม เป็นต้น

"สร้างบุญหนีบาป" บุญบาปหักล้างกันไม่ได้ แต่ทำบุญให้มากไว้ สามารถหนีบาปได้ชั่วคราว ยกเว้นว่าสามารถทำความบริสุทธิ์ให้ถึงที่สุด ถึงจะสามารถหนีบาปได้ตลอดกาล แม้จิตจะมีสภาพบริสุทธิ์แล้วก็ตาม ถ้ายังมีร่างกายอยู่ เศษกรรมก็ยังตามได้อยู่ อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-03-2011 เมื่อ 17:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #125  
เก่า 30-03-2011, 14:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,432 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนแรกอาตมาก็ดูตัวเอง ว่าทำไมตัวเองต้องโดนก่อนเพื่อนเลย ในบรรดาพี่ ๆ น้อง ๆ เขาไม่ค่อยป่วยหรอก นอกจากแก่ ส่วนอาตมาเป็นมาเลเรียตั้งแต่ปี ๒๕๒๔ เป็นหัวไม่วางหางไม่เว้นมาตลอด

พอหลวงตาวัชรชัยมาเจอรถปูนกระทืบ ทำให้รู้ว่า ที่แท้เรื่องกรรมเขารอจังหวะอยู่ ตอนนี้หลวงพี่ประทีปก็เป็นมะเร็ง เจอท่านครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ ๓-๔ เดือนก่อน ท่านเป็นมะเร็งที่คอก้อนเบ้อเร่อเลย ท่านบอกว่า "เล็ก..กูจะตายห่..แล้วนะ"

เราก็บอกว่า "เออ..ยินดีด้วยพี่ พี่ไปก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไปทีหลัง" พี่น้องเขาคุยกันแบบนี้ ไม่ได้อาลัยอาวรณ์กันเลย ถามท่านว่าเป็นอะไร ? ท่านบอกว่า "มะเร็งแดก..!"

เรื่องของกรรม ถ้าตามทันเมื่อไรก็เอาเมื่อนั้น อาตมาหนีช้ากรรมก็เลยตามทันก่อน แต่เป็นประเภทจ่ายดอกผ่อนต้นบ่อย เขาเลยทวงระยะยาว ส่วนคนอื่นเขานาน ๆ จ่ายที ก็เจอหนักไปทีเดียวเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-03-2011 เมื่อ 17:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #126  
เก่า 30-03-2011, 15:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,432 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกตั้งแต่ก่อนบวชแล้วว่า "เล็ก..แกเป็นทหารมาทุกชาติ ฆ่าเขาเอาไว้มาก เศษกรรมปาณาติบาตจะทำให้แกป่วยบ่อย ให้ไปปล่อยปลาที่เขาจะฆ่า สักเดือนละตัวสองตัว ทำให้สม่ำเสมอ แล้วจะช่วยได้"

พ่อสั่งก็ต้องทำ จำได้เลยว่าปล่อยปลาครั้งแรก วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๒๙ จะปล่อยแค่ตัวสองตัวก็ไม่ได้ ไปถึงเห็นตาปริบ ๆ ก็ต้องเหมาหมด แล้วก็เหมาหมดมาตลอด อย่างต้นเดือนนี้ปล่อยไป ๕๗,๒๑๐ บาท

แม่ค้าเขาคอยถามอยู่เรื่อยว่า ครั้งหน้าจะมาวันไหน ? เรื่องอะไรจะบอก ถ้าไปบอกเขา เราจะไม่ได้อานิสงส์ตรงนี้ จะได้แค่ตัวเมตตาบารมีที่ไปปล่อย เพราะเขาเจตนาเอาปลามาให้เราปล่อย แต่ถ้าเราไม่บอกเขา ปลาพวกนั้นกำลังจะตาย จึงเท่ากับว่าเราไปซื้อชีวิตชดใช้เขาไป

แม่ค้าเขารู้ว่าเราจะต้องไปแน่ แต่ไม่รู้ว่าไปวันไหน เขาก็ไม่กล้าเตรียมไว้

ถาม : อย่างนี้ถ้าเราจะปล่อยปลาเอาอานิสงส์ โทรไปจองก็ไม่ได้ ?
ตอบ : อย่างพระครูไพโรจน์ ท่านจะสั่งเลยว่าให้เตรียมปลาไว้ ๔ ตัน พวกนั้นก็ไปตีอวนจากบ่อมาเลย ลักษณะอย่างนั้น ท่านจะได้แค่เมตตาบารมี และถ้าตูเป็นปลา ตูจะด่าเอาด้วย ตูอยู่ของตูดี ๆ เอาขึ้นมาสักพักแล้วก็เอามาปล่อยใหม่ ทำให้ลำบากเปล่า ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-03-2011 เมื่อ 17:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #127  
เก่า 30-03-2011, 15:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,432 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเราทำบุญแล้วเราอธิษฐานว่า ขอให้ความดีนี้ อกุศลตามเราไม่ทัน ?
ตอบ : ไม่ต้องเสียเวลาอธิษฐาน ถ้าคุณได้ทำบุญก็เป็นการหนีอกุศลอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการความแน่นอนก็อธิษฐานไป เพียงแต่ว่าอย่าให้กำลังบุญขาดช่วง

ถ้ามีวิธีไหนที่สามารถผ่อนหนักเป็นเบาได้ก็ทำ นี่เป็นลักษณะของคนมีปัญญา เมื่อรู้ว่าไม่ต้องจ่ายเป็นล้าน จ่ายแค่ร้อยได้ ทำไมเราจะไม่ทำ ?

จากปี ๒๕๒๙ ไล่ปล่อยปลามาเรื่อย ๆ จนมาถึงสักประมาณ ๓-๔ ปีที่แล้วได้ยามาตัวหนึ่ง ซึ่งช่วยได้มากเลย ปกติแล้วเวลาจับไข้ จะปวดชนิดที่รู้ว่ากระดูกทุกชิ้นอยู่ตรงไหน พอกินยาตัวนี้ลงไป เข้าไปเพิ่มความร้อนในร่างกาย ทำให้เลือดลมวิ่ง ที่ปวดเพราะว่าเลือดลมวิ่งผ่านไม่ได้ พอเลือดลมวิ่งได้ก็บรรเทาลง อาศัยยานี้ประทังมา ๒-๓ ปี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-03-2011 เมื่อ 17:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #128  
เก่า 30-03-2011, 15:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,432 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ นึกถึงหมอทหารคนนี้ได้ ก็เลยไปให้เขาฉีดยามา ปรากฏว่าภายในสองเดือนได้น้ำหนักมา ๖ กิโลกรัม ถ้ายาของเขาค้ำอยู่ อาการของโรคแทบไม่ปรากฏเลย

ที่กล่าวตรงนี้ก็คือว่า ในเรื่องของการทำดีทำชั่ว เราทำในอดีตชาติแล้วให้ผลในปัจจุบันชาติ ถ้าพูดอย่างนั้น จริง ๆ แล้วไม่ใช่ ต้องบอกว่า เราทำในอดีตแล้วมาให้ผลยังปัจจุบัน คือ ถ้าปัจจุบันนี้เราสามารถทำต่อเนื่องไปได้เรื่อย ๆ เป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอ และมากเพียงพอ พอผ่านจากตรงนี้ วินาทีนี้ไป ก็เป็นอดีตไล่ไปเรื่อย ๆ จนส่งผลทัน กลายเป็นว่า ทำชาตินี้ได้ชาตินี้


จากระยะเวลา ๒๐ กว่าปีที่ทำมาต่อเนื่องกัน ก็เพิ่งจะมาสุขภาพดีขึ้นหน่อยก็ตอนนี้ จะได้เริ่มอ้วนกับเขาบ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-03-2011 เมื่อ 17:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #129  
เก่า 30-03-2011, 17:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,432 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถวายปัจจัยให้ท่าน ๑,๐๐๐ บาท แล้วบอกว่าทำบุญล่วงหน้า วันละบาท ๑,๐๐๐ วัน ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ก็ได้อยู่ แต่พอถึงเวลาได้ ก็ได้มาทีเดียวเลยนะ สมมติถ้าถูกรางวัลก็รางวัลใหญ่ทีเดียวไปเลย แต่เขาจะผ่อนให้เราทีละน้อย เหมือนกับหวยล็อตโต้ของอเมริกา

มีโยมคนหนึ่ง เขาจะทำสังฆทานไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบ ๙ ชุด ทำบุญประเภทนี้ดี แต่ถึงเวลาเหนื่อยนาน อาตมาเป็นประเภททำทีเดียวจบไปเลย พอได้เงินมาก็รับใส่กระเป๋าหรือเข้าธนาคารเลย ส่วนเขาจะต้องทำงานรายวัน รับเงินทุกวัน

แต่คราวนี้เราจะไปตำหนิเขาไม่ได้ เพราะกำลังใจเขาเป็นอย่างนั้น เขารู้สึกดีที่ได้ทำอย่างนั้น เคยมีคนถามหลวงพ่อวัดท่าซุงเหมือนกันว่า การถวายสังฆทานชุดใหญ่ครั้งเดียวไปเลย กับการถวายชุดเล็ก ๑๐ ชุด ในราคาเท่ากัน อย่างไหนจะได้อานิสงส์มากกว่ากัน ? หลวงพ่อบอกว่า อยู่ที่ใจเราเกาะ ถ้าจเราเกาะพระมั่นคงจริง ๆ การเห็นพระ ๑๐ ครั้ง ย่อมได้เปรียบกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-03-2011 เมื่อ 17:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #130  
เก่า 30-03-2011, 17:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,432 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แต่ถ้าจะให้ได้ผลเร็ว ต้องนิมนต์ท่านเข้าสมาบัติ
ตอบ : ไม่มีเวลา คราวที่แล้วก็ได้แค่ ๓ วัน

ถาม : ทำไมเรื่องเวลาจึงมีผล ในเมื่อใจเราบริสุทธิ์เท่ากัน ?
ตอบ : เหมือนกับเราทำงานมาก ก็ได้มาก พอแจกโยมมากหน่อย แต่ถ้าทำได้น้อย ตูก็กินเอง..!

ถาม : ในเรื่องเข้าสมาบัติ กติกาเขาว่าอย่างไร?
ตอบ : ต่ำสุด ๗ วัน สูงสุดไม่เกิน ๔๙ วัน แต่พระพุทธเจ้าท่านบอกให้แค่ ๑๕ วันพอ เพราะว่าร่างกายที่ขาดธาตุอาหารมาก ๆ จะทำให้ชำรุดเร็ว

สมัยนี้แพทย์สมัยใหม่เขาสามารถวิจัยได้ว่า เวลาร่างกายขาดอาหารจะไปดึงสารอาหารจากอวัยวะภายในมาใช้ ถ้าโดนดึงมากไปอวัยวะนั้นก็ล้มเหลว

ถาม : ที่บอกว่า เข้าอย่างน้อยสุด ๗ วัน ได้มากสุด ๔๙ วัน แต่พระพุทธเจ้าบอกว่าควรเป็น ๑๕ วัน ทำไมไม่เป็น ๔๙ วันล่ะครับ ?
ตอบ : เข้า ๔๙ วัน นั่นพระพุทธเจ้าท่านทำ กำลังของพระพุทธเจ้าท่านได้เกินนั้น ยกเว้นว่าจะไม่ดูหน้าประชาชนเลย จะเข้าทั้งปีทั้งชาติก็ย่อมได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-03-2011 เมื่อ 17:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #131  
เก่า 31-03-2011, 16:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,432 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนที่เข้านิโรธสมาบัติ จิตไปอยู่ที่ตรงไหน ?
ตอบ : สภาพจิตจะส่งออกไปสองประเภท ประเภทหนึ่งก็คือ จับอยู่ที่พระนิพพานแห่งเดียว อีกประเภทหนึ่งท่องอยู่ตามภพภูมิต่าง ๆ แล้วแต่ตนเองชอบว่าจะไปไหน แต่ทั้งสองประเภทนั้น สภาพจิตจะไม่เกาะร่างกายเลย

สุดยอดมากที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาคือ
หลวงปู่ชุ่ม วัดวังมุย ท่านเข้านิโรธสมาบัติได้ในอิริยาบถ ๔ ปกตินิโรธสมาบัติ ถ้าไม่นอนก็นั่ง ไม่นั่งก็ยืน หรือไม่ก็เดิน แค่ยืนยังหาได้ยากเลย
ส่วนใหญ่จะนอน หลวงปู่ชุ่มท่านเดินจงกรมเข้านิโรธสมาบัติ อาตมาเองก็ยังสงสัยว่าหลวงปู่ทำอย่างไร ?

ถาม : ตอนนั้นร่างกายจะทำงานอย่างไร ?
ตอบ : ใช้อำนาจอภิญญาอธิษฐานไว้ อธิษฐานเสร็จแล้วค่อยตัด เหมือนตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้า

ถาม : ทุกวันนี้คนที่ทำได้อย่างหลวงปู่ชุ่มยังมีอยู่ไหม ?
ตอบ : น่าจะมี..แต่ยังไม่เคยพบอีกเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 01-04-2011 เมื่อ 09:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #132  
เก่า 01-04-2011, 09:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,432 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เรื่องเสือโคคำฉันท์ ตัวเอกชื่อหลวิชัยกับคาวี

ในเรื่องแม่เสือกินแม่วัว และตั้งใจจะกินลูกวัวด้วย แต่ลูกเสือไม่ยอม ได้ขอร้องชีวิตลูกวัวเอาไว้ แม่เสือเห็นแก่ลูกจึงยอมไว้ชีวิตลูกวัว แต่ก็ตั้งใจว่าเลี้ยงลูกวัวให้อ้วนเมื่อไรแล้วจะกิน ลูกเสือรู้ทันจึงชวนลูกวัวช่วยกันฆ่าแม่ พอฆ่าแม่เสร็จก็กลายเป็นกำพร้า ร่อนเร่พเนจรไปเจอฤๅษี ฤๅษีจึงชุบสัตว์ทั้งสองให้กลายเป็นคน เสือชื่อหลวิชัย วัวชื่อคาวี"

ถาม : สัตว์ที่ฆ่าพ่อแม่ถือว่าเป็นอนันตริยกรรมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : การที่สัตว์ฆ่าพ่อแม่ไม่เป็นอนันตริยกรรม เพราะสัตว์เมื่อโตขึ้นจะจำพ่อแม่ไม่ได้ นี่เป็นธรรมชาติของเขา พอถึงช่วงอายุหนึ่ง เขาก็จะโดนพ่อแม่กัดไล่ เพื่อให้ไปหากินเอง

โบราณเขามีคาถาเมตตาอยู่บทหนึ่ง เรียกว่า คาถาวัวกินนมเสือ ต่อให้เป็นศัตรูเราก็สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ สมัยหลัง ๆ เรียกง่าย ๆ ว่า คาถาสุกิตติมา เป็นคาถาที่หลวงพ่อสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์เทพวราราม ท่านจะใช้ลงในขันน้ำมนต์ของท่านเป็นประจำ

คาถาใช้ว่า สุกิตติมา สุภาจาโร สุสีละวา สุปากะโต เป็นเมตตามหานิยม ถ้าใครอยู่กับเจ้านายแล้วเจ้านายกัดบ่อย ให้ใช้คาถาบทนี้ นึกถึงหน้าเขาแล้วก็ภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัว

หลวงพ่อสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์เทพวราราม ท่านจะใช้ยันต์สุกิตติมากับยันต์บารมี ๓๐ ทัศน์คู่กัน ลักษณะทำเป็นกลีบบัวบานแล้วเขียนตัวอักขระ ด้านหนึ่งจะอยู่ก้นขันน้ำมนต์ ด้านหนึ่งจะอยู่ที่ฝา ถ้าเป็นภาษาของนักเล่นคาถา เขาจะเรียกว่า ยันต์ประทับหน้ากับยันต์ประทับหลัง

ถาม : ท่านเอาสุกิตติมาไว้ล่าง บารมี ๓๐ ทัศ ไว้บน ?
ตอบ : บารมี ๓๐ ทัศน่าจะเป็นประทับหน้า สุกิตติมาน่าจะเป็นประทับหลัง แต่ท่านไม่ได้เขียนเป็นยันต์คู่กัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-04-2011 เมื่อ 16:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #133  
เก่า 01-04-2011, 10:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,432 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าท่านได้บอกว่า เมื่อตถาคตปรินิพพานไปแล้ว สถานที่ ๔ แห่งที่พุทธศาสนิกชนควรจะไปกราบไหว้บูชา ก็คือ สังเวชนียสถาน

พระอานนท์ก็ทูลถามว่ามีที่ใดบ้าง ? พระพุทธเจ้าตรัสว่า สังเวชนียสถานมี ๔ แห่ง คือ ที่ประสูติ ที่ตรัสรู้ ที่แสดงปฐมเทศนา และที่ปรินิพพาน

จริง ๆ แล้วก็คือ พลังงานของพระองค์ท่านหลงเหลืออยู่บริเวณนั้นเยอะมาก ถ้าใครไปแล้วแทบจะไม่ต้องภาวนากำลังใจก็ทรงตัว พูดง่าย ๆ ว่ากระแสของพระองค์ท่านแรง ถึงเวลากระแสนั้นก็ดึงเราไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-04-2011 เมื่อ 16:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #134  
เก่า 01-04-2011, 10:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,432 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์สิ้นสุดแล้วค่ะ
พบกันใหม่ในเก็บตกบ้านวิริยบารมีนะคะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:52



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว