กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 16-05-2010, 23:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระที่มาทางสายอภิญญา ถึงจะยังไม่ได้มรรคผล พอความดีปรากฏชัด ญาติโยมก็จะให้ความศรัทธามาก ทำให้กิจนิมนต์ท่านเยอะ จึงไม่มีเวลาปฏิบัติเป็นของตัวเอง กำลังของกิเลสก็จะเพิ่มขึ้น พอสักพักเสือทะลายกรง รัก โลภ โกรธ หลงก็ไหลมาเทมา

เราเสียพระนักปฏิบัติไปเยอะแล้ว บางทีท่านปฏิเสธศรัทธาญาติโยมไม่เป็น เลยไม่มีเวลาในการปฏิบัติ เสียแบบฆราวาสไม่เท่าไร แต่เสียแบบพระ..เสียแล้วเสียเลย แก้ตัวใหม่เอาชาติหน้า

ถึงเวลาให้พิจารณากลับมาที่ตัวเอง เราสงวนเวลาสำหรับการปฏิบัติตัวเองไว้ได้เท่าไร เรามีเวลาสำหรับภาวนาเท่าไร เช่น เช้าครึ่งชั่วโมง เย็นครึ่งชั่วโมง แล้วระหว่างวันกำลังมันพอไหม ? พอทำงานก็โดนกระทบ กำลังใจตก..เครียด ต้องหัดสังเกตตัวเองตรงจุดนี้ให้เป็น

เราจะต้องสร้างกำลังใจให้ต่อเนื่อง เร่งทำตอนเช้าเอาความดีเข้ามาในใจเรา อย่าให้ความเลวเข้ามาได้ “ให้ตื่นก่อนกิเลส”

พวกเราที่เป็นฆราวาส การกระทบจะมีมากกว่า จึงต้องรีบปฏิบัติ ต้องสร้างกำลังใจเอาให้อยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2010 เมื่อ 03:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 16-05-2010, 23:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาสวดมนต์แล้วคาถาหรือบทสวดมนต์เปลี่ยนไป
ตอบ : ถ้าสติดี รู้ตัวว่ากำลังจะเปลี่ยนคาถา..ก็เปลี่ยนตาม แต่ถ้าขาดสติ..หลุดไป ให้ดึงกลับมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 110 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 16-05-2010, 23:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านสร้างพระแบบหลวงปู่ปานไหม?
ตอบ : ท่านไม่ทำพระวัดรอยครูบาอาจารย์ เพราะถ้าเก่าไปแล้ว จะแยกไม่ออกว่าพระองค์ไหนเป็นของใคร พวกที่อ้างชื่อวัดไปขายมีเยอะแยะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 111 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 16-05-2010, 23:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วัตถุมงคลต่าง ๆ ป้องกันให้เราแคล้วคลาดจากสิ่งที่ไม่ดีได้ใช่ไหม ?
ตอบ : วัตถุมงคลก็จะช่วยผ่อนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นหาย เหมือนโจรจะปล้นบ้านเรา แต่เรายืนคุยกับตำรวจอยู่ แล้วใครจะกล้าปล้น..!

การอาศัยคุณพระรัตนตรัยถือเป็นกรรมฐานที่ใหญ่มาก เมื่อใจเรายึดมั่นก็จะเกิดกำลัง ทำให้ปัจจัยแปรเปลี่ยน ทำให้สิ่งที่ไม่ดีนั้นทำอะไรเราไม่ได้ หรือเลื่อนออกไป หรือรอส่งผลใหม่

ยึดมั่นวัตถุมงคลเป็นพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติช่วยได้ แต่ถ้าเผลอเมื่อไรก็โดน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-05-2010 เมื่อ 09:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 114 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 17-05-2010, 11:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โสดาปัตติมรรค และโสดาปัตติผล ต่างกันอย่างไร
ตอบ : มรรคคือเข้าถึง ผลคือได้แล้ว
โคตรภู กำลังใจมุ่งหน้าอย่างเดียว ตีก็ไม่ไป ไล่ก็ไม่หนี ยึดพระนิพพานเป็นที่พึ่ง โคตรภูแต่ละระดับก็เหมือนขาก้าวข้ามไปหนึ่งข้างแล้ว โอกาสเสื่อมถึงจะมี แต่ถ้าถึงขั้นนั้นมีแต่วิ่งขึ้นหน้าแล้ว เสื่อมไม่ใช่อย่างที่เราเข้าใจ เสื่อมในที่นี้คือ ฌานเสื่อม อาจเนื่องมาจากร่างกายป่วยมาก หิวมาก ฌานจึงเสื่อม แต่กำลังใจไม่เสื่อม ถ้าหล่นอย่างไรก็ไม่เกินนี้ เหมือนกับมีตัวกั้น

ถ้าเข้าถึงผลแล้วจะเป็นการทรงตัวแบบอัตโนมัติ กติกามีอย่างไรก็ตั้งหน้าตั้งตาทำต่อไป พิจารณาธรรมเพื่อความอยู่เป็นสุข กิเลสจะเบาบางลง สมาธิจะทรงตัวอัตโนมัติ เป็นสมาธิใช้งาน จะเบากว่าปกติเยอะเลย แต่กิเลสกินไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2010 เมื่อ 14:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 104 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 17-05-2010, 11:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนที่อาตมาป่วย พอใกล้หายจะมีนิมิตปรากฏให้เห็น มีครั้งหนึ่งเคยเกิดเป็นสิงโตตัวเมีย ถ้าลงมือเมื่อไรไม่เคยพลาดเป้า ตอนที่ล่าเหยื่อ จะรู้เลยว่า ถ้าเหยื่อหนีแล้วเราจะกระโดดใส่ตรงไหน งับคอ ขาหนึ่งตะปบจมูก อีกขาตะปบเข้าคอ กระดูกลั่นดังกร๊วบเลย ตอนเป็นสิงโตฆ่าไป ๒๐๐ กว่าศพ สิงโตมีกำลังสูงมาก สามารถพาวัวกระโดดข้ามรั้วสูงได้สบาย ๆ ตรงนั้นเราต้องหากินตามประสาสัตว์ กรรมเลยไม่หนักมาก

ตอนที่เป็นหมูป่าจ่าฝูง ก็รู้สึกถึงรัก โลภ โกรธ หลงหมดเลย พาลูกฝูงเดินหาอาหารอยู่กลางป่า มีเสือโคร่งตามหลังอยู่ตัวหนึ่ง เสือจะมาคว้าหมูตัวท้ายแล้ววิ่งหนีไป จ่าฝูงอย่างเราก็โกรธ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยหาทางล่อเสือเข้าไปในหุบเขา เป็นหุบที่มีลักษณะเป็นหน้าผาตัดทุกด้าน ทางเข้าก็แคบ หมูทั้งฝูงเข้าไปซุ่มอยู่ ๓ วัน เสือที่ตามมาก็หิว ทนไม่ไหวเลยถูกล่อเข้าไป

พอเสือรู้ว่าไม่รอด ก็ยอมสู้ โดนเสือตบเข้าไป ๗ - ๘ ครั้ง เจ็บมาก ๆ แต่ปกติหมูหนังเหนียวอยู่แล้ว ตอนนั้นเสือเป็นแผลจากการต่อสู้จึงเลยหาทางหนี ปะทะกันครั้งสุดท้าย ตัดใจว่ายอมตายแล้ว ปรากฏว่าเสือพลาดท่าเพราะหมูเร็วกว่า หมูเข้าขวิดใต้ท้องสะบัดทิ้งไปเลย มั่นใจว่าเสือตายแน่ ๆ แล้วหมูมือรองอีก ๘ - ๑๐ ตัวก็มารุมยำ กินเสือกันด้วย ไม่น่าเชื่อว่าหมูป่าก็กินเนื้อเหมือนกัน

สัตว์ทั้งหมดก็คือคนนั่นแหละ รู้จักวางแผน เห็นสถานที่ก็รู้เลยว่าต้องทำการ ณ ที่นี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2010 เมื่อ 14:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 101 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 17-05-2010, 11:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระราหู โดยสภาพแท้จริงแล้วท่านเป็นพระโพธิสัตว์ แปลว่าจะมาเป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า พระราหูเป็นพี่น้องกับพระอาทิตย์และพระจันทร์ ในสมัยนั้นสามพี่น้องได้ข่าวว่าพระพุทธเจ้าลงมาเกิด ก็เลยตั้งใจจะไปทำบุญ พระอาทิตย์ถวายข้าวด้วยขันทอง เลยสว่างเหมือนทองคำ ส่วนพระจันทร์ถวายข้าวด้วยขันเงิน เลยสว่างเหมือนแผ่นเงิน ส่วนพระราหูถวายข้าวด้วยกะบุง

ในสมัยพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระราหูเป็น ๑ ใน ๘ จอมอสูร มีร่างใหญ่มาก ระหว่างคิ้วซ้ายไปขวากว้าง ๑ โยชน์ พระราหูได้ยินคุณของพระพุทธเจ้า อยากจะไปหา แต่ตัวเองตัวใหญ่ กลัวว่าไปแล้วต้องก้มมองพระพุทธเจ้า เป็นการไม่เคารพ พระพุทธเจ้าทรงทราบ เลยเสด็จไปขวางทาง เนรมิตพระวรกายท่านใหญ่กว่าราหูอีก

พระพุทธเจ้าอยู่ที่ใดก็มีความพอดีอยู่เสมอ ไปไหนท่านก็ไม่ต้องก้มพระเศียรให้ใคร ราหูจึงตรัสสรรเสริญพระพุทธเจ้าว่า “ตัสสะ ตัสสะ” จึงเป็นที่มาของคำว่า ตัสสะ ในบทบูชาพระพุทธเจ้า (นะโมตัสสะฯ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2010 เมื่อ 14:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 111 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:15



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว