กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-03-2020, 19:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๓ การปฏิบัติธรรมของเราวันนี้ ก็ยังคงอยู่ในบรรยากาศของการระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้ตนเองติดเชื้อโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปแล้วก็เป็นความไม่ประมาท เป็นการยกเอาหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาใช้อย่างแท้จริง เพียงแต่ว่าเป็นความไม่ประมาทที่เกิดจากการกลัวตาย ต้องถือว่าทำให้หลักธรรมนั้นด้อยค่าลงไป

ถ้าหากว่าความไม่ประมาทของเรา เกิดจากการมีปัญญา รู้เห็นว่าปกติสภาพร่างกายเป็นเช่นนี้ ในเมื่อเรามาอาศัยร่างกายนี้อยู่ เพื่อกระทำคุณงามความดี โดยเฉพาะการชำระจิตของตนให้ผ่องใสปราศจากกิเลส จะได้หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน เราก็จำเป็นต้องดูแลรักษาร่างกายนี้ให้ดีที่สุด แต่มีสติอยู่เสมอว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา

ร่างกายนี้เป็นเพียงธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ประกอบกันขึ้นมาเป็นเรือนร่าง ให้เราได้อาศัยอยู่ตามบุญตามกรรมที่ได้สร้างมา ถ้าหากว่าไม่สามารถจะหลุดพ้นจากกองทุกข์ได้ เราก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไปอีกนับชาติไม่ถ้วน ก็ต้องมาประสบพบกับเรื่องที่น่ากลัวเช่นนี้อีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2020 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 03-03-2020, 19:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเราเห็นมาถึงตรงนี้ ก็จะมีจิตที่เบื่อหน่าย คลายกำหนัด ไม่ปรารถนาในความมีร่างกายนี้ ในเมื่อเราไม่ปรารถนาในความมีร่างกายของตน ก็ย่อมไม่ปรารถนาในความมีร่างกายของคนอื่น ไม่ปรารถนาในความมีร่างกายของสัตว์อื่น ไม่ปรารถนาการเกิดมาทุกข์ยากในโลกนี้ เราก็จำเป็นที่จะต้องสร้างกฎเกณฑ์กติกาที่จะนำพาให้เราหลุดพ้นไป

ประการแรกคือ ต้องชำระศีลของตนเองทุกข้อให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง และมีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย ตายเมื่อไรเราปรารถนาพระนิพพานที่เดียว

ถ้าท่านสามารถรักษาอารมณ์นี้ให้มั่นคงได้ ก็แปลว่าโอกาสที่ท่านจะก้าวพ้นจากกองทุกข์ก็จะมีขึ้น แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายยังเห็นว่าอารมณ์เช่นนี้ยังไม่มั่นคงพอ เราก็ไปถือกฎเกณฑ์กติกาที่เพิ่มจากศีล ๕ คือ กรรมบถ ๑๐ ซึ่งจะมีในส่วนของวาจาเพิ่มขึ้นมา ส่วนของใจคิดเพิ่มขึ้นมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2020 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 03-03-2020, 19:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,166 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนของวาจานั้น นอกจากจะไม่โกหกแล้ว ยังไม่ส่อเสียดให้ผู้อื่นแตกร้าวกัน ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดวาจาที่ไร้ประโยชน์ ในส่วนของความคิดนั้นก็คือ มีความเป็นสัมมาทิฏฐิ เห็นถูกในสิ่งที่ถูก เห็นผิดในสิ่งที่ผิด ไม่โกรธเกลียด อาฆาตพยาบาทผู้อื่น โกรธได้ก็ไม่ผูกโกรธ ไม่โลภอยากได้ของคนอื่นจนเกินพอดี อยากได้อะไรก็หามาให้ถูกต้องตามศีลตามธรรม

ถ้าสามารถทำเช่นนี้ได้ ก็แปลว่าท่านควบคุม ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจของตนเอง ถ้าสามารถควบคุมได้โดยไม่หนักใจ โอกาสที่เราจะก้าวล่วงจากกองทุกข์ก็จะมีมากยิ่งขึ้น แล้วในแต่ละวันก็ให้ตนเองสำรวจตรวจตราดู ว่าวันนี้เราได้ละเมิดกรรมบถ ๑๐ ข้อหนึ่งข้อใดบ้างหรือไม่ ? ถ้าหากว่าเศร้าหมองหรือว่าขาดลงก็ให้ตั้งใจว่า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะเป็นผู้มีกรรมบถ ๑๐ สมบูรณ์บริบูรณ์ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาระมัดระวังรักษากันต่อไป โดยที่จิตสุดท้ายของเราเกาะพระนิพพาน หรือเกาะภาพพระพุทธเจ้าเอาไว้เสมอ

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๓

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย น้องผักชี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2020 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:50



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว