กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-09-2016, 09:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,107 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๙

ทุกคนขยับในท่าที่สบายของตน ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้ที่ลมหายเข้าออกของเรา หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ในการปฏิบัติกรรมฐานของเรานั้น อานาปานสติก็คือลมหายใจเข้าและลมหายใจออก เป็นพื้นฐานใหญ่ที่สุดของกรรมฐานทั้งหมด

อานาปานสติทำให้สมาธิของเราทรงตัวแนบแน่นเป็นอัปปนาสมาธิได้ สามารถที่จะกดกิเกสให้ดับลงได้ชั่วคราว สามารถระงับกายสังขารอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ของร่างกายได้ และถ้าหากทำจนมีความคล่องตัว เราสามารถรู้ได้แม้แต่วันตายของตัวเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้เราจึงละทิ้งอานาปานสติไปไม่ได้ ทุกคนที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคเพื่อผล จำเป็นอยู่เสมอที่จะต้องอาศัยอานาปานสติเป็นหลัก แต่เนื่องจากว่าหลายท่านทำมาจนชินแล้ว นึกจะเข้าสมาธิเมื่อไรก็สามารถเข้าถึงระดับสมาธิที่ต้องการได้ ในที่นี้ก็จะไม่ขอกล่าวถึง จะกล่าวถึงสำหรับผู้ใหม่หรือผู้เก่าที่ยังไม่สามารถทรงฌานได้แม้แต่ปฐมฌาน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราเอาไว้

โดยเฉพาะว่าการหายใจเข้าออกนั้น เขาไม่ให้บังคับลมหายใจ ก็คือร่างกายต้องการลมหายใจแรงหรือเบา ยาวหรือสั้น ให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ เราแค่เอาสติตามลมหายใจเข้าไป เอาสติตามลมหายใจออกมาเท่านั้น ไม่ต้องไปตั้งใจว่าเราจะทำเพื่อทรงปฐมฌาน เพื่อทรงฌานที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ให้คิดเสียว่าเรามีหน้าที่ทำ เมื่อทำแล้วผลจะเกิดอย่างไรก็ช่างมัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2016 เมื่อ 11:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-09-2016, 18:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,107 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่ออารมณ์ใจเริ่มทรงตัว ก็จะมีอาการแปลก ๆ ๕ อย่างเกิดขึ้นกับร่างกาย เป็นต้นว่า ขนลุก น้ำตาไหล ร่างกายโยกไปโยกมา หรือดิ้นตึงตังโครมคราม หรือว่าลอยขึ้นไปทั้งตัว หรือรู้สึกว่าตัวใหญ่ หน้าใหญ่ ตัวพอง ตัวแตก ตัวระเบิด ตัวรั่วเป็นรู เป็นต้น

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นอาการอย่างหนึ่ง ที่เราจะพบในการปฏิบัติภาวนา ไม่ต้องไปใส่ใจ เมื่ออาการทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นเต็มที่ ก็จะก้าวพ้นไปได้เอง เมื่อก้าวผ่านพ้นไปได้ กำลังใจของเราจะเริ่มทรงตัวอยู่ในส่วนของปฐมฌาน เมื่อถึงวาระนั้น...ท่านทั้งหลายก็จะได้พบกับความสุข ที่ไม่สามารถจะบอกกล่าวเป็นภาษามนุษย์ได้

เนื่องจากว่าอำนาจของปฐมฌานนั้น ไปกดไฟใหญ่ ๔ กอง ที่เผาผลาญเราอยู่ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน ก็คือ ไฟรัก ไฟโลภ ไฟโกรธ ไฟหลง ให้ดับลง เมื่ออำนาจของปฐมฌานกดไฟทั้ง ๔ กองนี้ดับลง บุคคลที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา อยู่ ๆ ไฟดับลงไป ย่อมบอกไม่ถูกว่ามีความสุขความสบายแค่ไหน

ถัดจากตรงนี้ไปสภาพจิตของเราก็จะตั้งมั่น แน่วแน่มั่นคงอยู่เฉพาะหน้า เรียกว่าเข้าถึงเอกัคตารมณ์ แปลว่าท่านทั้งหลายสามารถทรงปฐมฌานได้แล้ว ในส่วนนี้เมื่อท่านทั้งหลายทรงได้ ก็อย่ายินดีจนเกินไป ให้ตั้งหน้าตั้งตากำหนดดู กำหนดรู้ต่อไป ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ เราก็ดูลมหายใจเข้าออก ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ เราก็กำหนดคำภาวนา ถ้าหากว่าลมหายใจเบาลงหรือว่าหายไป เราก็กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลงหรือว่าหายไป ถ้าหากว่าคำภาวนาหายไป ก็กำหนดรู้ว่าคำภาวนาหายไป

อย่าอยากที่จะเป็นอย่างนั้นและอย่าคิดที่จะดิ้นรนให้พ้นจากสภาพนั้น ให้ตั้งใจว่าเรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนจะทรงเป็นฌานได้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร เรามีหน้าที่ทำ ผลจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ช่างเถิด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2016 เมื่อ 20:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-09-2016, 18:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,107 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าท่านทั้งหลายสามารถวางกำลังใจสบาย ๆ อย่างนี้ได้ ก็จะเข้าถึงฌานสมาบัติได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เมื่อท่านสามารถเข้าฌานสมาบัติได้แล้ว ก็หันมาทบทวนศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงศีลด้วยด้วยตนเอง ไม่ยุงยงส่งเสริมให้ผู้อื่นล่วงศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นล่วงศีล เป็นต้น

แล้วมาทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้แน่นแฟ้นจริงจัง จริงใจ ตั้งใจว่าถ้าตายลงไปเมื่อไรเราที่มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งนั้น ขอไปสู่พระนิพพานแห่งเดียว เมื่อกำลังใจมาถึงตรงจุดนี้แล้ว ก็ตั้งใจจับมั่นในพระนิพพานเอาไว้

ถ้าผู้ใดสามารถยกจิตขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพานได้ ก็ให้ยกจิตขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพาน ถ้ายกจิตขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพานไม่ได้ ก็ ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง หรือพระเครื่ององค์ใดองค์หนึ่งที่เป็นรูปพระพุทธรูป ว่านั่นเป็นรูปแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านไม่อยู่ที่ไหนนอกจากพระนิพพาน เราเห็นพระองค์ท่านคืออยู่ใกล้พระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้พระองค์ท่านคืออยู่ใกล้พระนิพพาน แล้วให้รักษากำลังใจเอาไว้ตรงนี้จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๙

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2016 เมื่อ 20:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:46



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว