กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 29-03-2010, 11:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default การฝึกทิพโสต

ถาม : การฝึกทิพจักขุญาณกับการฝึกทิพโสต ใช้วิธีเหมือนกันหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่เหมือนกัน วิธีฝึกทิพโสตนั้น ถึงเวลานั่งสมาธิจนใจสงบแล้ว ให้ตั้งใจกำหนดฟังสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบข้างของเรา เริ่มจากเสียงที่ดังที่สุดก่อน พอชัดเจนแล้ว ให้กำหนดรู้เสียงที่เบากว่านั้นให้ชัดเจนขึ้น..แล้วกำหนดรู้เสียงที่เบากว่านั้นอีกให้ชัดเจนขึ้น กำหนดรู้เสียงที่เบากว่าลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเสียงยุง เสียงแมลง ร้องดังเหมือนกับออกลำโพง

หลังจากนั้นก็ขยายวงสมาธิออกไป จากที่เอาเฉพาะในห้องของเรา ก็อาจจะเป็นทั้งบ้าน พอทั้งบ้านได้แล้วก็อาจจะเป็นในเขตบริเวณของบ้าน หลังจากนั้นก็ขยายออกไปข้างบ้าน ขยายออกไปทั้งซอย ค่อย ๆ ขยับไปตามความคล่องตัวที่เกิดขึ้น ต่อไปจะเอาแบบข้ามโลก ข้ามภพ ข้ามภูมิก็จะไปได้

ถาม : ไม่เกี่ยวกับการจับภาพพระ ?
ตอบ : จับภาพพระให้ใจนิ่งก่อน แล้วค่อยไปฝึกการฟัง ถ้าฝึกสำเร็จแล้วอาจจะรำคาญเสียงไปเลยก็ได้

ถาม : แล้วเป็นไปได้ไหมคะว่า วิธีฝึกระหว่างทิพจักขุญาณและทิพโสตจะต่างกัน แต่อารมณ์คล้ายกัน ?
ตอบ : ท้ายสุดจะไปลงตรงนั้น ลงที่เดียวกัน ถ้ามีพื้นฐานเดิมอยู่แล้ว ก็จะไปลงของเก่าเอง เป็นไปเองโดยอัตโนมัติ

ตอนนี้ส่งพระที่วัดไปเรียน ป.วภ.(ประกาศนียบัตรวิปัสสนาภาวนา) ก็คือ พระครูน้อยกับอาจารย์สมพงษ์ หลังจากที่ท่านนั่งกรรมฐานผ่านไปเดือนกว่า ๆ พออาตมาไปถึงที่นั่นก็ไปเลี้ยงพระ พระครูน้อยพอฉันเสร็จท่านก็มาชวนคุย "อาจารย์ครับ..ผมท่าจะบ้าแล้ว" ถามว่าทำไม ? "วันก่อนยุงกัดผม ผมก็เลยแกล้งตบ ยุงหล่นพลั่กลงไปกับพื้น มันบ่นว่าตีกูทำไมวะ ? ผมก็เลยบอกว่า ก็มึงกัดกูก่อนนี่หว่า..ยุงก็เลยตุปัดตุป่อง สะบัดก้นบินไปเลย"

ส่วนอาจารย์สมพงษ์อยู่เข้าอบรมกรรมฐานไปเดือนกว่า ๆ ก็คิดจะหนีกลับ พอคิดว่าจะหนีกลับ นกกางเขนที่บินผ่านมาร้องว่า "ขี้แพ้ ๆ ๆ" ท่านก็เลยต้องกัดฟันทนอยู่ต่อ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2014 เมื่อ 16:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 29-03-2010, 11:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่นั่นช่วงตีสามครึ่งจะต้องเตรียมพร้อม เพราะว่าตีสี่เขาจะตีระฆังเพื่อเข้าสู่วงจรในการปฏิบัติ พระครูน้อยตื่นสายไปหน่อย เกือบจะตีสี่แล้ว แต่งตัวไม่ทัน รีบเข้าห้องน้ำ คว้าขันจะล้างหน้า นกที่ตื่นแล้วร้องว่า "สายแล้ว ๆ ๆ" พระครูน้อยบอกว่า "รอกูล้างหน้าก่อนสิวะ.."

วิสัยเดิมของท่านมีอยู่ คือความเป็น
นิรุกติปฏิสัมภิทา ถ้าจิตสงบได้ที่ จะสามารถฟังภาษาคน ภาษาสัตว์รู้เรื่อง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะปรากฏขึ้นเอง แต่ถ้าหากคนที่ไม่มีพื้นฐานเก่าลักษณะอย่างนี้ ทำไปเป็นแสนชาติก็ยังไม่ได้เลย

ถาม : แล้วที่บอกว่า ปฏิบัติไปแล้วจะมีสัมผัสความเป็นทิพย์มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่หนูไม่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างคนอื่นเขา นี่แสดงว่าไม่มีพื้นฐานเก่า ?
ตอบ : เราลองมานึกดูว่า แม้แต่ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าท่านก็ตั้งพระที่มีความสามารถต่างกัน ตอนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระที่อยู่กับพระพุทธเจ้าตอนนั้นเป็นพัน ๆ รูป ก็มีแค่พระอนุรุทธองค์เดียว ที่สามารถติดตามได้ว่าตอนนี้พระพุทธเจ้าดำรงจิตอยู่ในสภาวะไหน ก็แปลว่าไม่ใช่จะได้กันทุกคน

แม้กระทั่งพระโมคคัลลาน์เห็นกากเปรตและอหิเปรต ท่านก็ยิ้ม พระลักขณะถามว่า "ท่านยิ้มอะไรหรือ ?" พระโมคคัลลาน์ท่านก็บอกว่า "ให้ไปถามเราต่อเบื้องพระพักตร์พระพุทธเจ้า"

เมื่อเข้าเฝ้าต่อเบื้องพระพักตร์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากที่กราบไหว้ปฏิสันถารกันเรียบร้อยแล้ว พระลักขณะก็ถามว่า "ดูก่อน..โมคคัลลาน์ ที่ท่านกล่าวตอนอยู่ที่เขาคิชฌกูฏว่า ให้ถามต่อเบื้องพระพักตร์พระพุทธเจ้า ว่าท่านยิ้มเพราะอะไร บัดนี้เราขอถามว่าท่านยิ้มเพราะอะไร ?" พระโมคคัลลาน์จึงได้กล่าวว่า "เพราะเห็นเปรตที่อยู่ในร่างของอีกา กับเปรตที่อยู่ในร่างของงูโดนไฟลุกท่วมอยู่"

พระพุทธเจ้าทรงตรัสรับรองว่า "ที่โมคคัลลานะกล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว เปรตทั้งสองนี้ แม้ในวันที่บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ตถาคตก็เห็นแล้ว แต่ที่ไม่ได้กล่าวถึงเพราะไม่มีพยาน ในเมื่อโมคคัลลานะได้กล่าวถึงเป็นพยานได้ ตถาคตขอรับรองว่าสิ่งที่โมคคัลลานะกล่าวมานั้นถูก"

จะเห็นว่าไม่ใช่ทุกคนทั้งหมดจะเห็น แต่ว่าที่ทุกคนเป็นเหมือนกันหมดก็คือความเป็นพระอริยเจ้า โดยเฉพาะความเป็นพระอรหันต์ ก็แปลว่าจบปริญญามาเหมือนกัน แต่คนนี้อาจจะได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คนนี้ได้เกียรตินิยมอันดับสอง คนนั้นไม่ได้อะไร แค่จบเฉย ๆ ส่วนคนนั้นอาจารย์ต้องถีบให้จบด้วย เราต้องเห็นว่า ความสามารถของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จงยินดีและพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ แล้วจะมีความสุข


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงเช้า ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2014 เมื่อ 16:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:37



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว