กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-11-2012, 20:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,097
ได้รับอนุโมทนา 4,400,274 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า หายใจเข้า..เอาความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..เอาความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ ตามที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานต้นเดือนตุลาคมวันสุดท้ายของพวกเรา

ช่วง ๒-๓ วันนี้ ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมจะห่วง กังวล หรือกลัวว่าจะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ เนื่องจากตอนนี้พายุแกมีกำลังเข้าประเทศเวียดนามและคาดว่าจะตรงมายังประเทศไทย ซึ่งจะว่าไปแล้วความกลัว หรือความกังวลทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตำหนิ เพราะว่าตราบใดที่เรายังกลัวตายอยู่ เราย่อมกลัวในทุกเรื่อง จะกลัวมากกลัวน้อยก็อยู่ที่วิสัยเฉพาะตัว บุคคลที่ปราศจากความกลัวโดยสิ้นเชิงก็เห็นจะมีแต่พระอรหันต์เท่านั้น

เมื่อเป็นดังนั้นการที่พวกเรากลัวก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องที่น่าตำหนิติเตียนแต่ประการใด เพียงแต่ความกลัวนั้น ให้กลัวในลักษณะของผู้ที่ไม่ประมาท คือ ต้องมีการเตรียมพร้อมด้วย อย่างเช่น ถ้ามีของที่จะถูกน้ำท่วมเสียหายได้อยู่ในที่ต่ำ เราก็โยกย้ายขึ้นสู่ที่สูง ถ้าเราเตรียมพร้อมดังนี้ ต่อให้ฝนฟ้ามาหนักแค่ไหน เราก็ไม่ต้องไปกังวลใจ

จะว่าไปแล้วก็ตรงกับการปฏิบัติธรรมของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสรุปไว้ ในตอนที่พระองค์ท่านจะเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า “อัปปมาเทนะ สัมปาเทถะ” ต้องยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม ธรรมะที่พระองค์ท่านแสดงมาทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ สรุปแล้วรวมลงตรงความไม่ประมาทนี้เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2012 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 90 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 12-11-2012, 07:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,097
ได้รับอนุโมทนา 4,400,274 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเราไม่ประมาท ไม่ทราบว่าตนเองจะถึงความตายเมื่อไร เราก็ต้องเร่งกอบโกยความดีใส่ตัวของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ทำหน้าที่ของเราวันนี้ให้ดีที่สุด คิดอยู่เสมอว่าพรุ่งนี้ไม่มีสำหรับเรา บุคคลที่มีวันนี้วันเดียวหรือมีเวลาอยู่แค่ชั่วลมหายใจเดียว ย่อมต้องทำหน้าที่เฉพาะหน้าของตนเองอย่างเต็มความสามารถ โดยเฉพาะการสั่งสมความดีเพื่อที่จะก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

ในเมื่อเราเป็นผู้ที่ไม่ประมาทก็ย่อมปฏิบัติในศีล ในสมาธิ ในปัญญาอย่างเต็มที่ ในเรื่องของศีลนั้นนอกจากจะไม่ละเมิดศีลด้วยตนเองแล้ว ยังไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีลด้วย

ในเรื่องของสมาธินั้นให้พยายามกำหนดรู้ลมหายใจให้ได้ทุกเวลา เพราะถ้าสติของเราขาดจากลมหายใจ สมาธิก็จะไม่มี รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นกิเลสต่าง ๆ ก็จะแทรกเข้ามาได้ง่าย และจะพาเราไหลตามกระแสไป กลายเป็นไม่สามารถที่จะสร้างความดีได้อย่างที่ต้องการ

ในส่วนของปัญญานั้น อย่างต่ำที่สุดต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย เมื่อรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ก็ให้ตั้งเป้าไว้ว่าตายแล้วเราจะไปไหน ? ถ้าตอบตนเองว่าตายแล้วเราจะไปพระนิพพาน การที่เราจะไปพระนิพพานได้มีกติกาอย่างไรเราก็ต้องทำให้เต็มที่ ต่อให้ไม่สามารถไปถึงพระนิพพานได้ในชาตินี้ เราก็ต้องไปให้ได้ไกลที่สุด ให้สูงที่สุดเท่าที่เราจะพึงทำได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-11-2012 เมื่อ 09:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-11-2012, 08:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,097
ได้รับอนุโมทนา 4,400,274 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าจะใช้ปัญญามากขึ้น ก็ต้องมีความรู้สึกหรือความเห็นว่า สภาพร่างกายนี้เต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก ไม่ได้มีความสะอาดอย่างแท้จริง ร่างกายนี้ประกอบไปด้วยอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง เหงื่อไคลต่าง ๆ เป็นต้น

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้หลั่งไหลออกมาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ว่าจะทางทวารทั้ง ๙ ก็ดี ทางรูขุมขนก็ดี ทำให้ร่างกายของเรา ตลอดจนเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ สกปรกโสโครกไปด้วยกัน ต้องทำการชำระสะสาง ต้องขัดสี ต้องอบรม ต้องป้องกันรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกายของเราก็ดี กายของคนอื่นก็ดี กายของสัตว์อื่นก็ดี มีความสกปรกโสโครกเช่นนี้เป็นปกติ ถ้าเราสามารถเห็นชัดอย่างนี้ได้ จิตก็จะเกิดความเบื่อหน่ายในอัตภาพร่างกายนี้ เบื่อหน่ายในอัตภาพร่างกายของคนอื่น ก็จะถอนความปรารถนาในร่างกายทั้งของตนเองและของคนอื่นออกมา

ถ้ายิ่งเราสามารถพิจารณาให้เห็นชัดว่า อัตภาพร่างกายนี้สักแต่ว่าประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ประกอบไปด้วยไออุ่นและวิญญาณ ยังอยู่ได้ด้วยอาหาร ให้เราอาศัยอยู่เพียงชั่วคราว เมื่อถึงวาระก็เสื่อมสลายไป พังไป ไม่สามารถจะยึดถือมั่นหมายว่าเป็นเรา เป็นของเราได้ เพราะไม่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเราเลย

เราก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ร่างกายนี้เหมือนกับรถยนต์คันหนึ่ง ตัวเราคือจิตนี้เป็นคนขับรถ ถึงเวลารถพัง คนขับรถก็ต้องไปหารถคันใหม่ ซึ่งจะได้มาตามบุญตามบาปที่เราสร้างไว้ สร้างบุญไว้มากก็ได้รถดี ๆ สร้างบาปไว้มากก็ได้รถพัง ๆ เป็นต้น

เมื่อเราเห็นชัดเจนอย่างนี้ ก็จะเห็นว่าธรรมดาของร่างกายนี้ ก้าวเข้าไปหาความตายเป็นปกติ ความตายไม่มีอะไรน่ากลัว เป็นการเปลี่ยนรูปเปลี่ยนขันธ์ไปตามบุญตามบาปเท่านั้น และถ้ายิ่งเราสามารถหลุดพ้นไปถึงพระนิพพานได้ ก็ยิ่งไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด เพราะไม่มีความทุกข์ใดสามารถเอื้อมไปถึงเราได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2012 เมื่อ 09:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 15-11-2012, 05:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,097
ได้รับอนุโมทนา 4,400,274 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าทุกท่านสามารถใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงดังนี้ สภาพจิตของเราก็หมดอยากที่จะยึดครองในร่างกายนี้ หมดอยากที่จะต้องการเกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเยี่ยงนี้ เราก็สามารถหลุดพ้นไปสู่พระนิพพานได้

สำหรับหลายท่านที่เคยถามว่าจะปฏิบัติกรรมฐานอย่างไรจึงจะเหมาะสมแก่ตน ขอบอกว่าทุกคนต้องอาศัยอานาปานสติ คือการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก แล้วหลังจากนั้นเราจะปฏิบัติควบไปด้วยพรหมวิหาร ๔ ก็ดี หรือพุทธานุสติคือกำหนดภาพพระไปด้วยก็ดี ตลอดจนกระทั่งกรรมฐานกองอื่น ๆ นั้น ก็อยู่ที่ความชอบใจของเรา แต่จะทิ้งลมหายใจเข้าออกไม่ได้ เพราะถ้าทิ้งลมหายใจเข้าออก การปฏิบัติทุกประการจะไม่ทรงตัว ผลของการปฏิบัติก็จะไม่เกิดขึ้น

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจดูลมหายใจเข้า-ออกของตนเอง หายใจเข้า..กำหนดความรู้สึกทั้งหมด ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..กำหนดความรู้สึกทั้งหมด ไหลตามลมหายใจออกมา ใช้คำภาวนาตามที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม ถ้าลมหายใจเบาลง ก็กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง ถ้าคำภาวนาหายไป ลมหายใจหายไป ก็กำหนดรู้ว่าคำภาวนาหายไป ลมหายใจหายไป

เพราะว่าเมื่อถึงตรงจุดนั้น สภาพจิตที่นิ่ง ละเอียด ใสสะอาดนั้น การปรุงแต่งใด ๆ ไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นคำภาวนาจึงไม่สามารถที่จะมีได้ การกำหนดรู้ลมหายใจไม่สามารถที่จะมีได้เช่นปกติ จนกว่าสภาพจิตจะคลายออกมาสู่อารมณ์ที่หยาบกว่านั้น จึงสามารถที่จะกำหนดรู้ลมหายใจหรือกำหนดคำภาวนาต่อไปได้

ตอนนี้ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนา หรือพิจารณา หรือกำหนดภาพพระตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๕

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธและเถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2012 เมื่อ 12:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 21-12-2013, 15:14
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 259
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,227 ครั้ง ใน 1,280 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2555-10-07

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:21



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว