กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-05-2013, 14:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,002 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖

ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง จะนั่งขัดสมาธิก็ได้ นั่งพับเพียบก็ได้ นั่งบนเก้าอี้ห้อยเท้าก็ได้ กำหนดความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ถ้าเผลอไปคิดเรื่องอื่น รู้ตัวเมื่อไรให้ดึงความรู้สึกทั้งหมดกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกเสียใหม่

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ สำหรับการปฏิบัติธรรมในวันนี้ อยากจะย้ำเตือนพวกเราทุกคน โดยเฉพาะท่านที่เป็นคนรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่แล้วคนรุ่นใหม่ใจร้อน ใจเร็ว ถ้าพวกใจร้อนใจเร็วมาก ๆ เวลาไปหาพระ ก็มักจะอยากให้พระเสกให้ตนเองเป็นพระอริยเจ้าไปเลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้

ในขณะเดียวกัน อีกประเภทหนึ่ง เพิ่งจะเริ่มปฏิบัติธรรม แต่อยากให้จิตของตนสงบ อยากได้ฌานสมาบัติระดับนั้นระดับนี้ อยากเป็นพระอริยเจ้าระดับนั้นระดับนี้ ก็ขอบอกว่า ท่านอยากจะสงบ แต่กลับไป "อยาก" นำหน้าเสียก่อน ตัวอยากจะทำให้เราฟุ้งซ่าน จิตจะไม่มีวันสงบได้อย่างแท้จริง การปฏิบัติของเราต้องสะสมไปทีละเล็กละน้อย เมื่อนานไปผลของการปฏิบัติก็จะมีมากขึ้น แล้วจะเริ่มเห็นผลชัดเจนต่อเมื่อปฏิบัติต่อเนื่องไประยะหนึ่งแล้ว

ดังนั้น..เราจะใจร้อนใจเร็วไม่ได้ ต้องค่อย ๆ ตามดู ตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราไป หายใจเข้าตามดูไปว่าเรารู้ลมได้ตลอด จมูก อก ท้อง หรือไม่ ? หายใจออกตามดูว่าลมของเราออกจากท้อง ผ่านอก มาจมูก โดยสามารถรู้ครบถ้วนทุกฐานหรือไม่ ? ถ้าสามารถทำดังนี้ได้ก็นับหนึ่ง หายใจเข้าผ่านจมูก..ผ่านกึ่งกลางอก..ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออกจากท้อง..ผ่านกึ่งกลางอก..มาสุดที่ปลายจมูก ถ้าไม่คิดเรื่องอื่นเลยก็นับสอง ให้ค่อย ๆ สะสมไปทีละเล็กทีละน้อยเช่นนี้ ถ้าเผลอคิดเรื่องอื่นเมื่อไร ให้ดัดสันดานตนเองด้วยการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่

ถ้าทำดังนี้จะเห็นได้ว่า แม้แต่นับหนึ่งถึงสิบ โดยกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกไม่ให้คิดถึงเรื่องอื่นเลย ก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก จำเป็นต้องใช้ความพากเพียรพยายาม จำเป็นต้องใช้ความตั้งใจที่แน่วแน่มั่นคง จำเป็นต้องใช้ความจริงจัง จริงใจในการปฏิบัติ อย่างชนิดทุ่มเทด้วยชีวิต
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2013 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 76 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-05-2013, 18:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,002 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่อาหารจานด่วน ที่สั่งตอนนี้อีก ๒ นาทีก็มาถึงตรงหน้า ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ใช่กาแฟ ดื่มกินลงไปตรงนี้อีก ๑ นาทีออกฤทธิ์แล้ว แต่ธรรมะนั้นเป็นสิ่งที่ต้องค่อย ๆ สะสมไป เพราะตัวเรานั้นมาอยู่ในช่วงหลังกึ่งพุทธกาลแล้ว ถ้าเราเองสร้างสมบารมีมามากเพียงพอ เราก็คงไปเกิดในสมัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฟังธรรมจบเดียวบรรลุมรรคผลไปแล้ว

หรือไม่ก็มาระยะหลัง ทันหลวงปู่หลวงพ่อที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณยิ่งใหญ่ ได้รับฟังคำสอนของท่าน ปฏิบัติตนหลุดพ้นไปนานแล้ว ในเมื่อเราเองล่าช้าถึงขนาดนี้ แล้วเราจะไปคิดว่าเรามีสมรรถนะดี ถึงขนาดปฏิบัติแล้วได้อย่างนั้นอย่างนี้ทันที ย่อมเป็นไปไม่ได้

การปฏิบัติธรรมของเราจึงต้องใช้ความอดทนอดกลั้น ค่อย ๆ พากเพียร แน่วแน่ในการปฏิบัติ ค่อย ๆ สะสมความดีของเราไปเรื่อย ๆ เหมือนน้ำทีละหยด เมื่อรวมตัวกันนาน ๆ เข้าก็ได้เป็นโอ่งเป็นไห แต่กว่าจะปรากฏให้เห็นชัดเจนนั้น ต้องผ่านการสะสมตัวเป็นระยะเวลานานอยู่ช่วงหนึ่ง

เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเราทุกคนจึงควรที่จะละทิ้งความใจร้อนใจเร็วอย่างที่ว่ามา ตั้งหน้าตั้งตาตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราเป็นหลัก ตั้งหน้าตั้งตาตรวจสอบดูว่า ศีลทุกสิกขาบทของเราบริสุทธิ์บริบูรณ์หรือไม่ และท้ายที่สุด กำลังใจของเราแน่วแน่มั่นคงต่อพระนิพพานหรือไม่ ถ้าศีลยังไม่บริสุทธิ์ ให้ตั้งใจว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะรักษาศีลทุกข้อให้บริสุทธิบริบูรณ์

ถ้าสมาธิไม่ทรงตัวให้พยายามตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของตนเองไปเรื่อย ๆ อยากปฏิบัติ อยากได้ดี ไม่ใช่ความผิด แต่ถ้าตอนช่วงปฏิบัติแล้วมัวแต่อยากได้ดีอยู่ นั่นจะผิด เพราะตอนปฏิบัติถ้ามัวแต่อยากอยู่ เราจะฟุ้งซ่าน กำลังใจไม่รวมตัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2013 เมื่อ 19:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 21-05-2013, 20:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,002 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปัญญาของเราให้รู้อยู่เสมอว่า ชีวิตนี้เป็นของน้อย จะสูญสิ้นลงไปเมื่อไรก็ไม่รู้แน่ เราควรที่จะสะสมความดีในทาน ศีล ภาวนาให้มากเข้าไว้ ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว ถ้าไม่เข้าใจว่าพระนิพพานมีสภาพอย่างไร ก็ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง ที่เรารักเราชอบมากที่สุด ว่านั่นคือรูปเปรียบแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เรานึกถึงพระองค์ท่านได้คือเราอยู่กับพระองค์ท่าน เราอยู่กับพระองค์ท่านก็คือเราอยู่บนพระนิพพาน

เมื่อวางกำลังใจเช่นนี้ได้แล้ว ก็ย้อนกลับมาดูลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก ถ้ายังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ ให้กำหนดดู กำหนดรู้ ลมหายใจเข้าออกของเราไป ถ้าลมหายใจเบาลง คำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดรู้ไว้เช่นนั้น อย่าดิ้นรนอยากให้เป็นอย่างนั้น และอย่าดิ้นรนให้หลุดพ้นจากสภาพเช่นนั้น เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้โดยไม่ต้องปรุงแต่งใด ๆ ทั้งสิ้น ให้ทุกคนรักษาสภาพอารมณ์เช่นนี้เอาไว้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกาและเถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-05-2013 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:58



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว