กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 15-09-2023, 18:00
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 340
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,643 ครั้ง ใน 818 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 15-09-2023, 23:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,926 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ อำเภอทองผาภูมิของเรา ยังคงฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลมากจนเกินไป ก็คือตกทั้งวันทั้งคืนเลย ระดับน้ำในเขื่อนวชิราลงกรณตอนนี้ขึ้นมาที่ ๗๒ เปอร์เซ็นต์แล้ว พอที่จะรับประกันได้ว่า หน้าแล้งที่จะมาถึงอย่างไรเสียก็ไม่ขาดน้ำ ยกเว้นว่าจะมีการคำนวณผิดพลาดเหมือนกับปีหนึ่งที่ผ่านมา

ก็คือมีข่าวว่าพายุเข้ามา ๓ ลูกติดกัน ทางเขื่อนจึงรีบ "พร่องน้ำ" เพื่อเตรียมรับมือ แต่ปรากฏว่าพายุทั้ง ๓ ลูกนั้น ติดอยู่แค่ประเทศฟิลิปปินส์ มาไม่ถึงเมืองไทย ทางด้านเขื่อนวชิราลงกรณได้เทน้ำออกเพื่อที่จะรองรับ จึงกลายเป็นว่าไม่มีน้ำเข้า แล้วเป็นพายุชุดสุดท้ายเสียด้วย เล่นเอาต้องบริหารจัดการน้ำกันอย่างชนิดตัวเกร็ง ถ้าพลาดเมื่อไรก็แปลว่าเดือดร้อนกันไปครึ่งค่อนประเทศ เนื่องเพราะว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑลในปัจจุบันนี้ ใช้น้ำจากเขื่อนวชิราลงกรณและเขื่อนศรีนครินทร์ในการผลิตน้ำประปาป้อนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลหลายจังหวัด

สำหรับวันนี้ เมื่อเจริญพระกรรมฐานและทำวัตรเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้ขอสัตตาหะฯ ในท่ามกลางสงฆ์ เพื่อที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่อไป แต่เนื่องจากว่าเป็นช่วงที่อยู่ในพรรษา ต่อให้ขอสัตตาหะฯ เพื่อให้ไปได้ไม่เกิน ๗ วันแล้วก็ตาม ก็ต้องรอจนกว่าจะ "ได้อรุณ" ถึงจะเดินทางออกจากวัดได้ เนื่องเพราะว่าถ้าเดินทางก่อนได้อรุณ เท่ากับว่าท่านเสียไปฟรี ๆ ๑ วัน..!

เหตุเพราะบาลีกล่าวไว้ชัดเจนว่า "ไม่เกิน ๗ คืน" ดังนั้น..ถ้าเราออกจากวัดก่อนสว่าง ก็แปลว่าเสียไปแล้ว ๑ คืน จึงทำให้กระผม/อาตมภาพเดินทางมาถึงยังหอประชุมใหญ่พุทธมณฑล เพื่อเข้าร่วมโครงการประชุมสัมมนาพระนักเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ช้าไปเล็กน้อย

เมื่อไปถึงก็เจอท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) หลวงพ่อพระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๗ ท่านเจ้าคุณพระเทพเวที, ดร. (พล อาภากโร ป.ธ.๙) เจ้าคณะภาค ๖ มายืนเรียงราย เพื่อรอถวายการต้อนรับพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) ซึ่งได้รับพระบัญชาจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อมฺพรมหาเถร) ให้เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานในการเปิดงานวันนี้แทน

เมื่อถวายการต้อนรับ และส่งพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์เข้าสู่ห้องรับรองแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เข้าไปยังที่นั่ง ท่านเจ้าคุณอาทิตย์ (พระโสภณวชิรวาที) เลขานุการศูนย์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็ได้นำเอาบัตรติดหน้าอก พร้อมกับเอกสารมาให้เซ็น โดยเฉพาะเซ็นรับค่าเดินทาง ซึ่งกระผม/อาตมภาพเอง ถ้าหากว่ารับค่าเดินทางก็เท่ากับเป็น "อัฐยายซื้อขนมยาย" เนื่องเพราะว่าตนเองบริจาคเงินสนับสนุนในการจัดงานครั้งนี้ แต่ในเมื่อเป็นระเบียบก็ต้องทำตาม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2023 เมื่อ 00:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 15-09-2023, 23:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,926 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อได้เวลา พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ก็เป็นประธานในการเปิดงาน แล้วนำสาส์นจากสมเด็จพระสังฆราชมาอ่านให้กับทุกคนที่เข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ฟังโดยพร้อมเพรียงกัน เมื่อจบจากสาส์นสมเด็จพระสังฆราช ท่านเจ้าประคุณฯ ก็ได้กล่าวสัมโมทนียกถาต่ออีกระยะหนึ่ง แล้วถึงกล่าวเปิดงาน

กระผม/อาตมภาพขอตัวจากพระเถระทุกรูป ซึ่งนั่งรายล้อมอยู่รอบข้าง ประกอบไปด้วยบรรดาเจ้าคณะภาค เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เหล่านั้นเป็นต้น แล้วเดินทางมายังวัดอุทยาน ถนนเลียบคลองบางกอกน้อย ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เพื่อเตรียมที่จะทำบวงสรวงเปิดงานหล่อพระให้ในวันพรุ่งนี้ เมื่อมาถึงก็เห็นบรรดาพระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งทหารที่ได้รับคำสั่งผู้บังคับบัญชา กำลังช่วยกันตั้งเต็นท์ ตั้งเก้าอี้ จัดสถานที่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อรองรับทั้งพระเถรานุเถระ และคณะญาติโยมที่จะเดินทางมาร่วมด้วย

แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพไม่คุ้นชินเลยก็คือ มีการเปิดเพลงเสียงค่อนข้างจะดัง เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ตั้งแต่กระผม/อาตมภาพบวชที่วัดท่าซุงมา ก็ยังไม่เคยเห็นทางวัดมีงานรื่นเริงใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นครั้งเดียวก็คือ ปู่เพชร กลีบบัวได้แก้บนด้วยการนำเอาคณะลำตัดหวังเต๊ะ - แม่ประยูรมาแสดงที่วัด ซึ่งบริเวณที่ตั้งเวทีแสดงนั้น ภายหลังได้สร้างเป็นตึกรับแขกใหม่

กระผม/อาตมภาพซึ่งช่วยดูแลในเรื่องของเครื่องเสียงอยู่ตรงนั้น ปรากฏว่าพอเริ่ม ๔ ทุ่ม แม่ประยูรก็บอกว่า "หลวงพี่..ไปจำวัดเสียเถอะ พระนั่งอยู่ด้วยแบบนี้เล่นไม่ออกเลย..!" กระผม/อาตมภาพก็เข้าใจดี เนื่องเพราะว่าเรื่องของลำตัดนั้น ถ้าหากว่าออกในแนว "สองแง่สองง่าม" ก็จะสนุกสนานเฮฮามาก จึงต้องเลี่ยง ๆ ออกจากสถานที่นั้น เพื่อให้หวังเต๊ะและแม่ประยูรได้แสดงฝีปากของตนอย่างเต็มที่

ส่วนหลังจากนั้นต่อมา ก็มีวงดนตรีจากกองพันทหารม้า ค่ายจิรประวัติ ซึ่งตอนนั้นผู้บังคับกองพันก็คือพันเอกสถาพร พงษ์พิทักษ์ ได้มาร่วมแสดงฉลองในงานเปิดอนุสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราช ซึ่งเพิ่งจะยกตั้งขึ้นไป เป็นรูปของพระเจ้าพรหมทรงช้างพลายประกายแก้ว แต่ว่าหล่อแล้วรมดำมา ซึ่งทำให้ออกการค่อนข้างจะดุ กระผม/อาตมภาพได้เลือดเป็นคนแรก ทั้ง ๆ ที่ถอยไปชนรั้วของจุฬามณีเจดียสถาน ที่เป็นแค่เหล็กสี่เหลี่ยมธรรมดา ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงบาดได้เหมือนกับเป็นมีดโกนเลย..!

เมื่อกราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านก็บอกว่า "สีดำเป็นสีออกศึก ต้องเซ่นกันด้วยเลือด "พระ" ท่านแนะนำให้ปิดทอง ซึ่งเป็นสีตอนออกบวช เรื่องร้ายเหล่านี้จะได้หมดไป" หลังจากนั้น เมื่อปิดทองเรียบร้อย ทุกสิ่งทุกอย่างก็สมบูรณ์บริบูรณ์ ปราศจากอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ อีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2023 เมื่อ 00:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 16-09-2023, 00:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,926 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ต่อมาเมื่อท่านอาจารย์บุปผชาติ พงษ์ประดิษฐ์ ซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ที่วิทยาลัยครูนครสวรรค์ ได้นำเอาคณะกลองยาวของวิทยาลัยครูนครสวรรค์ มาทำการแสดงถวายเป็นพุทธบูชา เพราะว่าคณะกลองยาวของวิทยาลัยครูนครสวรรค์ในตอนนั้น ซึ่งภายหลังก็คือมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ได้เข้าแข่งขันแล้วได้เป็นแชมป์ประเทศไทยมา

ดังนั้น..กระผม/อาตมภาพจึงไม่คุ้นชินกันกับการรื่นเริงเฮฮา โดยเฉพาะเสียงเพลงเสียงดนตรีดัง ๆ เมื่อไปอยู่ที่วัดท่าขนุน กระผม/อาตมภาพก็นำเอาปฏิปทานี้ไปใช้ ก็คือไม่มีการแสดงรื่นเริงใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นการอาสารำถวาย หรือว่าแสดงถวายของบรรดาเด็ก ๆ ที่กระผม/อาตมภาพสนับสนุนให้เขาทั้งหลายฝึกซ้อมการแสดงเอาไว้ ในเมื่อฝึกซ้อมเอาไว้ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาเวทีให้เขาแสดงด้วย ไม่เช่นนั้นการแสดงทั้งหลายเหล่านั้นก็ไม่รู้ว่าจะฝึกซ้อมไปทำอะไร เนื่องเพราะว่าซ้อมไปแล้วก็ไม่มีเวทีให้ออกงาน

ดังนั้น..พวกเราก็จะเห็นแค่การแสดงที่ออกไปแนวอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย หรือว่าชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในเขตบริเวณอำเภอทองผาภูมิ เรื่องของภาพยนตร์ ดนตรี ลิเก จะเป็นลิเกพม่า ลิเกไทย ตลอดจนกระทั่งรำวงต่าง ๆ หรือว่าจ้างวงดนตรีที่มีชื่อเสียงมาแสดงนั้น ตั้งแต่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนมา ๑๕ ปีแล้ว ยังไม่เคยมีการแสดงในลักษณะแบบนี้เลย

ในสมัยเจ้าอาวาสรูปก่อน ก็คือพระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโตนั้น ได้มีการแสดงละครพม่า ซึ่งจะดึงเอาพี่น้องมอญพม่าเข้าวัดได้มากมายมหาศาล แต่ว่าขณะเดียวกัน ก็สร้างความสกปรกให้กับวัดวาอารามเป็นอย่างยิ่ง หลังการแสดงเมื่อไร ขยะก็เกลื่อนไปทั้งวัด บางทีก็ถ่ายหนักถ่ายเบาอยู่บริเวณใกล้ ๆ กับเวทีนั่นเอง..!

กระผม/อาตมภาพตอนนั้นเป็นรองเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ต้องพาพระภิกษุสามเณร ช่วยกันทำความสะอาดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่เช่นนั้นก็จะเห็นแต่เศษขยะเกลื่อนกลาดไปหมด เมื่อกระผม/อาตมภาพขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาสเอง จึงตัดรายการแสดงละครพม่าในงานประจำปีออกไปเลย..!

เมื่อมาเป็นเจ้าอาวาสแล้ว เมื่อถึงเวลาจัดงานประจำปีปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุนและทำบุญถวายอดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่าน ก็แค่อาศัยการแสดงของบรรดาชาติพันธุ์ต่าง ๆ เท่านั้น และมีปีละครั้งเดียว จึงไม่ค่อยจะเคยชินกับความรื่นเริงเฮฮาอื่น ๆ เพราะว่าอาศัยธรรมะเป็นหลักเท่านั้น ถึงเวลาญาติโยมทั้งหลายก็อยากจะฟังเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้แทรกหลักธรรมไป โดยที่ไม่ได้สนใจในเรื่องของดนตรีลิเกอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น

เมื่อมาเจอการเปิดเพลงยาว ๆ ตลอดจนกระทั่งเสียงบอกบุญเรี่ยไรดังไปทั้งวัด ก็ทำให้รู้สึกว่าไม่คุ้นชิน แต่ว่าก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เนื่องเพราะว่าต่อให้คุณเป็นเจ้าอาวาสแล้วไม่อยากจะทำ แต่ถ้าคณะกรรมการเขาตั้งใจจะทำอย่างนั้น เราก็ไม่สามารถที่จะ "เอาเรือไปขวางน้ำเชี่ยว" ได้ เนื่องจากว่ามีแต่เรือจะล่มเสียเปล่า ๆ บรรดาเจ้าอาวาสถ้าเจอแบบนี้ก็ต้องอดกลั้นอดทนกันต่อไป ต้องบอกว่า "วัดกันดูว่าระหว่างกรรมการวัด กับเจ้าอาวาสใครจะหมดอายุขัยเสียก่อนกัน..!"

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2023 เมื่อ 00:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:23



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว