กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 12-07-2009, 13:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อบอกว่า "สังฆทานคือการสละออกทางกาย รักษาศีลเป็นการควบคุมกาย วาจา ทำสมาธินี่ได้ทั้งกาย วาจา และใจ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 12-07-2009, 13:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่ทำสมาธิ ไม่ได้รู้สึกว่าลอยหรือว่างเปล่าเหมือนอย่างที่คนอื่นเขาบอกมา ?
ตอบ : สำคัญตรงที่ว่าเราอยู่กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะตรงหน้าจริง ๆ หรือเปล่า หรือไปฟุ้งซ่านกับเรื่องอื่น ๆ?

ถาม : ไม่ค่ะ เหมือนเราอยู่กับตัวเอง และไม่เห็นว่าจะลอยเหมือนอย่างที่เขาพูด ?
ตอบ : นั่นเป็นแค่อาการส่วนหนึ่งเท่านั้น อาการนั้นจะเป็นก็ได้ ไม่เป็นก็ได้ แต่สำคัญว่าขณะที่จิตอยู่ตรงนี้แล้ว รัก โลภ โกรธ หลง นั้นหยุดได้ไหม ? ความฟุ้งซ่านมีไหม ? ความง่วงนอนมีไหม ? ถ้าหากไม่มีแสดงว่าอย่างน้อยจิตเราต้องทรงสมาธิได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2020 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 12-07-2009, 15:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ...ใจมันเลื่อนขึ้นเลื่อนลงระหว่างคำว่ารูปและอรูป บางทีมันก็มีจังหวะมาพิจารณา มันยังมีความเย็นร้อนอ่อนแข็ง ดินน้ำลมไฟ ความว่างเปล่าต่าง ๆ ในความรู้สึกในอารมณ์นี้มันมีตัวที่พยายามที่กันเราให้อยู่ แต่บางเวลาพอผ่านความเย็นร้อนอ่อนแข็งไป ความโล่งไป มันรู้สึกอีกแบบ มันสะท้านไป..
ตอบ : อย่างน้อย ๆ เห็นช่องทางแล้ว มันจะง่ายขึ้นกว่านี้

ถาม : แล้วอย่างเวลาที่เราไปยืนอยู่ท่ามกลางคนมากมาย แล้วเราเดินอยู่ หรือไปนั่งรถไฟฟ้าที่มีคนมากมาย มันเหมือนกับว่าใจเราสัมผัสกับอารมณ์ภายนอกของคนที่เขาคิดต่าง ๆ นานา บางทีเดินผ่านปุ๊บมองเห็นความคิดของเขาอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็เป็นสังขารที่ปรุงมาให้เราได้สัมผัสทางใจ แต่ว่าใจของเรานี่เหมือนกับรู้กับอารมณ์ของคนอื่น บางทีก็นึกอยู่กับอารมณ์เขา มันเป็นสิ่งที่เกิดดับตลอดเวลา
ตอบ : จริง ๆ ก็สักแต่ว่ารู้เฉย ๆ ไม่เช่นนั้นก็ตัดไปเลยอย่าไปรับรู้

ถาม : แต่ว่ามันอยู่ข้างในของเรา มันอยู่กับสมาธิที่มันเป็นความว่าง
ตอบ : ไปรู้เรื่องของเขาให้พิจารณาลงไตรลักษณ์ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวมันเผลอพาเราไปเลย แต่ละคนที่ได้พบได้เจอ ในอดีตมันเคยมีความเกี่ยวเนื่องกันมาทั้งนั้น เพราะฉะนั้นมีอยู่อย่างเดียวคือ วิ่งลงไปไตรลักษณ์เลย เขาก็ทุกข์ เราก็ทุกข์ ตอนนี้ก็ไม่พ้นทุกข์ทั้งคู่

ถาม : แล้วการที่เราเข้าไปท่ามกลางคนเยอะ ๆ เราจะตั้งอารมณ์อะไรขึ้นมา เช่น ตั้งอารมณ์ความว่าง ตั้งอารมณ์ไฟ ไฟคือธาตุร้อนใช่ไหมครับ ธาตุร้อนพอแยกออกมาแล้ว อารมณ์โกรธ อารมณ์ราคะก็มีไฟปนอยู่ด้วย แล้วก็อารมณ์หลง ความตื่นมันก็มีความสว่างของไฟอยู่ด้วย แต่มันมีภายในภายนอกที่เราเข้าไปดูได้แล้วก็ปล่อยตัวได้ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าอารมณ์ที่มันอยู่เหนือความตั้งอยู่ หรือความเข้าใจหรือความซึมภายในอารมณ์นี่
มันเหมือนเป็นวิทยุที่อยู่นอก ๆ เลย มีบางช่วงที่รู้ว่า รูปก็คือรูป อรูปก็คืออรูป แล้วมันมีความรู้สึกที่ว่าเงียบเชียบเด็ดขาด เหลือมันอยู่ภายนอก และมันเป็นสิ่งที่อยู่ตลอดเวลาด้วย เพียงแต่ว่าจิตที่ไปสัมผัสในบางครั้งนี้มันมีการภาวนา
ตอบ: ถ้ามันละเอียดไม่พอ มันไม่ได้ยิน ไม่ใช่อยู่กับการภาวนาอย่างเดียว การพิจารณาทุกอย่าง เพื่อก้าวล่วงสภาพสมมติไปให้ได้ ถ้าหากว่าก้าวไปไม่ได้มันจะไม่ชัดเจนในตรงนี้



ถาม : ตอนหลังเมื่อติดต่อกับคน ผมเกี่ยวข้องกับคนมากขึ้น ๆ มันก็มีการภาวนาของมัน เพียงแต่ว่ามันมีตัวหนึ่งผุดขึ้นมามันจะสะดุ้ง โดยที่มันจะขาดออกไป คือใจมันภาวนา มันเต็มหมดทุกอย่างเลย
ตอบ : (ตรงนี้ท่านหัวเราะชอบใจแล้วบอกว่า) แสดงว่ายังห่วงของเก่าอยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-11-2009 เมื่อ 15:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 123 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 12-07-2009, 15:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มันเต็มหมดทุกอย่าง มันเหมือนเป็นอิสระ เป็นสมาธิของมันเองทุกอย่างเลย สมาธิไม่ต้องไปตั้งท่าไปทำอะไรเลย
ตอบ : มันทำงานของมันเองอัตโนมัติ

ถาม : แล้วสมาธิที่ต้องไปทรงไปตั้งอารมณ์ไว้ มันมีของมันเองโดยอัตโนมัติ มันเหมือนว่าจิตนี้มีความฉลาดอยู่ แล้วมันรู้ทุกอย่างของมันเอง แล้วมันรู้ทุกภาษา แต่ไม่ใช่ภาษาที่คนที่เข้าไปคิดกันนะครับ ไม่ใช่ภาษาคำพูด ภาษาสวีเดนอะไร แต่มันเป็นภาษาใจของมัน แล้วเวลาจะหลุด มันก็หลุดของมันเองออกไปอย่างนี้
ตอบ : ของเราถ้าไม่ติดของเก่าก็อาจจะไปแล้วก็ได้ รองานเดิมไปสักหน่อย ถ้าเบื่องานเดิมเมื่อไหร่ ตั้งใจจริง ๆ ก็จบ


ถาม : แล้วเราไปในที่นี้ มันเหมือนกับว่าติดในสิ่งที่เป็นเจตนาที่เราเคยทำเอาไว้อย่างนี้
ตอบ : ตัวอธิษฐาน เพราะสัญญาดั้งเดิม ตั้งใจจะทำมันต้องทำ เพื่อที่จะได้กล่าวว่าทั้งหมดเราเคยสืบเนื่องมันมา ในเมื่อสืบเนื่องกันมาถึงเวลาเราจะรักษามันไว้ รอลุ้นไปสักระยะหนึ่ง พอมันเกิดอารมณ์อีกทีก็ตั้งใจตัด ๆ มัน จะได้หมดเรื่องหมดราว

ถาม : ให้มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติดีกว่าครับ
ตอบ : (หัวเราะ)

ถาม : เวลาไปติดต่อคนมันจะรู้สึกในแบบที่เป็นโล่ง ๆ ของคน มันเหมือนกับเป๊ปซี่เหมือนกับแฟนต้า แสบ ๆ ร้อน ๆ ระยิบระยับ วิบ ๆ ตลอด
ตอบ : (หัวเราะ) มันเป็นเรื่องปกติของมันอยู่แล้ว เพราะว่าในชีวิตของฆราวาสมันคลุกอยู่กับความทุกข์ ความทุกข์ร้อนที่เกิดจากราคะ โทสะ โมหะมันแฝงอยู่ทุกคำพูด การกระทำ และความคิดของเขา เพราะฉะนั้นหากเราเผลอไปรับเข้ามา มันก็จะเกิดความรู้สึกแสบร้อน เกิดขึ้นในกาย ในใจของเรา

ถาม : ช่วงนี้ผมมีโอกาสไปไหว้พระในที่ต่าง ๆ เวลาผมไหว้ ผมรู้สึกว่าถ้าใจเรามีศรัทธา มุ่งมั่น มันเหมือนกับมีฟองอากาศที่เป็นทางที่เชื่อมติดระหว่างธรรมะได้ มันเหมือนเป็นคลื่นน้ำตกที่มากระแทกในใจ บางทีเป็นเหมือนแสงสีขาวที่มันเจิดจ้า มากระทบใจจนพูดไม่ออก พูดไม่ออกเลยเป็นเวลา ๑๕ นาที แต่ว่ามันเข้าใจหมดเลย เป็นความสว่าง แต่อันนี้ไม่ใช่ความหลุดพ้น เป็นเหมือนสภาวะอย่างหนึ่ง
ตอบ : แค่การรับรู้เท่านั้น จริง ๆ แล้วทุกอย่างที่เราทำไปมันต้องเริ่มด้วยศรัทธา ศรัทธาจะเป็นจุดเริ่มต้นของศีล สมาธิ ปัญญา คราวนี้เรามีศรัทธาแล้วไปทำตรงนั้นเข้า มันก็เท่ากับว่าเราไปต่อวงจรจิต ในเมื่อเราต่อวงจรจิตมันจะรับกระแสทุกอย่างได้ง่าย

ไปเถอะ ทำหน้าที่ของตนเองต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2019 เมื่อ 04:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 12-07-2009, 16:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งต่าง ๆ ที่รับเข้ามามันมีมาก บางทีก็เพลิดเพลินอยู่กับลักษณะอย่างนั้น เพราะว่ากระแสความดี กระแสความชั่วทุกอย่างที่เราหรือผู้อื่นทำไม่ได้ไปไหน มันยังคงดำรงตนเป็นพลังงานของมันอยู่ โดยเฉพาะในสิ่งที่คนมุ่งไปเป็นจำนวนมากเท่าไหร่ กระแสมันก็จะแรงขึ้น ถ้าหากว่าของเรามุ่งมั่นในด้านดีก็เป็นกระแสในด้านดีมันก็จะเสริมกัน ถ้ามุ่งในด้านไม่ดี ก็เป็นกระแสที่ไม่ดีมันก็จะไปอีกทางหนึ่ง เพราะฉะนั้นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันมีในที่ที่เราเดินทางไปถึง บางทีสัมผัสได้

ถาม : ผมอ่านประวัติพระที่เป็นยอดพระ ที่ท่านชำนาญทั้งโลกีย์สมาธิ และโลกุตรสมาธิ ก็คือ ผมอยากทราบว่าสมาธิที่เป็นฌานหรือเป็นอะไรก็ตาม เนื่องด้วยโลกีย์หรือโลกุตรเองก็ตาม มันก็คือใจเราไปสัมผัสกับอารมณ์และมีความยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์นั้น
ตอบ : มันจัดเป็นการปรุงแต่งอย่างหนึ่ง แต่มันเป็นการปรุงแต่งที่ช่วยให้กิเลสเบาบางลงได้ในบางส่วน ท้ายสุดคือต้องปล่อยวาง

ถาม : แล้วสมมติว่าเราเกี่ยวข้องกับตรงนี้ ข้างนอกมันก็เป็นสิ่งภายนอก แต่ภายในมันก็ไม่ใช่โล่งโปร่งที่จะแก้ทุกอย่างได้ มันก็ตั้งเป็นสมาธิภายในแล้วก็เข้าไปในอีกมิติหนึ่งเลย ตัวนี้เป็นตัวหลอกหรือเปล่าครับ
ตอบ : ไม่ใช่ บางอย่างถ้าหากว่าเบื่อที่จะรับมัน มันก็ไปในด้านที่เราสุดขีดมากกว่า มันก็หมดเรื่องหมดราวกับมัน

ถาม : ยังไงครับ
ตอบ : อย่างเช่นว่า อารมณ์บางอย่างที่เราสัมผัสมา มันเป็นเรื่องที่เราต้องลดกำลังใจ คลายกำลังใจออกไปเพื่อรับรู้ บางทีมันก็สร้างความหนักความเหนื่อยให้แก่เราได้พอสมควร เราเองก็หลบไปอยู่ภายในของเราสบายกว่าเยอะ

ถาม : มันเหมือนกับว่าในจิตในใจมันมีทางเป็นของมันอยู่แล้ว แล้วทางเป็นของมัน มันมีแต่ความโล่งความโปร่ง เบา ๆ แต่เวลาพอติดต่อกับภายนอกมันซึมเข้ามาอยู่ในร่างกาย แล้วเราใช้ร่างกายไปเสพกามคุณ ๕ อย่างนี้ เสพตัณหาอะไรอย่างนี้มันไม่ดี แต่ธรรมชาติของจิต...
ตอบ : ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าสภาพจิตประภัสสรมาตั้งแต่กำเนิด ที่มืดมัวไปเพราะโดนย้อมด้วยกิเลสรัก โลภ โกรธ หลง เราไปคลุกคลีกับมันแทนที่จะถอนตัวออกมาเรียกว่าแต่เนิ่น ๆ แต่กลับกลายหนักขึ้นเรื่อย ๆ สภาพจิตที่เคยผ่องใสมันก็มืดมัวไป โอกาสที่เห็นธรรมมันก็น้อยลง ๆ ทำอย่างไรเราจะค่อย ๆ ปัด ค่อย ๆ ขัด ค่อย ๆ ถู ทำความสะอาดมัน ถอนมันออกมาจากหล่มกิเลสทั้งเหล่านั้น นี่คือหน้าที่ที่เราต้องทำ

ถาม : เวลาพอมันแยก มันจะมีจุดที่แยกออกมาจากกันแบบคนละเรื่องเลย มันสอนตัวเราเองเรื่อย ๆ ตลอดเวลา
ตอบ : อย่างน้อย ๆ ก็มีสติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2019 เมื่อ 04:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 120 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 12-07-2009, 16:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วฌานควรทำไว้ตลอดหรือไม่ครับ
ตอบ : ควรที่จะทำไว้เพราะอย่างน้อยอันดับแรกก็คือว่า ประคับประคองจิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ อย่างที่สองคือ กำลังมันทำให้กิเลสกินเราได้น้อย อย่างที่สามสำคัญที่สุด ก็คือใช้ในการตัดกิเลส กำลังฌานมีส่วนด้วยอย่างมาก

ถาม : ใช้อำนาจฌานหรือสมาธิแล้ว มันเหมือนกับอำนาจที่จะไปบังคับสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้
ตอบ : อันนั้นแหละคือตัวอภิญญา เพราะฉะนั้นเวลาทำได้ต้องมีสติ รู้ระวังตลอดเวลา เพราะว่าถ้ามันคล่องตัวมาก ๆ แค่คิดมันเป็นแล้ว ถ้าหากมันเป็นแล้วถ้าคิดในด้านดี...ก็แล้วไป คิดในด้านไม่ดีก็สร้างกรรมหนักให้แก่เรา ในขณะเดียวกันของบางอย่างวาระกรรมมันมีอยู่แล้วเราเปลี่ยนแปลง โทษก็จะเกิด

ถาม : ปัญญาที่จะใช้ได้รอบ มันเกิดจากการอบรมโดยการพิจารณาว่าดินน้ำลมไฟ ร่างกายมันไม่ใช่ของเราหรือเปล่า
ตอบ : จริง ๆ คือการยอมรับว่าทุกอย่างมันมีธรรมดาของมัน เป็นอย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นคนเป็นวัตถุธาตุอะไร มันไม่ใช่เกิดขึ้นลอย ๆ หรือปราศจากเหตุปัจจัย ในเมื่อเหตุและปัจจัยมันปรุงแต่งมาอย่างนั้นโดยสภาพที่เขาเองสร้างขึ้นเราก็ไม่ควรที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับมัน ก็เหมือนกับว่าสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น ถ้าบางทีอะไรที่เนื่องเข้ามาถึงจริง ๆ วาระมันเหมาะสมเข้ามาจริง ๆ ก็ช่วยเหลือได้

ถาม: ถ้าอย่างนั้นผมต้องกลับไปปฏิบัติอีกเยอะ
ตอบ : ถ้าหากว่ายอมเลี้ยวก็จบแล้ว ( หัวเราะ)
มาถึงระดับนี้แล้วเป็นประเภทยอมได้ยาก เดี๋ยวขอเดินทะลุข้างฝาให้ได้ก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 22-07-2015 เมื่อ 20:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 122 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 12-07-2009, 21:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อท่านกล่าวว่า "พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งอื่นใดแล้ว แต่ว่าพอพระอัญญาโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม บาลีท่านบอกว่า อะถะโข ภะคะวา อุทานัง อุทาเนสิ พระพุทธเจ้าทรงเปล่งอุทาน อัญญาสิ วะตะ โภ โกณฑัญโญ โกณฑัญญะรู้แล้ว

ตรงที่ท่านเปล่งเสียงขึ้นมามันเกิดจากสภาวะที่ว่า เรื่องที่ท่านรู้นั้นบัดนี้มีคนเข้าใจและเป็นพยานให้ท่านได้แล้วว่าท่านรู้ เรื่องของคุณเลิศ ที่ทำ ๆ มา อยู่ในลักษณะที่ว่า อย่างน้อยยืนยันได้ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนมาเป็นความจริง โดยเฉพาะในเรื่องของอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ อะไรก็ตาม ทำไปแล้ว มันเป็นแค่ทางช่วงหนึ่งที่เราต้องก้าวผ่านไป ถ้าไปหลงอยู่กับมันก็จะติดอยู่แค่ทางช่วงนั้น ไม่สามารถผ่านหรือก้าวล่วงพ้นไปได้

ก็รออยู่อีกนิดเดียวเท่านั้นว่าต้องการความพ้นหรือไม่ แต่ของคุณเลิศนี่เวลาจะพ้นก็แหย่เท้ากลับดีกว่า มันก็จะชัก...ถอยไปทุกที
ตัวนี้มันเกิดจากงานเก่าที่อธิษฐานไว้ ลักษณะของการปรารถนาโพธิญาณมาก็ดีหรือว่าต้องการรู้ให้ครบ มันก็ต้องคอยรั้งตัวเองเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่กำลังมีเหลือเฟือแล้วแต่ต้องคอยรั้งเอาไว้เรื่อย รอก่อน ๆ รอให้หมดก่อน

ความตั้งใจเดิมมันคงมั่นและแรงมาก ๆ มันเท่ากับกำหนดเข็ม ในเมื่อมันกำหนดเข็มให้เราเดินทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไปข้างหน้าแล้วจะสบาย มันยังไม่ไป มันต้องคอยรั้งเอาไว้อีก ถึงเวลาก็เฮ้ย...งานเก่ายังมีอยู่ แต่ว่ามันดีตรงจุดที่ว่ามันได้เห็นชัด ๆ ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนเรา หนทางแห่งความหลุดพ้นมีจริง ขณะเดียวกันเรื่องของอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ต่าง ๆ พอก้าวไปถึงจุดเส้นทางพระอริยเจ้าคือความหลุดพ้นจริง ๆ ของพวกนี้เป็นของเด็กเล่นไปเลย จะว่าไปแล้วเป็นของที่หากว่าไม่ใช่บุคคลที่มีสติสัมปชัญญะจริง ๆ จะก่อให้เกิดโทษเสียด้วยซ้ำ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-11-2009 เมื่อ 15:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 12-07-2009, 21:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อกล่าวว่า "ในเรื่องของฤทธิ์หรืออภิญญา คราวนี้พอเราทำได้ พอทำได้มันจะกลายเป็นว่าถ้าเราเผลอไปยึดติดนิดเดียว มันไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-11-2010 เมื่อ 10:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 123 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 13-07-2009, 00:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อกล่าวว่า "เรื่องของคุณเลิศทำให้นึกถึงพระ เมื่อสองเดือนที่ผ่านมามีพระรูปหนึ่งมาขออยู่ที่ท่าขนุน เพื่อฝึกปฏิบัติ เขาบอกว่าเขาใช้เวลาตามมานานหลายปีเหลือเกิน เกี่ยวกับการปฏิบัติสายที่ออกไปทางอภิญญา ต้องบอกว่าน่าสงสารมากเลย คนที่ไม่รู้ช่องทางมันไม่รู้จริง ๆ เลย

หลังงานเป่ายันต์ ๒ วัน เขาลากลับเพราะรู้สึกว่าอิ่มตัวแล้ว พอใจแล้ว รู้ว่าเรามีพวกอยู่แน่ ๆ ไม่ใช่พวกผีบ้า เขาก็ไปปรารภกับเพื่อนพระด้วยกัน "ก่อนหน้านี้นะ ผมจะหาพระอภิญญาสักรูปหนึ่งยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน แต่พอมาอยู่ท่าขนุน คนนั้นก็ใช่คนนี้ก็เป็น มันมาตกอยู่ที่นี่หมดเลยหรือ"

ที่นึกถึงคุณเลิศ นึกถึงลักษณะเดียวกันว่าเวลาที่มันยังไม่รู้ช่องทาง มันก็ตะกายชนิดที่ต้องเอาให้ได้ แต่พอเห็นช่องทางจริง ๆ จ่อ ๆ เข้ามาหน่อย มันสบายใจที่เห็นพวก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-11-2010 เมื่อ 10:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 127 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 13-07-2009, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อกล่าวว่า "เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นเกิดจากกรรมเก่า ถ้าไปกังวลอยู่กับโรค ใจจะหมองเปล่า ๆ มีวิธีอยู่ว่าปฏิบัติใน ทาน ศีล ภาวนา เป็นปกติ ขณะเดียวกันก็รักษาไปตามอาการ หมอเขาสั่งยาอะไรมาก็ขยันกินไปเถอะ ถ้าจะให้ดีก็ปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะฆ่าอย่างพวกปลาในตลาด ทำประจำสักเดือนละตัวสองตัว ต่อเนื่องไปสักระยะ เจ้ากรรมนายเวรใจอ่อนเดี๋ยวอาการป่วยก็จะเบาลงไปเอง"

ถาม : วิธีที่จะทำให้อาการของโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นพ่อแม่นั้นทุเลาลง ?
ตอบ : สอนให้ท่านหัดสวดมนต์ภาวนาเพื่อความสบายใจ อย่างน้อย ๆ ถ้าหากว่าความสบายใจเกิด โรคภัยไข้เจ็บก็จะน้อยลง แล้วขณะเดียวกันถ้ากำลังใจดี...ทุกอย่างก็จะดี

พอทำไป ๆ ความเคยชินจะเกิดขึ้นแล้วก็จะง่าย พอง่ายแล้ว...ใจดีเสียอย่างทุกอย่างก็จะดีหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2020 เมื่อ 19:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 121 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 13-07-2009, 09:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่เราอธิษฐานให้พ่อแม่ เรื่องอะไรก็แล้วแต่ การงานเรากลับไม่เดิน แต่พอเราอธิษฐานให้ตัวเองกลับมีความคล่องตัวทางโลก ตรงนี้เป็นเพราะอะไร
ตอบ : ไปยุ่งกับวาระกรรมคนอื่น
บางทีมันเป็นช่วงที่วาระกรรมสนองท่าน แต่มันไม่ใช่ช่วงของเรา เราเองโล่งสบาย ทำอะไรก็ง่าย แต่พอเราไปแตะเข้าเท่ากับไปยุ่งกับวาระของเขา คนโดนไฟดูดแล้วเอามือไปดึงเขาก็เลยพลอยโดนไปด้วย


ถาม : แล้วพอมีคำแนะนำอะไรบ้างไหมครับ
ตอบ : ไม่มีอะไร ทำต่อ อย่างน้อยเพื่อความกตัญญู ถ้าไม่มีท่านเราก็ไม่ได้เกิดมา เพราะฉะนั้นยอมลำบากเพื่อพ่อเพื่อแม่สักหน่อย ให้เราได้ทำหน้าที่ของเรา

ถาม : แล้วเรื่องสวดมนต์ภาวนานี่
ตอบ : ถ้าเราทำคนเดียวกำลังมันจะน้อย แต่ถ้าหากต่อไปพ่อแม่ทำด้วย ต่อไปทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้น

ถาม : พ่อผมสวดมนต์แต่เรื่องนั่งสมาธิยังไม่ได้ เหลือแต่คุณแม่นี่ยาก
ตอบ : บอกท่านว่าได้ยินพระท่านบอกว่า ถ้าหากว่าสามารถสวดมนต์ไหว้พระได้ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น

ถาม : ทะเลาะกันบ่อยมาก ไม่รู้จะแก้ยังไง
ตอบ : ก็บอกแล้วแก้ด้วยวิธีทำ เรากินแทนท่านไม่ได้ แต่เราแนะนำท่านกินได้ ท่านต้องกินด้วยตัวเอง

ถาม : แนะนำท่านด้วยวิธีสวดมนต์ภาวนา นั่งสมาธิแล้วแผ่เมตตาหรือครับ
ตอบ : อย่างของคุณพ่อนี่ให้เพิ่ม เพราะคุณพ่อขยันสวดมนต์ ถ้าสวดยาว ๆ จะเป็นสมาธิ แต่ของคุณแม่นี่เอาสั้น ๆ ก่อน ถ้าจะเอาแบบพิเศษก็แบบหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน อิติปิโส สวากขาโต สุปฏิปันโน พาหุง ๘ บท มหาการุณิโก ท่านบอกให้สวดเท่าอายุแล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนจากร้ายเป็นดี แต่ถ้าอายุมาก ๆ นี่เหนื่อยแย่เลย

แต่ว่าเรื่องของบุญใหญ่ที่สุดคือ การภาวนา การให้ทาน คือให้ด้วยกาย ให้หนึ่งเท่ากับร้อย การรักษาศีล เป็นการรักษาทางกายวาจา การภาวนานี่ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจพร้อมกัน แล้วมันมีวิธีเดียว ถ้าหากว่าวาระนั้นสิ่งต่าง ๆ มันอาการหนักหนาสาหัสมากมาย มันต้องหากำลังเพื่อที่จะมาค้ำ มันก็ต้องใช้ในเรื่องของการภาวนา

ท่านให้สวดเท่าอายุจริง ๆ แล้ว คือ ต้องการสร้างสมาธิ ถ้าสมาธิเกิด ผลอย่างมหาศาลจะเกิด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 23-07-2015 เมื่อ 14:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 120 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 13-07-2009, 10:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คือ ให้ภาวนา
ตอบ : จริง ๆ ก็คือภาวนา แต่บอกให้สวดมนต์
เราทำของเราตามปกติได้ เพราะเรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ว่าสำหรับพ่อสำหรับแม่ต้องหาช่องทาง มันเหมือนกับหลอกพ่อหลอกแม่ จริง ๆ หลอกให้ทำดี มันจะว่าหลอกก็ไม่ใช่ เพราะทำแล้วมันดีจริง ๆ


ถาม : ผมพาแม่ไปปฏิบัติธรรมหลายรอบ ดีขึ้นมาได้ประมาณอาทิตย์หนึ่งหลังจากนั้นก็เป็นเหมือนเดิม
ตอบ : ยังดีที่ได้ตั้งอาทิตย์หนึ่ง อาตมาสมัยปฏิบัติใหม่ ๆ ไม่ทันข้ามวันก็เจ๊งแล้ว

ถาม : พาไปหาหลวงพ่อ ท่านให้พร คุณแม่ดีขึ้นได้สักพักหนึ่ง หรือไม่บางทีก็ลากท่านไปยาก
ตอบ : ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ถ้าหากพ้นจากนี้ไปไม่มีพ่อไม่มีแม่ อย่างน้อยก็จะปลื้มใจว่าอย่างน้อย ๆ เรามีโอกาสช่วยเหลือท่าน ขณะที่คนอื่นโอกาสแบบนี้มันไม่ค่อยมี สมัยอาตมาดูแลพ่อแม่ทั้งเหนื่อย ทั้งหมดเงินหมดทองไปไม่รู้เท่าไหร่ แต่ว่าพอไม่มีท่าน นึกเท่าไรก็ปลื้มใจว่าเราได้ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่มีโอกาสได้ทำ

ถาม : ก็คือ เราดูแลท่านในเรื่องของเงินทองและการภาวนา
ตอบ : ทำไปเถอะ โดยเฉพาะการพาท่านเข้ามาสู่ความดีในเรื่องของทาน ศีล ภาวนา

ถาม : ที่เราไปอธิษฐานไปช่วยท่าน นี่ทำให้เราหนักขึ้น
ตอบ : ไม่เป็นไร ทำไปเถอะ คนที่เคยเป็นพ่อเป็นแม่เป็นลูก อย่างน้อยวิบากกรรมมันเคยเกี่ยวเนื่องกันมาแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 23-07-2015 เมื่อ 14:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 13-07-2009, 10:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเป็นพวกจริตแบบไหน?
ตอบ : วิกลจริต..! (หัวเราะ)

จริตมันมีตั้ง ๖ อย่าง เราก็ดูว่าอันไหนที่มันเด่นที่สุดก็อันนั้น มันมีครบทุกอย่างแต่ว่ามันจะมีอย่างหนึ่งที่เด่นขึ้น เพียงแต่ว่าที่แยกยากนิดหนึ่งก็คือ โทสะจริตและพุทธิจริต คล้าย ๆ กัน

มันคล้าย ๆ ตรงที่ว่าทำอะไรทำไว ทำเร็ว แต่พุทธิจริตจะประกอบไปด้วยความฉลาด...พลาดยาก โทสะจริตนี่ทำไปตามอารมณ์...พลาดง่าย แยกยากนิดหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-11-2010 เมื่อ 10:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 114 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 13-07-2009, 11:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อกล่าวว่า "วันก่อนอ่านหนังสือ เขาบอกว่าโรคเรื้อนเป็นโรคที่มีมาแต่โบราณ เพราะไปค้นเจอโครงกระดูกโครงหนึ่งที่มันมีลักษณะการเปื่อยของคนเป็นโรคเรื้อน เขาก็เลยคาดว่าโรคเรื้อนที่มันระบาดไปทั่วโลก มันเกิดจากการที่พระเจ้าอเล็กซ์ซานเดอร์มหาราชยกกองทัพมาตีอินเดีย

จะว่าไปแล้วฝรั่งเขารู้ช้ามาก ที่รู้ช้ามากเพราะอะไร พระพุทธเจ้าท่านห้ามผู้เป็นโรคเรื้อนบวชมาสองพันกว่าปีแล้ว กุฏฐัง ก็คือโรคเรื้อน ถึงเวลาพระคู่สวดเขาสอบถาม คัณโฑ ก็คือ พวกหิด กลาก

จริง ๆ แล้วท่านไม่ได้ห้าม แต่ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากหมอชีวกโกมารภัจจ์ หมอชีวกโกมารภัจจ์เป็นสุดยอดของหมอเลย ท่านศรัทธาในพระภิกษุของพระพุทธศาสนามาก ถวายการรับใช้พระพุทธเจ้าและพระภิกษุเป็นปกติ ถ้าท่านเอื้อมมือไปรักษาแปลว่าหายทุกโรค ก็ปรากฏว่าบรรดาคนป่วยไปอ้อนวอนให้ท่านรักษา ท่านบอกว่าท่านไม่มีเวลา เพราะว่านอกจากจะเป็นแพทย์ประจำพระองค์ถวายการรักษาพระเจ้าแผ่นดินแล้ว ยังต้องถวายการรักษาพระพุทธเจ้าและพระ

พวกคนป่วยเห็นดังนั้น คิดว่าในเมื่อรักษาพระ เราก็บวชเสียเลยแล้วก็ไปให้รักษา หมอชีวกโกมารภัจจ์ท่านก็แปลกใจว่าทำไมระยะนี้พระป่วยเยอะ ลำพังแปลกใจมันไม่เท่าไหร่ ปรากฏว่าพอพระเหล่านั้นหายจากอาการ ก็สึกเลย ก็แปลว่าเขาตั้งใจบวชมารักษา พอหายแล้วก็สึก หมอชีวกโกมารภัจจ์ก็ไปเจอกลางทาง รู้ความจริงเข้าว่าท่านบวชมาเพื่อให้รักษา

หมอชีวกโกมารภัจจ์ก็ไปกราบทูลพระพุทธเจ้า เพราะว่าภาระท่านมาก เรียกได้ว่ามัวแต่ถวายการรักษาพระอยู่จนบกพร่องในการถวายการรักษาพระเจ้าแผ่นดิน ตั้งแต่นั้นมาพวกโรคต่าง ๆ ที่รักษายาก ตั้งแต่พวกโรคเรื้อน โรคกลากเกลื้อน โรคฝี วัณโรค โรคลมชัก สมัยนั้นรักษายากเพราะสมุฏฐานไม่ชัดเจน ขนาดสมัยนี้บางทียังวินิจฉัยผิด ท่านก็เลยสั่งห้ามเป็นโรคร้ายแรง ถ้าหากว่าใครเป็นห้ามบวช เพราะเป็นวิบัติก็คือคุณสมบัติไม่ครบถ้วน

ถ้าหากว่าไปบวชแล้วเป็น ถือว่าไม่โกหก ไปเป็นเอาตอนบวชก็พยายามรักษาไปเถอะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 23-07-2015 เมื่อ 16:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 114 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 13-07-2009, 11:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อพูดถึงเรื่องการปรับธาตุโดยใช้ของขมว่า "ยาที่มีรสขมมันเป็นเรื่องแปลก มันแปลกตรงที่ว่าถ้าหากร่างกายมันเย็น ยาที่มีรสขมมันจะไปหนุนธาตุไฟให้ความร้อน แต่ถ้าร่างกายมันมีความร้อน ยาที่มีรสขมจะไปหนุนธาตุน้ำให้เย็น เพราะฉะนั้นเราจะเห็นยาโบราณแทบทุกอย่างที่เขาบอกให้แทรกยาดำ ก็เพราะยาดำมันมีรสขม มันเป็นตัวกลางแบบที่ว่าจะคอยช่วยฝ่ายไหนดี ถ้าจะเปรียบก็คือ มันเชียร์ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-07-2009 เมื่อ 11:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 116 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 13-07-2009, 12:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อบอกว่า "ปัณรส คือ ๑๕ เพราะฉะนั้นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เรียกปัณรสี
โสฬส ๑๖ สัตตรส ๑๗ อัฏฐารส ๑๘ เพราะฉะนั้นพระอัฏฐารสที่ทางเหนือชอบสร้าง ก็คือ พระ ๑๘ ศอก อย่างของวัดสวนดอกเขามีพระอัฏฐารส"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-09-2009 เมื่อ 21:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 13-07-2009, 14:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อสอนว่า "ความดีมากเท่าไหร่ ความชั่วก็น้อยลงเท่านั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 107 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 13-07-2009, 15:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อกล่าวถึงเรื่องลูกประคำว่า "พวกกะเหรี่ยงที่มาอยู่กับหลวงปู่ครูบาวงศ์ เขาจะนับลูกประคำเร็วมาก เร็วชนิดที่ว่าไม่มีเวลาให้คิดอย่างอื่นได้ ในเมื่อนับเร็วเขาจะครบรอบเร็วมาก พวกนี้พอนับไปเป็นปี ๆ ประคำเขาใสแจ๋วเลย

เรามัน 'เด็กเต้บ' ความพยายามไม่มี แต่ความงกเยอะ อยากได้ ก็ไปขอซื้อลูกประคำจากเขา ๑๐ บาท ปรากฏว่าเขาไม่ขายให้ เสนอ ๒๐ บาทไม่ขาย ๓๐ บาทไม่ขาย ขึ้นไปเรื่อย ๆ พอไปถึง ๘๐ บาท เขายอมตกลง เพราะเขาทำงานกับหลวงปู่ครูบาวงศ์ ขุดศิลาแลงขาย วันหนึ่งได้ค่าแรง ๒๐ บาท เราให้เขา ๘๐ บาทเท่ากับค่าแรงเขา ๔ วัน

ตั้งแต่นั้นมาหลวงพ่อวัดท่าซุงตั้งราคาลูกประคำ ๘๐ บาท (ราคากะเหรี่ยงตั้ง) ครูบาวงศ์ถวายลูกประคำมา หลวงพ่อเสกเสร็จเอาขึ้นที่ศาลานวราช ราคา ๘๐ บาท เป็นวัตถุมงคลที่ราคาแพงที่สุด เพราะปกติหลวงพ่อยืนพื้นที่ราคา ๑๐ บาทหรือ ๒๐ บาท พอกะเหรี่ยงตั้งราคา ๘๐ บาท หลวงพ่อเลยตั้ง ๘๐ บาท"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 13-07-2009, 15:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ระหว่างนับประคำแบบเร็ว ๆ กับแบบช้า ๆ อย่างไหนจะดีกว่ากัน?
ตอบ : อยู่ที่เราถนัด ถ้าหากเราถนัดที่จะเร็วเพื่อไม่ให้เกิดชั่ว ให้มันทิ้งชั่วได้ ทำไปเถอะ ถ้าหากว่าเราภาวนาช้าจิตสงบเร็ว นิ่งเร็ว เราก็เลือกทำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-11-2010 เมื่อ 10:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 109 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 13-07-2009, 16:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า "กว่าหลวงปู่ภู (วัดอินทรวิหาร) จะทำไม้ครูได้ มันยากเย็นเข็ญใจ ต้องไปหาไม้ไผ่ที่ล้มขวางทางช้างแต่ไม่โดนช้างเหยียบ ตัดแล้วเอามาปลุกเสก แล้วเอาไปจิ้มศพที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคารให้ได้ครบ ๗ ศพ กว่าจะได้สักศพหนึ่งก็ต้องใช้เวลา พอทำจนครบแล้วจึงมาทำเป็นไม้ครู

เมื่อหลวงปู่ภูท่านทำได้สำเร็จ ท่านประกาศเลยว่า ไม่มีใครทำได้อย่างข้า ที่หลวงปู่ภูท่านทำได้เนื่องจากท่านอายุ ๑๐๒ ปี เราคงอายุไม่ยืนพอที่จะรอให้ครบ ๗ ศพ

เรื่องของพระขรรค์โสฬสเหมือนกัน โลหะธาตุแต่ละอย่างที่จะเอามาผสมมันหายาก เพราะฉะนั้นเหลืออยู่อย่างเดียวก็คือรอ รอความเมตตาจากครูบาอาจารย์ให้แหกคอกได้ ไป ๆ มา ๆ ท่านบอกเอ็งไม่ต้องแหกคอกหรอก เพราะเอ็งไม่เคยอยู่ในคอก แสดงว่าท่านรู้จริง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2019 เมื่อ 19:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว