กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-07-2020, 21:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓

ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ก็ถือว่าสิ้นสุดการรับสังฆทานและสอนกรรมฐานต้นเดือนกรกฎาคมในวันนี้

ในช่วงสามวันที่ผ่านมา ตั้งแต่วันศุกร์ที่ ๑๐ วันเสาร์ที่ ๑๑ จนมาถึงวันอาทิตย์ที่ ๑๒ กรกฎาคมนี้ สิ่งที่ญาติโยมทั้งหลายไปทำบุญที่บ้านเติมบุญแล้ว ประสบพบเห็นก็ดี กระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจก็ตาม แสดงออกอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่เราประพฤติปฏิบัติ ในทาน ในศีล ในภาวนานั้น เป็นไปโดยสมบูรณ์บริบูรณ์หรือไม่ ? โดยเฉพาะว่าสามารถนำไปใช้งานจริงในชีวิตประจำวันได้หรือไม่ ?

หลายท่านก็ยังมีความยึดติด ขาดการปล่อยวาง เมื่อไม่สามารถถวายสังฆทานด้วยตนเอง ไม่สามารถถวายกับมือ ก็รู้สึกเหมือนกับว่าตนเองได้บุญไม่เต็ม หลายท่านก็หนักยิ่งไปกว่านั้น ก็คือมีการแอบ การหลบ การซ่อน เพื่อที่จะนำเอาสิ่งของขึ้นมาถวายให้ได้ โดยที่ไม่สนใจในเรื่องของกฎระเบียบ แต่เมื่อขึ้นมาแล้วไม่สามารถที่จะถวายได้อย่างที่ตั้งใจ ก็เพิ่งจะรู้ว่า การที่เจ้าหน้าที่บอกหรือว่าแจ้งให้ทราบนั้น เป็นความจริงทุกประการ เป็นต้น

อีกประเภทหนึ่ง เมื่อมาพบกับกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นของใหม่ ต้องมีการรอเวลาที่จองคิวเอาไว้ ต้องสแกนคิวอาร์โค้ดเมื่อเข้าบ้าน ต้องสแกนคิวอาร์โค้ดเมื่อออกจากบ้าน มาแล้วก็มีระยะเวลาเหลือในการทำบุญแค่สิบกว่านาที ก็รู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจ แสดงออกอย่างชัดเจนว่า เรายังรักษากำลังใจไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-07-2020 เมื่อ 08:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-07-2020, 21:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนญาติโยมบางท่านนั้นน่าชื่นชมมาก เพราะว่าทำบุญด้วยการไม่ยึดติด ปล่อยวางไปเลย ก็คือถึงเวลาเดินเข้ามาทำบุญ แล้วก็ถอยออกไปนั่งรอ ถึงเวลาจะได้รับพรพร้อมกันทั้งคณะ ความจริงท่านทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าทำมาถึงระดับนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาถึงบ้านเติมบุญก็ได้ แต่ว่าท่านแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนถึงบารมี คือกำลังใจของตนเอง ว่าเข้มแข็งขนาดไหน ก็คือต้องเดินทางมาไกลมาก บางท่านก็มาจากลพบุรี บางท่านก็มาจากชลบุรี ส่วนหนึ่งก็มาจากทางสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร มาถึงแล้วมีเวลาอยู่ต่อหน้าอาตมภาพแค่ไม่ถึง ๑๐ นาที บางท่านมาเอาเกือบหมดเวลาแล้ว ได้อยู่แค่ ๒-๓ นาที แต่ท่านทั้งหลายก็ยินดีที่จะมา เห็นได้ถึงกำลังใจของท่านที่เข้มแข็ง ที่สมบูรณ์บริบูรณ์ ควรแก่การบรรลุธรรมเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว เป็นการวัดกำลังใจอย่างชัดเจนประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งก็เพื่อให้ท่านทั้งหลาย ได้ประพฤติปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เป็นของใหม่ ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นกฎเกณฑ์เก่าก็ดี กฎเกณฑ์ใหม่ก็ตาม เป็นแค่ส่วนหยาบภายนอกเท่านั้น ไม่ว่าจะสถานที่ใดก็ตาม ย่อมมีกฎระเบียบ ย่อมมีแบบแผนของตนอยู่ ถ้าหากว่าเราไม่สามารถที่จะปรับตัวให้เข้ากันได้ ก็แปลว่ากำลังใจของเรานั้นยังไม่ดีพอ

อาตมภาพเคยเปรียบว่า กำลังใจของผู้ปฏิบัติธรรมทั่วไปนั้น เหมือนกับสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ พอวางลงไปก็ติดตายอยู่กับที่ ไม่สามารถที่จะใช้งานอะไรได้มากกว่านั้น นั่นคือลักษณะของการยึดติดกับสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะการ "ติดดี" แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมีการขัดเกลาซึ่งกาย ซึ่งวาจา ซึ่งใจ ของตนเอง ด้วยการใช้สติ สมาธิ และปัญญา ฝึกฝนขัดเกลาอยู่เสมอ ๆ เหลี่ยมใหญ่ที่เห็นก็จะค่อย ๆ เล็กลง มีเหลี่ยมมีมุมเพิ่มมากขึ้น จากสี่เหลี่ยมก็อาจจะเพิ่มเป็น ๘ เหลี่ยม ๑๖ เหลี่ยม ๓๒ เหลี่ยม ๖๔ เหลี่ยม ๑๒๘ เหลี่ยม ท้ายสุดก็กลายเป็นลูกกลม

เมื่อถึงเวลากลายเป็นลูกกลมแล้ว ก็สามารถที่จะเกลือกกลิ้งอยู่กับโลกนี้ได้ เรียกว่าไปได้ทุกสถานการณ์ เหมือนกับน้ำกลิ้งบนใบบัวใบบอน แต่ว่าไม่ได้ติดอยู่ในใบบัวใบบอนเหล่านั้นเลย ก็คือสามารถเอาศีล สมาธิ ปัญญา ของตนนั้น มาปรับใช้ให้กลมกลืนกับสภาพจริงในชีวิตประจำวันได้ โดยการรักษากาย วาจา และใจ ของตนให้อยู่ในกรอบ โดยเฉพาะในกรอบของศีลตามกำลังใจของตน ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ ศีล ๘ หรือว่ากรรมบถ ๑๐ แล้วขณะเดียวกันก็รักษาใจของตนเอาไว้ ระมัดระวังไม่ให้รัก โลภ โกรธ หลง เข้ามากินใจของเราได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 01:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 31-07-2020, 08:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ วิธีที่ง่ายที่สุดก็คืออยู่กับปัจจุบัน ก็คืออยู่กับลมหายใจเข้าออกตรงหน้าของเรา หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา พยายามตามดู ตามรู้ จนกระทั่งกำลังใจละเอียด ถึงระดับภาวนาเองโดยอัตโนมัติ แล้วเราก็เอาสติประคับประคองไว้ ถ้าอย่างนั้นกำลังใจของเราก็จะผ่องใส ไม่รับแรงกระทบจากภายนอก เพราะว่า รัก โลก โกรธ หลง ไม่สามารถที่จะกินใจของเราได้

ดังนั้น...ในช่วงสามวันที่ผ่านมา สิ่งที่มองเห็นก็คือ ระดับกำลังใจของพวกเราแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน ก็ได้แต่หวังว่าท่านทั้งหลายจะพินิจพิจารณาโดยไม่เข้าข้างตนเอง แล้วพยายามขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของตนเอง ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะพยายามปรับตัวให้เข้ากับระเบียบใหม่ แบบแผนใหม่ พยายามใช้กำลังใจในการขวนขวายที่จะสร้างบุญสร้างกุศลให้แก่ตน โดยไม่ท้อถอยต่อระยะทาง ไม่ท้อถอยต่อขั้นตอนของระเบียบที่มีมาก และไม่ท้อถอยต่อแรงกระทบที่มาถึง จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง

ลำดับต่อไปก็ขอให้ท่านทั้งหลายภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย น้องผักชี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2020 เมื่อ 16:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:21



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว