กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 19-11-2013, 08:43
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๗.การจักปฏิบัติแก้กิเลสจุดไหน ให้ระวังกิเลสจุดนั้นจักเล่นงานอย่างหนัก เรื่องนี้ต้องศึกษากันให้มาก และอย่าท้อถอยต่ออุปสรรค ให้ยกบารมี ๑๐ ขึ้นมาเป็นกำลังใจ เพียรปฏิบัติเพื่อลด ละ ตัดกิเลสเหล่านั้นไปนั่นแหละจึงจักพ้นไปได้ อดทนให้มากกับภัยจากภายนอกที่เข้ามากระทบจิตใจ หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ให้ถือว่าเป็นกฎของกรรม จงมีความวางเฉยเข้าไว้เสมอ อย่าไปต่อกรรมให้มันยืดยาวออกไปไม่มีที่สิ้นสุด อย่าไปแก้ปัญหาที่ผู้อื่น.. ให้แก้ที่ตนเองเสมอ แล้วจิตจักรู้หนทางให้หลุดพ้นออกจากความทุกข์ของจิตได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2013 เมื่อ 15:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 20-11-2013, 08:53
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๘.เรื่องการทำความดี อุปสรรคย่อมมีมากเป็นธรรมดา แต่จงอย่าหวั่นไหว ให้เห็นเป็นเรื่องโลกธรรม โดยเฉพาะคำนินทากับสรรเสริญ ซึ่งมิได้ช่วยให้เราเลวเราดีไปตามนั้น เราจักเลวหรือดีก็อยู่ที่ผลของการปฏิบัติธรรมของเราเอง

ให้จิตหันมาสนใจเตรียมพร้อมรับสภาวะของการตายอยู่เสมอ อย่าไปสนใจเรื่องภายนอกให้มากนัก ทุกอย่างเหมือนกับละครฉากหนึ่ง ละครของโลกมีโศก – มีทุกข์ – สุขปน ในที่สุดทุกคนต่างก็ไม่พ้นความตาย มันเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ให้จิตกำหนดรู้เท่าทันเข้าไว้เสมอ เรื่องการละซึ่งกิเลส – ตัณหา – อุปาทาน – อกุศลกรรม จิตเราเท่านั้นเป็นผู้รู้ว่าละได้มากน้อยแค่ไหน ให้ระวังอย่าให้กิเลสมันหลอกเรา ตรงที่เรายังละไม่ได้จริงแต่จิตหลงคิดว่าได้แล้ว ให้ระมัดระวังจุดนี้เอาไว้ให้ดี

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2013 เมื่อ 10:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 21-11-2013, 07:53
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๙. ไม่มีใครเอาสมบัติของโลกนี้ไปได้ก็จริงอยู่ แต่ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ปัจจัย ๔ ก็เป็นสิ่งจำเป็นของชีวิต คนมีที่ดินก็จงอย่าคิดขายเสียหมด ถ้าไม่จำเป็นก็จงอย่าเพิ่งขาย เพราะหลังจากนี้ไปอีก ๓ – ๔ ปี คนมีที่ดินจักเป็นเศรษฐีจากราคาที่ดิน จักมีค่ามาก

คำว่าเตรียมการอยู่ในระดับของคฤหัสถ์นั้นพึงมีได้ เป็นการไม่ประมาทในชีวิต แต่จิตพร้อมที่จักละ – วางในสมบัติของโลกได้ทันที เพราะรู้อยู่กับจิตเสมอว่า แม้ร่างกายที่เราอาศัยอยู่ชั่วคราวนี้ เป็นสมบัติของโลกที่เราหวงแหนเป็นที่สุด เราก็พร้อมที่จักละ – วางได้ทันทีเมื่อความตายมาถึง ขอให้พวกเจ้าจงเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต ทั้งยามมีชีวิตอยู่และหาไม่ในชีวิตแล้ว พิจารณาจุดนี้เข้าไว้ให้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็อย่าสะสมจนเกินความพอดีในปัจจัย ๔ ก็แล้วกัน เอาแค่มีไว้ใช้ในยามฉุกเฉินด้วยความไม่ประมาทก็พอแล้ว

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2013 เมื่อ 09:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 25-11-2013, 09:29
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๐. ร่างกายมันไม่ใช่ของเรา เป็นเพียงเกิดขึ้นชั่วคราว – ตั้งอยู่และดับไป ร่างกายของใครก็ตาม เกิดขึ้นมาแล้วไม่ตายไม่มี ให้ทำจิตให้ยอมรับนับถือความตายให้มั่นคง ตายนั้นตายแน่ ไม่มีใครหนีพ้น จิตจึงต้องซ้อมตายและพร้อมตายอยู่เสมอ รู้ลม – รู้ตาย – รู้นิพพาน ตายแล้วจิตเราก็ไปพระนิพพาน จึงไม่ควรกลัวความตาย จงอย่าประมาทในชีวิตก็แล้วกัน ดังนั้น..ให้พิจารณามรณานุสติควบอุปสมานุสติให้มาก กรรมฐานบทนี้ทิ้งไม่ได้ ทิ้งเมื่อไหร่ลืมตัวเมื่อนั้น ประมาทเมื่อนั้น และอารมณ์จิตจักเลวเมื่อนั้นด้วย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2013 เมื่อ 10:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 27-11-2013, 09:39
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๑. ให้ดูร่างกายที่ไม่เป็นแก่นสารและหาความเที่ยงไม่ได้ นอกจากจักต้องหายา – หาอาหาร – หาเครื่องนุ่งห่มและที่อยู่อาศัยให้แล้ว ยังเป็นเหตุให้เกิดกระทบอารมณ์ทั้งหลาย พอใจบ้าง – ไม่พอใจบ้าง ทำให้จิตขาดความสงบ ต้นเหตุล้วนเกิดขึ้นจากร่างกายเป็นเหตุ ดังนั้นการจักละได้ซึ่งร่างกาย ต้องมองเห็นโทษของการมีร่างกายเอาไว้ด้วย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2013 เมื่อ 10:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 28-11-2013, 09:02
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๒. ให้พิจารณาโทษของอายตนะภายนอก ทำให้เกิดอารมณ์ติดรูป – กลิ่น – เสียง - สัมผัส – ธรรมารมณ์ แล้วให้เห็นโทษของการติดอายตนะภายใน ตา – หู – จมูก – ลิ้น – กาย – ใจ เห็นอารมณ์พอใจและไม่พอใจ ชวนให้เกิดอยู่ร่ำไป พยายามละให้ได้ ปล่อยวางให้ได้ ใช้ปัญญาหยั่งลึกลงไป แล้วจึงจักออกจากรูป – นามได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2013 เมื่อ 13:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 02-12-2013, 11:40
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๓.ชีวิตล่วงไป ๆ ความตายก็ใกล้เข้ามา ขอจงอย่ามีความประมาทในชีวิต คิดเอาไว้เสมอว่า ความตายจักเข้ามาถึงในขณะจิตนี้ไว้ตลอดเวลา แล้วดูความโกรธ – โลภ – หลงน้อยลงหรือไม่ ? ในเมื่อร่างกายนี้จักตายแล้ว จักไปมัวนั่งโกรธ – โลภ - หลงเพื่อประโยชน์อะไร ?

จิตนั้นรู้แสนรู้ว่า ไฟภายใน ๓ กอง หรือขี้ ๓ กองนี้มันไม่มีอะไรดี แต่จิตก็ยังหวงขี้ ๓ กองนี้อยู่ ไม่ยอมละ – ปล่อย – วาง เพราะขาดปัญญา หากไฟ ๓ กองนี้ยังมีอยู่กับจิต จิตนั้นก็โง่ทุกที มันทำปัญญาให้ถอยหลังอยู่เสมอ หรือโง่ทุกครั้งที่ไฟลุก หากยังผ่านจุดนี้ไม่ได้ ก็คงยังต้องเกิด – ตาย กันอีกต่อไปไม่รู้จบ วิธีปฏิบัติเพื่อละ ปล่อยวางอารมณ์ทั้ง ๓ นี้ ก็รู้อยู่คือ ทาน – ศีล – ภาวนา หรือ ศีล – สมาธิ – ปัญญา แต่ขาดความเพียร ที่พึ่งอันสุดท้ายอยู่ที่ตัวเราเอง หากเราไม่พยายามก็ไม่มีใครจักช่วยเราได้ เพราะพระพุทธเจ้าทรงเป็นเพียงผู้ชี้แนะทางปฏิบัติให้เท่านั้น เราจักต้องเพียรปฏิบัติด้วยตนเองจึงจักมีผล กรรมใครกรรมมันทั้งสิ้น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2013 เมื่อ 14:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 06-12-2013, 14:34
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๔. ร่างกายนี้ไม่เที่ยง ให้เห็นความตายอยู่เป็นปกติ ทุกชีวิตเหมือนกันหมด มีเกิดเป็นเบื้องต้น มีเสื่อมเป็นท่ามกลาง มีความตายเป็นที่สุด พยายามฟอกจิต อย่าให้ยึดถือร่างกายของตนเองหรือของใคร ๆ ทั้งหมด ให้จิตมีสติตั้งมั่นเข้าไว้ ให้รู้เข้าไว้ แล้วจิตจักเป็นสุข

พิจารณาจุดนี้ให้มาก ๆ แล้วจักวางภาระที่หนักใจอยู่ในเวลานี้ลงไปได้มาก คนทำกรรมมาอย่างไรก็เป็นไปอย่างนั้น ทำดีก็ตาย ทำไม่ดีก็ตาย แต่ให้มีสติระลึกไว้เสมอว่า เราจักทำเพื่อพระนิพพานเอาไว้เสมอ จักได้ไม่ตั้งจิตไปไหนอื่น ซึ่งจัดเป็นความเลวของจิต รู้แล้วให้รีบกลับมาสู่หนทางของศีล – สมาธิ – ปัญญาโดยไว รักษาอารมณ์เพื่อพระนิพพานเข้าไว้ให้ได้เสมอ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 12-12-2013, 09:48
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๕.ให้มองเห็นกายในกายอยู่เนือง ๆ เช่น เนื้อ เอ็น กระดูก ตับ ไต ปอด หัวใจ พังพืด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารเก่า อาหารใหม่ น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง เปลวมัน มันข้น น้ำมูก ไขข้อ เยื่อในกระดูก น้ำตา น้ำลาย ต่าง ๆ เหล่านี้มองให้คล่อง เห็นให้ชัด แล้วจักเกิดความเบื่อหน่ายในร่างกายของตนเองและผู้อื่น คลายความกังวลในร่างกายของตนเองและผู้อื่นลงได้ มีแต่ทางนี้สายเดียวเท่านั้นที่จักหลุดพ้นไปได้

การปฏิบัติละขันธ์ ๕ ก็จักต้องพิจารณาขันธ์ ๕ อย่างจริงจัง จักต้องรักษากำลังใจ ทำให้การพิจารณาขันธ์ ๕ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไป โดยใช้บารมี ๑๐ ช่วย มีวิริยะ ขันติ สัจจะ โดยมีปัญญาบารมีเป็นตัวคุมเป็นสำคัญ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-12-2013 เมื่อ 10:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 16-12-2013, 09:45
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๖. นอกจากพิจารณาเรื่องของร่างกายแล้ว.. ให้พิจารณาจิตใจของตนเองด้วย ร่างกายสักเพียงแต่ว่าร่างกาย จิตใจก็สักแต่เพียงว่าจิตใจ ทำงานร่วมกันแต่คนละอย่าง.. ไม่ใช่อย่างเดียวกัน พิจารณาแยกกันตรงนี้ให้ดี โดยใช้หลักของมหาสติปัฏฐาน ๔ มีสติกำหนดรู้อยู่กับกาย เวทนา จิตและธรรม

สองตัวแรกเป็นเรื่องของกายหรือกายสังขาร สองตัวหลังเป็นเรื่องของจิตหรือเจตสิก (อารมณ์ของจิต) หรือจิตสังขาร ทั้งกายและจิตต่างก็ไม่เที่ยง เกิดดับ ๆ อยู่ตลอดเวลาเป็นสันตติ ผู้รู้หรือผู้ไปรู้เรื่องของกายและอารมณ์ของจิตคือตัวเรา (ใจ) เป็นผู้รู้สันตติภายนอก (กายสังขาร) กับสันตติภายใน (จิตสังขาร หรืออารมณ์ของจิต หรือเจตสิก) ผู้รู้คือใจ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2013 เมื่อ 16:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 17-12-2013, 09:35
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๗. ร่างกายไม่มีแก่นสารอันควรที่จักยึดมั่นถือมั่นตามความรู้สึกก็จริงอยู่ แต่เมื่อพวกเจ้ายังมีกิเลสอยู่ เมื่อพิจารณาไล่อารมณ์ที่ยังมีกิเลสอยู่ ไล่ไปไล่มาก็ยังไปติดอยู่กับร่างกายอยู่ดี เลยทำให้รู้สึกท้อใจเพราะขาดปัญญาบารมี จึงไม่รู้จักปลดความเกาะติดในร่างกายให้ได้ ความจริงก็คือยังอ่อนการพิจารณาร่างกาย และยังอ่อนการพิจารณาอารมณ์ ให้สอบให้ลึก ๆ จักพบต้นเหตุของการเกาะติด อย่าทิ้งอริยสัจ กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุก็แล้วกัน

การพิจารณาจงมุ่งเน้นดูร่างกายของตนเองเป็นสำคัญว่ามันมีอะไรดีบ้าง ? มันใช่เราหรือไม่ ? ตายแล้วเอามันไปได้ไหม ? เรายังปรารถนาร่างกายอย่างนี้อีกหรือไม่ ? อยากให้ร่างกายมันทรงตัวไหม ? ยังอยากจักมีร่างกายอยู่อีกไหม ? ถามให้จิตมันตอบแล้วพิจารณาอารมณ์เกาะติด จิตยังโลภอะไรอยู่หรือไม่ ? จิตยังหลงติดอันใดอยู่หรือไม่ ? จิตยังโกรธ ไม่พอใจอะไรอยู่หรือไม่ ? สอบเข้าไปให้ได้ความจริง นั่นแหละจึงจักตัด ละ วางได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2013 เมื่อ 11:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 20-12-2013, 12:03
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๘. ทำจิตให้เหมือนดูหนังดูละครผ่านไปแล้วก็ผ่านเลย หรือทำจิตให้เหมือนกระจกเงา อะไรผ่านเข้ามาก็เห็นหมด แต่เมื่อเลยไปแล้วกระจกเงาก็ไม่ได้ยึดภาพเหล่านั้นไว้เลย จำไว้.. จงเป็นเพียงผู้ดู ที่แล้ว ๆ มาพวกเจ้าลงไปแสดงร่วมกับเขาด้วย จึงเป็นการขาดทุนอย่างยิ่ง

อยู่ในโลกไม่มีใครพ้นจากโลกธรรม ๘ ไปได้ พระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ทุกองค์ก็ดี ยังถูกนินทาใส่ร้ายป้ายสี แล้วพวกเจ้าเป็นใคร ทำไมจักไม่ถูกใส่ร้ายป้ายสี ให้มองเห็นว่ามันเป็นธรรมดาของชาวโลก จิตก็จักปล่อยวางโลกธรรมนี้ลงได้ และให้รู้กฎของกรรม ให้ยอมรับนับถือกฎของกรรม อย่าไปตำหนิใครว่าเลวหรือชั่ว นั่นเป็นเพราะอกุศลกรรมเข้าครอบงำ จิตเขาเห็นดีอย่างนั้น จึงทำไปตามอำนาจของกรรมที่เป็นอกุศล


กฎของกรรมนั้นเที่ยงเสมอ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น หากพวกเจ้ามิได้เคยสร้างกรรมเหล่านี้ไว้ก่อนในอดีต วิบากกรรมนั้นจักเกิดกับพวกเจ้านั้นเป็นไปไม่ได้ ขอให้อดทน ไม่ช้ากฎของกรรมก็ย่อมจักคลายตัวไปเอง โลกเสื่อมมากเท่าไหร่ ทุกข์ก็มากขึ้นเท่านั้น แต่อย่าพึงห่วงวิตกกังวลให้มาก รักษาอารมณ์จิตให้เป็นสุขอยู่ในปัจจุบันดีกว่า เตรียมพร้อมด้วยความไม่ประมาท ซ้อมตายเอาไว้เสมอ รู้ลม รู้ตาย รู้นิพพาน พลาดท่าขึ้นมาจักได้ทิ้งร่างกายไปพระนิพพานได้ทันท่วงที

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-12-2013 เมื่อ 15:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 02-01-2014, 12:22
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๙. ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ให้จิตทำความรู้เช่นนี้เอาไว้เสมอ แล้วให้พิจารณาไปถึงสิ่งภายนอก คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หรือ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ ก็ไม่ใช่ของเราเช่นกัน มันเป็นเพียงสภาวธรรม จักยึดถืออันใดให้เที่ยงได้ โลกธรรมทั้ง ๘ ประการนี้ เกิดแล้วก็ดับ เอาอะไรจีรังยั่งยืนไม่ได้ ให้ตรวจสอบจิตของตนเองดู เกาะติดข้อไหนมากที่สุด ก็จงเพียรละซึ่งข้อนั้น อนึ่ง ทุกคนในเวลานี้นั้น ล้วนแต่มีกรรมที่เป็นอกุศลเข้ามาเล่นงาน ขอให้อดทนเข้าไว้ จนกว่ากฎของกรรมจักถึงเวลาคลายตัวลงไปเอง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2014 เมื่อ 13:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 06-01-2014, 11:00
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๒๐. อย่าเพ่งโทษบุคคลผู้อื่น ให้ดูแต่อารมณ์จิตของตนเอง ใครดีใครชั่วก็เรื่องของเขา ดูอารมณ์จิตของตนเอง อย่าไปดีไปชั่วกับชาวบ้านเขา จิตของเรายังเอาดีไม่ได้ จักไปให้คนอื่นเขาดีได้อย่างไร อย่าลืม ความดีที่สูงสุดคือพระนิพพาน ฆราวาสยังมีลมหายใจอยู่ยังเอาดีไม่ได้ แล้วยังไปว่าคนอื่นเขาว่าเลว นั่นแสดงว่าเราก็ไปเลวตามเขา

อย่าลืม.. คนดีเขาไม่ด่าคน ไม่เสียดสีคน ไม่นินทาคน อย่าไปห่วงใครว่าทำให้อารมณ์ใจของเรามันเลว ตัวเราจิตเรามันไม่ดีเอง ที่ไปเก็บเอาคำสรรเสริญคำนินทานั้นมายึดถือว่าเป็นเราเป็นของเรา ลองทำให้จริง ๆ ซิ พิจารณาร่างกายไปตามความเป็นจริง ให้จิตมันมีสติระลึกได้อยู่เสมอ อะไรที่จักมาเป็นเราเป็นของเรานั้นไม่มี ที่ไปหลงยึดอยู่ก็เพราะความโง่นั้นเอง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-01-2014 เมื่อ 15:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 07-01-2014, 10:42
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ปกิณกธรรม...เดือนเมษายน ๒๕๔๐

สมเด็จองค์ปฐมฯ ทรงตรัสสอนปกิณกธรรม ธรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่นำไปสู่ความหลุดพ้นทุกข์ได้ทั้งสิ้น มีความสำคัญดังนี้

๑. ร่างกายที่ไม่มีแก่นสารอยู่นี้ เป็นเครื่องผูกสัตว์ให้หลงใหล ยึดเป็นอัตตาตัวตนเราเขา โดยไม่รู้ความจริงว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา มันเป็นบ่วงล่อให้จิตของสัตว์โลกหลงติดอยู่ในรูปในนามนี้ หรือแม้กระทั่งหลงอยู่ในกายพรหม – เทวดา – นางฟ้า ก็ยังเป็นการยึดมั่นถือมั่นอยู่ดี

ถ้าต้องการพ้นจากเครื่องผูกสัตว์ก็จักต้องพิจารณาร่างกายให้หนัก รูปสักแต่ว่ารูป นามอันได้แก่เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็สักแต่ว่านาม อย่าลืมว่าการดูรูป เพิกรูปอย่างเดียวไม่พอ เพราะรูปเกิดดับมากี่ภพกี่ชาติแล้วก็ยังจุติอยู่ ยังมีนามพาให้ปฏิสนธิหรือจุติอยู่ร่ำไป จักต้องพิจารณานามให้หนักด้วย ทำความรู้จักรูปให้จริงจัง ทำความรู้จักนามให้จริงจัง แล้วปล่อยวางให้หมด นั่นแหละจึงจักถึงซึ่งพระนิพพานได้ และจงอย่าทิ้งอานาปานุสติ สมถะจุดนี้ทำให้จิตทรงตัว

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-01-2014 เมื่อ 15:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 08-01-2014, 15:11
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๒. ให้ดูอารมณ์ที่เกิดดับ จักทุกข์ก็ดี จักสุขก็ดี มันไม่มีอะไรเที่ยง จิตถ้าปล่อยวางอารมณ์เหล่านั้น ไม่เกาะไม่ยึดเอาไว้ ทุกข์ – สุขก็เพียงแต่เกิดขึ้น – ตั้งอยู่แล้วก็ดับไปเท่านั้น หาสาระอะไรไม่ได้ พิจารณาให้เห็นเวทนา – สัญญา – สังขาร – วิญญาณให้ชัด แล้วจึงจักปล่อยวางได้ ดูได้ทั้งวัน ไม่ว่ายืน – เดิน – นั่ง – นอน ขอเพียงแต่ให้มีสติกำหนดรู้ตามดูอารมณ์ทั้งวันก็แล้วกัน เมื่อวางการพิจารณาก็อย่าลืมกำหนดรู้อานาปานุสติด้วย จุดนี้สำคัญมาก เพราะจักทำให้จิตทรงตัวและระงับเวทนาของกายได้บางขณะ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-01-2014 เมื่อ 15:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 15-01-2014, 11:13
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๓. การป่วยเจ็บของร่างกาย สาเหตุมาจากกฎของกรรม ปาณาติบาตเข้ามาแทรกอย่างหนึ่ง และเป็นธรรมดาของร่างกายที่มีธาตุ ๔ มาประชุมกันอันไม่เที่ยงอีกอย่างหนึ่ง เช่น โรคหิวเป็นต้น นี่แหละให้เห็นโทษของการมีร่างกาย อันมีเกิดเป็นเบื้องต้น มีเสื่อมไปในท่ามกลาง และที่สุดก็คืออนัตตาได้แก่ตายไปในที่สุด ร่างกายของใครหรือแม้แต่ของเราก็เป็นอย่างนี้ อย่ามุ่งหวังการอยู่รอดหรือทรงตัวของร่างกาย ให้เอาความจริงของร่างกายเตือนจิตของตนเองไว้เสมอ (เช่นวิปัสสนาญาณ ๙ ข้อที่ ๑ - ๒ – ๓ และ ๔) จิตจักได้ไม่เหลิงยึดมั่นถือมั่นในร่างกายจนเกินไป

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2014 เมื่อ 05:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 20-01-2014, 14:12
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๔. ให้คอยดูจิต คือตรวจดูอารมรณ์ของจิตโดยมีสติ - สัมปชัญญะควบคุม อันจะทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของกิเลสได้ชัด จุดนี้แหละที่พึงจักสนใจให้มาก เพราะจิตเห็นจิตคือมรรค การเห็นหนทางพ้นทุกข์ก็อยู่ที่จิตดวงนี้ ถ้ามัวแต่ไปมองคนอื่น ไปสนใจจริยาของผู้อื่นก็เอาดีไม่ได้ แต่ถ้าหากตรวจจิตสอบจิต สอบอารมณ์ของตนเองอยู่เสมอ จุดนี้เอาดีได้ เพราะเป็นหนทางพ้นทุกข์ ทุกอย่างสำเร็จที่ดวงจิตนี้

อันจักทำอย่างไรให้จิตเป็นจิตผู้รู้ เห็นแจ้งตามความเป็นจริง มิใช่เป็นจิตผู้โง่เขลา หลงอยู่ในวัฏสงสารเช่นทุกวันนี้ จักต้องพิจารณาตามความเป็นจริงให้มากแล้วจักพ้นทุกข์ได้ จำไว้..โลกแก้ไม่ได้ ให้แก้ที่จิตของตนเอง เพื่อให้พ้นไปเสียจากโลกนี้จักดีเสียกว่า เพราะนั่นเป็นหนทางที่ถูกต้องและไปเพื่อพระนิพพานอย่างแท้จริง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2014 เมื่อ 16:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 24-01-2014, 14:19
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๕. บัณฑิตคือผู้รู้ ย่อมรู้จักเอาตัวเองรอดก่อน จึงจักไปโปรดบุคคลอื่นให้รอด พระตถาคตเจ้าเป็นแบบฉบับทุก ๆ พุทธันดร ทรงปฏิบัติตนให้พ้นทุกข์ก่อน จึงค่อยออกโปรดเวไนยสัตว์ แก้จิตของตนให้หลุดออกจากบ่วงกามตัณหา - ภวตัณหา - วิภวตัณหา หลุดจากรัก - โลภ - โกรธ - หลง จึงนำผลของการปฏิบัติอันได้แล้วกับจิตของตนเอง ออกมาเผยแพร่ประกาศเป็นสัจธรรม คือคำสั่งสอนทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์นั้น พระอริยสงฆ์สาวกอันเป็นบัณฑิต ผู้รู้ตามก็รับหน้าที่เป็นพุทธบุตรสืบทอดตลอดกันมา จนกว่าจักสิ้นวาระของอายุพระพุทธศาสนาในแต่ละพุทธันดร

บุตรของตถาคตมี ๔ เหล่า คือ ภิกษุ - ภิกษุณี - อุบาสก - อุบาสิกา เวลานี้ภิกษุณีหมดไปจากพุทธันดรนี้ แต่จักมีเหล่าเดียรถีย์อ้างขึ้นมาให้มีภิกษุณีให้ได้ คงเหลือแต่ ภิกษุ - อุบาสก - อุบาสิกา อันการเข้าถึงพระพุทธศาสนาก็สุดแล้วแต่การปฏิบัติของแต่ละคน กรรมคือการกระทำขึ้นอยู่กับบารมี คือกำลังใจของแต่ละคนนั้น ๆ ทุก ๆ พุทธันดรก็เป็นอย่างนี้เหมือนกันหมด ไม่มีใครทำแทนกันได้ ทุกคนมีกรรมคือการกระทำเป็นของตนเองทั้งสิ้น ผู้ใดหมั่นตรวจสอบศีล - สมาธิ - ปัญญา หรือ อริยมรรคมีองค์ ๘ ด้วยจิตของตนเอง มิใช่ไปตรวจที่ผู้อื่น ผู้นั่นย่อมมีพระนิพพานเป็นที่ไป และผู้นั้นแหละเป็นลูกตถาคตอย่างแท้จริง

อะไรมากระทบ... อายตนะยังมีก็ต้องรับรู้ นี่เป็นเรื่องธรรมดา แต่ให้หมั่นเอาเหตุที่มากระทบนั้น.. พิจารณาให้เข้าสู่ไตรลักษณ์ ทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ปล่อยวางให้ได้ด้วยปัญญา อย่าไปแก้โลก ให้แก้ที่จิตของตนเอง แล้วจักถึงฝั่งพระนิพพานได้ง่าย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2014 เมื่อ 16:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 28-01-2014, 17:16
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๖. ดูร่างกายให้ถนัด มีใครเป็นเจ้าของร่างกายได้ตลอดกาลตลอดสมัยไหม ? บุคคลผู้หลงติดอยู่กับร่างกาย ตายแล้วก็เกิดแสวงหาร่างกาย แสวงหาภพ - ชาติอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จงพยายามมองให้เห็นชัดว่า อันที่จริงนั้นจิตติดอะไรแน่ ถ้าหากมองไม่เห็นก็แก้ไม่ได้ จักต้องพยายามสำรวจจิตของตนให้เห็นชัดอยู่เสมอ จึงจักสมบูรณ์ด้วยสมาธิ คือความตั้งใจมั่นที่จักสอบจิต และมีปัญญามองเห็นทุกอย่างที่จิตไปติดนั้นตามความเป็นจริง จุดนั้นแหละจึงจักละกิเลสได้เป็นสมุจเฉทปหาน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-01-2014 เมื่อ 03:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:18



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว