กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-04-2017, 09:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๐

(ก่อนบวงสรวง) วัตถุมงคลอีกอย่างหนึ่งที่เข้าพิธีในงวดนี้ก็คือ กำไลนวหรคุณ นวหรคุณก็คือ คุณอันประเสริฐยิ่งใหญ่สูงสุด ๙ ประการ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประกอบไปด้วย

อะระหัง เป็นผู้ไกลจากกิเลส
สัมมาสัมพุทโธ
เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง
วิชชาจะระณะสัมปันโน ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติที่ดีงามทั้งปวง
สุคโต เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว โดยเฉพาะไปพระนิพพาน
โลกะวิทู เป็นผู้รู้แจ้งในโลก ไม่ว่าจะเป็นโลกคือดวงดาว โลกคือหมู่สัตว์ โลกคือร่างกายของเรานี้ พระองค์ท่านรู้แจ้งเห็นจริงทั้งหมด
อะนุตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ ทรงเป็นสารถี คือผู้ฝึกสอนที่ไม่มีใครยิ่งไปกว่า
สัตถา เทวะมะนุสสานัง ทรงเป็นครูของทั้งมนุษย์และเทวดา
พุทโธ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว สามารถสอนผู้อื่นให้รู้ตาม
ภะคะวา เป็นผู้จำแนกแจกธรรม หรือผู้มีโชค

คุณทั้ง ๙ ประการขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้มีมาก จนกระทั่งโบราณาจารย์ท่านใช้คำว่า ฝอยท่วมหลังช้าง ก็คือเขียนใส่กระดาษแล้วก็วางกองไปเรื่อย ๆ สูงท่วมหลังช้างแล้วยังบรรยายคุณของพระพุทธเจ้าไม่หมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-04-2017 เมื่อ 09:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 06-04-2017, 09:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อรรถกถาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า คุณของพระพุทธเจ้านั้น ต่อให้มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมา ๒ พระองค์พร้อมกัน ทรงถามตอบถึงคุณความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ้นระยะเวลา ๑๐๐ ปี ก็ยังไม่สามารถที่จะบรรยายได้ครบถ้วน

เมื่อเป็นเช่นนั้น โบราณาจารย์ท่านถึงได้นำเอามาทำเป็นวัตถุมงคล เพื่อยึดโยงพวกเราให้ได้รำลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า จัดเป็นพุทธานุสสติ ซึ่งตำราที่อาตมานำมาทำกำไลนี้ เป็นตำราของหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม พุทธสรมหาเถระ วัดอนงคาราม) ซึ่งเป็นอาจารย์ปู่ ก็คือเป็นครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง อีกทีหนึ่ง

หลวงปู่สมเด็จฯ วัดอนงคาราม สร้างเป็นแหวนนวหรคุณหรือแหวนพุทธคุณ ๙ ประการ อาตมาเองไม่อยากทำอะไรซ้ำรอยครูบาอาจารย์ เพราะถ้าทำเหมือน ๆ กัน นานไปจะแยกแยะได้ยาก จึงเปลี่ยนเป็นกำไลแทน ท่านที่จองเอาไว้ก็ถือว่าโชคดีไป ท่านที่ไม่ได้จองต้องเตรียมควักเงิน ๓,๕๐๐ บาท บูชาได้จากตู้วัตถุมงคลหลังเสร็จพิธีแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-04-2017 เมื่อ 09:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 06-04-2017, 09:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของการบวงสรวงไหว้ครูนั้น ตามสายกรรมฐานที่สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ท่านกำหนดให้ไหว้ครูในวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ จะเป็นเดือนใดก็ได้ ถ้าหากว่าได้วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ก็ยิ่งดี หรือจะเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรงซึ่งเป็นปีที่ ๕ ด้วยก็ยิ่งวิเศษ

แต่เนื่องจากวันเสาร์ ๕ นั้นไม่ใช่ว่าจะมีทุกปี ปีใดที่ไม่มีวันเสาร์ ๕ ท่านให้ทำบวงสรวงไหว้ครูในวันวิสาขบูชา ถ้าหากว่าไม่มีวันเสาร์ ๕ วันวิสาขบูชาก็ติดงานสำคัญอื่น ท่านให้ทำพิธีไหว้ครูในวันมาฆบูชา เพราะฉะนั้น...ให้ทุกคนกำหนดจดจำไว้ด้วยว่า ถ้าหากว่าตามสายครูบาอาจารย์ ตั้งแต่หลวงปู่ปานลงมาจนถึงหลวงพ่อวัดท่าซุง สายของเราไหว้ครูเฉพาะแค่ ๓ วันนี้เท่านั้น โดยเน้นเอาวันเสาร์ ๕ เป็นหลัก ไม่มีเสาร์ ๕ แล้วค่อยไปไหว้ครูในวันวิสาขบูชาหรือวันมาฆบูชาแทน

ไม่ว่าการศึกษาวิชาการอะไร ก็ตามจะต้องมีครูเป็นผู้สอน เราถึงสามารถที่จะศึกษาเรียนรู้ให้แตกฉานได้ แต่ว่าการศึกษาเรียนรู้หลาย ๆ วิชาการ บางทีมีกำหนดการไหว้ครูที่ไม่ตรงกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นตามสายของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค จึงได้กำหนดการไหว้ครูใหญ่ในแต่ละปี ก็คือ ไม่ว่าเราจะศึกษาวิชาการอะไรมาก็ตาม ให้ไหว้ครูพร้อมกันในวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ ซึ่งปีนี้ก็พอดีว่าเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ บางคนเรียกว่าเสาร์ ๕ ใหญ่

แต่จะว่าไปแล้ว วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ โบราณเรียกว่า กระทิงวัน ก็คือ เป็นวันที่วันกับเดือนตรงกัน ถ้าหากว่าเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง หรือปีที่ ๕ ท่านเรียกว่า ตรีวัน ก็คือวันที่ วัน เดือน ปี ตรงกัน ซึ่งโบราณถือว่าการที่วันตรงกับเดือน เป็นการเพิ่มความเข้มขลังขึ้นมา ๑ เท่าตัว ถ้าหากว่าวัน เดือน ปี ตรงกันก็คูณ ๓ เข้าไป ซึ่งโอกาสที่วัน เดือน ปี จะตรงกันนั้นมีน้อยมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-04-2017 เมื่อ 09:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-04-2017, 13:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปกติแล้วบ้านเมืองเรานั้น มีศาสนาพราหมณ์ปนเข้ามามาก ถ้าศึกษาตามเอกสารประวัติศาสตร์ ตั้งแต่สมัยสุโขทัยพราหมณ์ทั้งหลายก็มีบทบาทอยู่ในราชสำนักมาตั้งแต่ต้นแล้ว ดังนั้น...การไหว้ครูของพวกเรา ส่วนหนึ่งก็มาจากตำราของศาสนาพราหมณ์ คือ พราหมณ์เขาจะมีไตรเวทหรือไตรเพทเป็นตำรา ๓ เล่ม คือ ฤคเวท ยชุรเวท สามเวท เป็นต้น ตอนหลังมีเพิ่มเติมขึ้นมาอีกเล่มหนึ่งเรียกว่า อาถรรพเวท ก็คือบรรดาพิธีกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยคาถาอาคม ตลอดจนถึงไสยศาสตร์

แต่ถ้าเป็นพราหมณ์แล้วเขาจะถือเอาองค์พระพิฆเณศวร์เป็นครูใหญ่ เป็นผู้ที่บันดาลความสำเร็จทั้งปวงให้ ดังนั้น ถ้าเป็นการไหว้ครูตามแบบของพราหมณ์ ส่วนใหญ่ท่านก็จะไหว้พระตรีมูรติ คือเทพเจ้าทั้ง ๓ ได้แก่ พระพรหม พระอิศวร พระนารายณ์ แล้วก็ไหว้ครูก็คือพระพิฆเณศวร์ แม้กระทั่งครูบาอาจารย์ที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ของเรา ท่านที่มีความรู้ทางด้านนี้ก็ประยุกต์เอาศาสนาพราหมณ์กับพุทธเข้ากลมกลืนกัน อย่างเช่น การสร้างพระพิฆเณศวร์

การสร้างพระพิฆเณศวร์ขึ้นมา ส่วนใหญ่แล้วต้องการผลในเรื่องของความสำเร็จ โดยเฉพาะเป็นที่ยึดถือในกลุ่มของศิลปินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นดารา นักร้อง นักแสดง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2017 เมื่อ 16:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 07-04-2017, 13:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตำราสร้างพระพิฆเณศวร์ของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงที่สุด ก็คือตำราของหลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ พระพิฆเณศวร์ของหลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อนั้น เป็นที่หวงแหนของลูกศิษย์มาก โดยเฉพาะท่านใดที่ทำกิจการงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใหญ่หรือเล็กก็ตาม ถ้าบูชาพระพิฆเณศวร์ของหลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อไป เหมือนกับประกันความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรืองของกิจการงานนั้น ๆ โดยใช้คาถาบูชาแบบพราหมณ์แท้ว่า "โอม ศรี คะเณศายะ" แล้วอธิษฐานขอความสำเร็จ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2017 เมื่อ 16:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 07-04-2017, 13:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฉะนั้น...เราจะเห็นได้ว่า ศาสนาพราหมณ์กับศาสนาพุทธของเรา เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องเกี่ยวเนื่องกันมาตั้งแต่อดีต แม้กระทั่งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ก็ศึกษาเรียนรู้วิชาการจากศาสนาพราหมณ์มาก่อน แต่ว่าพระองค์ท่านมีปัญญามาก เห็นว่าสิ่งที่ครูพราหมณ์ทั้งหลายสอนมานั้น ยังไม่ใช่ทางบรรลุมรรคผลที่แท้จริง

พระองค์ท่านจึงค้นคว้าเพิ่มเติม จนพบอริยสัจ ๔ และมัชฌิมาปฏิปทา คือหนทางสายกลางในการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ ทำให้ศาสนาพุทธโดดเด่นขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่เกิดทีหลังศาสนาพราหมณ์ถึง ๒,๐๐๐ กว่าปี

เมื่อบ้านเราเมืองเรามีการติดต่อค้าขายกับทางอินเดียแต่โบราณ ศาสนาพราหมณ์ก็ตามมากับเส้นทางการค้าด้วย และสามารถเข้าถึงระดับหัวแถว ก็คือเจ้าพระยามหากษัตริย์ผู้ปกครองประเทศ ดังนั้น...พิธีพราหมณ์ต่าง ๆ จึงปรากฏในพระราชสำนักเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นพิธีมุรธาภิเษก พิธีฉัตรมงคล พิธีแรกนาขวัญ จนมาถึงในหลวงรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านทรงประยุกต์พิธีพราหมณ์กับพิธีพุทธเข้าด้วยกัน โดยแทรกการเจริญพระพุทธมนต์ มีพิธีพุทธกับพิธีพราหมณ์ประสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาตั้งแต่ยุคนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2017 เมื่อ 16:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 07-04-2017, 13:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ความจริงแล้วการบวงสรวงอ้อนวอนร้องขอต่อเทพเจ้า เป็นธรรมเนียมพิธีของพราหมณ์ทั้งหลาย ศาสนาฮินดูจะมีการบวงสรวงร้องขอต่อเทพเจ้าเป็นปกติ แต่พอมาถึงบ้านเรา ก็มาปรับเป็นการไหว้ครู ก็คือไหว้ครูใหญ่ตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงมา จนถึงครูตามสายวิชาการ ตามสายกรรมฐานในปัจจุบัน

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ถ้าถามว่า ไม่ใช่ศาสนาพุทธบริสุทธิ์แล้วเอามาทำเพื่ออะไร ? ก็ต้องตอบว่าท่านที่ต้องการศาสนาพุทธบริสุทธิ์นั้นหาไม่ได้

ศาสนาพุทธของเรามีทั้งส่วนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรับเปลี่ยนคำสอนของศาสนาอื่นมาให้เป็นคำสอนที่ถูกต้อง มีทั้งส่วนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้โดยพระองค์เอง ก็แปลว่าในเรื่องของศาสนาพุทธของเรา มีหลักธรรมของศาสนาอื่นปนอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้คัดค้านศาสนาของใคร แต่พระองค์ท่านจะนำเสนอในสิ่งที่ดีกว่า โดยอิงกับศาสนาเดิมของเขา

อย่างในอาทิตตปริยายสูตร ชฎิล ๓ พี่น้องกับบริวารหนึ่งพันบูชาไฟ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสว่า การบูชาไฟนั้นดี แต่ถ้ารู้จักการบูชาไฟภายในนั้นจะดียิ่งกว่า แล้วพระองค์ท่านก็สอนว่าตาเป็นของร้อน รูปเป็นของร้อน หูเป็นของร้อน เสียงเป็นของร้อน เป็นต้น ถ้าหากว่าสามารถดับไฟทั้งหลายที่เกิดจาก ราคะ โทสะ โมหะ นี้ลงได้ ความสงบเย็นคือพระนิพพานก็จะเกิดขึ้น

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2017 เมื่อ 16:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 122 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 07-04-2017, 13:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แม้กระทั่งหลักศีล ๕ ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดัดแปลงมาจากศีล ๕ ของศาสนาเชน ซึ่งศาสนาเชนนั้นจะมีการปฏิบัติที่เคร่งครัดมาก ไปไหนต้องมีผ้าปิดปากป้องกันการหายใจเอาจุลชีพเข้าไปแล้วทำให้จุลชีพนั้นตาย ไปไหนต้องมีลูกศิษย์กวาดพื้นนำหน้าไป เพื่อป้องกันไม่ให้มีสัตว์เล็กขวางอยู่แล้วเผลอไปเหยียบตาย เป็นต้น

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรับมาเป็นศีล ๕ ของเรา โดยกำหนดไว้ว่า สัตว์นั้นมีชีวิตอยู่ เรารู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิตอยู่ เราตั้งใจฆ่า เราลงมือฆ่า เราฆ่าได้สำเร็จ จึงเป็นการละเมิดศีลข้อปาณาติบาต ถ้าหากว่าปราศจากเจตนา โทษก็ลดกันไปตามส่วน ดังนั้น...ท่านที่เรียกร้องหาหลักธรรมจากศาสนาพุทธที่เป็นธรรมแท้ ๆ ล้วน ๆ ค้นให้ตายก็ไม่เจอหรอก

เมื่อเป็นเช่นนั้น การที่ครูบาอาจารย์ที่ท่านมีความฉลาด สร้างเครื่องรางของขลังขึ้นมา ก็เพื่อเป็นเครื่องยึดโยงกำลังใจของเราให้เกาะอยู่ในคุณพระศรีรัตนตรัย ส่วนพิธีกรรมต่าง ๆ ก็เพื่อเป็นเครื่องยึด เครื่องสร้างศรัทธาให้แก่บุคคลที่พบเห็น

เมื่อเป็นเช่นนั้น การที่คนโบราณมีความฉลาด ลึกซึ้ง ชนิดที่เรียกว่าเราเข้าไม่ถึง แล้วเราก็จะไปแสดงความโง่ด้วยการไปตำหนิว่า ท่านสอนให้ยึดติดอย่างนั้น ยึดติดอย่างนี้ อาตมาขอยกคำพูดของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ที่เป็นครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง กล่าวเอาไว้ว่า ติดวัตถุมงคล ดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2017 เมื่อ 16:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 124 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 07-04-2017, 13:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การที่เราเป็นเด็ก ถ้ายังเดินไม่แข็ง ก็จำเป็นต้องมีสิ่งที่ยึด ที่เกาะ ถ้าไม่มีสิ่งที่ยึดเกาะ เราก็อาจจะเดินไม่ได้ ท่านใดก็ตามที่คิดว่าตนเองจะละ จะวาง จะปล่อย ถ้าท่านไม่มีสิ่งที่เกาะอยู่ แล้วท่านจะละ จะวาง จะปล่อยได้อย่างไร ก็แปลว่าเราต้องเกาะดีเสียก่อน เมื่อดีถึงที่สุดแล้วถึงจะวางดีไปเอง

การเกาะความดีคือการไม่ประมาท เป็นการรักษา กาย วาจา ใจ ของเราเอาไว้ในขอบเขตของความดี ที่จะส่งผลให้เราไปสู่สุคติ ถ้าหากว่าสามารถไปสู่สุคติได้ โอกาสที่เราจะสร้างความดีต่อก็จะมีมาก แต่ถ้าหากว่าท่านพลาดลงทุคติเพราะไม่มีที่ยึดเกาะ โอกาสที่จะสร้างความดีก็ไม่มี เพราะมัวแต่ทุกข์ทรมานอยู่ตามสภาพภพภูมิของตน ฉะนั้น...เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเรายังรู้ไม่จริง ก็อย่าไปเถียงกับคนอื่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2017 เมื่อ 16:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 122 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 07-04-2017, 13:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขอแจ้งให้ญาติโยมทราบว่าปีนี้ ตุ๊พ่อสิงห์ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ พี่ใหญ่ท่านหนึ่งของอาตมา ที่บวชมาจากโบสถ์วัดท่าซุงด้วยกัน ปีนี้ท่านเจริญอายุกาลพรรษา ๘๐ ปีแล้ว อาตมาตั้งใจจัดงานวันเกิดใหญ่ถวายท่าน ต้องบอกว่าเจริญอายุกาลผ่านวัยมาจนเท่ากับพระพุทธเจ้า ส่วนคุณความดีเท่าหรือเปล่าค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง

งานจะมีในช่วงเดือนสิงหาคม ก็น่าจะเลยกลางเดือนไปนิดหน่อย เพราะว่าวันที่ ๑๒ สิงหาคมจัดงานที่นี่ ก็น่าจะเป็นอาทิตย์ถัดไป ท่านใดที่ว่างเว้นจากภารกิจก็ไปช่วยกันทำบุญ ร่วมกับตุ๊พ่อในงานวันเกิดที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ด้วยกัน

อาตมาจะเป็นประธานในการจัดงาน พูดง่าย ๆ ว่าเป็นนายทุนรับจ่ายทุกรูปแบบ ในชีวิตเคยเป็นประธานจัดงานวันเกิดให้หลวงพ่อพระเทพเมธากร อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี บอกท่านว่าอยากนิมนต์ใครทั่วประเทศก็นิมนต์มาเลยครับ ผมจะจัดถวายให้ ก็ปรากฎว่าตั้งงบไว้ ๒ ล้านบาท บานปลายไปไม่มาก หมดไปแค่ ๕ ล้านกว่าบาท อาตมาถวายซองจนกระทั่งพระที่มาร้องไปตาม ๆ กันว่ารับไม่ไหวแล้ว ถวายหลายรอบเหลือเกิน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2017 เมื่อ 16:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 120 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 07-04-2017, 13:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับท่านที่สายตาไว ๆ มองไปด้านหลังของอาตมา จะเห็นว่าหลวงพ่อเงินที่หล่อไปด้วยเม็ดเงิน ๑๕๐ กิโลกรัม เสร็จเรียบร้อยแล้ว

อาตมามีโครงการหล่อหลวงพ่อสามกษัตริย์ คือ เงิน นาก และทองคำ ปีหน้าช่วงวันมาฆบูชาจะหล่อหลวงพ่อนาก ปีต่อไปก็หล่อหลวงพ่อทองคำฉลองอายุ ๖๐ ปีของอาตมาพอดี

ตอนนี้โครงการเสร็จไปแล้ว ๑ ใน ๓ องค์พระเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ ตอนแรกก็คิดว่าจะต้องลำบากหารอก หาเชือก หากระดาน มาช่วยกันงัดกันแงะ กันยกกันส่งหลวงพ่อขึ้นไป แต่ปรากฏว่าท่านอยากขึ้น แค่ช่วยกันอุ้มก็ขึ้นไหว แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าใครสามารถขึ้นไปอุ้มได้หรือเปล่า ? ในเมื่อท่านอยากขึ้น อุ้มขึ้นไปได้ก็ไม่ต้องลำบากเดือดร้อนไปหาเครื่องมือมาช่วย ก็แค่อุ้มขึ้นไปเฉย ๆ

บางทีอาตมายกข้าวยกของ คนอื่นเห็นว่าเบา แต่พอไปลองยกเองแล้วก็ร้องว่าไม่ไหว อาตมาถึงได้ยืนยันว่า อาตมาสร้างพระ ไม่กลัวคนขโมย เหตุที่ไม่กลัวคนขโมย ก็เพราะว่าพระทองคำน้ำหนัก ๑๔๐ กิโลกรัม อาตมาแค่ยกทองคำน้ำหนัก ๒๐ กว่ากิโลกรัม ยังยกแทบไม่ขึ้น เพราะน้ำหนักถ่วงลงจุดเดียว แล้วลองไปนึกถึงว่าทองคำร้อยกว่ากิโลกรัมแล้วถ่วงลงจุดเดียวจะยกไหวไหม ?

มีทางเดียวก็คือต้องเอารถยกบุกเข้ามาในศาลานี้ แล้วก็ยกไป หรือไม่ก็ค่อย ๆ เลื่อยตัดไปทีละชิ้น ซึ่งพระวัดท่าขนุนก็คงไม่ได้นอนตายอยู่เฉย ๆ หรอก...! หลายท่านบอกว่าสร้างพระราคาแพงขนาดนี้ ไม่กลัวเขาขโมยหรือ ? อาตมาบอกว่าไม่กลัว เพราะไม่มีใครมีปัญญาขโมยอยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 08-04-2017 เมื่อ 14:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 114 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 07-04-2017, 14:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนนี้อาตมาได้รับการสนับสนุนนอแรดมาแล้ว ๑ นอ ต่อไปช่วยหาเห็ดน้ำนมเสือให้อาตมาสักสองสามต้นก็จะดีมาก แล้วก็อำพันทองอีกสัก ๗ - ๘ กิโลกรัม จะได้สร้างยาจินดามณีรุ่นต่อไป

งวดนี้จะว่าไปแล้วหลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ วัดโพธิ์ผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านเป็นผู้ดำเนินการเสียส่วนมาก อาตมาแทบจะบอกว่านั่งเฉย ๆ ควักทุนให้
ไปสามหมื่นบาท ท่านลงทุนไปกี่แสนก็ไม่รู้ ? เพราะว่าพระครูสมุห์อานนท์ วัดบึงลาดสวาย ท่านบอกว่า ช่วยกันทำถวายครูบาอาจารย์ครับ อาตมาเคยบอกว่ามีลูกศิษย์ดีเป็นศรีแก่ครูบาอาจารย์ ดูท่าจะเป็นจริง

สำหรับยาจินดามณีนั้น เอาไว้รักษาโรคที่หมอทั่วไปรักษาไม่ได้ ถ้าหากว่าญาติโยมเกิดโรคภัยไข้เจ็บที่หมอทั่ว ๆ ไปรักษาไม่ได้ เอาหลวงพ่อจินดามณีไปฝนได้ ให้ฝนทางด้านหลังที่เป็นยันต์ทำน้ำมนต์รักษาโรค อย่าไปฝนด้านหน้าพระ เดี๋ยวจะสึกหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2017 เมื่อ 16:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 07-04-2017, 14:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เดี๋ยวพอพุทธาภิเษกเสร็จแล้ว ตอนที่ญาติโยมทำบุญ ถ้าท่านใดทำบุญ ๕๐๐ บาท จะมีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์เนื้อยาจินดามณีมอบให้ ๑ องค์ องค์ไม่ใหญ่หรอก ประมาณเหรียญ ๑ บาท หนาสัก ๒ หุน ถ้าหากว่าใช้ประหยัด ๆ ก็ชั่วลูกชั่วหลาน ถ้าจะเอาไม่ประหยัดก็กลืนลงไปทั้งองค์เลย..!

หลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์ท่านให้ยาเม็ดจินดามณีอาตมามาประมาณ ๑,๐๐๐ เม็ด ถ้าเหลือจากถวายพระเณรและคนช่วยงานในวัดแล้ว มีเหลือจะค่อย ๆ ฉันไปเรื่อย ๆ เผื่อว่าจะอยู่ได้สัก ๘๐ ปี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2017 เมื่อ 16:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 118 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 07-04-2017, 14:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนฝ้าดาวเพดาน สาหร่ายรวงผึ้ง ตลอดจนกนกข้าง ที่ประดับถวายสมเด็จองค์ปฐม และด้านบนของมณฑปที่อาตมานั่งอยู่ ยังไม่เสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ดำเนินการมา ๕ เดือนกว่าแล้ว โยมจะเห็นว่าออกแบบได้อลังการมาก เป็นการประยุกต์ศิลปะเรเนซองส์ของฝรั่งเข้ากับลายไทย ถ้าใครจะเป็นเจ้าภาพทำทั้งศาลาอาตมายินดีรับ ช่องหนึ่งประมาณล้านกว่าบาทเท่านั้น...!

วัดอื่นได้ยินพระอาจารย์เล็กทำงานแต่ละชิ้นจะเป็นลมตาย อาตมาบอกว่าไม่เคยขอให้มีเจ้าภาพสร้างเลย ญาติโยมทำบุญร่วมกันทีละ ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๕๐ บาท ๑๐๐ บาท ๕๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท แล้วแต่ว่าใครจะมีมากมีน้อย

ในส่วนนี้ขอให้ญาติโยมภูมิใจและโมทนาว่า ปัจจัยของท่านจะมากจะน้อยที่ทำมากับทางวัดท่าขนุน อาตมานำมาสร้างมาเสริมเป็นถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนาให้ท่านอย่างเต็มที่ ไม่มีใครทำแบบที่อาตมาทำ เพราะว่าทำแล้วเงินจ่ายเกินบัญชีมาตลอด ปีที่แล้วจ่ายเกินไป ๘๐ กว่าล้านบาท ขอยืนยันว่าอาตมาไม่เคยเป็นหนี้ใคร แต่ตัวเลขติดตัวแดงได้อย่างไร ? อาตมาก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน เพราะว่ารับมาแค่นี้ แต่ตอนจ่ายมีมากกว่าที่รับมา จึงกลายเป็นติดลบไปเรื่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2017 เมื่อ 16:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 116 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 07-04-2017, 14:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่เห็นชัด ๆ อยู่ช่วงหนึ่ง ตอนนั้นอยู่ที่เกาะพระฤๅษี อาตมารับสังฆทานมาสามหมื่นกว่าสี่หมื่นบาท แต่ต้องจ่ายค่าวัสดุก่อสร้างเกือบแสน ก็เอาเงินสังฆทานมานับ นับไปนับมาพอจ่าย บัญชีลงไว้ว่าสามหมื่นเก้าพันกว่าได้ แต่ตอนจ่าย จ่ายไปแปดหมื่นกว่าบาท...! ก็เงินกองนั้นนั่นแหละ เพราะฉะนั้น...ใครต้องการอานิสงส์แบบนี้ ให้ภาวนาพระคาถาเงินล้านเอาไว้ ทำขึ้นเมื่อไร เงินทองจะไหลมาเทมาเอง

สมัยก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ท่านทำอะไรก็ไม่กลัว เพราะว่าท่านนั่งแล้วได้เงิน อาตมาเป็นลูกศิษย์ก็ต้องเลียนแบบปฏิปทาครูบาอาจารย์ นั่งลงเมื่อไรก็ต้องได้เงิน แต่ว่าอาตมาขอเยอะกว่านั้น ก็คือยืนหรือเดินก็ขอได้เงินด้วย ยกเว้นตอนนอน เพราะอยากจะพักบ้าง ถ้าใครมาถวายเงินตอนนอนจะโกรธมาก...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2017 เมื่อ 03:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 120 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 08-04-2017, 15:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมาจะเอานอแรดอันนี้เข้าพิธีไว้ก่อน เผื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำ รุ่นลูกศิษย์จะได้ทำต่อ เสียดายที่เป็นแรดไทย นอจึงสั้นไปหน่อย ถ้าเป็นแรดแอฟริกา นอยาว ๒ ฟุต ทำได้เยอะดี

บ้านเราเขาบอกว่ามีแรดกับกระซู่ ขอให้รู้ว่าเป็นการแยกแยะของนักสัตววิทยาไทย เพราะคำว่า กระซู่ เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า แรด ถ้า กระชอ แปลว่าช้าง ไทยเรามาแยกว่าถ้านอเดียวคือแรด สองนอคือกระซู่ ไปชี้ให้กะเหรี่ยงดูเขาได้หัวเราะตายชัก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2017 เมื่อ 17:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 08-04-2017, 15:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระทองคำที่อาตมาจะสร้างองค์เล็กกว่าพระเงินนิดหนึ่ง พระเงินใช้เงิน ๑๕๐ กิโลกรัม พระทองคำใช้ ๑๔๐ กิโลกรัม ตอนนี้อาตมามีทองคำ ๑๐๓ กิโลกรัม ขาดอีก ๓๗ กิโลกรัมเท่านั้น ท่านใดจะขอเป็นเจ้าภาพ อนุญาตให้ถวายได้ไม่เกิน ๓๖ กิโลกรัม ที่เหลืออาตมาขอหาเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2017 เมื่อ 17:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 08-04-2017, 15:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านใดที่อ้างว่ามาจากโรงพยาบาลทองผาภูมิ แล้วเอาวัตถุมงคลมาจำหน่ายหาทุนเข้าโรงพยาบาล ให้รีบไสหัวออกจากวัดไปเลย..! ทางวัดไม่ได้อนุญาตให้ทำ ใครเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในบริเวณนั้นช่วยไล่ออกจากวัดให้ด้วย...

ทางโรงพยาบาลกับวัดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะว่าอาตมาเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาลทองผาภูมิ มีหน้าที่หาทุนให้กับโรงพยาบาลอยู่แล้ว อยู่ ๆ คุณมาจำหน่ายวัตถุมงคลบอกว่าหาทุนเข้าโรงพยาบาล โดยที่อาตมาซึ่งเป็นประธานไม่รู้เห็น จะเป็นไปได้อย่างไร ? คุณคงไม่รู้หรอกว่าพระอาจารย์เล็กเป็นมากจนจำ
ตำแหน่งตัวเองไม่ได้ ดันทะลึ่งมาอ้างในงานที่ตัวอาตมาเองเป็นประธาน..!

๗๗ จังหวัดทั่วประเทศไทยก็มีแต่อำเภอทองผาภูมิ ที่ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอเป็นพระ ก็คือเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ปกติแล้วคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน บุคคลหนึ่งจะเป็นได้ไม่เกิน ๒ โรงเรียน อาตมาเป็น ๔ โรงเรียน แล้วเป็นแบบไม่ผิดกฎหมายด้วย เพราะว่าสองโรงเรียนแรกก็คือพระครูธรรมธรเล็ก อีกสองโรงเรียนหลังคือพระครูวิลาศกาญจนธรรม เป็นคนละคนกัน...!

ส่วนใหญ่แล้วงานใหญ่ ๆ มักจะมีพวกแอบอ้างหากินอยู่เสมอ เมื่อวานนี้เพิ่งจะเจอกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล ไม่เห็นท่านบอกอะไรสักคำ วันนี้ดันมาตั้งโต๊ะขายบอกว่าหาทุนเข้าโรงพยาบาล น่าตายมาก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2017 เมื่อ 17:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 108 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 08-04-2017, 15:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านใดอยู่ด้านนอก ถ้าจะร่วมพิธีบวงสรวงไหว้ครูประจำปี ก็เข้ามานั่งด้านในได้ ยังพอมีที่นั่งอยู่ ด้านหลังใครเห็นด้านหน้าว่างก็ขยับขึ้นมานิดหนึ่ง เห็นใจคนข้างนอกหน่อย เขาเข้ามาไม่ได้

อย่าเผื่อที่นั่งไว้เอาความสบายของตัวเอง เป็นการเห็นแก่ตัวมาก เบียด ๆ กันหน่อยให้คนข้างนอกเข้ามา เราจะเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ว่าความเห็นแก่ตัวเป็นสิ่งที่แก้ไขได้ยาก ในเมื่อเข้าวัดเข้าวามาก็ควรที่จะละ จะเลิก สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ให้ลดน้อยถอยลง จนกระทั่งไม่มีอยู่ใน กาย วาจา ใจ ของเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2017 เมื่อ 17:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 108 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 08-04-2017, 15:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระเจ้าหน้าที่จุดเทียนสัตตบริภัณฑ์ไปก่อนเลย ตอนจุดให้จุดตามเข็มนาฬิกา คือวนด้านขวาจากด้านนอกเข้าด้านใน ตอนดับให้ทวนเข็มนาฬิกา คือดับจากด้านในออกด้านนอก ดูให้ดี ๆ ด้วยว่าใกล้วัตถุมงคลหรือเปล่า ? ขยับออกห่างนิดหนึ่งเพื่อกันไฟไหม้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2017 เมื่อ 17:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 111 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:01



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว