กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 21-01-2011, 09:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเรานั่งสมาธิ เราใช้สะดือหายใจได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่สะดือโดยตรง ต่ำกว่าสะดือลงไปหน่อยหนึ่ง

ถาม : หายใจทางผิวหนังหรือคะ ?
ตอบ : ตรงนั้นจะเป็นจุดศูนย์รวม ถ้าเป็นพวกฝึกจักระ จะเป็นจุดจักกระสำคัญ ซึ่งสามารถใช้ตรงนั้นหายใจแทนจมูกได้ ถ้าสังเกตเด็ก ๆ ที่เพิ่งเกิดมาใหม่ ๆ เวลานอนแล้วเขาหายใจ ตรงจุดนั้นจะบุ๋มกว่าเพื่อน เพราะเขาเคยชินกับตอนที่อยู่ในท้องแม่ ที่ไม่ได้ใช้จมูกหายใจ แต่ถ้าเป็นท่านที่คล่องตัวในการทรงฌานจริง ๆ สามารถใช้ผิวหนังทุกส่วนหายใจแทนจมูกได้

ถาม : แล้วสมาธิระดับไหนจึงจะไม่ต้องหายใจ ?
ตอบ : ฌานสองขึ้นไป ความจริงยังหายใจอยู่ แต่จิตเราหยาบเกินไปจึงไม่รู้ถึงลมหายใจซึ่งเป็นปราณละเอียด

ถาม : ทำไมฌานสี่จึงรู้ว่าไม่ใช่จมูกหายใจ แต่เป็นตรงนั้นหายใจแทน ?
ตอบ : ถ้าหากคล่องตัวแล้วอย่างไรก็รู้ได้ ถ้ายังไม่คล่องตัวก็จะนิ่งเป็นตอไม้ไปเฉย ๆ

ถาม : ก็คือฌานใช้งานหรือคะ ?
ตอบ : ถูกต้อง

ถาม : แบบนี้ถ้าเราโดนฝังดินเราก็ไม่ตายสิคะ ?
ตอบ : ถ้าทำได้ก็ไม่ตาย พวกโยคีเขาให้ทดสอบด้วยการเอาฝังดินเป็นวัน ๆ เขาตายไหมเล่า ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-01-2011 เมื่อ 19:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 21-01-2011, 09:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องพระเครื่องให้ฟังว่า "เรื่องพระของหลวงปู่โต วัดระฆัง อาตมาขอยืนยันว่า ถ้าเราท่องคาถาชินบัญชรด้วยความเคารพ ถึงเวลาท่านจะเสด็จมาเอง ไม่ด้วยวิธีการใดก็วิธีการหนึ่ง

ก่อนหน้านั้นอาตมาอยากได้พระสมเด็จวัดระฆัง แต่ราคาสูงมาก ไม่มีปัญญา ก็เลยใช้วิธีท่องคาถาชินบัญชร อธิษฐานขอท่าน ท่องไปเรื่อย ๆ ปีหนึ่งก็แล้ว สองปีก็แล้ว ก็ยังไม่ได้ พอท่องไปเรื่อย ๆ กลายเป็นความเคยชิน ไปได้เอาปีที่ ๑๑ แต่องค์นั้นได้มาก็ไปทันที

คนให้มา คือ คุณมนตรี เชียงอารีย์ ตอนนั้นท่านเป็นป่าไม้จังหวัดอ่างทอง ที่บ้านเล่นของเก่าจนไม่มีที่จะเก็บ ขนาดต้องเอาเทวรูปมาตั้งอยู่หน้าประตู ท่านมอบของเก่าให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไปสามร้อยกว่าชิ้น

ตอนนั้นท่านบอกว่า ติดหนี้บุญคุณอาตมาอยู่ไม่รู้จะใช้อย่างไร ก็เลยขอถวายสมเด็จวัดระฆังองค์หนึ่ง ลูกศิษย์นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นก็สะกิด อาตมาก็ส่งต่อให้เดี๋ยวนั้นเลย ป่านนี้เขารู้หรือยังว่าได้อะไรไป..!

แต่เรื่องของการเล่นพระตามเซียน เราจะต้องหูหนัก จะต้องไม่ฝ่อง่าย ๆ และต้องพยายามศึกษาด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นเข้าไปในสนามพระ มีแต่สารพัดเสือสิงห์กระทิงแรด พอคนแรกส่องพระก็บอกว่าของปลอม คนต่อไปส่องก็บอกว่าปลอม ปลอมไปตลอด

แบบเดียวกับทิดเก๋ (สามียายผีป่า) เขาเอาไปให้ดู พวกเซียนว่าปลอมทั้งนั้น จนกระทั่งในที่สุด เขากลับมาจะขึ้นรถ มีคนตามมาสะกิด "พี่ ๆ ขายให้ผมสักสามหมื่นเถอะ ผมจะเอาไว้ดูเนื้อเป็นตัวอย่าง" นี่ขนาดของปลอมยังให้ตั้งสามหมื่น..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2011 เมื่อ 10:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 21-01-2011, 10:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีอยู่องค์หนึ่งได้มาแบบแปลกมาก ก็คือ มีโยมคณะหนึ่งแจ้งว่าจะมาถวายผ้าป่าที่เกาะพระฤๅษี คณะมีประมาณ ๒๐ คน ให้จัดอาหารกลางวันไว้ให้พวกเขาด้วย

ตอนนั้นที่เกาะก็เตรียมต้อนรับเขาอย่างดี ปรากฏว่าเขามาประมาณ ๕๐ คนได้ มาเป็นรถทัวร์เต็มคันเลย พอเลี้ยงเขาเสร็จเรียบร้อย เราก็ไม่เห็นผ้าป่า ปรากฏว่าเขามาขอยืมพานใบหนึ่ง นั่งเรี่ยไรกันตรงนั้นและได้มาไม่กี่บาท หลังจากนั้นเราก็แจกวัตถุมงคล เมื่อเรายถาสัพพีเรียบร้อย หัวหน้าคณะคิดอย่างไรก็ไม่รู้ เขาถอดสมเด็จวัดระฆังที่คอถวายให้ เขารู้สึกว่าผ้าป่าได้ปัจจัยน้อยเกินไป ก็เลยถวายมา

ตอนนั้นจิมมี่ (ลูกศิษย์หลวงพี่เอ) เขาขอ อาตมาก็เลยให้ไป เขาพอที่จะรู้จักเซียนพระอยู่ จึงเอาไปให้คุณเซ้งมณเฑียรดู ปรากฏว่าพวกเซียนเขาตะลึงตาค้าง เพราะเป็นของใหม่ในวงการแถมยังงามสุด ๆ เลย

เขาถามว่า "ได้มาจากไหน ?" จิมมี่บอกไปว่า "พระอาจารย์ให้มา"

เซ้งมณเฑียรเขาถามว่า "อาจารย์มึงรู้หรือเปล่าว่าเป็นพระอะไร ?" จิมมี่บอกว่า "อาจารย์ท่านสั่งไว้ครับว่า ถ้าใครให้ต่ำกว่า ๒๐ ล้านอย่าไปปล่อย..!" คุณเซ้งบอกว่า "ถ้ายี่สิบล้านกูให้เดี๋ยวนี้เลย..!"

จิมมี่ก็ยังไม่ยอมปล่อย คุณเซ้งจึงควักสมุดเช็กขึ้นมา แล้วบอกว่า "ไอ้หนู..มึงอยากเอาเท่าไรกรอกตัวเลขเอาเองเลย" เขาอยากได้ขนาดนั้น อาตมานึกแล้วก็ขำ ถามมาได้ว่าอาจารย์รู้หรือเปล่าว่าเป็นพระอะไร ถึงให้ลูกศิษย์มาง่าย ๆ

แต่เซียนพวกนี้เขามีความอดทนมาก ถ้าเขารู้ว่าพระอยู่กับใคร เขาจะเทียวไปเทียวมาอยู่นั่นแหละ ไปชวนคุยอยู่เรื่อย ๆ ตีสนิทเข้าไว้ มีของฝากติดไม้ติดมือมาด้วย เดือนหนึ่งก็แล้ว ปีหนึ่งก็แล้ว ชวนคุยจนกว่าจะใจอ่อนยอมปล่อยให้เขาไป บางทีไปก็ไม่มีอะไรหรอก ไปขอส่องดูนิด ขอส่องดูหน่อย ขอดูไว้เป็นตัวอย่าง เป็นองค์ครู เขาก็ว่าไปเรื่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2011 เมื่อ 18:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 21-01-2011, 12:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมเซียนถึงให้ราคาพระขนาดนั้น ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับความพอใจ ถ้าคนเราพอใจเสียอย่าง ราคาเท่าไรก็ไม่แพง

คุณรู้หรือเปล่า ? เซียนพระที่ชื่อสุเทพ จิรวัฒน์สุนทร หรือฉายา "เทพ กำแพง" เขาเหมารังพระไปสามร้อยล้านบาท พูดง่าย ๆ ก็คือยกไปทั้งกรุเลย

ถ้าจำไม่ผิดเป็นของกำนันชูชาติ มากสัมพันธ์ "เทพ กำแพง" บุกทะลายรังไปเมื่อสามปีก่อนนี้เอง เขาตีราคารวมหมด ใหญ่เล็กเท่าไรไม่ต้องคิด ถ้าพอใจราคานี้เอาไปเลย

"เทพ กำแพง" เขาขออนุญาตทยอยจ่าย ถึงเวลาก็เอาไปปล่อยทีละองค์สององค์ องค์ไหนแบบไหนไหนที่มีใบสั่งมา ให้ราคาเท่าไรก็ทยอยปล่อยไป สรุปแล้วว่ายังได้กำไรอีกบานเบิก แถมยังมีพระดี ๆ เหลือเก็บไว้อีกต่างหาก ซึ่งเขาจะคัดเอาองค์สุดยอดชนิดที่มีหนึ่งเดียวในวงการเก็บไว้ ส่วนที่เหลือก็ทยอยปล่อยไป ได้กำไรงาม แถมได้ของดีที่เอาไปคุยได้ตลอดชีวิตไว้อีกต่างหาก

ถาม : เขาเอาเงินมาจากไหน ?
ตอบ : เอาเงินมาจากคนซื้อ เขาค่อย ๆ ทยอยปล่อย อย่างเมื่อปีที่แล้ว คุณวิชัย ศรีรักอักษร เจ้าพ่อคิงพาวเวอร์ บูชาพระเข้ากรุไปเกือบสามร้อยล้าน อย่างนี้แหละ..ที่เขาเรียกว่ามีใบสั่ง ถ้าพระสวยถูกใจ เอาไปเสนอได้เลย จ่ายไม่อั้น

อย่าง "เทพ กำแพง" พอเขาได้พระก็เอามาเสนอแล้วตกลงราคากัน เขาได้ไปทั้งกรุก็คัดเอาได้ แต่ที่ไปเสนอนั้นมักเป็นองค์สวยรองลงไป องค์ดีจริง ๆ เขาจะเก็บไว้เอง

ถาม : อย่างนี้วงการพระก็เป็นแหล่งฟอกเงินเลย..!
ตอบ : เป็นแหล่งฟอกเงินอย่างชัดเจน โดยเฉพาะพวกข้าราชการระดับใหญ่ ๆ กับนักการเมืองมักจะใช้เป็นแหล่งฟอกเงิน

หมายเหตุ : เทพ กำแพง จอมเทคโอเวอร์รังพระแห่งยุค
http://www.tumsrivichai.com/index.ph...63631&Ntype=40

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-01-2011 เมื่อ 17:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 21-01-2011, 12:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้าอยากรู้ว่าวงการพระเครื่องแสบแค่ไหน ต้องไปเข้าเว็บพลังจิต เราจะเห็นได้ชัดว่า แรก ๆ ทุกคนยังมีหิริโอตตัปปะ ยังมีศีลมีธรรมอยู่ แต่พอเรื่องของลาภ ยศ สุข สรรเสริญ เข้ามา ก็ทำให้เบี่ยงเบนไปจากเดิม

บางราย แรก ๆ เอาพระไปปล่อยเพื่อทำบุญที่นั่นที่นี่ ตอนหลังพอเห็นรายได้ดีและตัวเองเอาของจริงมาจนเป็นที่เชื่อถือแล้ว ก็เอาของปลอมมาปล่อยเสียเลย คงไม่ต้องเอ่ยว่าเป็นใคร เขาแทบจะฆ่ากันตายอยู่แล้ว..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2011 เมื่อ 18:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 21-01-2011, 14:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกว่า "สมเด็จพระพุทธทีปังกรและสมเด็จพระพุทธกัสสป พระองค์ท่านเป็นผู้ที่เลิศด้วยลาภมากที่สุดในจำนวนพระพุทธเจ้าด้วยกัน เพราะว่าพระองค์ท่านเริ่มการบำเพ็ญมาด้วยทานบารมี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2011 เมื่อ 18:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 21-01-2011, 14:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นักแข่งรถ เวลาเขานั่งอยู่ในรถ เขาจะทำตัวไม่มีตัวไม่มีตน นั่นคือการใช้อรูปฌานหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : การที่เขาจดจ่ออยู่แค่ว่าตัวเองทำอะไร โดยที่ไม่ได้คิดถึงว่าตัวเองจะเจ็บจะตายหรือเปล่า สมาธิต้องเป็นระดับปฐมฌานละเอียดขึ้นไป ถึงจะทำได้

ถาม : แค่ปฐมฌานละเอียดหรือคะ ?
ตอบ : เพราะว่าพอถึงระดับนั้นแล้ว จิตกับประสาทเริ่มจะเป็นคนละส่วนกัน จะมุ่งงานเฉพาะหน้า ไม่ได้ใส่ใจในร่างกาย คนที่ทำได้ในระดับนี้ บางทีทำงานไประยะหนึ่งแล้วหมดสภาพไปเฉย ๆ เพราะว่าลืมพักผ่อน ประเภททำข้ามวันข้ามคืนไปเลย พอถึงเวลาจะพัก ตัวเองก็ไม่ไหวเสียแล้ว งานหมดก็หมดสภาพไปเลย เขาเรียกว่ายังหาจุดพอดีของตัวเองไม่เจอ


ฉะนั้น..กำลังใจที่มุ่งมั่นขนาดนั้น พอถึงเวลาจิตกับประสาทแยกส่วนกัน ก็เลยทำให้ไม่รู้สึกว่าจะต้องกลัวอะไร สมาธิระดับนั้นก็เลยกล้าที่จะขับรถด้วยความเร็วระดับสองร้อยกว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง บางครั้งเข้าโค้งทีไฟแลบเลย

ถาม : ไม่ต้องถึงอรูปฌานหรือคะ ?
ตอบ : ถ้าถึงอรูปฌานก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าจะไม่รับรู้ข้างนอก ถ้าไม่คล่องตัวจริง ๆ อรูปฌานจะไม่รับรู้อะไรข้างนอกเลย แล้วจะไปบังคับรถอย่างไร ? ยกเว้นท่านที่ชำนาญเป็นพิเศษ ก็คงจะเป็นหนึ่งในหลายสิบล้าน..!

ถาม : แค่ปฐมฌานจะสามารถรับรู้อะไรข้างนอกได้ ?
ตอบ : จะยิ่งรู้ละเอียด เพราะเป็นลักษณะของฌานใช้งาน โดยเฉพาะปฐมฌานละเอียด สติจะสมบูรณ์พร้อมอยู่กับตัวเอง หลับกับตื่นความรู้สึกเท่ากัน เวลาทำอะไรก็จะทำได้ดีกว่าคนทั่วไปเยอะมาก บางทีมีส่วนของความเป็นทิพย์มาช่วยคำนวณด้วย

อย่างเช่นต้องเข้าโค้งแรงแค่นี้ ต้องแตะเบรกแค่นี้แล้วรถจะไถลไปถึงมุมนั้นพอดี แทนที่จะคำนวณด้วยความชำนาญเฉพาะตัว ก็เริ่มไม่ใช่แล้ว กลายเป็นมีความเป็นทิพย์บางส่วนมาช่วยแล้ว

นักกีฬา หรือนักรบ นักต่อสู้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสมาธิมาช่วยเป็นอย่างมาก เราจะสังเกตว่า นักกีฬาบางคน ถ้าสมาธิไม่ทรงตัว สถิติจะเสียไปเลย หรือแพ้คู่ต่อสู้แบบยับเยินเลย

อย่างสมัยก่อนเวลารบกันไม่เหมือนกับสมัยนี้ สมัยนี้ห่างกันเป็นกิโลก็ยิงกันแล้ว สมัยก่อนต้องถือดาบถือหอกเข้าไปประจัญบานกัน ถ้าสมาธิไม่ทรงตัว กำลังใจลดหน่อยเดียว ก็ไม่กล้าสู้แล้ว บางทีวิ่งหนีเอาดื้อ ๆ ก็มี..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2011 เมื่อ 18:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 21-01-2011, 20:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่เขาติดยาบ้า ติดกาว มียาอะไรรักษาไหมครับ ?
ตอบ : ยาอะไรก็ไม่ได้ผลหรอก ถ้าใจเขาไม่คิดจะสู้เพื่อตัวเองหรือเพื่อคนอื่น วิธีที่ดีที่สุดก็คือหักดิบ

ถาม : ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ใช่..ถ้าจะให้ดีก็จับขังเอาไว้ ไม่ให้ไปไหน แต่ ๒ - ๓ วันแรกห้ามใจอ่อนกับเขาอย่างเด็ดขาดเลยนะ พอออกอาการลงแดงก็ราดด้วยน้ำเย็นบ่อย ๆ สัก ๔ - ๕ วันก็เห็นผลแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2011 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 21-01-2011, 21:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราไปอยู่เมืองน้ำแข็งอย่างอลาสก้า แล้วมีสองทางให้เราเลือก ทางแรกยอมตายไปเลย ทางที่สองก็คือกินเหล้าแล้วมีชีวิตรอดได้
ตอบ : มีทางที่สาม ก็คืออย่าไป

ถาม : แต่ถ้าเราต้องไป แล้วมีให้เลือกสองข้อ
ตอบ : ขึ้นอยู่กับกำลังใจของเรา ว่าเรายอมตัวตายดีกว่าศีลขาด หรือยอมศีลขาดเพื่อตัวรอด ถามอาตมาไม่ได้หรอก กำลังใจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับกำลังใจของคนนั้นเอง

ถาม : ถ้ากินเหล้าก็ถือว่าผิด
ตอบ : เราจะไปเอาตัวเราที่อยู่เมืองร้อนไปคำนวณแทนนั้นไม่ได้ ลูกศิษย์ที่เคยไปอยู่ที่นั่นบอกว่า บางช่วงอากาศลบ ๓๐-๔๐ องศาเซลเซียส พออุณหภูมิสูงขึ้นมาเป็นลบ ๒๐ องศาเซลเซียส เขาเหงื่อแตกจนต้องอาบน้ำ

เราไม่ชินกับอากาศแบบนั้น แต่เขาชินแล้ว เขารู้สึกว่าอากาศสบายสำหรับเขาแล้ว แต่จะต้องเอาพวกไขมันสัตว์อย่างไขมันแมวน้ำ ไขมันปลา มาทาตัวทาหน้าเอาไว้เสมอ เพราะถ้าสูญเสียความชื้นไปมาก ร่างกายก็จะเสียหายมากและตายได้ง่าย ที่สำคัญก็คืออย่าลืมแว่นกันแดดเป็นอันขาด เพราะแสงแดดที่สะท้อนหิมะแรงจัดกว่าปกติหลายเท่า มีโอกาสที่จะตาบอดได้ง่าย

ถาม : ถ้าอยู่เยอรมันเขากินเบียร์แทนน้ำ ?
ตอบ : ลูกศิษย์อาตมาไปที่นั่นหลายคนแล้ว บอกให้เขากินนมสดแทน อย่าไปสั่งน้ำนะ เพราะน้ำราคาแพงมาก ให้กินนมแทน กลับมาแล้วค่อยมาลดน้ำหนักเอา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2011 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 21-01-2011, 22:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง facebook อายุยังไม่เท่าไรเองเป็นอภิมหาเศรษฐีแล้ว ไม่น่าเชื่อนะ..ว่ากิเลสคนจะทำให้เขารวยได้ขนาดนี้

อ้าว..จริง ๆ นะ แค่คนเขาอยากอวดหน้าตัวเองเท่านั้น พอมีช่องให้อวด คนก็แย่งกันใช้ของเขากันใหญ่ ตัวกูของกูอย่างเดียว ทำให้เขารวยได้ขนาดนั้น..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2011 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 21-01-2011, 23:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ควรจะทำกรรมฐานวันละเท่าไร ถึงจะได้สมาธิขั้นที่ต้องการ ?
ตอบ : อย่างน้อยต้องทำสมาธิเช้าเย็นให้อารมณ์ทรงตัว แล้วพยายามรักษาอารมณ์นั้นไว้ ถ้าคุณถามว่าวันละเท่าไร ? ๒๔ ชั่วโมงก็ไม่พอหรอก..!

สำคัญตรงที่ว่า ทำแล้วรักษาอารมณ์ให้อยู่กับเราไว้ได้ ส่วนใหญ่อารมณ์ของเรามักจะอยู่เฉพาะตอนที่นั่ง พอลุกขึ้นไปทำอย่างอื่นก็หลุดหมด

ถาม : ใช่ครับ
ตอบ : หาวิธีประคองเอาไว้ ใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับอารมณ์นั้น รักษาไว้ให้อยู่กับเราให้ได้ พอซ้อมไปมีความคล่องตัว ก็จะอยู่กับเราได้นานขึ้น ถ้าอยู่ได้เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปีเมื่อไรจะมีความสุขมาก ตอนนั้นจะมีปัญญาเห็นช่องทางอีกมาก ว่าจะทำอย่างไรกับการปฏิบัติให้ตัวเองก้าวหน้า

ถาม : ช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีกำลังใจ เจอมารผจญ ทำอย่างไรดี ?
ตอบ : ใคร ๆ ก็โดนกันทั้งนั้นแหละ จำเอาไว้เลยว่า ไม่มีอะไรเกินตาย ถ้าไม่กลัวตายเสียอย่าง ไม่มีใครทำอะไรเราได้หรอก..!

ถาม : ถ้าผมอยากจะประสบความสำเร็จในเรื่องที่ประสบความสำเร็จได้ยาก
ตอบ : ทุ่มเทสิวะ ไม่ทุ่มเทแล้วจะได้เรอะ..! ถ้ายิ่งยากกว่าคนปกติ ก็ต้องทุ่มเทมากกว่าคนอื่นหลายเท่า

ถาม : อย่างนั้นหรือครับ เรื่องนี้ผมสองจิตสองใจอยู่ครับ
ตอบ : แค่นี้ก็ต้องกลัวด้วยหรือ ? ก็แค่เกิดนานกว่าเขาเท่านั้น ไปเถอะ..ทำก็ทำ อย่าไปถามคนอื่นเขา เอากำลังใจของเราเป็นหลัก มัวแต่ไปถามคนอื่นแล้วค่อยตัดสินใจได้ นั่นไม่ใช่ตัวตนและกำลังใจที่แท้จริงของเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2011 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 21-01-2011, 23:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมสะสมพระเครื่องไว้บ้างนิดหน่อย บางทีเพื่อนหรือญาติเขามาขอบูชา เกิดความลังเลว่า จะคาบเกี่ยวกับการปรามาสพระรัตนตรัยหรือเปล่า ?
ตอบ : ถ้าให้เขาบูชาไปเถอะ แล้วเราเอาเงินจำนวนนั้นมาใช้เป็นสามส่วน ส่วนแรก ใช้ในการดำรงชีวิตของตัวเอง ส่วนที่สอง ใช้เพื่องานสาธารณประโยชน์ ส่วนที่สาม ใช้ในการทำบุญ ถ้าอย่างนั้นจะไม่มีโทษอะไรกับเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2011 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 21-01-2011, 23:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สมัยท่านอยู่กับหลวงพ่อฤๅษี ท่านฝึกวิชารับการทุบตี (ถูกด่าถูกว่าแรง ๆ) อย่างไรคะ ?
ตอบ : หน้าด้านหน้าทนเข้าไว้ โดนเท่าไรอย่ายุบเป็นอันขาด อย่างอาตมาท่านไม่ได้ว่าเบา ๆ ท่านว่าต่อหน้าคนเป็นร้อย ๆ ทุกที เพราะท่านรู้ว่าสันดานของอาตมารั้นมาก ๆ ถ้าว่ากันแค่สองคน อาตมาจะฟังผ่านหูไปเฉย ๆ ท่านก็ต้องด่าต่อหน้าสาธารณชน เจอแต่ละทีไม่ใช่เบา ๆ ขึ้นโคตรพ่อโคตรแม่กันเลย..!

ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่า ถ้าหากท่านยังว่า ยังเตือนอยู่ แสดงว่าเรายังเป็นคนที่สอนได้ แต่ถ้าท่านไม่ว่าไม่เตือนเมื่อไร นั่นเราแย่แล้ว ไม่มีพ่อที่ไหนหรอกที่จะฆ่าลูก นอกเสียจากจะพยายามสั่งสอนให้ลูกได้ดี ในส่วนที่ท่านว่ามา เราผิดจริงหรือไม่ ? สำรวจตัวเองชัด ๆ ในเมื่อผิดจริงก็ยอมรับเสียแต่โดยดี แล้วระวังไว้อย่าให้ผิดตรงจุดนั้นอีก

เท่าที่ผ่านมา ส่วนไหนที่อาตมาผิด หลวงพ่อท่านจะด่าได้ครั้งเดียว หลังจากนั้นอาตมาจะไม่ยอมพลาดตรงจุดนั้นอีก เพราะฉะนั้น..เรื่องอะไรก็ตามที่ท่านด่าหรือว่ามา จะมีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นอาตมาก็กำจัดจุดอ่อน ใส่เกราะเรียบร้อย จะไม่โดนเรื่องเดิมอีก ยกเว้นไปพลาดในเรื่องใหม่

อยากได้ดีก็ต้องทุ่มเทจริงจัง ในเมื่อเราเคยพลาดตรงไหนแล้วท่านเมตตาเตือนมา เราก็ต้องใช้สติ สมาธิกับตรงนั้นให้มากกว่าปกติ เพื่อระมัดระวังไว้ไม่ให้โดนซ้ำอีก

พอมาเจอการแสดงอาบัติ (สารภาพว่าตัวเองผิดศีล) ของพระ จึงได้เข้าใจว่า ที่แท้เป็นแบบเดียวกัน เพราะการแสดงอาบัติของพระจะมีว่า

นะ ปุเนวัง กะริสสามิ ข้าพเจ้าจะไม่ทำอย่างนี้อีก

นะ ปุเนวัง ภาสิสสามิ ข้าพเจ้าจะไม่พูดอย่างนี้อีก

นะ ปุเนวัง จินตะยิสสามิ ข้าพเจ้าจะไม่คิดอย่างนี้อีก

กลายเป็นว่าสิ่งที่เราเคยระมัดระวังเพราะหลวงพ่อท่านเคยดุเคยว่าเอาไว้ มาตรงกับสิ่งที่พระตั้งแต่โบราณเขาแสดงคืนอาบัติกัน เมื่อแสดงแล้วเราจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดตรงนั้นอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-04-2012 เมื่อ 19:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 21-01-2011, 23:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การนั่งสมาธิ ต้องเกิดปีติทุกคนไหมครับ ?
ตอบ : เกิด เพียงแต่จะเกิดเป็นปีติตัวไหน

ถาม : ในห้าอย่างหรือครับ ?
ตอบ : ในห้าอย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง

ถาม : แล้วคนที่ไม่เคยเจอเล่าครับ ?
ตอบ : ไม่เคยเจอเลยมีสองประการด้วยกัน ประการแรก ในอดีตเคยทรงฌานมาแล้ว คล่องตัวมาก จะข้ามตัวปีติไปเป็นฌานเลย ประการที่สอง มาสายสาวกภูมิที่หัวอ่อนสุด ๆ บอกอะไรเชื่ออย่างเดียว อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเจอปีติก็ได้
ถาม : หัวอ่อนสุด ๆ ?
ตอบ : ประเภทว่าอะไรเชื่ออย่างเดียว บอกให้ทำก็ทำ ไม่มีการโต้แย้ง ไม่มีความสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น

ถาม : ถ้าเกิดนั่งภาวนาพุทโธ หรือ นะมะพะธะ แล้วไม่ได้กำหนดภาพพระ ?
ตอบ : อย่างน้อยก็ต้องกำหนดลมหายใจเข้าออก ถ้าไม่กำหนดลมหายใจเข้าออกก็ไม่มีผล ภาวนาไปก็เหนื่อยเปล่า

ถาม : ทำแค่กำหนดลมหายใจและคำภาวนาละครับ ?
ตอบ : เกินพอแล้ว ขอให้ทำจริง ๆ เท่านั้นแหละ ถ้าทำจริงเดี๋ยวผลก็เกิดเอง

ถาม : ผลที่เกิดมีอะไรบ้างครับ ?
ตอบ : อันดับแรก ทรงฌานได้ รัก โลภ โกรธ หลง ก็โดนกดดับชั่วคราว อันดับที่สอง ใช้กำลังฌานในการพิจารณาตัดกิเลส อันดับที่สาม ถ้าทรงฌานสี่ละเอียดได้ ถึงเวลาต้องการจะตายเมื่อไรก็ไปได้เมื่อนั้น

น่าสนใจนะ ถ้าทรงฌานสี่คล่องตัวได้ จะตายเมื่อไรก็ตายได้ ท่านทั้งหลายจึงสามารถที่จะบอกได้ว่าจะตายตอนไหน เพราะถ้าเราเข้าฌานสี่ไปแล้ว สภาพร่างกายเราเหมือนกับหยุดทำงานหมด แม้กระทั่งลมหายใจก็ไม่มี พอเราออกจากฌานสี่ แล้วเราไม่หายใจใหม่ก็จบแล้ว ท่านไปกันตอนนั้นแหละ..!

พระพุทธเจ้าเวลาเข้าฌานก่อนที่จะดับขันธปรินิพพาน พระองค์ท่านเข้าฌาน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ หลังจากนั้นก็ถอยลงมา ๘ ๗ ๖ ๕ ๔ ๓ ๒ ๑ แล้วเข้า ๑ ๒ ๓ ๔ จากนั้นก็ปรินิพพานตอนนั้น นั่นคือเข้าฌานสี่เป็นฌานสุดท้าย พอคลายออกก็ไปเลย..เลิกหายใจ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2011 เมื่อ 03:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 22-01-2011, 00:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเคยเปิดเว็บ เจอที่หลวงพ่อฤๅษีบอกว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย ผมก็เลยสงสัย ?
ตอบ : เอาเป็นอันว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนในตระกูลไท ถ้าใช้คำว่าเป็นคนไทย เราจะไปคิดว่าพระองค์ท่านเป็นคนในประเทศไทย แล้วจะเตลิดไปถึงขนาดเกิดในเมืองไทยไปด้วย..!

อย่าลืมว่าไทยมีสารพัด ไทยน้อย ไทยใหญ่ ไทยพวน ไทยอาหม ไทยลื้อ ไทยเขิน เป็นคนในตระกูลไท เพราะบ้านเราเมืองเราเพิ่งจะเป็นประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ ๖ นี่เอง ก่อนหน้านั้นเป็นสยาม ถัดจากนั้นขึ้นไปก็ยังเป็นอโยธยา เป็นสุโขทัย ยังไม่ใช่ประเทศไทยในปัจจุบัน

ถาม : ก็คือไม่ใช่แขกตัวดำ ๆ ตามที่เราเข้าใจ ?
ตอบ : ไม่ใช่..เพราะสมัยก่อนผู้คนสามารถไปถึงกันหมด โดยที่ไม่มีเขตแดนประเทศเป็นเครื่องขีดคั่น จะมีเครื่องขีดคั่นขึ้นมาก็ต่อเมื่อมีใครสักคนหนึ่งตั้งตนเป็นใหญ่ขึ้นมา แล้วก็ขยายอาณาเขตครอบครองออกไปว่าถึงตรงไหน

แต่สมัยก่อนก็ยังไม่แน่ชัดเหมือนกับสมัยนี้ โดยเฉพาะพวกที่อยู่ระหว่างรอยต่อ ระหว่างแดนต่อแดน ก็คือคนเชื้อชาติเดียวกัน เพียงแต่โดนกำหนดให้อยู่กันคนละเขตกันเท่านั้นเอง

ภาษาไทยกับภาษาลาว ก่อนหน้านี้คือภาษาเดียวกัน มาพัฒนาเปลี่ยนแปลงเพราะไทยกรุงเทพฯ ภาษาไทยที่แท้จริงคือภาษาแบบอีสาน ภาษาไทยกรุงเทพฯ ของเราเป็นภาษาไทยแบบเหน่อเจ๊ก คนจีนพอมีมาก ๆ เข้า พูดไทยแล้วไม่ชัดไปเรื่อย ๆ แต่จำนวนคนเขามีมากกว่า ยิ่งมีฐานะดีกว่าด้วย จะพูดจะทำอะไรก็มีคนเลียนแบบทำตาม ภาษาไทยแบบจีนจึงพัฒนามาเป็นภาษาหลักอย่างในปัจจุบัน

ยิ่งเป็นส่วนกลางที่ควบคุมทางภูมิภาคอยู่ด้วย เขาก็เลยเอาเป็นภาษาหลัก กลายเป็นภาษาที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นภาษาไทย ขณะเดียวกันภาษาไทยดั้งเดิมก็ไปว่าเขาเป็นภาษาลาวบ้าง คำเมือง (ภาษาเหนือ) บ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2011 เมื่อ 03:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 22-01-2011, 00:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สถานที่ประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน อยู่ที่นั่นจริงหรือครับ ?
ตอบ : มีอยู่จริง แต่บางจุดก็ไม่ตรง ห่างจากสถานที่จริงหลายกิโลเมตร แต่เราต้องมาดูวัตถุประสงค์ พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ในมหาปรินิพพานสูตรว่า บุคคลที่ได้ไปไหว้สังเวชนียสถานทั้ง ๔ จะได้เป็นอนุสติระลึกนึกถึง ในเมื่อเรายึดเป็นอนุสติแล้วจะไหว้ตรงไหนก็ได้ ขอให้ไหว้แล้วระลึกถึงพระพุทธเจ้าได้ก็พอแล้ว

ถาม : โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ค่อยเชื่อว่าอยู่ในอินเดีย เพราะในร่องรอยไม่ค่อยเหลือแล้วตรงนั้น
ตอบ : ไม่เป็นไร ถ้าเราเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าสักที ต่อไปเขาก็จะไม่เชื่อว่าประเทศไทยมีพระพุทธศาสนา เพราะอิสลามบุกเข้าไปทำลายหมด เขาไม่ได้เผาเฉย ๆ แต่โกยดินกลบด้วย ตอนที่เขาขุดมหาวิทยาลัยนาลันทาขึ้นมา อยู่ใต้ดินเกือบสามเมตร..!

รัฐพิหาร รัฐเดียวมีวัดอยู่สามหมื่นกว่าวัด จนเขาเรียกว่ารัฐพิหาร โดนเขาทำลายเกลี้ยงไม่เหลือ คุณลองดูอินโดนีเซีย บรมพุทโธ (บุโรบุโด) เป็นสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาที่ใหญ่โตมาก แต่เหลืออะไรบ้างนอกจากตัวบรมพุทโธอย่างเดียว นอกนั้นเป็นอิสลามหมด

อัฟกานิสถานก่อนหน้านั้นเป็นเขตประกาศศาสนาของศาสนาพุทธเต็ม ๆ เลย ปัจจุบันแม้แต่พระพุทธรูปใหญ่เขาก็ทำลายทิ้งหมด หลวงจีนฟาเหียน ท่านบันทึกเอาไว้ว่า มีพระนอนยาวถึงสามร้อยศอก แต่เขายังหากันไม่เจอ เจอแต่พระยืนและโดนพวกตาลีบันทำลายเรียบร้อยไปแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2011 เมื่อ 03:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 22-01-2011, 01:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูนอนแล้วฝันไม่ค่อยดี ตื่นขึ้นมาหมดแรง ปวดเมื่อย หนูทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ จริง ๆ เวลาฝัน คือกายในเราออกไป พอกายในออกไป ถึงเวลาเราเกิดฝันว่าหนีอะไร หรือกลัวอะไร เราก็จะเหนื่อยเหมือนตัวจริง ให้ใช้วิธีภาวนาให้หลับ นึกถึงลมหายใจเข้าออก พุทโธ ๆ ๆ ให้หลับ จนคล่องตัวแล้วจะไม่ฝันจ้ะ ถ้าทำอย่างนี้แล้วจะช่วยได้เยอะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-01-2011 เมื่อ 08:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 22-01-2011, 10:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ก่อนหน้านี้ที่ปฏิบัติอยู่ จะเป็นอารมณ์ในการตัดสินใจ พอเราตัดสินใจไปแล้ว ก็เหมือนกับว่าเราห่างจากสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้น ตอนที่เราตัดสินใจเกิดจากการที่เราเห็นโทษ กลายเป็นว่าเวลาที่เราคิดใคร่ครวญทำอะไร ก็จะอยู่ตรงแค่ทำไปแล้วเป็นประโยชน์ต่อการหลุดพ้นหรือเปล่า ? ขณะเดียวกันก็มีโทษหรือไม่ ? จากนั้นก็ตัด แล้วเลือกเอาแต่ในส่วนที่ดีเท่านั้น ในส่วนที่เป็นความชั่วจะหยุดไปเอง เป็นลักษณะอย่างนี้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : อย่างที่เคยบอกไว้ว่า ให้ละชั่วทำดีไปเรื่อย ๆ รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ เดี๋ยวพอท้าย ๆ ก็จะไม่เอาทั้งดีทั้งชั่ว น่ากลัว..น่ากลัวตรงที่ว่า พอท้าย ๆ แล้วจะไม่อยากอยู่บ้าน อยากไปอยู่วัดหรืออยู่ป่ามากกว่า..!

ถาม : ตอนนี้หนูอยากจะไปอยู่ป่าเต็มทีแล้ว
ตอบ : พอถึงเวลานี้เหมือนกับมุมมองหรือโลกทัศน์ของเรากลับข้างกับคนอื่น สิ่งที่คนอื่นเห็นว่าสุข เราจะเห็นว่าทุกข์ สิ่งที่คนอื่นเขาเห็นว่าดี เราก็เห็นว่ายังไม่ดีจริง ทำให้อยู่กับคนอื่นลำบาก มีอยู่ทางเดียว..ถ้าไม่เตลิดเปิดเปิงเข้าป่าเข้าดง ก็ต้องไปอาศัยอยู่วัดเลย

ถาม : บางทีเวลาเราไปอยู่กับคนที่กำลังใจไม่เท่ากัน เขาจะมองเราอีกอย่างหนึ่ง พอเขามองเราอีกอย่างหนึ่ง กลายเป็นว่าเขาจะสร้างโทษให้แก่ตัวเขาเอง เราก็ไปดีกว่า
ตอบ : ไปห่าง ๆ เสียจะดีกว่า แสดงว่าตอนนี้อาการของเราหนัก หมอคงไม่รับรักษาแล้ว..!

ถาม : หนูไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นฆราวาส
ตอบ : ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเลย ว่าอย่างนั้นจะดีกว่า จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรหรอก สิ่งภายนอกนั้นเป็นแค่สมมติเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของเรา จากสภาพภายในจิตใจของเรา ก็จะโยงออกมาถึงกายภายนอก

ถาม : เหมือนกับจิตเราอยู่คนละภพภูมิกับคนอื่น
ตอบ : อย่าเพิ่งไปเชื่อว่าดีก็แล้วกัน เดี๋ยวกลายเป็นอย่างเรื่องอีตอแหล แล้วโดนกิเลสตีกลับอีก..!

ถาม : คนอื่นคุยกับเราได้ แต่เราหาคนที่คุยกับเราไม่ได้
ตอบ : บางระยะอาตมาเองก็ต้องฝืนใจอย่างมากเลย เพราะเรื่องที่เขาคุย ไม่ได้ไปทางเดียวกับเรา พอเขาคุยจบ เราก็ตัด..เดินจากไปเลย เหมือนกับเสียมารยาท ก็เลยดูค่อนข้างจะเป็นคนแปลก ๆ ในหมู่เพื่อนฝูง

ถาม : หนูหาคนคุยไม่ได้ ก็เลยจะขอคุยกับท่าน
ตอบ : ไม่ต้องคุยหรอก คุยไปก็เท่านั้น เพราะไม่มีอะไรจะคุย รีบ ๆ ไปทำวิทยานิพนธ์ให้จบ จะได้โกนหัวเข้าวัดเร็ว ๆ

ถาม : ตอนแรกจะทิ้งวิทยานิพนธ์แล้วไปเข้าป่า
ตอบ : ให้เรียนจบก่อน โลกต้องไม่ช้ำ ธรรมต้องไม่เสีย ลงทุนไปขนาดนั้นแล้ว อาตมายังรู้สึกมีรสชาติกับชีวิตในการเรียนอยู่เลย เราจะมาหมดรสชาติได้อย่างไร ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2011 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 22-01-2011, 10:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตั้งแต่เข้าสู่ปีใหม่นี้ หนูโดนผีบีบคออยู่ทุกวัน ถ้ามาเป็นเจ้ากรรมนายเวรหนูก็พอรับได้ แต่พวกมาแล้วบีบคอ ทับอก นี่รับไม่ค่อยได้
ตอบ : เขาแค่มาทดสอบ สำคัญว่าตอนนั้นอารมณ์ใจเราเป็นอย่างไร อย่างอาตมาโดนทดสอบมาสามปี จนเขาหมดอารมณ์ก็ไปเอง ตอนนั้นอาตมาไม่เคยนึกถึงความดีอะไรเลย สู้อย่างเดียว..!

ถาม : หนูก็สู้อย่างเดียวค่ะ กลายเป็นว่าทุกวันนี้ตอนกลางคืน หนูต้องนอนกำพระขรรค์โสฬส เพราะเป่านะโมพุทธายะเขาก็ไม่ไป แผ่เมตตาเขาก็ไม่ไป พอกำพระขรรค์โสฬสเขากลับยอม
ตอบ : แสดงว่ายังเกรงใจอยู่ ของอาตมาเองไม่ได้กำอะไรเลย ตอนนั้นนอนภาวนาอย่างเดียว เขามาเมื่อไรก็ฟัดกันกระจายอยู่ตรงนั้น

ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าเขาเหนือกว่าเราทุกกระบวนท่า เพราะเราจะทำอะไรเขารู้หมด แค่เราคิดจะทำอะไร ยังไม่ทันจะขยับ เขาก็ไปดักไว้ก่อนแล้ว แต่ว่าก็ดีอยู่อย่างหนึ่งคือ สามปีเต็ม ๆ ที่ตีกันมาทำให้มีความคล่องตัวมาก ต่อไปให้ไปฟัดกับใคร รับรองว่าไม่เป็นรองเขาหรอก เพราะจะมาไม้ไหนก็ต้องแก้ให้ทัน แล้วพยายามตอบโต้กลับไป ไม่ยอมขาดทุนอยู่ฝ่ายเดียว

สรุปว่าตลอดสามปีเทวดาทดสอบแล้วเหนื่อยเปล่า เพราะอาตมาไม่ยอมนึกถึงความดีอะไรเลย สู้อย่างเดียวจริง ๆ..!

ถาม : หนูก็เป็นคนที่คุยไม่เป็น ไม่ใช่ทูตสัมพันธไมตรีที่จะต้องมาเจรจากับใคร
ตอบ : เขาเรียกว่า เหมือนหมาป่ากับลูกแกะ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุ เขาก็หาเหตุมาจนได้ ก็คือ เขาตั้งใจจะแกล้งอยู่แล้ว อยากรู้ว่าอารมณ์ใจของเราไปถึงขั้นไหน อาตมาเองพอเรื่องจบถึงมานึกถึงคำพูดหลวงพ่อวัดท่าซุงได้ หลวงพ่อท่านว่า "ถ้าเรานึกถึงความดีอะไรได้สักอย่าง เขาก็จะเลิกแกล้ง" แต่ทำไมในหัวคิดของอาตมาไม่มีความดีอะไรที่จะนึกเลยแม้แต่นิดเดียว รู้อยู่อย่างเดียวว่าเอ็งมาแกล้งข้าจะสู้ ไม่เอาอย่างอื่นเลย...

นี่เป็นสันดานเฉพาะตัว สู้มาตลอดทุกยุคทุกสมัยก็เลยไม่ยอม นึกอยู่อย่างเดียวว่า เอ็งจะแน่สักแค่ไหนวะ..?! สามปีสู้อย่างเดียวจริง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2011 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 22-01-2011, 19:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด เป็นปัญหาปากท้องของประชาชน เนื่องจากข้าวของทุกอย่างจะแพง

น้ำมันราคาแพงแล้วของแพง..เราเข้าใจ แต่น้ำมันแพงแล้วของไม่มีขายและราคาแพง...พวกเราไม่ค่อยเข้าใจ เนื่องจากปีนี้จะแล้งนาน ในเมื่อแล้งนาน นาปรังที่เคยทำก็จะได้ผลน้อย นาปีก็ไม่รู้ว่าจะได้สักเท่าไร โดยเฉพาะพวกที่ทำสัญญาขายข้าวให้กับต่างประเทศล่วงหน้า

สมมติว่าทำสัญญาขายข้าวไว้หนึ่งร้อยตัน ถึงเวลาเขาก็ต้องไปกว้านข้าวให้ได้หนึ่งร้อยตันเพื่อส่งให้ตามสัญญา จะส่งผลให้บ้านเรามีข้าวเหลือน้อยแล้วราคาจะแพง ในเมื่อแล้งมาก พืชผลต่าง ๆ ก็จะได้ผลน้อย สมมติว่าเคยปลูกอ้อยหนึ่งไร่ได้ผลร้อยตัน ก็จะลดน้อยลงไปมาก กลายเป็นว่าข้าวของอย่างอื่นก็จะแพงไปด้วย

ปัจจุบันบ้านเรามักจะทำการเกษตรเชิงเดี่ยวกันมาก ก็คือ ปลูกของอย่างเดียว อย่างเช่น ปลูกยางพาราอย่างเดียว ปลูกมันสำปะหลังอย่างเดียว ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างเดียว ของพวกนี้ถ้าขายไม่ออก เราเองจะกินก็ไม่ได้ ก็จะเดือดร้อนกันมาก

ปีนี้จึงเป็นปีที่น่าเป็นห่วงมาก กำลังรอดูว่า ในหลวงจะทรงมีพระราชดำริอะไรออกมาเพื่อช่วยเหลือพวกเราบ้าง เรื่องของรัฐบาลไม่ต้องไปหวังหรอก เอาตัวรอดจากสารพัดเรื่องไปวัน ๆ ได้ ไม่ทำให้ขายหน้าชาวโลกเขาก็พอแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2011 เมื่อ 03:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:05



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว