กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องบูรพาจารย์ > ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน

Notices

ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน รวมประวัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพจากทั่วเมืองไทย

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #121  
เก่า 15-01-2015, 10:18
กระโถนข้างวัด กระโถนข้างวัด is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 126
ได้ให้อนุโมทนา: 6,008
ได้รับอนุโมทนา 23,753 ครั้ง ใน 325 โพสต์
กระโถนข้างวัด is on a distinguished road
Default



หลวงปู่ตอบคำถาม

ถาม : ถ้าเรารู้สึกปวดเมื่อย เราจะแก้อารมณ์นั้นอย่างไรครับ ?

หลวงปู่ : เราต้องตั้งจิตว่าตัวของเรานั้นมอบให้ครูบาอาจารย์ หรือมอบให้พระพุทธเจ้า เมื่อเกิดการเป็นเหน็บชาหรืออะไร เราอย่าไปยึดติดคิดว่าเป็นตัวของเรา เป็นร่างกายของเรา ไม่ต้องกังวลกับความปวดเมื่อย กับร่างกาย

รูป
ชนิดของไฟล์: jpg olmj2.jpg (66.0 KB, 573 views)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 76 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ กระโถนข้างวัด ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #122  
เก่า 16-01-2015, 09:25
กระโถนข้างวัด กระโถนข้างวัด is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 126
ได้ให้อนุโมทนา: 6,008
ได้รับอนุโมทนา 23,753 ครั้ง ใน 325 โพสต์
กระโถนข้างวัด is on a distinguished road
Default



หลวงปู่ตอบคำถาม

ถาม : เรื่องนรกสวรรค์นี้มีจริงหรือเป็นแค่การเปรียบเทียบครับหลวงปู่ ?

หลวงปู่ : เรื่องนี้ตามพระอภิธรรมก็ปรากฏว่ามีจริง แม้แต่ในพระธัมมจักกัปปวัตนสูตรที่พระพุทธองค์ทรงเทศน์ก็มี และในภพภูมิที่เราอยู่นี้ คือ กามภูมิ ๑๑ (นรก ๔ มนุษย์ ๑ สวรรค์ ๖) ในพระอภิธรรม ในพระสูตรก็มี เราดูแล้วเชื่อแน่ว่ามีจริง


รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 936445_153331798185765_1380773800_n.jpg (84.8 KB, 546 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2015 เมื่อ 16:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ กระโถนข้างวัด ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #123  
เก่า 17-01-2015, 07:32
กระโถนข้างวัด กระโถนข้างวัด is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 126
ได้ให้อนุโมทนา: 6,008
ได้รับอนุโมทนา 23,753 ครั้ง ใน 325 โพสต์
กระโถนข้างวัด is on a distinguished road
Default



พระพรหมของหลวงปู่

ถาม : เรื่องพรหมนี้อย่างไรครับหลวงปู่ ?

หลวงปู่ : รูปที่คุณไปเอามานี้เป็นรูปพรหม พรหมนี้มีจริงไหมเล่า ?

ถาม : น่าจะมีจริง อยู่ในเมืองมนุษย์เรานี้หรือครับ ?

หลวงปู่ : ไม่ใช่ พรหมเขาอยู่กันเป็นชั้น ๆ ปฐมะ ทุติยะ ตติยะ จตุตถะ เขามีชื่อเรียกอยู่ เช่น พรหมปาริสัชชา พรหมปโรหิตา มหาพรหมา เป็นชั้นหนึ่ง เป็นต้น

ถาม : ผมก็นับถือพรหมอยู่ แต่คิดว่าพรหมนี้อยู่อีกสภาวะหนึ่ง จะมาโปรดมนุษย์ไม่ได้ คิดว่าพรหมอยู่ข้างบน ?

หลวงปู่ : ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่ได้คิดว่า เทวดาบ้าง พรหมบ้าง มีอยู่ข้างบน ไม่เชื่อใช่ไหม ? ถ้าคุณไม่เชื่อคุณจะนับถือพรหมทำไม ? พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ มีอยู่ในพระสูตรหลายสูตร เช่น ในอาฏานาฏิยสูตร ก็กล่าวถึงเทวดาจำนวนมาก และในมหาสมัยสูตร ก็กล่าวถึงพรหมบ้าง เทวดาบ้าง นับไม่ถ้วน ตอนนี้เชื่อหรือยัง ?

ถาม : เชื่อแล้วครับ หลวงปู่
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 21348-1.jpg (51.2 KB, 514 views)
ชนิดของไฟล์: jpg 21348-2.jpg (53.7 KB, 509 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2015 เมื่อ 22:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ กระโถนข้างวัด ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #124  
เก่า 18-01-2015, 07:16
กระโถนข้างวัด กระโถนข้างวัด is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 126
ได้ให้อนุโมทนา: 6,008
ได้รับอนุโมทนา 23,753 ครั้ง ใน 325 โพสต์
กระโถนข้างวัด is on a distinguished road
Default



ถาม : ขอกราบเรียนถามว่าคนเราเวลาใกล้จะตายมีกรรมมาปรากฏนั้น มาปรากฏในลักษณะไหนครับ ?

หลวงปู่ : ในเวลามรณาสันนะ (ใกล้จะตาย) ภวังคจิตเกิดขึ้นทางมโนทวารก่อนภวังค์จะตก เราต้องรับอารมณ์ปัจจุบันกับอดีตพร้อมกัน แล้วจุติเกิดขึ้น จุติแล้วก็ดับไป ในขณะจุติเกิดขึ้น ชวนจิตตั้งอยู่ ปรากฏขึ้นในอารมณ์ที่เป็นปัจจุบัน
แล้วจุติจิตจะเกิดขึ้นในตอนมรณาสันนะ ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็ไม่สัมพันธ์กัน ที่เราไปเกิดนั้น เขาก็ไม่ได้ว่าไปเกิดในภพนั้น ภพนี้ แต่จุติแล้วก็ต้องไปเกิด จะเป็นเปรตหรือเดรัจฉานหรือจะเป็นอะไรก็เป็นไป ก็เหมือนกับ โฆสกกุมาร ทำบุญมาก่อนจะตาย อารมณ์ปัจจุบันเสวยอยู่ ตอนที่อดข้าวอดน้ำ พอเห็นลูกสุนัขกินข้าวอร่อยเกิดคิดขึ้นว่าถ้าเป็นสุนัข จะได้กินอย่างนี้ พอภวังคจิตปัจจุบันและอนาคตดับ ก็ไปเกิดเป็นสุนัข หรืออย่าง พระติสสเถร ก่อนจะตายยังคิดเสียดายจีวรแพรอยู่ เลยไปเกิดเป็นเล็นอยู่ในจีวร อารมณ์ปัจจุบันนี้ดับลง ก็ไปติดกับอารมณ์อนาคต แบบนั้น
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg img131.jpg (66.4 KB, 483 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2015 เมื่อ 07:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ กระโถนข้างวัด ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #125  
เก่า 19-01-2015, 07:33
กระโถนข้างวัด กระโถนข้างวัด is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 126
ได้ให้อนุโมทนา: 6,008
ได้รับอนุโมทนา 23,753 ครั้ง ใน 325 โพสต์
กระโถนข้างวัด is on a distinguished road
Default



ถาม : กรรมนี้เราตัดได้ไหมครับ ?

หลวงปู่ : ตัดไม่ได้ ถ้าเป็นครุกรรม (กรรมหนัก) เช่น อนันตริยกรรม ๕ คือ ฆ่าบิดา ฆ่ามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำโลหิตของพระพุทธเจ้าให้ห้อ และทำสงฆ์ให้แตกกัน

ถาม : ถ้าเช่นนั้นกรรมอื่นนี้ เราตัดได้ใช่ไหมครับ ?

หลวงปู่ : กรรมอื่น ๆ นั้น เราทำบุญไป ก็หลุดไปมาก แต่ถ้าเป็นครุกรรมแล้ว จะทำบุญขนาดไหนก็ไม่พ้น เหมือนอย่างพระเจ้าอชาตศัตรู ทำบุญไม่รู้เท่าไร แต่เพราะกรรมที่ปลงพระชนม์พระราชบิดา จึงต้องตกนรก หนีไม่พ้น ถ้าเป็นลหุกรรม (กรรมเบา) เราทำบุญมาก ๆ กุศลบุญที่เราทำนั้นอาจจะให้ผลก่อน แต่กรรมเราก็ยังไม่หลุด ถ้าเราทำบุญไปเรื่อย ๆ บางทีเราไปเกิดในกาลที่ไม่มีพระพุทธเจ้า เราก็มีเจตนาทำบุญอยู่เนือง ๆ ผลบุญก็ให้ผลก่อนเรื่อยไป กรรมก็ตามไม่ทัน นี่ลหุกรรมเป็นแบบนี้

เราต้องทำบุญมาก ๆ เรื่องการทำบุญนี้จะติดเป็นนิสัย ถ้าเราเคยทำอยู่ในชาตินี้ เราระลึกถึงบุญอยู่เสมอ บุญนี้ให้ผลเราก่อน กรรมที่ไม่ดีก็ตามมาไม่ทัน เพราะบุญหรือมหากุศลของเรามากขึ้น เพราะฉะนั้น..ก่อนจะทำบุญ เขาจึงให้รับศีล ๕ ก่อน เป็นการทำบุญด้วยศีล ก็ได้ทั้งทานบารมี และศีลบารมี เราปฏิบัติตามรอยพระบาทของพระพุทธองค์ ที่ทรงบำเพ็ญบารมีอยู่ตลอดเวลา แม้เวรกรรมจะตามมาแต่ก็ไม่ชนะ แต่พระองค์ก็ยังได้รับวิบากของกรรมอยู่เหมือนกัน เรื่องกรรมนี้ลึกซึ้ง บางคนไม่เคยเข้าวัด ไม่เคยสนใจในศาสนา พออายุมากขึ้นหันมาเข้าวัด บางทีปฏิบัติดีกว่าคนที่ทำมาก่อนก็มี จิตใจเปลี่ยนไปด้วยกรรมในอดีต บางคนจน พอกรรมหมดไป ก็ได้เอกลาภ มีสมบัติขึ้น มีเงินมีทองขึ้น เพราะฉะนั้น..เรื่องกรรมนี้ เราไม่เชื่อไม่ได้
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 6136099low.jpg (37.8 KB, 450 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2015 เมื่อ 08:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ กระโถนข้างวัด ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #126  
เก่า 20-01-2015, 08:18
กระโถนข้างวัด กระโถนข้างวัด is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 126
ได้ให้อนุโมทนา: 6,008
ได้รับอนุโมทนา 23,753 ครั้ง ใน 325 โพสต์
กระโถนข้างวัด is on a distinguished road
Default



ประวัติความเป็นมาของประคำ


ปี พ.ศ. ๒๒๕ คณะสงฆ์อินเดียได้ประชุมกันจัดส่งพระอรหันตเถระ ไปเผยแพร่พระพุทธศาสนา ในดินแดนต่าง ๆ ในการนี้ ได้มอบหมายให้พระอรหันต์ ๒ รูป คือ พระโสณเถระ และพระอุตตรเถระ เดินทางมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาและนำพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานมายังดินแดนสุวรรณภูมิ โดยมีเมืองนครปฐมเป็นศูนย์กลาง ครั้นเมื่อเดินทางผ่านเมืองสะเทิมในรัฐมอญ พระอรหันต์เถระทั้งสองรูปได้พบกับพระฤๅษี ๓ องค์ ซึ่งบำเพ็ญเพียรอยู่ที่บริเวณภูเขาสุทัศนคีรี ใกล้เมืองสะเทิม คือ พระฤๅษีคุปตะ พระฤๅษีจุลละ พระฤๅษีเทวิละ บรรดาพระฤๅษี เมื่อได้เห็นจริยาวัตรและปฏิปทาอันงดงามของพระโสณเถระและพระอุตตรเถระ ก็บังเกิดศรัทธาปสาทะชักชวนกันไปนมัสการ และถามว่า “ท่านเป็นศิษย์ของผู้ใด ? ใครคือพระศาสดาของท่าน ? ” พระอรหันตเถระทั้งสอง ก็ตอบว่า “พระสมณโคดมศากยบุตรอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นอาจารย์ของพวกเรา พระองค์คือพระศาสดาของพวกเราทั้งหลาย”
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg di-WDBB.jpg (55.7 KB, 424 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2015 เมื่อ 14:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ กระโถนข้างวัด ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #127  
เก่า 21-01-2015, 08:43
กระโถนข้างวัด กระโถนข้างวัด is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 126
ได้ให้อนุโมทนา: 6,008
ได้รับอนุโมทนา 23,753 ครั้ง ใน 325 โพสต์
กระโถนข้างวัด is on a distinguished road
Default



ประวัติความเป็นมาของประคำ (๒)


พระฤๅษีทั้ง ๓ องค์ เมื่อได้ทราบว่าพระรัตนตรัยบังเกิดขึ้นในโลกนี้แล้ว ก็รู้สึกปีติยินดี แต่มีความเสียดายที่ไม่ได้พบพระพุทธองค์ เพราะทรงปรินิพพานไปนานแล้ว ถึง ๒๒๕ ปี จึงซักถามพระเป็นเจ้าทั้งสองต่อไปว่า พระรัตนตรัยทั้งสามมีคุณเท่าใด ? พระอรหันตเถระทั้งสองก็อธิบายให้ฟังว่า คุณพระพุทธเจ้ามีจำนวน ๕๖ ดังบทสวดพระพุทธคุณ (อิติปิ โส ภควาฯ) คุณพระธรรมเจ้ามีจำนวน ๓๘ ดังบทสวดพระธรรมคุณ (สวากขาโตฯ) และคุณพระสังฆเจ้ามีจำนวน ๑๔ ดังบทสวดพระสังฆคุณ (สุปฏิปันโนฯ) เมื่อรวมกันแล้ว คุณพระศรีรัตนตรัยมีจำนวนทั้งสิ้น ๑๐๘

พระฤๅษีทั้งสามถามต่อไปว่า ในกัปของเรานี้ ยังมีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่เกิดขึ้นอีกหรือไม่ ? พระอรหันตเถระทั้งสองได้อธิบายให้ฟังว่า ในขณะนี้อยู่ใน "ภัทรกัป" ซึ่งจะมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นถึง ๕ พระองค์ พระสมณโคดมบรมศาสดานี้ เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ ในภัทรกัป ดังนั้น จึงยังเหลือพระพุทธเจ้าที่จะมาบังเกิดขึ้นอีกหนึ่งพระองค์ คือ พระศรีอริยเมตไตรย

พระฤๅษีทั้งสาม จึงขอทราบพระนามของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ในภัทรกัปนี้ พระอรหันตเถระทั้งสองจึงแจ้งให้ทราบดั่งประพันธ์ในคาถาปัฐยาวัตรฉันท์ ดังนี้

"นะกาโร กะกุสันโธ จะ โมกาโร โกนาคะมะโน
พุทกาโร กัสสะโป พุทโธ ธากาโร สักกะยะปุงคะโว
ยะกาโร อะริยะเมตเตยโย ปัญจะพุทธา นะมามิหัง"

แล้วพระอรหันตเถระทั้งสองก็อำลาพระฤๅษีทั้งสาม ออกเดินทางมายังสุวรรณภูมิตามจุดมุ่งหมาย เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg หลวงปู่อุตตมะ (471).jpg (97.5 KB, 393 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2015 เมื่อ 14:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ กระโถนข้างวัด ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #128  
เก่า 22-01-2015, 09:19
กระโถนข้างวัด กระโถนข้างวัด is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 126
ได้ให้อนุโมทนา: 6,008
ได้รับอนุโมทนา 23,753 ครั้ง ใน 325 โพสต์
กระโถนข้างวัด is on a distinguished road
Default



ประวัติความเป็นมาของประคำ (๓)


ฝ่ายพระฤๅษีทั้งสามได้ปรึกษากันว่า เราควรจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อให้น้อมระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยอยู่เสมอ ในที่สุด... จึงได้ตกลงกันสร้างลูกประคำขึ้นมา โดยกำหนดให้ลูกประคำมีจำนวน ๑๐๘ เม็ด เท่ากับคุณของพระศรีรัตนตรัย และที่ยอดประคำอีก ๓ เม็ด เพื่อแทนองค์แห่งพระศรีรัตนตรัยทั้งสาม คือ พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆเจ้า สำหรับบทสวดภาวนาได้กำหนดเอาพระนามของพระพุทธเจ้า ทั้ง ๕ พระองค์ ในภัทรกัปนี้ คือ "นะ โม พุท ธา ยะ" มาประยุกต์รวมกันเข้ากับพระคาถา โอม คือ มะ อะ อุซึ่งเป็นคาถาของท้าวมหาพรหม ที่บรรดาพระฤๅษีทั้งหลายนำมาใช้กันอยู่เป็นประจำนั้น มาสวดภาวนาเวลาชักลูกประคำ โดยอนุโลมปฏิโลม ดังต่อไปนี้คือ “นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ มะอะอุ อุอะมะ”

ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ลูกประคำ ๑๐๘ ก็ได้แพร่หลายเรื่อยมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg หลวงปู่อุตตมะ (546).jpg (57.4 KB, 357 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2015 เมื่อ 09:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ กระโถนข้างวัด ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #129  
เก่า 22-01-2015, 12:20
กระโถนข้างวัด กระโถนข้างวัด is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 126
ได้ให้อนุโมทนา: 6,008
ได้รับอนุโมทนา 23,753 ครั้ง ใน 325 โพสต์
กระโถนข้างวัด is on a distinguished road
Default



ประคำเส้นสุดท้ายที่หลวงปู่ใช้ทำจากอำพัน ปัจจุบันบรรจุอยู่ในปราสาท ๙ ยอด


คาถาประจำประคำที่หลวงปู่ใช้ อีกบทหนึ่ง ก็คือ " ทิปุอา อาทิปุ อิสวาสุ นะโมอุตตะโม โพธิสัตโต นะมามิหัง "
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg DSCF0833.JPG (64.3 KB, 343 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย กระโถนข้างวัด : 22-01-2015 เมื่อ 12:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ กระโถนข้างวัด ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:07



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว